ในที่สุด ค่ายกลกระบี่ก็ถูกปิดการใช้งาน หยุนจื่อรุ่ยและเปียนเฉียวเฉียวปฏิบัติตามคำแนะนำของเย่ชิงเฉิง และถ่ายทอดสิ่งที่เย่ชิงเฉิงให้แจ้งกับหลิงตู้ฉิงทันที
เมื่อเห็นเด็กผู้หญิงสองคนเอาคำกล่าวของเย่ชิงเฉิงมาพูดให้ฟัง หลิงตู้ฉิงก็พูดว่า “เมื่อไหร่กันที่ข้าต้องการสมบัติของสำนักอักขระวิญญาณ? นางทำราวกับว่าข้าเป็นพวกโลภอยากได้ของคนอื่นไปได้ยังไง?”
เปียนเฉียวเฉียวหัวเราะคิกคัก “นายท่าน คนจากสำนักอักขระวิญญาณต้องการแย่งชิงสมบัติของนายท่านก่อนนี่นา! ข้าคิดว่าพี่สาวที่สวย ๆ คนนั้นน่าจะต้องการช่วยให้ท่านได้ระบายความโกรธ ดังนั้นนางจึงไปบอกให้คนเหล่านั้นเอาสมบัติมามอบให้ท่านเพื่อเป็นการชดเชยแบบนี้มันไม่ดีหรอกเหรอนายท่าน”
หลิงตู้ฉิงมองไปที่เด็กสาวทั้งสองและพูดว่า “เจ้ายังเห็นโลกมาน้อยนัก สำนักอักขระวิญญาณจะมีสมบัติอะไรให้ข้าสนใจได้กัน? สำนักที่เพียงแค่เห็นยันต์สั่งสวรรค์แล้วยังตาลุกวาวยอมลงทุนถึงขนาดยกขบวนคนมาปล้นชิง แค่นี้ก็เห็นได้ชัดแล้วว่าเป็นสำนักที่กระจอกแค่ไหนและพวกเจ้าทั้งสองคน ในเมื่อพวกเจ้าได้ติดตามข้าแล้ว พวกเจ้าไม่ควรมีสายตาเลือนรางเช่นนี้ มันไม่เป็นไรถ้ามีคนกล้ามาล่วงเกินพวกเจ้าก่อนแต่ถ้าไม่มีใครมาทำอะไรพวกเจ้า พวกเจ้าก็อย่าได้ไปรังแกใครตามใจชอบ”
หยุนจื่อรุ่ยรีบพูด “นายท่าน พวกเราเข้าใจแล้ว”
“ไปตั้งใจบ่มเพาะให้ดี!” หลิงตู้ฉิงสั่ง “ถ้าไม่มีอะไรก็อย่ามารบกวนการทำงานของข้า”
เปียนเฉียวเฉียวถามว่า “นายท่าน ข้าขอถามคำถามเกี่ยวกับการบ่มเพาะได้ไหม? นอกจากนี้โองการจักรพรรดิคืออะไรกันแน่ ทำไมหลังจากที่พี่สาวคนสวยบอกเรื่องโองการจักรพรรดิ ไอ้พวกที่อยู่สำนักอักขระวิญญาณก็กลัวจนหน้าซีด?”
ในทางกลับกัน หยุนจื่อรุ่ยดึงมือของเปียนเฉียวเฉียวเบา ๆ บ่งบอกว่านางควรจะออกไปได้แล้ว
“เรื่องการบ่มเพาะเจ้าจงไปหาเฟิงเพื่อขอคำชี้แนะ” หลิงตู้ฉิงเหลือบมองทั้งสองคนและพูดว่า “เฟิงเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์สามัญ นางมีความสามารถพอที่จะแนะนำพวกเจ้าในการบ่มเพาะได้ แต่ถ้าหากมีปัญหาที่นางไม่สามารถอธิบายได้ พวกเจ้าก็ค่อยมาถามข้าอีกครั้ง ส่วนโองการจักรพรรดิ… มันคือของวิเศษที่ถูกสร้างขึ้นโดยผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจักรพรรดิ มันเป็นของที่คล้ายกับยันต์สั่งสวรรค์และการใช้งานของมันก็คล้าย ๆ กันคือสามารถใช้บันทึกพวกกระบวนท่าหรือเคล็ดการบ่มเพาะต่าง ๆ เอาล่ะ ถ้าไม่มีอะไรแล้วพวกเจ้าก็อย่ามารบกวนข้าโดยไม่จำเป็น”
“ขอบคุณ นายท่าน!” เปียนเฉียวเฉียวรีบพูดตอบทันที
เมื่อสองสาวกลับมาที่ด้านหน้าอาคาร หยุนจื่อรุ่ยกระซิบ “เฉียวเฉียว เจ้าไม่เห็นนายท่านส่งสัญญาณให้พวกเราออกไปหรือไง?”
เปียนเฉียวเฉียวพูดอย่างเชื่องช้า “ข้ารู้ แต่ข้าต้องการขอคำชี้แนะจากนายท่านเกี่ยวกับการบ่มเพาะนี่นา”
“คำขอแบบนี้จะขอได้ก็ต่อเมื่อนายท่านอารมณ์ดีเท่านั้น ไม่เช่นนั้นเขาอาจจะโกรธเราได้เจ้าไม่รู้เหรอไง!” หยุนจื่อรุ่ยเตือน
“แต่ข้ารู้สึกว่าตอนนี้นายท่านมีความสุขมากนี่นา!” เปียนเฉียวเฉียวตอบกลับ
ในขณะที่ทั้งสองคนยังคงคุยกันอยู่ เย่ชิงเฉิงก็ปรากฏตัวขึ้น
“น้องสาวทั้งสองของข้า โปรดแจ้งกับนายของพวกเจ้าทีว่าพี่สาวคนนี้ต้องการพบกับเขา” เย่ชิงเฉิงส่งยิ้มให้กับพวกนาง
หยุนจื่อรุ่ยเหลือบมองไปที่เย่ชิงเฉิง และพูดว่า “พี่สาว ตอนนี้นายท่านพร้อมรับแขกแล้ว แต่ข้าเกรงว่าท่านเองก็คงจะต้องทำตามกฎมอบวัสดุมาก่อนเพื่อเป็นค่าธรรมเนียมในการเข้าพบ”
เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา เย่ชิงเฉิงมักจะมาที่หมู่ตึกหยูอี่เพื่อขอเข้าพบหลิงตู้ฉิง แต่แล้วเมื่อนางสังเกตเห็นว่าหากค่ายกลกระบี่ยังคงเปิดใช้งานอยู่นั่นคงจะหมายถึงหลิงตู้ฉิงยังไม่พร้อมให้เข้าพบ นางจึงส่งคนรับใช้ของนางให้คอยเฝ้าจับตาดูหมู่ตึกหยูอี่เอาไว้ให้รอดูความเปลี่ยนแปลง
และเมื่อวันนี้ค่ายกลกระบี่ได้ปิด คนรับใช้ของนางก็รายงานให้ทราบทันที
ขณะนี้นางจึงรู้สึกกังวลเล็กน้อย เนื่องจากตอนนี้นางกำลังจะได้พบกับหลิงตู้ฉิงแล้ว และเรื่องที่นางต้องการจะคุยก็เป็นเรื่องที่สำคัญมาก
และเมื่อได้ยินว่านางต้องมอบวัสดุก่อนจะเข้าไปพบ นางก็ไม่ติดใจอะไรและมอบชุดวัสดุระดับสวรรค์ให้อย่างว่าง่าย
อย่างไรก็ตาม ในขณะที่คนรับใช้ของนางกำลังจะเดินตามเข้าไป หยุนจื่อรุ่ยก็เตือนนางว่า “พี่สาว ข้ากลัวว่าคนรับใช้ของท่านจะต้องมอบวัสดุให้นายท่านเช่นกัน มิฉะนั้นนายท่านอาจไม่พอใจ”
สาวน้อยทั้งสองรู้ว่าสถานะของคนเหล่านี้ไม่ธรรมดา ถึงแม้ว่าพวกนางจะไม่เคยได้ยินชื่อสำนักของพี่สาวคนสวยมาก่อน แต่การที่สามารถทำให้สำนักอักขระวิญญาณถอยกลับไปได้และแม้แต่องค์หญิงยังต้องให้ความสนใจ ดังนั้นแม้ว่าพวกนางจะเอ่ยปากเตือน แต่พวกนางก็พยายามใช้คำที่เหมาะสมให้มากที่สุด
คนรับใช้ของเย่ชิงเฉิงพูดด้วยน้ำเสียงโมโหทันที “เจ้านายของพวกเจ้าต้องบ้าไปแล้วแน่ ๆ!”
“โม่เอ๋อ เจ้ารอข้าอยู่ข้างนอก” เย่ชิงเฉิงโบกมือให้นางหยุด
“คุณหนู ท่านจะไม่ให้ข้าติดตามท่านเข้าไปได้ยังไง?” โม่เอ๋อรีบพูดขึ้นอย่างร้อนรน “ไม่ใช่ว่ามันแค่ข้าต้องมอบวัสดุระดับสวรรค์ไม่ใช่เหรอ? คุณหนูเดี๋ยวข้าจะส่งให้พวกนางเดี๋ยวนี้แหละ”
เย่ชิงเฉิงโบกมือและพูดขึ้นด้วยสีหน้าจริงจัง “ข้ามีเรื่องสำคัญมากจะคุยกับเขา เจ้าจงรอข้าอยู่ข้างนอกนี่ล่ะ เจ้าก็ควรจะรู้ดีว่าถ้ามีอะไรเกิดขึ้น ข้าก็ยังมีโองการจักรพรรดิอยู่กับตัวข้า!”
เมื่อได้ยินคำสั่ง โม่เอ๋อจึงไม่ได้รบเร้าต่ออีก แต่พูดด้วยความเคารพ “คุณหนู งั้นข้าจะรอท่านอยู่ข้างนอกนี้เพื่อรอท่านออกมาก็แล้วกัน!”
เย่ชิงเฉิงพยักหน้าและเดินตามหยุนจื่อรุ่ยไปที่สวนด้านหลัง
“คารวะ ท่านหลิง!” เย่ชิงเฉิงกล่าวขึ้น
หลิงตู้ฉิงเหลือบมองไปที่เย่ชิงเฉิง และพูดว่า “นั่งรอให้ข้าสร้างกระบี่บินนี้ให้เสร็จก่อน”
“ก็ได้!” เย่ชิงเฉิงตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่บูดบึ้ง
มันคงไม่เป็นไรถ้าหากเขายังไม่ได้เจอหน้าของนาง แต่ตอนนี้นางอยู่ตรงหน้าแล้ว แต่เขากลับกล้าที่จะแสดงท่าทีโอหังอีกงั้นเหรอ?
เมื่อเจอเช่นนี้ แน่นอนว่านางรู้สึกไม่พอใจ นางนั่งตรงข้ามกับหลิงตู้ฉิงและเฝ้าดูหลิงตู้ฉิงสร้างกระบี่บินเล่มใหม่อย่างเงียบ ๆ
ไม่นานต่อมาหลิงตู้ฉิงก็สร้างกระบี่บินเสร็จ จากนั้นเขาก็มองไปที่เย่ชิงเฉิง และถามว่า “เจ้ามีโองการจักรพรรดิอยู่กับตัวใช่ไหม?”
เย่ชิงเฉิงพยักหน้าเล็กน้อยและพูดว่า “ผู้อาวุโสของสำนักเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยของข้า และมอบมันให้แก่ข้าเพื่อเป็นหลักประกันคุ้มครองความปลอดภัยของข้า”
หลิงตู้ฉิงพยักหน้าเล็กน้อย “แล้วเจ้ามาทำอะไรที่นี่?”
เย่ชิงเฉิงพูดด้วยรอยยิ้ม “ข้ามาขอให้ท่านช่วยแก้ปัญหาของสำนัก! เนื่องจากท่านสามารถทำลายค่ายกลที่ปกป้องและนำยันต์สั่งสวรรค์ออกมาได้ นั่นหมายความว่าท่านจะต้องสามารถช่วยสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ของข้าได้ หากท่านมีเงื่อนไขใด ๆ ท่านก็เสนอมาได้เลย”
“ไม่ใช่ว่าข้าได้พูดไปแล้วเหรอ ว่าตอนนี้ข้าไม่มีความสามารถในการแก้ปัญหาของ สำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ของเจ้า” หลิงตู้ฉิงเอ่ยขึ้น
เย่ชิงเฉิงพยักหน้าเล็กน้อยและพูดว่า “ข้ามีเหตุผลสำคัญอีกอย่างที่มาที่นี่และนั่นก็คือการถามท่านเกี่ยวกับทรัพยากรที่ท่านต้องใช้ในการบ่มเพาะ หากท่านต้องการสิ่งใดก็ตามในการบ่มเพาะ ข้าจะเป็นผู้รับผิดชอบจัดหาให้”
หลิงตู้ฉิงส่ายหัว “เจ้าไม่สามารถให้ทรัพยากรการบ่มเพาะที่ข้าต้องการได้! ยิ่งไปกว่านั้นปัญหาของสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ของเจ้ามันใหญ่เกินไป มันไม่สามารถแก้ไขได้ในช่วงเวลาสั้น ๆ! นอกจากนี้ข้าก็ได้บอกกับจงขุยไปแล้วว่า ข้าต้องการค่าตอบแทนสำหรับการช่วยสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์เพื่อแก้ปัญหา”
“ข้าสงสัยว่าท่านต้องการค่าตอบแทนแบบไหน?” เย่ชิงเฉิงถามขึ้น “และท่านต้องไปถึงขอบเขตใดเพื่อแก้ปัญหานี้?”
หลิงตู้ฉิงยิ้ม “ค่าตอบแทนมันขึ้นอยู่กับความจริงใจของเจ้า สำหรับขอบเขตที่ข้าต้องไปถึงเพื่อช่วยแก้ปัญหาให้สำนักของเจ้านั้นข้าไม่คิดว่ามันจะสำเร็จได้ภายใน 1,000 ปี”
เย่ชิงเฉิงรู้สึกกังวลอย่างเห็นได้ชัด นางขมวดคิ้วและถามว่า “หากดูจากพรสวรรค์การบ่มเพาะของท่านในตอนนี้ แม้แต่ข้าเองยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่า 1,000 พันปีถัดจากนี้ระดับการบ่มเพาะของท่านจะอยู่สูงไปจนถึงจุดไหน ฉะนั้นท่านรู้ได้ยังไงว่าท่านจะไม่สามารถแก้ไขของสำนักข้าได้?”
“สาวน้อย เจ้าไม่รู้หรอกว่าสำนักของเจ้ากำลังเผชิญกับปัญหาใหญ่แค่ไหนอยู่!” หลิงตู้ฉิงส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้
เมื่อได้ยินคำพูดที่เป็นเหมือนคนแก่ของหลิงตู้ฉิง เย่ชิงเฉิงก็พูดไม่ออก นางอยากจะตอกหน้าเขาจริง ๆ ว่า ‘ข้าน่าจะแก่กว่าท่านซะอีกนะ’
“ถ้าอย่างนั้น…ถ้าท่านได้เข้าไปในพื้นที่นั้นและจำเป็นต้องนำคนของเราออกมา ระดับการบ่มเพาะของท่านจะต้องไปถึงระดับใด?” เย่ชิงเฉิงถามขึ้นด้วยสีหน้ากังวล “ข้าหมายถึงในข้อจำกัดให้เหลือเพียง 500 ปีเป็นอย่างมากที่สุด ท่านพอจะทำได้ไหม? ส่วนเรื่องค่าตอบแทนใด ๆ ท่านสามารถบอกมาได้เลย”
หลิงตู้ฉิงมองไปที่เย่ชิงเฉิงสักพักแล้วพูดว่า “ทำไมเจ้าถึงต้องรีบร้อนขนาดนั้น บอกความจริงมาอย่าโกหกข้า สิ่งที่เจ้าพูดจะกำหนดสิ่งที่ข้าคิดต่อเจ้า”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ท่าทีของเย่ชิงเฉิงดูลังเลทันที หลังจากนั้นไม่นานนางก็พูดว่า “ข้อมูลนี้ของข้าสำคัญมาก หากต้องการให้ข้าพูด ข้าต้องขอให้ท่านสัญญาว่าจะไม่แพร่งพรายเรื่องนี้กับใครคนอื่นอีก ท่านตกลงไหม?”
หลิงตู้ฉิงตอบกลับด้วยสีหน้าจริงจัง “ข้าเป็นคนที่ทำการค้าอย่างยุติธรรมมาโดยตลอด ดังนั้นหากข้าบอกกับเจ้าว่าจะไม่บอกคนอื่นข้าก็จะไม่มีทางบอก ส่วนถ้าเจ้าไม่เชื่อข้างั้นมันก็คงช่วยไม่ได้ ส่วนเรื่องการสาบานกับสวรรค์นั้นข้าคงต้องขอผ่าน เจ้าสามารถลองกลับไปไตร่ตรองให้ดีก่อนก็ได้ เมื่อคิดได้เมื่อไหร่ก็ค่อยมาบอกข้าอีกที”
เย่ชิงเฉิงมองหลิงตู้ฉิงอยู่เป็นเวลานานก่อนที่จะพูดว่า “พ่อของข้าถูกขังอยู่ในพื้นที่นั้นและตอนนี้สถานการณ์ของเขาก็ไม่ค่อยจะสู้ดีนักและสำนักของข้าเองก็เช่นกัน ดังนั้นข้าต้องหาคนไปพาเขาออกมาโดยเร็วที่สุด ตราบใดที่ท่านสามารถช่วยข้าได้ ข้าจะยอมทำตามทุกสิ่งที่ท่านขอจากข้า แม้ว่ามันจะหมายถึงการที่ข้าต้องแต่งงานกับท่านก็ตาม”