แม่นมฮวารีบเดินออกไป พลางจับมือตนเองด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวด “เพคะ เพคะ เพคะ! ”
ซูจิ่นซีเหลือบมองด้านหลังของแม่นมฮวา
ทันใดนั้น แม่นมฮวาที่เพิ่งเดินไปถึงประตูก็หันกลับมาอีกครั้ง ท่าทางของนางดูลังเลราวกับต้องการพูดสิ่งใดบางอย่าง
ซูจิ่นซีแกว่งแมงป่องที่อยู่ในมือไปทางแม่นมฮวา แม่นมฮวาจึงรีบถอยไปด้านหลัง
“ไม่กล้าแล้วเพคะ พระชายา บ่าวไม่กล้าพูดจาไร้สาระอีกแล้ว บ่าวเพียงต้องการถามพระองค์ พระองค์ประสงค์จะเสวยสิ่งใด? ”
ซูจิ่นซีเก็บแมงป่องกลับไป
“จำได้ว่าตอนอยู่ที่จวนโยวอ๋อง เจ้าทำน้ำแกงเมล็ดบัวได้ไม่เลว ไม่ได้ทานมานานแล้ว ข้าอยากทาน”
แม่นมฮวาลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แท้จริงแล้วนางต้องการบอกว่า น้ำแกงเมล็ดบัวมีฤทธิ์เย็น ทำให้ตั้งครรภ์ยาก ทว่าตอนที่กำลังจะพูด ทันใดนั้น นางก็นึกถึงแมงป่องขึ้นมา จึงรีบหันไปบอกว่า “พระชายา พระองค์เพิ่งแช่น้ำพุร้อนเสร็จ ทั้งตอนนี้ยังเป็นเวลาเช้า หากเสวยน้ำแกงเมล็ดบัวจะไม่ดีต่อพระวรกาย! ”
ซูจิ่นซีขมวดคิ้วด้วยท่าทีลังเลเล็กน้อย
“เมื่อวันก่อน ตอนมาที่แคว้นหนานหลี บ่าวได้เรียนการทำโจ๊กสูตรใหม่กับเหล่าแม่นมในวังหลวง เช่นนั้น บ่าวไปทำมาให้พระองค์ลองชิมดู ดีหรือไม่? เสวยพร้อมกับสำรับอาหารว่างอีกเล็กน้อย? ”
เดิมทีซูจิ่นซีต้องการพูดอันใดบางอย่าง ทว่านางหันไปเห็นแม่นมฮวากอดแขนที่บวมเป่ง จึงถามว่า “หมอเทวดาหวามาแล้วหรือ? ”
แม่นมฮวาชะงักเล็กน้อย “มาแล้วเพคะ! ”
“ช่างเถิด ให้ลวี่หลีทำอันใดมาก็ได้ ส่วนเจ้าก็ไปให้หมอเทวดาหวาถอนพิษให้เถิด! ถอนพิษแล้วอย่าเพิ่งให้แผลโดนน้ำ พักรักษาตัวไม่กี่วันก็หายแล้ว”
แม่นมฮวาตกตะลึงครู่หนึ่ง ทันใดนั้นน้ำตาก็ไหลพราก ที่แท้พระชายายังนึกถึงและเอาใจใส่นางเป็นอย่างดี
แม่นมฮวาพูดพลางเช็ดคราบน้ำตา “พระชายา บ่าวไม่เป็นอันใดเพคะ พิษนี้เป็นของพระชายามิใช่หรือ? พระองค์เพียงประทานยาถอนพิษให้บ่าวเป็นรางวัล เมื่อถอนพิษเสร็จแล้ว บ่าวจะไปทำโจ๊กให้พระองค์ ใช้มือเพียงข้างเดียวก็ไม่ยุ่งยากอันใด”
ซูจิ่นซีดุเล็กน้อย “ข้าให้เจ้าไป เจ้าก็ไป ยังพูดจาไร้สาระอันใดอีก! ”
แม่นมฮวาเห็นซูจิ่นซีโกรธ จึงไม่กล้าพูดมากอีก นางรีบวิ่งออกไป “บ่าวไปแล้ว บ่าวจะไปเดี๋ยวนี้เพคะ! ”
จริงๆ เลย กระทั่งเรื่องกินข้าวก็ยังทำให้คนไม่สบายใจ
ใบหน้าของซูจิ่นซีดูเหนื่อยล้า นางกำลังจะเอนตัวลงก่ายหน้าผากด้วยความหงุดหงิด ทันใดนั้น นางก็รู้สึกว่าเยี่ยโยวเหยามองนางด้วยสายตาผิดปกติ นางค่อยๆ เงยศีรษะขึ้น และสบเข้ากับแววตาสับสนของเยี่ยโยวเหยาเข้าพอดี
เอ๊ะ…
ท่าทางเช่นนี้ของท่านอ๋อง เขากำลังคิดไม่ตกกับสิ่งใด?
ซูจิ่นซีมองสำรวจครู่หนึ่ง ก่อนจะยื่นมือออกไปด้านหน้าเยี่ยโยวเหยาและโบกมือไปมา “ท่านอ๋อง ท่านคิดสิ่งใดอยู่เพคะ? ”
เยี่ยโยวเหยาค่อยๆ หรี่ตาลง พลางใช้นิ้วมือแตะหน้าผากของซูจิ่นซีอย่างแผ่วเบา
“ข้ากำลังคิดว่า ชายาที่รักใช้พิษได้อย่างแยบยล คราวหน้าข้าต้องระวังการกระทำของข้าบ้างแล้ว หากไม่ระวังและถูกชายาที่รักกระทำเข้า ชายาที่รัก เจ้าว่าข้าควรให้ผู้ใดถอนพิษหรือ? ”
ซูจิ่นซีตกตะลึงเล็กน้อย
ใช่แล้ว นางสามารถวางยาพิษเยี่ยโยวเหยาได้!
เหตุใดนางจึงไม่นึกถึงวิธีนี้?
ใช่แล้ว ต่อไปหากท่านยังทำตัวเป็นเหมือนสัตว์ร้ายอีก ข้าจะวางยาพิษท่าน ดูสิว่าท่านจะกล้าทำอันใดข้าอีกหรือไม่!
เยี่ยโยวเหยาเห็นท่าทางมีเลศนัยของซูจิ่นซี ไม่รู้ว่านางกำลังคิดสิ่งใด เขายื่นแก้มไปด้านหน้าเล็กน้อย จนใบหน้าของเขาแทบแตะจมูกของซูจิ่นซี
“ดูท่าทางชายารัก เจ้ากำลังครุ่นคิดสิ่งใดอยู่หรือ? คงไม่คิดจะวางยาพิษข้าจริงๆ กระมัง! ”
คำพูดนี้ตรงกับสิ่งที่ซูจิ่นซีกำลังคิดอยู่ในใจ
ซูจิ่นซีพลันตกตะลึง บัดซบ บุรุษผู้นี้เรียนวิชาอ่านใจคนมาด้วยหรือ?
อย่างไรก็ตาม ความคิดของซูจิ่นซีหมุนวนอย่างรวดเร็ว ทั้งยังรู้สึกว่ามีความเป็นไปได้น้อยมาก ดังนั้นนางจึงขจัดความคิดที่ยุ่งเหยิงทั้งหมดออกไปจากหัวใจ ก่อนจะหรี่ตาข้างหนึ่งมองเยี่ยโยวเหยา และหัวเราะด้วยท่าทางไร้เดียงสา
“ท่านอ๋อง หม่อมฉันจะกล้าได้อย่างไร? ต่อให้ต้องใช้ความกล้าหาญนับหมื่นของหม่อมฉัน หม่อมฉันก็ไม่กล้าแม้แต่จะคิดเพคะ! ”
“เช่นนั้นก็ดี! ”
ดวงตาคมเข้มของเยี่ยโยวเหยาพลันเปล่งประกาย มือที่จับอยู่ที่คางของซูจิ่นซีค่อยๆ ย้ายไปที่เอวของนาง ริมฝีปากเรียวบางของเขาบรรจงจูบลงบนริมฝีปากของซูจิ่นซีอย่างแผ่วเบาราวกับแมลงปอ
“คิดว่าลวี่หลีคงปรุงอาหารช้า ชายาที่รักคงจะหิว ข้าไม่มีทางเลือก นอกจากต้องยอมเสียสละตนเองปรนนิบัติชายาที่รัก ให้ชายาที่รักทานแก้หิวไปก่อน”
ทันทีที่สิ้นเสียงพูด เยี่ยโยวเหยาก็ยกมือข้างหนึ่งขึ้นและดึงเสื้อผ้าบนร่างของซูจิ่นซี หลังจากนั้นก็ดึงผ้าบางเบาที่ปกปิดเรือนร่างของนางออก
ซูจิ่นซีถูกร่างของเยี่ยโยวเหยากดทับให้เอนตัวไปด้านหลัง นางแย้มยิ้มพลางขอความเห็นใจ
“เอ่อ… คือว่า… ท่านอ๋อง หม่อมฉันยังไม่หิว ยังทนไหว ดังนั้น… ไม่รบกวนให้ท่านอ๋องต้องลดตัวลงมาลำบากหรอกเพคะ”
“ใช่หรือ? ”
เยี่ยโยวเหยาหรี่ตาลง แววตาพลันเปล่งประกายเย็นชา “ทว่า ข้าหิว”
ซูจิ่นซีตกตะลึงเล็กน้อย ทันใดนั้น นางก็ยื่นมือออกไปดันหน้าอกของเยี่ยโยวเหยา “ท่านอ๋อง หิวแล้วยิ่งต้องเติมพลัง เก็บแรงเอาไว้เถิดเพคะ”
เยี่ยโยวเหยาไม่สนใจซูจิ่นซี เขาโน้มตัวลงมา แก้มเย็นเฉียบเคลื่อนลงด้านล่าง มือที่อยู่ด้านหลังยังคงลูบเอวของซูจิ่นซี ปลุกเร้าอารมณ์วาบหวามของนาง
“ร่างกายของข้าแข็งแรงดี ไม่จำเป็นต้องรักษาเรี่ยวแรง ชายาที่รัก ให้ข้าช่วยดับกระหายให้เจ้าก็พอ! ”
ดับกระหายบ้าบออันใด!
แม้ใบหน้าของซูจิ่นซียังคงแย้มยิ้ม ทว่าแววตากลับปรากฏแผนการเจ้าเล่ห์ ขณะที่เยี่ยโยวเหยากำลังคลอเคลียอยู่ที่หัวไหล่ของนาง มือของนางที่วางอยู่บนเตียงพลันกระตุก ทันใดนั้น เข็มเงินที่เปล่งประกายแสงสีชมพูและสีฟ้าอ่อนก็ปรากฏขึ้นในมือของนาง
“ท่านอ๋อง… ”
ซูจิ่นซีส่งเสียงด้วยอารมณ์เร่าร้อน นางพลิกมือและแทงเข็มเงินไปที่ร่างของเยี่ยโยวเหยา
ทว่าขณะนั้น แววตาของเยี่ยโยวเหยาที่อยู่บนร่างของซูจิ่นซีกลับเปล่งประกายความชั่วร้ายยิ่งกว่า มือที่โอบรอบเอวของซูจิ่นซีหมุนกลับมาอย่างรวดเร็ว และคว้ามือที่ถือเข็มเงินของซูจิ่นซีไว้ สีหน้าของซูจิ่นซีพลันเปลี่ยนไป จากนั้น เยี่ยโยวเหยาก็ดันมือซูจิ่นซีไปด้านหลัง
ซูจิ่นซีใช้มือข้างหนึ่งพยุงร่างไว้ เมื่อสูญเสียการทรงตัว ร่างกายของนางจึงเอนไปด้านหลังทันที
ขณะที่ซูจิ่นซีล้มลงบนเตียงอย่างกะทันหัน เสียงบางสิ่งที่เย็นยะเยือกก็แทงผิวหนังของนางดัง ‘ฉึก’
เดิมที นี่เป็นพิษที่ซูจิ่นซีต้องการแทงไปที่ร่างของเยี่ยโยวเหยา นึกไม่ถึงว่าดาบนั้นจะคืนสนอง
ใบหน้าและแววตาของซูจิ่นซีปรากฏความตกตะลึง ก่อนจะกลายเป็นความสิ้นหวัง จากนั้นก็แปรเปลี่ยนเป็น… สับสน เจ็บปวด โกรธเคือง คิดไม่ตก ทุกอย่าง ทว่านางไม่อาจเคลื่อนไหวได้
นางไม่สามารถขยับตัวได้เลย
เข็มเงินนั้นถูกอาบด้วยยาพิษที่ทำให้ร่างกายแข็งทื่อและไม่สามารถขยับตัวได้ เดิมทีนางคิดจะใช้กับเยี่ยโยวเหยา แต่เพื่อความปลอดภัย นางจึงใช้เข็มเหมันต์เทวะ
อย่างไรก็ดี เข็มพิษที่มีพลังเพิ่มขึ้นสองเท่าได้แทงเข้าร่างกายของนาง นอกจากนั้น ตอนที่นางนำเข็มเงินออกมาจากระบบถอนพิษ นางไม่รู้ว่าเกิดสิ่งใดขึ้น เนื่องจากตัวยาที่อยู่บนเข็มเงินถูกใครบางคนเปลี่ยนให้เป็นตัวยาอีกชนิดหนึ่ง
กลายเป็นยาบำรุงสมรรถภาพทางเพศ เป็นยาปลุกกำหนัดชั้นยอด
บัดซบ นี่เป็นฝีมือผู้ใดกัน?