การตอบสนองแรกของซูจิ่นซีคือตั้งสติและตรวจสอบระบบถอนพิษ
นางพบสัตว์เทพกิเลนที่ควรจะอยู่ในอาคมกำไลปี่อั้น กำลังนอนเกลือกกลิ้งไปมาในระบบถอนพิษ ทั้งยังกินสมุนไพรบำรุงสมรรถภาพทางเพศอย่างสบายใจ
ในอุ้งเท้าของมันมีขวดยาสมุนไพรที่ซูจิ่นซีเก็บไว้ในคลังยา ขวดลายครามที่มีผงยาซึ่งเปล่งประกายแสงสีชมพูอ่อน นั่นมันยาปลุกกำหนัดมิใช่หรือ?
บัดซบ!
ที่แท้ก็เป็นฝีมือของเจ้าสัตว์เทพบ้านี่เอง
ซูจิ่นซีสบถอยู่ในใจ นางกำลังจะจับสัตว์เทพกิเลนมาสั่งสอนสักครั้ง ทันใดนั้น ความคิดของนางก็ถูกดึงออกจากระบบถอนพิษ
ตัวยาบนเข็มเหมันต์เทวะที่แทงเข้ามาในร่างกายของนางเริ่มออกฤทธิ์แล้ว
เพียงชั่วพริบตา ยาปลุกกำหนัดก็แผลงฤทธิ์ ซูจิ่นซีรู้สึกร้อนรุ่มดั่งไฟสุม นางรู้สึกกระสับกระส่าย แก้มแดงระเรื่อ
เยี่ยโยวเหยายื่นมือออกมาปลดสายรัดเอวของซูจิ่นซี เขาดึงมือที่อยู่ใต้ร่างของนางออกมา และยกมืออีกข้างขึ้นเหนือศีรษะของนาง จากนั้นจึงใช้นิ้วดีดเข็มเหมันต์เทวะที่นางกุมไว้ในมือให้ลอยกระเด็นออกไป เข็มนั้นพุ่งไปตัดสายรัดผ้าม่านบริเวณหน้าเตียงพอดี
ซูจิ่นซีต้องการตำหนิใครบางคน ทว่าเรื่องนี้เป็นนางเองที่ทำให้มันเกิดขึ้น นางต้องรับผลจากการกระทำของตน และทำได้เพียงกล้ำกลืนฝืนทน
สายตาของซูจิ่นซีมองไปยังผ้าม่านที่อยู่เหนือศีรษะด้วยความจำยอม นางกัดริมฝีปากแน่นด้วยท่าทางราวกับผู้บริสุทธิ์ ทั้งน้อยเนื้อต่ำใจและสับสน ผ่านไปครู่หนึ่ง เสียงแห่งความวาบหวามที่นางพยายามอดกลั้นไว้ก็ถูกดันออกมาทางลมหายใจ
เยี่ยโยวเหยายกยิ้มมุมปากเล็กน้อย ก่อนจะดึงผ้าห่มมาคลุมร่างกายพวกเขาทั้งสอง และค่อยๆ เคลื่อนลมหายใจอันร้อนผ่าวไปยังข้างใบหูของซูจิ่นซี ทั้งยังขบกัดติ่งหูของนางแผ่วเบา
“ข้ารู้ดีว่าชายารักกำลังตื่นเต้น แท้จริงแล้ว ชายารักไม่จำเป็นต้องทำเช่นนี้… ทำท่าทางราวกับคนตาย”
คำพูดยียวนและลมหายใจเร่าร้อนของบุรุษ อบอวลอยู่รอบใบหูของซูจิ่นซี ดั่งขนนกอ่อนนุ่ม ทั้งยังสัมผัสเข้าไปในส่วนลึกของจิตใจนาง
ซูจิ่นซีที่ถูกควบคุมด้วยฤทธิ์ยาปลุกกำหนัด ดวงตาทั้งสองของนางร้อนผ่าว ทั้งยังเลื่อนลอยด้วยความรู้สึกเสน่หา
เยี่ยโยวเหยาเห็นดวงตาที่แดงระเรื่อ อารมณ์ของเขายิ่งคุกรุ่นไปด้วยไฟราคะ ทันใดนั้น เขาก็หยุดนิ่งและจ้องมองซูจิ่นซีอยู่นาน
ซูจิ่นซีเห็นว่าเยี่ยโยวเหยามีอาการผิดปกติ นางจึงเม้มริมฝีปากและถามด้วยเสียงสั่นเครือ “ท่านอ๋อง… ท่านเป็นอันใดหรือ? ”
“ซูจิ่นซี ข้าชอบให้เจ้าร้องเรียกชื่อข้า! ”
ซูจิ่นซียังคงเม้มริมฝีปาก ทั่วทั้งร่างของนางร้อนผ่าว ทั้งยังกระสับกระส่าย ความปรารถนาและไฟราคะในร่างกายยังคงเรียกร้องตลอดเวลา ทว่านางพยายามทำให้ตนเองสงบอย่างสุดกำลัง นางมองไปที่เยี่ยโยวเหยาด้วยเรือนร่างและแก้มที่แดงระเรื่อด้วยไฟราคะ
“เยี่ยโยวเหยา! ”
เยี่ยโยวเหยาหลับตาเล็กน้อย พลางจุมพิตที่หน้าผากของซูจิ่นซี “ซูจิ่นซี ข้าประกาศตนว่าเชี่ยวชาญด้านการวางกลยุทธ์ เรื่องทุกอย่างล้วนอยู่ในการควบคุมของข้า ทว่าเจ้ากลับทำให้ข้าประหลาดใจครั้งแล้วครั้งเล่า”
แม้ฤทธิ์ยาปลุกกำหนัดแทบจะควบคุมสติทั้งหมดของซูจิ่นซี ทว่าคำพูดของเยี่ยโยวเหยากลับดังเข้าไปในโสตประสาทของนาง ทำให้จิตใจส่วนลึกของนางสั่นสะท้านอย่างรุนแรง
เสียงของเยี่ยโยวเหยายังดังเข้ามาในโสตประสาทของนางไม่ขาดสาย “ซูจิ่นซี ดูเหมือนข้าจะถูกพิษ พิษที่เรียกว่าซูจิ่นซี”
“เยี่ยโยวเหยา! ”
“ซูจิ่นซี ข้ารู้ว่าเจ้าเหน็ดเหนื่อย ทว่า… ยี่สิบปีที่ผ่านมา ไม่เคยมีสักวันที่ข้าไม่อาจควบคุมสติได้ดังเช่นวันนี้ ข้าควบคุมร่างกายตนเองไม่ได้ ยิ่งไม่สามารถควบคุมอารมณ์ของตนเอง”
ซูจิ่นซีเบิกตากว้าง นางมองใบหน้าของเยี่ยโยวเหยาด้วยแววตาตกตะลึง พลางกัดริมฝีปากที่สั่นเครือแน่น
ไม่รู้เพราะเหตุใด ภายในใจของนางจึงเจ็บปวดเช่นนี้
เห็นได้ชัดว่าคนที่ได้รับยาปลุกกำหนัดคือนาง ทว่าเยี่ยโยวเหยากลับพูดเช่นนี้ออกมา
เมื่อเห็นเยี่ยโยวเหยาพยายามดิ้นรนท่ามกลางอารมณ์ที่เร่าร้อน ดวงตาแดงระเรื่อของซูจิ่นซีพลันเปล่งประกาย
ยามนี้ นางคิดจะทำอันใดบางอย่าง นางต้องการโอบกอดเยี่ยโยวเหยา ทว่านางเคลื่อนไหวไม่ได้ ทำอันใดไม่ได้ทั้งนั้น ทำได้เพียงนอนอยู่นิ่งๆ
ครู่หนึ่ง ซูจิ่นซีจึงยกยิ้มมุมปากและพูดว่า “เยี่ยโยวเหยา พิษที่ท่านได้รับนี้ ระบบถอนพิษได้วิเคราะห์สารพิษและชนิดของพิษไว้แล้ว”
เยี่ยโยวเหยาขมวดคิ้วมองซูจิ่นซี
ซูจิ่นซีอดกลั้นต่อฤทธิ์ยาปลุกกำหนัดอย่างยากลำบาก ทว่ามุมปากกลับเผยให้เห็นรอยยิ้ม “ถอนพิษซูจิ่นซี”
เยี่ยโยวเหยาคาดไม่ถึงว่าซูจิ่นซีจะพูดออกมาเช่นนี้ เขานิ่งไปพักหนึ่ง ไฟราคะที่กำลังลุกโชนอยู่ข้างในราวกับหยดน้ำมันที่ราดลงไปในกองเพลิง ส่งผลให้ไฟราคะลุกโชนอย่างรุนแรง
ทว่าไฟราคะที่กำลังลุกโชน กลับถูกเยี่ยโยวเหยากดทับลงไป ควบคุมให้กลายเป็นความสงบนิ่งเยือกเย็น
เขาขยับตัวถอยออกมาจากร่างของซูจิ่นซี ก่อนจะช่วยห่มผ้าให้นาง และใช้นิ้วเรียวยาวลูบไล้หน้าผากของนางอย่างแผ่วเบา
“นอนเสียเถิด! ข้ายังมีเรื่องที่ต้องจัดการ หากลวี่หลีจัดสำรับอาหารเสร็จแล้ว ข้าจะมาเรียกเจ้า”
เมื่อพูดจบ เยี่ยโยวเหยาก็ลุกขึ้นและเปิดผ้าม่านเดินออกไปทันทีโดยไม่รอให้ซูจิ่นซีพูด เขาปล่อยให้นางนอนตาค้างอยู่เพียงลำพังราวกับปลานอนตาย
เยี่ยโยวเหยารู้ว่าบนเข็มเหมันต์เทวะมีพิษ แต่ไม่รู้ว่าฉาบพิษอันใดไว้ ทั้งยังไม่รู้ว่าซูจิ่นซีในเวลานี้กำลังมีอารมณ์พลุ่งพล่านจากฤทธิ์ยาปลุกกำหนัด
เขาเพียงคิดว่าใบหน้าที่แดงระเรื่อด้วยไฟราคะของซูจิ่นซีนั้น เป็นเพียงอารมณ์ขุ่นเคืองจากการที่ถูกเขากลั่นแกล้ง หลังยุแหย่นางเสร็จแล้ว จึงเดินออกไปด้วยใบหน้าที่หยิ่งทะนงในศักดิ์ศรี ทั้งยังคิดเอาเองว่าซูจิ่นซีก็เหมือนกับตนเอง ตราบใดที่อารมณ์เดือดดาลได้รับการบรรเทาก็จะไม่เป็นอันใด
โอ้ สวรรค์!
ซูจิ่นซีแทบสิ้นหวัง
ฤทธิ์ยาปลุกกำหนัดในร่างกายของนางยิ่งกำเริบหนักมากขึ้นทุกที ไฟราคะที่ลุกโชนอยู่ในร่างกายของนางยิ่งทวีความรุนแรง
ซูจิ่นซีหลับตาลงอย่างช่วยไม่ได้ ใบหน้าราวกับถูกท่านป้ารุมทำร้าย นางกอดผ้าห่มที่อยู่ข้างตัวแน่น
ทันใดนั้น จิตของซูจิ่นซีก็เข้าไปในระบบถอนพิษ
สัตว์เทพกิเลนที่กำลังกลิ้งตัวไปมา หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ ทั้งยังกระสับกระส่ายเหมือนถูกคนรักหักอก ทันใดนั้น มันก็รับรู้ได้ถึงอันใดบางอย่าง จึงหันหลังกลับมาด้วยสีหน้าตกใจ เมื่อมันเห็นเจ้านายของมันเดินมา ขนข้างหลังของมันพลันลุกซู่
นายท่านเป็นอันใด?
สัตว์เทพกิเลนกำลังจะวิ่งเข้าไปหาเจ้านายของมันเพื่อเอาใจ ทว่าซูจิ่นซีที่กำลังเหาะเข้ามากลับใช้เท้าเตะมันจนกระเด็นออกไป
“เจ้าสัตว์เทพบ้า เจ้าช่างบังอาจยิ่งนัก รู้จักวิธีข้ามมิติ ข้ายังไม่ทันได้สอบถามเจ้า นี่เป็นครั้งที่สองที่เจ้าข้ามมิติมายังระบบถอนพิษ บัดซบ เจ้ามาที่นี่ได้อย่างไร? ยังมีอีกเรื่อง ใครบอกให้เจ้าเล่นสมุนไพรของข้า? ใครบอกให้เจ้าแตะต้องสิ่งของเหล่านี้? ”
ซูจิ่นซีชักสีหน้าดุดัน พลางหยิบสิ่งของบางอย่างออกมาจากตัวของสัตว์เทพกิเลน
สัตว์เทพกิเลนหดตัวด้วยความหวาดกลัว
ข้าถูกปรักปรำ!
มันก็ไม่รู้ว่าตนเองทะลุมิติมาที่ระบบถอนพิษได้อย่างไร มันกำลังนอนกลิ้งไปมาอยู่ที่ริมทะเลสาบปี้หูในอาคมกำไลปี่อั้น ทันใดนั้นก็หลุดมาอยู่ที่นี่
อีกทั้ง ที่นี่ยังมีสมุนไพรมากมาย ทั้งยังเจริญเติบโตอย่างงดงาม เอิบอิ่มสมบูรณ์ มันไม่ได้สัมผัสอาหารที่แสนเอร็ดอร่อยเช่นนี้มานานแล้ว
สัตว์เทพกิเลนแสดงท่าทางน้อยเนื้อต่ำใจ มันนึกถึงวันนี้ได้มาอยู่ที่นี่และได้กินมื้ออาหารที่แสนอร่อย จึงอดเรอออกมาเสียงดังไม่ได้
ใบหน้าของซูจิ่นซีปรากฏความดุดัน นางขมวดคิ้วแน่น
“บัดซบ เจ้ากินสิ่งใดเข้าไปบ้าง? ยังมีของพวกนี้อีก เจ้าก็กินหรือ? ”
ซูจิ่นซียกขวดยาที่ยึดจากร่างของสัตว์เทพกิเลนขึ้นมาแกว่งทีละขวด
ขณะที่เขย่าขวดยา สีหน้าของซูจิ่นซีก็เปลี่ยนไปอย่างมาก
ว่างเปล่า?
“เจ้ากินหมดเลยหรือ? รวมถึงยาปลุกกำหนัดด้วยหรือ? บัดซบ เจ้ารู้หรือไม่ ยาปลุกกำหนัดเป็นยาบำรุงสมรรถภาพทางเพศ! ”
มิน่าเล่า สัตว์เทพกิเลนจึงมีท่าทีกระสับกระส่ายเหมือนถูกคนรักหักอก