เล่มที่ 18 เล่มที่ 18 ตอนที่ 526 คุกเข่าลงไป

สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน

นายน้อย ท่านเป็นอันใดหรือ?

เหตุใดแก้มถึงแดงระเรื่อ ลำคอแดงก่ำ ทั้งใบหน้ายังงดงามมากกว่าปกติ?

ดวงตาของสัตว์เทพกิเลนเปล่งประกายระยิบระยับ สีหน้าของมันดูเอิบอิ่มคลุมเครือ พยายามที่จะดิ้นรนคลอเคลียอยู่ใกล้ๆ ซูจิ่นซีตลอดเวลา

ซูจิ่นซีพูดไม่ออก

นางเพิ่งตั้งสติได้ นางจะโต้เถียงกับเจ้าสัตว์เทพบ้านี่ไปเพื่ออันใด?

ต่อให้ถามจนรู้เรื่อง ก็ไม่สามารถทำให้มันสำรอกสิ่งที่กลืนลงไปออกมาได้

ต่อให้มันสำรอกออกมา สมุนไพรก็ใช้ประโยชน์อันใดไม่ได้แล้ว

อย่างไรเสีย มันก็เป็นสัตว์เลี้ยงของนาง กินแล้วก็กินไปเถิด ถือเสียว่าใจกว้างให้มันสักครั้ง

เมื่อนึกมาถึงตรงนี้ ซูจิ่นซีก็ไม่ทุกข์ใจอันใดมากนัก นางโบกมือขึ้น ส่งสัตว์เทพกิเลนที่กำลังคลอเคลียอยู่ด้านข้างไม่หยุดให้กลับไปที่อาคมกำไลปี่อั้น จากนั้นก็โยนยาถอนพิษปลุกกำหนัดไปให้อีกหนึ่งขวด

“อย่าลืมกินมันด้วยเล่า แม้สัตว์เทพกิเลนกับจิ้งจอกน้อยจะเป็นสัตว์คนละประเภทกัน ไม่สามารถมีความรักต่อกันได้ ทว่าหากเจ้าไปทำร้ายสัตว์ตัวอื่นเพราะฤทธิ์ยาปลุกหนัด จิ้งจอกน้อยตัวนั้นคงน่าสงสารมาก! ”

หลังจากจัดการสัตว์เทพกิเลนเรียบร้อยแล้ว ซูจิ่นซีก็เตรียมยาถอนพิษให้ตนเองอีกชุดหนึ่งเช่นกัน

แม้จะขยับเขยื้อนไม่ได้ ทว่าซูจิ่นซีสามารถใช้ยาถอนพิษประเภทธูปหอม ทำให้แขนขาของตนกลับมามีความรู้สึก จากนั้นค่อยถอนพิษยาปลุกกำหนัด

ซูจิ่นซีที่ถอนพิษยาปลุกกำหนัดออกไปจนหมดสิ้นแล้ว ค่อยๆ เปิดความถี่ของอาคมกำไลปี่อั้นจนถึงระดับสูงสุด

เสียงเปิดหน้าหนังสือ และเสียงลมหายใจที่สงบราบเรียบของเยี่ยโยวเหยาดังเข้ามาในหู ซูจิ่นซีรับรู้ได้ทันทีว่าเยี่ยโยวเหยาในยามนี้ ขจัดอารมณ์ความต้องการออกไปจนหมดสิ้นแล้ว ทั้งเขายังตั้งใจจัดการงานเอกสารที่อยู่ในมือ ซูจิ่นซีจึงนิ่งเงียบ ไม่รบกวนเขา และค่อยๆ หลับตาลง

หลังจากนั้น ลมหายใจของซูจิ่นซีก็สงบราบเรียบเป็นจังหวะ

ซูจิ่นซีนอนหลับไปครั้งนี้ นางนอนไปหนึ่งวันเต็มๆ จนกระทั่งพลบค่ำถึงได้ตื่นขึ้นมา

ตอนที่ลวี่หลีเตรียมอาหารค่ำเสร็จแล้ว เยี่ยโยวเหยาคิดจะเรียกซูจิ่นซีให้ลุกขึ้นจากเตียง ทว่าเขาเห็นซูจิ่นซีหลับลึกด้วยความอ่อนล้า ทั้งนางยังหลับสนิท จึงไม่อยากรบกวนนาง และเดินกลับไปที่โต๊ะทรงงานเพื่อจัดการเอกสารต่อ

เมื่อซูจิ่นซีตื่นขึ้น ด้านนอกมีเสียงฝนตกดังชัดเจน ลมหนาวเย็นยะเยือกพัดเข้ามาทางช่องหน้าต่าง พาเส้นผมของเยี่ยโยวเหยาที่กำลังนอนหลับอยู่ข้างโต๊ะทรงงานให้ปลิวไสวอย่างต่อเนื่อง ทั้งยังพัดหน้าหนังสือไปมาจนเกิดเสียงดัง ซ่า ซ่า

ซูจิ่นซีสวมรองเท้า ก่อนจะเดินลงจากเตียงเพื่อไปปิดหน้าต่าง

แสงในห้องค่อนข้างมืด ซูจิ่นซีเกรงว่าจะทำให้เยี่ยโยวเหยาตกใจตื่นจึงไม่ได้จุดตะเกียง นางค่อยๆ เดินอย่างแผ่วเบาไปยังด้านข้างของเยี่ยโยวเหยา

นี่เป็นครั้งแรกที่ซูจิ่นซีเห็นเยี่ยโยวเหยาหลับลึกเช่นนี้ เขาไม่ขมวดคิ้ว ไม่มีร่องรอยของความเครียดปรากฏบนใบหน้า ทั้งมุมปากยังปรากฏรอยยิ้มเล็กน้อย

นางรู้ดี คนอย่างเยี่ยโยวเหยา แม้จะมียอดฝีมือระดับสูงอยู่ข้างกายจำนวนมาก ทั้งทุกคนยังคอยคุ้มกันและระแวดระวังตลอดเวลา ทว่าหากมีเสียงลมพัดเพียงเล็กน้อย เยี่ยโยวเหยาก็จะรับรู้ได้ทันที

เขาไม่มีทางปล่อยให้ลมพัดผ่านเส้นผม และพัดเปิดหนังสือจนยุ่งเหยิงเช่นนี้ ทั้งเขายังนอนหลับลึกด้วยท่าทางที่ราวกับเด็กน้อย

ทั้งหมดนี้ เพราะมีนางอยู่ข้างกายกระมัง?

ทั้งหมดนี้ เป็นเพราะความพยายามของนางกระมัง?

ทั้งหมดนี้ เป็นเพราะนางค่อยๆ แทรกซึมรอยยิ้มและความอบอุ่นเข้าไปในชีวิตของเขาทีละนิดกระมัง?

ทั้งหมดนี้ เพียงพอที่จะแสดงให้เห็นว่าหลายวันที่ผ่านมา ความทุ่มเทอย่างสุดกำลังของนางไม่เสียเปล่า

ด้วยอุปนิสัยของเขา ยี่สิบกว่าปีที่ผ่านมา คงไม่มีแม้แต่วันเดียวที่เขาจะหลับได้อย่างสบายใจเหมือนเช่นวันนี้กระมัง?

ซูจิ่นซีครุ่นคิด พลางยื่นมือออกไปลูบไล้คิ้วคมเข้มของเยี่ยโยวเหยาอย่างแผ่วเบา นางลูบไล้สันจมูกโด่งได้รูป ริมฝีปากบางเย็นเฉียบ และโหนกแก้มของเขา ก่อนจะยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย

จากนั้น ซูจิ่นซีก็นั่งลงและเอียงศีรษะซบลงที่ขาของเยี่ยโยวเหยา

เส้นผมดำขลับยาวสยายลงมาปิดขาของเยี่ยโยวเหยา ทั้งยังปกคลุมร่างเพรียวบางของซูจิ่นซี

ภายในห้องที่มืดสนิท ผ้าม่านแต่ละชั้นพลิ้วไหวเล็กน้อย

ด้านนอกมีเสียงฝนพรำ

ซูจิ่นซีไม่ได้สางผม ทว่าผมที่ยาวพาดบ่าของนางกลับทิ้งตัวราวกับเส้นไหม ทั้งนางยังนั่งอยู่เคียงข้างบุรุษที่อบอุ่น ไม่มีจุดใดเลยที่ไม่ทำให้ผู้อื่นอิจฉา

ซูจิ่นซีสดับฟังเสียงที่ขาดๆ หายๆ และเฝ้านับวันเวลาหลังจากที่นางเดินทางข้ามมิติ จนผล็อยหลับไปอีกครั้ง

เมื่อตื่นขึ้นมา นางก็ขึ้นมานอนบนเตียงแล้ว

ซูจิ่นซีลืมตาขึ้น แสงเทียนภายในห้องสั่นไหว

คนที่อยู่นอกม่านราวกับรับรู้ได้ว่าซูจิ่นซีตื่นนอนแล้ว จึงรีบเดินเข้ามาเปิดผ้าม่านหน้าเตียง อย่างไรก็ตาม คนที่หูไวไม่ใช่เยี่ยโยวเหยา กลับเป็นลวี่หลี

“คุณหนู ตื่นแล้วหรือเจ้าคะ? ”

“ตอนนี้เวลาใดแล้ว? ”

“ใกล้ยามสองแล้วเจ้าค่ะ! ”

ซูจิ่นซีกวาดสายตามองไปรอบห้อง

“เยี่ยโยวเหยาอยู่ที่ใด? ”

“ฉินเทียนมาหาท่านอ๋องเจ้าค่ะ ตอนนี้ท่านอ๋องอยู่ที่ห้องทรงอักษร คงมีเรื่องปรึกษากัน ท่านอ๋องสั่งให้บ่าวมาคอยรับใช้ และจัดเตรียมของว่างช่วงค่ำให้คุณหนู ทั้งยังสั่งให้บ่าวเฝ้าอยู่ที่นี่ หากคุณหนูตื่นขึ้นมาก็รีบจัดสำรับให้คุณหนูเจ้าค่ะ! ”

ที่แท้ ลวี่หลีก็นั่งเฝ้าอยู่ข้างเตียงตลอดเวลา มิน่าเล่า หูของนางจึงจับสัมผัสได้อย่างว่องไว

เมื่อพูดถึงอาหาร ซูจิ่นซีก็รู้สึกหิวขึ้นมาบ้างแล้ว

ซูจิ่นซีลงจากเตียง โดยมีลวี่หลีคอยปรนนิบัติล้างหน้าและสางผมให้ตามปกติ ก่อนจะรับประทานอาหารว่างที่ลวี่หลีจัดเตรียมมาให้

เมื่อรับประทานอาหารเสร็จแล้ว ลวี่หลีกำลังเก็บสำรับ เยี่ยโยวเหยาก็เดินเข้ามาในห้องพอดี

ซูจิ่นซีไม่เคยถามเกี่ยวกับเรื่องวิหารวิญญาณและเรื่องในราชสำนัก เมื่อเยี่ยโยวเหยาไม่พูด ซูจิ่นซีก็ไม่ถาม ทั้งสองทักทายกันตามปกติ ซูจิ่นซีมีท่าทีง่วงนอน นางต้องการพักผ่อน ทว่านางอับอายเกินกว่าจะพูดเรื่องนี้

เมื่อก่อน ตอนอยู่ที่จวนโยวอ๋อง ซูจิ่นซีกับเยี่ยโยวเหยาแยกห้องนอนกัน คนหนึ่งพักอยู่ที่ตำหนักฝูอวิ๋น อีกคนพักอยู่ที่เรือนอวิ๋นไค เวลานอนต่างก็แยกกันนอนคนละที่

แม้ต่อมานางจะย้ายเข้ามาพักที่ตำหนักฝูอวิ๋น ทว่าเยี่ยโยวเหยายังยึดถือสัจจะ เขาให้นางนอนบนเตียงใหญ่ ส่วนเขาไปนอนที่ห้องทรงอักษร

ทว่าวันนี้ นางกลับรู้สึกอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก นางไม่สามารถเอ่ยปากให้เยี่ยโยวเหยาไปนอนที่ห้องทรงอักษรได้ ยิ่งไม่สามารถปล่อยให้เยี่ยโยวเหยาไปนอนที่อื่น

หลังจากคิดไม่ตกอยู่พักใหญ่ ซูจิ่นซีก็ยังไม่รู้ว่านางควรจัดการเรื่องนี้อย่างไร

อย่างไรก็ตาม เยี่ยโยวเหยาราวกับรับรู้ความคิดภายในใจของซูจิ่นซี เขาพูดขึ้นมาว่า “ซีซี ข้าง่วงแล้ว! ”

ซูจิ่นซีตกตะลึงเล็กน้อย ก่อนที่นางจะเข้าใจว่าคำพูดของเยี่ยโยวเหยามีความหมายอันใดแอบแฝงหรือไม่ เยี่ยโยวเหยาก็ลุกขึ้นเป่าตะเกียงที่อยู่ด้านข้าง และจับมือซูจิ่นซีพาเดินไปที่เตียงนอนพร้อมกัน

เมื่อเดินมาถึงข้างเตียง ซูจิ่นซีอยู่ใกล้เตียงมากกว่าจึงเข้าไปด้านในก่อน

ทันทีที่ขึ้นมาบนเตียง นางก็เขยิบเข้าไปชิดกำแพงด้านใน กระทั่งเสื้อผ้าก็ไม่ได้ถอดออก

เยี่ยโยวเหยาเห็นซูจิ่นซีมีท่าทางเช่นนี้จึงแย้มยิ้มเล็กน้อย และถอดเสื้อผ้าของตนเองอย่างใจเย็น จากนั้นก็เข้าไปนอนข้างซูจิ่นซี

เสียงถอดเสื้อผ้าจากทางด้านหลัง และเสียงที่เยี่ยโยวเหยาเดินไปเดินมาเพื่อแขวนเสื้อผ้า ดังเข้ามาในหูของซูจิ่นซีอย่างชัดเจน สุดท้าย เมื่อซูจิ่นซีได้ยินเสียงเยี่ยโยวเหยาเข้ามานอนอยู่ด้านข้างตนเอง นางก็หลับตาลงทันที ทั้งยังแสร้งส่งเสียงกรนออกมาเล็กน้อย

เยี่ยโยวเหยาแย้มยิ้มสดใส และค่อยๆ ยื่นมือไปหาซูจิ่นซี