ตอนที่ 84-1 วางตัวห่างเหิน

ซ่อนรักเคียงบัลลังก์

ในที่สุดงานเฉลิมฉลองวันคล้ายวันเกิดของออฮยูลเจ ที่เหล่าเชื้อพระวงศ์ต่างมารวมตัวกัน และจัดงานเฉลิมฉลองอย่างยิ่งใหญ่ก็ได้จบลง เหล่าเชื้อพระวงศ์ที่มางานเฉลิมฉลอง พำนักอยู่ในพระราชวังได้ราวๆ หนึ่งเดือน หลังจากงานจบลงแล้วก็ต่างพากันกลับไปกันหมดภายในวันสองวัน เหล่าข้ารับใช้ที่ยุ่งหัวปั่นกันตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมาต่างอ่อนล้าหมดแรง ทว่าข้ารับใช้ที่อยู่รับใช้ในช่วงงานเฉลิมฉลอง ทั้งที่ไม่ว่าใครก็สามารถหยุดงานได้นั้น ทุกคนต่างได้รับเบี้ยพิเศษและวันหยุดพัก แน่นอนว่าเบี้ยพิเศษนั้นย่อมประเสริฐกว่ารางวัลใด ดังนั้นเหล่าข้ารับใช้ที่อาสาอยู่รับใช้ในขณะที่ผู้อื่นหยุดพัก จึงเริ่มทยอยกันลาพักกันไปตามลำดับ ข้ารับใช้ที่อยู่พระราชวังขณะที่มีงานเฉลิมฉลองลาหยุดพัก ส่วนข้ารับใช้ที่หยุดเพื่อไปเที่ยวชมงานเฉลิมฉลองก็กลับมาทำงานดังเดิม และภายในพระราชวังก็เริ่มกลับมาเงียบสงบอีกครั้ง 

 

 

เนื่องจากเป็นช่วงหลังจากที่งานเฉลิมฉลองใหญ่จบลงหมาดๆ ภายในพระราชวังจึงให้ความรู้สึกเงียบเหงาอยู่บ้าง และในช่วงเวลาเดียวกันนั้น กโยซึลก็ตั้งใจจะไปอุทยานดอกไม้หลังจากที่ไม่ได้ไปเสียนาน และเพราะว่ามีเพียงเชื้อพระวงศ์และข้าราชการชั้นสูงเท่านั้นที่สามารถเข้าไปยังอุทยานดอกไม้ได้ กโยซึลจึงไปเพียงคนเดียว ไร้แม่นมติดตามไปด้วย ในตอนนี้นางคุ้นชินกับเส้นทางแล้ว เหตุเพราะมันเป็นเส้นทางที่นางไปมาอยู่บ่อยๆ และเดิมทีกโยซึลก็ชอบไปไหนมาไหนคนเดียวอยู่แล้ว นางจึงมักจะไม่ให้เหล่าข้ารับใช้ตามไปด้วยอยู่บ่อยๆ  

 

 

“ทรงพระเจริญพันปี พันปี พันพันปี ถวายบังคมพระชายาฮวางแทจาพ่ะย่ะค่ะ” 

 

 

ในตอนนี้เหล่าทหารเฝ้าอุทยานก็จำกโยซึลได้แล้ว เป็นกโยซึลเองเสียอีกที่รู้สึกไม่คุ้นชินกับการคารวะสามพันปีนี้ นางรับการทำความเคารพที่ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่คุ้นชินกับมันเสียที ต่างกับเส้นทางในพระราชวัง หลังจากนั้นก็เดินผ่านประตูหน้าเข้าไปด้านใน อุทยานดอกไม้นั้นเต็มไปด้วยดอกไม้ฤดูใบไม้ร่วงที่เรียบหรูและอวดโฉมงดงามอยู่ กโยซึลกำลังคิดอยู่ว่าตนเคยได้ยินว่าที่แห่งนี้เป็นที่ที่ดอกไม้ทั้งสี่ฤดูจะบานสะพรั่ง คงเป็นเพราะอย่างนี้ถึงได้มีดอกไม้ฤดูใบไม้ร่วงบานอยู่ ขณะนั้นเองก็ได้มีคนผู้หนึ่งสวมกอดเข้าที่สีข้างของนาง  

 

 

“ว้าย!” 

 

 

เพราะคนผู้นั้นปรากฏตัวมาอย่างกะทันหัน กโยซึลจึงตกใจกรีดร้องออกมา เงาเล็กที่เข้ามากอดนางจึงเงยหน้ามองนางด้วยใบหน้าอันเศร้าสร้อย 

 

 

“พระชายาขี้โรคไม่พอใจหรือ” 

 

 

เป็นแทฮวางกุน มูนั่นเอง 

 

 

กโยซึลเมื่อได้รู้ว่าเป็นใคร ใบหน้าของนางก็แดงขึ้น หลังจากนั้นนางก็ส่ายหน้า 

 

 

“เปล่าเลย เราเพียงแค่ตกใจก็เท่านั้น” พร้อมกับลูบไปที่แก้มของฮวางแทกุน มู 

 

 

เมื่อนางทำเช่นนั้นเด็กน้อยก็ยกยิ้มกว้าง พร้อมกับกระโดดโลดเต้นไปมา 

 

 

“ไม่มีผู้ใดเล่นกับข้าเลย ข้าเบื่อก็เลยจะมาชมดอกไม้ที่นี่ แล้วก็เจอดอกไม้จริงๆ! พระชายาขี้โรคงดงามกว่าดอกไม้เป็นไหนๆ มูชอบพระชายาที่สุด” มูที่เอ่ยพูดเจื้อยแจ้วด้วยน้ำเสียงเล็ก ดึงมือของกโยซึลมาจับไว้ 

 

 

“ฮวางแทกุน มู จะไปที่ใดหรือ” 

 

 

“มูจะเป็นคนนำทางเอง มูมาเที่ยวเล่นที่นี่บ่อยที่สุด มูรู้เส้นทางดี!” 

 

 

มูที่บังเอิญเจอกับกโยซึลในอุทยานพูดอย่างกระตือรือร้น แล้วออกแรงจับมือกโยซึลไว้แน่นพร้อมออกวิ่ง และกโยซึลก็ก้าวเร็วๆ ตามหลังมูไป ถึงแม้ในตอนแรกจะตกใจอยู่บ้าง แต่เมื่อได้เดินชมอุทยาน พร้อมกับมีเสียงร้องร่าเริงของมูประกอบไปด้วย รอยยิ้มของกโยซึลก็ค่อยๆ ปรากฏขึ้น 

 

 

กโยซึลเดินชมอุทยานตามมูอยู่รอบหนึ่ง พร้อมกับฟังคำอธิบายเกี่ยวกับเหล่าดอกไม้ที่อยู่ในที่แห่งนี้ไปด้วย เด็กน้อยที่เติบโตในพระราชวังอันใหญ่โตแห่งนี้เพียงคนเดียว ไร้เพื่อนรุ่นเดียวกันจะทำอะไรได้ นอกเสียจากถูกเลี้ยงดูด้วยซังกุงพี่เลี้ยง และร่ำเรียนกับเหล่าพระอาจารย์ทั้งหลาย เด็กน้อยหาได้มีเรื่องสนุกสนานให้ทำภายในพระราชวังแห่งนี้ไม่ เพราะเหตุนี้เขาจึงได้มาที่อุทยานดอกไม้เป็นประจำ จึงพลอยรู้จักดอกไม้พวกนี้อย่างละเอียดโดยไม่ได้ตั้งใจ นับว่าเป็นความรู้เล็กๆ น้อยๆ ที่ได้จากประสบการณ์ที่สั่งสม และเมื่อมูเริ่มพูดถึงดอกไม้มากขึ้น แม่นมของมูจึงคิดเอาว่าเขานั้นโปรดปรานดอกไม้ แม่นมจึงนำหนังสือเกี่ยวกับดอกไม้มาให้มูอ่าน การกระทำนั้นเปรียบดั่งการนำน้ำไปรดพื้นดินที่แห้งแล้ง เด็กน้อยซึมซับเนื้อหาภายในหนังสืออย่างรวดเร็ว จนกระทั่งเขาสามารถบอกได้ว่าดอกไม้นั้นคือดอกอะไรเพียงแค่มองจากใบ  

 

 

“ทรงเหงาหรือที่ไม่มีสหายวัยเดียวกัน” 

 

 

มูที่กำลังพูดเจื้อยแจ้วเกี่ยวกับดอกไม้อย่างตั้งอกตั้งใจ เมื่อได้ฟังที่กโยซึลถามก็หยุดพูด พร้อมกับใบหน้าที่หงอยลง เด็กน้อยที่ยืนคอตกอยู่นั้นพยักหน้ารับเบาๆ ท่าทางนั้นช่างน่าสงสารเสียจนทำให้กโยซึลรู้สึกหดหู่ใจไปหมด ทันใดนั้นกโยซึลก็คิดบางอย่างได้ 

 

 

“เช่นนั้นก็น่าจะหาผู้ติดตาม” 

 

 

“ผู้ติดตามหรือ” 

 

 

“ใช่แล้ว ผู้ติดตาม” 

 

 

กโยซึลที่ย่อตัวลงให้อยู่ในระดับเดียวกับสายตาของมู ตอบคำถามพร้อมกับลูบหัวมูไปด้วย เด็กน้อยที่ยังไม่เข้าใจยกมือขึ้นมาเกาแก้มตนเอง 

 

 

“ผู้ติดตามคืออะไรหรือ” 

 

 

“อ้อ ผู้ติดตามก็คือ เด็กน้อยที่ถูกนำตัวเข้าวังเพื่อให้มาเป็นเพื่อนเล่นกับเด็กที่เหงาอยู่คนเดียวอย่างเช่นฮวางแทกุน มูอย่างไรเล่า” 

 

 

“ว้าว เช่นนั้นเราก็จะมีสหายอย่างนั้นหรือ” 

 

 

“ใช่แล้ว” 

 

 

หลังจากที่มูได้ฟังกโยซึลอธิบาย เขาก็ยกยิ้มกว้าง พร้อมกับผายมือออกแล้วหมุนตัวไปรอบๆ  

 

 

กโยซึลเองก็ยกยิ้มขึ้นตามราวกับว่าดีใจไปกับเด็กน้อยด้วย 

 

 

“ทรงลองขอกับพระชายาแทจา โอรันดูเถิด บอกพระชายาไปว่าทรงอยากมีสหาย ขอให้หาผู้ติดตามให้” 

 

 

เมื่อได้ยินชื่อของโอรัน มูที่หมุนตัวไปรอบๆ พลันหยุดชะงักในทันที เพราะหมุนตัวอยู่หลายรอบจึงทำให้เวียนหัว มูจึงโซเซโผลเข้าไปในอ้อมกอดของกโยซึล พร้อมกับพึมพำว่า 

 

 

“ท่านแม่น่ากลัว วันนี้เราเองก็เพิ่งถูกดุ เพราะเราไปเซ้าซี้ให้ท่านพ่อมาเล่นด้วย ท่านแม่บอกว่าท่านพ่อยุ่งอยู่กับภาระงาน ห้ามไปเซ้าซี้ ห้ามไปรบกวน มูชอบท่านแม่นะ แต่ว่าชอบพระชายาขี้โรคมากกว่า พระชายาทั้งงาม ทั้งขาวผ่อง ข้าอยากปกป้องท่าน!” 

 

 

มูที่เมื่อครู่บ่นพึมพำไปเรื่อยเปื่อยไม่รู้ว่าวนมาเรื่องของกโยซึลได้อย่างไร เขาที่ยกยิ้มน้อยๆ หอมไปที่แก้มของกโยซึลเสียงดังจุ๊บ กโยซึลรู้สึกอบอุ่นไปทั้งหัวใจ 

 

 

ช่างเป็นเด็กที่น่าเอ็นดูอะไรอย่างนี้ อิจฉาพระชายาแทจา โอรันนัก