บทที่ 99 นางยังต้องการเวลาอีกหน่อย

Lady to Queen บัลลังก์แค้นจักรพรรดินี

“ฝ่าบาท กระหม่อมคล้ายจะได้ยินผิดไป…”

“หากเจ้าไม่ได้หูตึง เจ้าก็ได้ยินมิผิดหรอก เราบอกว่าเราอยากเรียนรู้วิธีการทำขนมหวาน”

“…”

ครั้นได้ยินลูซิโอพูดย้ำอีกครั้ง หัวหน้าห้องเครื่องจึงรู้ว่าตนไม่ได้ฟังผิด เขาผงะไป พระเจ้าช่วย ฝ่าบาททรงขอให้ข้าสอนทำขนมหวานหรือนี่!

“ขนมที่กระหม่อมทำถวายไม่ถูกปากหรือพ่ะย่ะค่ะ” เขาถาม

“เปล่า ฝีมือของเจ้าเยี่ยมยอดยิ่ง หาไม่แล้วเจ้าจะรักษาตำแหน่งนี้ไว้ได้หรือ”

“…”

ได้ฟังคำชมเชยอันน่ากลัวของนายเหนือหัว หัวหน้าห้องเครื่องก็ถามอีกครั้ง

“เช่นนั้นเหตุใดจู่ๆ…”

“เราจะทำให้คนผู้หนึ่ง”

“เอ่อ หากฝ่าบาทต้องการของขวัญ กระหม่อมสามารถทำให้ได้นะพ่ะย่ะค่ะ”

“แน่นอนว่าของที่เจ้าทำย่อมมีทั้งรสชาติและหน้าตาที่ดีกว่า” ลูซิโอพูดต่ออย่างสงบนิ่ง “แต่หากเป็นเช่นนั้น ขนมหวานชิ้นนั้นก็จะไม่พิเศษอีกต่อไป เราต้องทำด้วยตัวเอง…เพื่อแสดงความจริงใจไม่มากก็น้อย”

“…?”

หัวหน้าห้องเครื่องไม่เข้าใจสิ่งที่ลูซิโอพูดแม้แต่น้อย แต่เพียงครู่เดียวเขาก็สลัดความสงสัยทิ้งไป เขาจะบังอาจสงสัยในเจตนารมณ์ของผู้ที่มีฐานะสูงส่งได้อย่างไร หัวหน้าห้องเครื่องกล้ำกลืนความสงสัยพลางตอบ

“เช่นนั้นกระหม่อมก็จะถวายการสอนให้พ่ะย่ะค่ะ”

และแล้วการฝึกสุดหฤโหดราวกับการฝึกของชาวสปาตันก็เริ่มต้นขึ้น ลูซิโอทำงานเสร็จเร็วกว่าปกติและเลือกทำบราวนีเป็นอย่างแรก เขาเริ่มต้นอย่างห้าวหาญ ทว่า รูปร่างของบราวนีกลับดูประหลาดขึ้นเรื่อยๆ หัวหน้าห้องเครื่องทนดูต่อไปไม่ไหวจึงเอ่ยปาก

“ฝ่าบาท กระหม่อมขออนุญาตถวายความช่วยเหลือได้หรือไม่”

“…เราทำเองได้”

ทว่า หลังจากนั้นไม่นานลูซิโอก็ต้องขอความช่วยเหลือจากหัวหน้าห้องเครื่องอย่างเลี่ยงไม่ได้ ถึงกระนั้นเขาก็ไม่ใช่นักเรียนที่ไร้สามารถ หลังจากทำพลาดซ้ำแล้วซ้ำเล่าถึงสามครั้ง ในสุดที่ครั้งที่สี่เขาก็ทำบราวนีที่ ‘พอดูได้’ ออกมา เขาลืมความคิดฟุ้งซ่านทั้งหมดและนำบราวนีที่ราดหน้าด้วยช็อกโกแลตเหลวเข้าเตาอบ ระหว่างรอให้สุก เขาก็พลันนึกถึงแพทริเซียขึ้นมา

“…”

ว่ากันว่าคนเรามักเสียใจเมื่อสายไป เขาเสียใจที่มิอาจรู้ว่าตนรู้สึกอย่างไรกับแพทริเซียตั้งแต่ก่อนหน้านี้ แต่มันก็สายเกินไปแล้ว ดังนั้น ทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาทำในตอนนี้และต่อจากนี้บางทีมันอาจจะไร้ค่าไร้ความหมาย แต่ทว่า…

‘แต่ถึงกระนั้น หากสิ่งนี้สามารถถ่ายทอดความรู้สึกของข้าได้ล่ะก็…’

เพียงเท่านั้นก็พอใจแล้ว ลูซิโอมีสีหน้าเจ็บปวด แต่เพียงพริบตาเดียวเขาก็เปลี่ยนเป็นนิ่วหน้าและกัดริมฝีปาก เหตุใดข้าถึงไม่ทำอะไรแบบนี้ให้นางตั้งแต่ก่อนหน้านี้ เหตุใดข้าถึงไม่แสดงความรู้สึกต่อนางตั้งแต่ก่อนหน้านี้ เหตุใดข้าถึงโง่เขลานัก เหตุใดข้า…

“อา…”

เมื่อได้กลิ่นไหม้จากเตาอบ ลูซิโอจึงหลุดออกจากภวังค์และเดินไปที่เตา อุตส่าห์คิดว่าในที่สุดบราวนีของเขาก็พอจะกินได้บ้างแล้วแท้ๆ แต่ก็ล้มเหลวอีกจนได้ เขาหยิบบราวนีที่ไหม้แล้วหนึ่งชิ้นเข้าปากอย่างชอกช้ำ รสหวานของช็อกโกแลตหายไปอย่างสิ้นเชิง เหลือไว้เพียงรสขมเท่านั้น

***

“ฝ่าบาท นี่คือแผนงานฉลองวันคล้ายวันพระราชสมภพในเดือนหน้าเพคะ”

เดือนหน้าเป็นวันคล้ายวันเกิดของแพทริเซีย ช่างน่าขันที่นางต้องมาจัดการแม้กระทั่งงานวันเกิดของตัวเอง แต่จะไม่ทำก็ไม่ได้ เพราะจะให้จักรพรรดิมาจัดงานวันเกิดให้จักรพรรดินีก็คงกระไรอยู่ แพทริเซียถอนหายใจพลางพึมพำ

“วันเกิดปีหน้าถ้าได้จัดที่บ้านก็คงจะดี”

“…”

ไม่มีใครตอบรับคำพูดของนาง และดูเหมือนแพทริเซียเองก็ไม่ได้ต้องการคำตอบจากใคร นางรับเอกสารจากมีร์ยาราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นและเริ่มไล่อ่านทีละบรรทัด เงินในท้องพระคลังมีไม่มากแต่แผนงานนี้กลับวิลิศมาหราเกินไป แพทริเซียถอนหายใจพลางกล่าว

“ข้าคิดว่าควรลดงบประมาณลงหน่อย ในฐานะเจ้าภาพข้าอนุญาต”

“แต่ว่าฝ่าบาท หากทำเช่นนั้น พระเกียรติของพระองค์…”

“เอาตามนี้เถอะ เกียรติของข้ากลับมาอีกครั้งตั้งแต่ได้ประหารโรสมอนด์แล้ว”

แพทริเซียเอ่ยถึงชื่อต้องห้ามขึ้นมาและเอนตัวพิงเก้าอี้ด้วยสีหน้าเหนื่อยล้า ทั้งที่คิดว่าควรจะพักเสียหน่อย แต่รู้ตัวอีกทีนางก็มานั่งอยู่หน้าโต๊ะและกำลังสะสางงานของฝ่ายในเสียแล้ว แพทริเซียคิดจะพักสายตาสักครู่แต่ก็มีคนมาเคาะประตูเสียก่อน

“มีธุระอันใด” มีร์ยาถามอีกฝ่าย

“ฝ่าบาทเสด็จค่ะ”

ครั้นได้ยินว่ามีแขกไม่ได้รับเชิญมาเยือน แพทริเซียก็ขมวดคิ้ว นางกระซิบอะไรบางอย่างกับมีร์ยาและลุกจากที่นั่ง มีร์ยาพยักหน้าด้วยสีหน้าลำบากใจก่อนจะเดินไปที่ประตู ครั้นเปิดประตูออกไปก็พบว่าลูซิโอยืนอยู่ข้างนอกนั้นจริงๆ นางรีบถวายความเคารพทันที

“ถวายบังคมสุริยันแห่งจักรวรรดิ”

“จักรพรรดินีอยู่ข้างในหรือไม่”

“อยู่เพคะ แต่…บรรทมอยู่”

“ไม่สบายหรือ”

มีร์ยาทำตัวไม่ถูกกับการให้ความสนใจผิดที่ผิดเวลาของอีกฝ่าย แต่ก็เอ่ยตอบอย่างเป็นธรรมชาติ

“มิได้เพคะ…เพียงแต่ดูอ่อนเพลียเล็กน้อย”

“แย่จริง คงต้องเรียกหมอหลวงแล้ว”

“ไม่ถึงขนาดนั้นเพคะ”

“…”

หลังจากถามไถ่กันพอเป็นพิธีแล้วก็ถึงเวลาถามถึงกิจธุระเสียที ลูซิโอลังเลเล็กน้อยก่อนจะเปิดปาก

“คือ…เรา”

“เชิญรับสั่งเพคะ ฝ่าบาท”

“เรามีของจะให้จักรพรรดินี”

ได้ยินดังนั้นมีร์ยาก็เลื่อนสายตาลงไปมองที่มือของลูซิโอ เขาถือกล่องกระดาษผูกริบบิ้นที่บรรจุไว้ด้วยอะไรบางอย่าง

“สิ่งนั้นหรือเพคะ” นางถาม

“…ใช่”

“หม่อมฉันจะนำไปถวายให้เองเพคะ”

“เอ่อ…”

เขามีสีหน้าลำบากใจแต่ก็ยื่นกล่องกระดาษให้โดยไม่พูดอะไรมาก ของในกล่องจับดูแล้วอุ่นๆ ดูเหมือนจะเป็นของกิน มีร์ยายิ้มอ่อนโยนพลางพูดให้ลูซิโอวางใจ

“ฝ่าบาทโปรดวางพระทัย หม่อมฉันจะกราบทูลพระจักรพรรดินีให้เองเพคะ”

“ฝากด้วยนะ”

สีหน้าของลูซิโอตอนที่พูดประโยคนั้นดูกระวนกระวายอย่างประหลาด มีร์ยาเห็นดังนั้นก็รู้สึกแปลกใหม่อย่างมาก คล้ายว่านางเพิ่งเคยเห็นอีกฝ่ายมีสีหน้าเช่นนั้นเป็นครั้งแรก มีร์ยาค้อมกายให้เขาอย่างสง่างามและกล่าวลาก่อนจะปิดประตู

“ใครกัน”

แพทริเซียรู้อยู่แล้วผู้มาเยือนคือลูซิโอ เพราะนางไม่ได้นอนกลางวันอย่างที่อ้าง หูทั้งสองข้างก็ปกติดี นางย่อมต้องได้ยินทุกอย่าง เรื่องนอนกลางวันเป็นเพียงข้ออ้างเพื่อไม่ต้องพบหน้าเขาเท่านั้น มีร์ยาวางกล่องลงบนโต๊ะพลางกล่าว

“พระจักรพรรดิเสด็จมาถึงที่นี่เพื่อมอบสิ่งนี้ให้พระองค์เพคะ”

“…”

สีหน้าของแพทริเซียดูแปลกประหลาด มีร์ยาเห็นดังนั้นก็ได้โอกาสยิ้มน้อยๆ พลางถาม

“ทำอย่างไรดีเพคะ”

“…ทิ้งไปเลย”

แต่มีร์ยากลับขัดคำสั่งของแพทริเซียเป็นครั้งแรก นางคลายริบบิ้นสีม่วงที่ผูกอยู่บนกล่องเพื่อเปิดดูของข้างใน ทันใดนั้นกลิ่นหอมหวานก็ฟุ้งไปทั่วห้อง มีร์ยาอุทานอย่างประหลาดใจ

“บราวนีมิใช่หรือเพคะ”

“ไม่มีอะไรจะให้แล้วหรือ…”

“ดูเหมือนจะลงมือทำด้วยพระองค์เองนะเพคะ ตายจริง ตรงนี้มีการ์ดอยู่ด้วยเพคะ”

“…ข้าบอกให้ทิ้งไปเสีย”

“จะทำเช่นนั้นได้อย่างไรเพคะ นี่เป็นครั้งแรกที่หม่อมฉันได้ยินว่าองค์สุริยันแห่งจักรวรรดิทรงลงมืออบขนมด้วยพระองค์เอง”

มีร์ยาดูตื่นเต้นกว่าตัวแพทริเซียเองเสียอีก แพทริเซียมองมีร์ยาด้วยสายตาคบกริบ

“ถ้าเจ้าชอบใจขนาดนั้นก็กินเองเถอะ”

“ทำเช่นนั้นหม่อมฉันอาจถูกจับโทษฐานหมิ่นพระบรมเดชานุภาพได้นะเพคะ ฝ่าบาท หม่อมฉันจะบังอาจรับประทานของที่พระจักรพรรดิทำด้วยพระองค์เองได้อย่างไร”

มีร์ยาส่ายหน้าและจัดบราวนีที่ยังมีควันฉุยใส่จานสีขาว แพทริเซียนอนหันหลังให้มีร์ยาราวกับจะบอกว่านางไม่อยากสนใจอีกแล้ว แต่แม้จะหลับตาก็ไม่อาจปิดกั้นการรับกลิ่นได้ ด้วยเหตุนั้นกลิ่นหอมของช็อกโกแลตจึงลอยเข้าจมูกของแพทริเซียอย่างเลี่ยงไม่ได้ หญิงสาวครางฮือในลำคออย่างลำบากใจ เขาจะทำได้อร่อยขนาดนั้นโดยไม่มีใครช่วยจริงๆ หรือ?

“ฝ่าบาท ลองเสวยดูไหมเพคะ”

มีร์ยาแสร้งทำเป็นไม่เห็นท่าทีของแพทริเซียและเอ่ยถาม ในท้ายที่สุดแพทริเซียก็ถอนหายใจและพูดย้ำอีกครั้ง

“ข้าบอกให้ทิ้ง”

“ขืนทำเช่นนั้นแล้วหม่อมฉันได้รับโทษฐานหมิ่นพระบรมเดชานุภาพของพระจักรพรรดิจะทำอย่างไรเล่าเพคะ แต่หากฝ่าบาทจะทรงให้ความช่วยเหลือ หม่อมฉันก็ยินดีเพคะ”

“…”

แพทริเซียพูดกับมีร์ยาด้วยน้ำเสียงอ่อนล้า

“เจ้าก็กินไปเถอะ แบ่งให้ราฟาเอลาด้วยก็ได้”

“ฝ่าบาทไม่เสวยจริงๆ หรือเพคะ”

พูดจบ มีร์ยาก็ลองหยิบบราวนีใส่ปากชิ้นหนึ่ง ความจริงแล้วนางไม่ได้คาดหวังกับรสชาติแต่มันกลับอร่อยกว่าที่คิด

“ไม่ทราบมาก่อนเลยว่าพระจักรพรรดิทรงมีพระปรีชาสามารถในด้านการอบขนมด้วย” มีร์ยากล่าวอย่างประหลาดใจเหลือแสน

“…”

“พระจักรพรรดิทรงทำได้ดีทีเดียวเพคะ ดูเหมือนจะไม่ได้ขอความช่วยเหลือจากหัวหน้าห้องเครื่องด้วย แต่ทรงพยายามด้วยพระองค์เอง”

“นี่ ท่าทีของเจ้ามันไม่โจ่งแจ้งเกินไปหน่อยหรือ” แพทริเซียว่าพลางแสยะยิ้ม

มีร์ยาเห็นดังนั้นก็ยิ้มพรายพลางกล่าว “ด้วยเหตุนั้น ช่วยกรุณาพระจักรพรรดิมากกว่านี้ด้วยเถิดเพคะ ฝ่าบาท”

“…”

บทสนทนาจบลงเพียงเท่านั้น มีร์ยากินบราวนีอีกชิ้นก่อนจะถามแพทริเซีย

“จะไม่เสวยจริงๆ หรือเพคะ รสชาติดีอย่าบอกใครเลยทีเดียว”

แพทริเซียชอบขนมหวานมาก และในบรรดาขนมหวานนางก็ชอบบราวนีมากที่สุด นางตั้งใจจะพูดอะไรบางอย่างแต่สุดท้ายก็เงียบไว้และพูดเพียงว่า

“…วางไว้ แล้วออกไปได้”

“เพคะ ฝ่าบาท”

มีร์ยายิ้มเล็กๆ ก่อนจะวางกล่องเอาไว้และถอยกายออกไปเงียบๆ มีร์ยารู้ว่าแพทริเซียยังต้องการเวลาอีกหน่อย อย่างไรก็ตามสิ่งที่สำคัญคือแพทริเซียกำลังจะมีความสุขมากยิ่งขึ้น หากจักรพรรดิเชื่อมั่นในความรักที่ตนมีต่อแพทริเซียจริงๆ มีร์ยาก็อยากจะลองเชื่ออีกสักครั้ง เพราะสำหรับนางแล้วการอยู่คนเดียวอย่างอิสระไปชั่วชีวิตมิใช่เรื่องที่ดีนัก

“…ไร้ประโยชน์”

ใครขอให้ทำของแบบนี้มาให้กัน แพทริเซียยันตัวลุกขึ้นจากเตียง ปลายของชุดเดรสสีขาวที่แขวนอยู่บนร่างลากไปกับพื้น แพทริเซียมองบราวนีที่วางอยู่บนโต๊ะ ดูเหมือนว่ามันจะเริ่มเย็นแล้วจึงดูฉ่ำขึ้นเล็กน้อยและนั่นทำให้มันดูน่ากินมาก แพทริเซียถอนหายใจสั้นๆ ก่อนจะหยิบบราวนีขึ้นมาหนึ่งชิ้น มูสช็อกโกแลตไหลเยิ้ม นางเลียเศษบราวนีที่ติดอยู่บนนิ้วอย่างแผ่วเบา จากนั้นกลิ่นหอมและรสชาติของช็อกโกแลตก็อบอวลไปทั่วทั้งปาก อร่อยจัง ด้วยเหตุนั้นแพทริเซียจึงได้แต่ถอนหายใจอย่างเงียบๆ

“ไม่ควรอร่อยขนาดนี้เลย”

นางนั่งลงและใช้ส้อมจิ้มกินอย่างจริงจัง นี่เขาทำเองทั้งหมดจริงๆ หรือ? หากเป็นเช่นนั้นจริง ตอนที่ทำเขาคิดอะไรอยู่? นางลองคาดเดาความคิดของอีกฝ่ายพลางกินบราวนีที่ลูซิโอทำมาให้จนหมด

***

อีกด้านหนึ่ง หลังจากกลับมาถึงตำหนักกลาง ลูซิโอก็เฝ้ารอปฏิกิริยาของแพทริเซียอย่างใจจดใจจ่อ เขาลองคาดเดาไว้หลายแบบ แต่สิ่งที่เขาไม่อยากได้ยินมากที่สุดคือ ‘ทิ้งไปโดยไม่เปิดดู’ แน่นอนว่าหากพิจารณาจากสิ่งที่เขาเคยทำไว้ ต่อให้แพทริเซียทำแบบนั้นจริงเขาก็มิอาจพูดอะไรได้…ทว่า ใจของมนุษย์เป็นสิ่งที่ไม่แน่นอน หากสมปรารถนาแล้วสิ่งหนึ่ง ย่อมปรารถนาในสิ่งที่สองและสามต่อไป

“ฝ่าบาท”

ตอนนั้นเอง หัวหน้านางกำนัลก็เปิดประตูเข้ามา ลูซิโอเอ่ยถามด้วยใจที่เต้นไม่เป็นส่ำ

“มีเรื่องอันใด”

“พระจักรพรรดินี…”

อึก

ลูซิโอกลืนน้ำลายโดยไม่รู้ตัว

“เสวยบราวนีที่พระองค์ทำจนหมดเลยเพคะ”

“…จริงหรือ”

“เพคะ ฝ่าบาท”

แม้หัวหน้านางกำนัลจะพูดอย่างสงบนิ่ง แต่นางก็ดูตื่นเต้นเล็กน้อย ลูซิโอไม่อาจปกปิดความยินดีเอาไว้ได้ เขายิ้มกว้างไปทั้งใบหน้า

“อา…โล่งอกไปที”

เพื่อไม่ให้เสียบรรยากาศหัวหน้านางกำนัลจึงไม่ได้พูดเรื่องที่ตอนแรกแพทริเซียสั่งให้นำไปทิ้ง นางจบบทสนทนาไว้เพียงเท่านั้นและออกจากห้องไป ในห้องจึงเหลือเพียงลูซิโอสับขาเดินไปเดินมาด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความยินดีไม่เหมือนในยามปกติ เขามักจะทำเช่นนี้เวลาที่เขาดีใจ หลังจากเดินไปเดินมาอยู่ในห้องครู่ใหญ่เขาก็ตัดสินใจออกไปเดินเล่นเพื่อให้ใจสงบลง