จักรพรรดิเทพมังกร – บทที่ 937 : สังหารเฉินเจี้ยนห่าว!
โอกาสมาถึงแล้ว!
นี่เป็นการต่อสู้ระหว่างความเป็นและความตายแต่หลังจากที่พักการต่อสู้ไปชั่วคราว โอกาสสำคัญก็มาถึง และหลิงหยุนก็ไม่เคยปล่อยโอกาสดีๆ เช่นนี้ให้หลุดมือไป!
ร่างของหลิงหยุนพุ่งตรงเข้าไปพร้อมกับซัดตะปูใหญ่เข้าใส่โทคุงาวะที่ยังไม่ทันได้ตั้งตัว!
ทั้งคู่อยู่ห่างจากกันเพียงแค่สามฟุตเท่านั้นและในระยะที่ประชิดเช่นนี้ ตะปูจึงพุ่งเข้าใส่ร่างของโทคุงาวะอย่างรวดเร็ว!
โทคุงาวะมุโตะเพิ่งใช้ดาบยาวของตนเองช่วยเฉินเจี้ยนห่าวรับมือกับผ้าแพรปีศาจของเย่ซิงเฉิน เขาจึงไม่มีอาวุธที่จะป้องกันตะปูซัดของหลิงหยุนได้ทัน!
“ห๊ะ!”
โทคุงาวะมุโตะคิดไม่ถึงว่าหลิงหยุนจะซัดอาวุธลับใส่ตนเองเช่นนี้ ในระยะกระชั้นชิดหากจะหลบก็คงไม่ทัน เขาจึงรีบเดินลมปราณคุ้มกันร่างกายตนเองไว้ก่อน ในขณะเดียวกันก็รีบดึงดาบในมือกลับมา..
ดาบยาวเป็นประกายสีเงินของโทคุงาวะสะบัดรวดเร็วราวกับงูและพุ่งเข้าใส่ตะปูที่หลิงหยุนซัดใส่ได้ทันเวลาพอดิบพอดี..
แต่เป้าหมายที่แท้จริงของหลิงหยุนนั้นไม่ใช่โทคุงาวะมุโตะ แต่เป็นเฉินเจี้ยนห่าว!
ขณะที่ซัดตะปูยาวออกไปแล้วหลิงหยุนก็ใช้วิชาเงาลวงตา พุ่งร่างจริงตรงเข้าไปหาเฉินเจี้ยนห่าวเกือบจะทันที ซึ่งเป็นเวลาเดียวกันกับที่เฉินเจี้ยนห่าวกำลังดึงพลองม่วงทองของตนเองออกจากผ้าแพรปีศาจของธิดาพรรคมาร
ระหว่างที่ประมือกับยอดฝีมืออย่างหลิงหยุนกับเย่ซิงเฉินเฉินเจี้ยนห่าวไม่มีทางยอมปล่อยอาวุธของตนเองอย่างแน่นอน เพราะหากเขาสูญเสียพลังปราณไปแล้ว และยังต้องสูญเสียพลองม่วงทองไปอีก เขาคงต้องถูกสังหารตายอย่างง่ายดาย!
“ได้เวลาตายของเจ้าแล้ว!”
หลิงหยุนกระโดดตรงเข้าไปหาเฉินเจี้ยนห่าวพร้อมกับฟันกระบี่โลหิตแดนใต้เข้าไปที่มือข้างซ้ายของมัน!
“ห๊ะ!”
เฉินเจี้ยนห่าวรู้ตัวว่าตกอยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้ายเพราะหลิงหยุนนั้นพุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็วจนเขาเองก็ตั้งรับไม่ทัน อีกทั้งพลังปราณในร่างกายเวลานี้ก็แทบจะเหือดแห้ง ทางด้านโทคุงาวะก็กำลังปัดป้องอาวุธลับของหลิงหยุน จึงไม่มีเวลาสนใจเฉินเจี้ยนห่าว..
ในนาทีแห่งความเป็นความตายนั้นเฉินเจี้ยนห่าวตัดสินใจที่จะชักพลองเหล็กกลับ และร่างสูงใหญ่ของมันก็รีบกระโดดถอยหลังออกไปอย่างรวดเร็ว
แต่ในระหว่างที่ตัดสินใจจะชักพลองเหล็กกลับนั้นมือข้างซ้ายของเฉินเจี้ยนห่าวก็ถูกหลิงหยุนฟันด้วยกระบี่โลหิตแดนใต้เข้าแล้ว!
ชัวะ!
กระบี่วิเศษฟันเข้าที่เนื้อบนข้อมือข้างซ้ายของเฉินเจี้ยนห่าวทันทีและแทบจะขาดออกจากกัน เลือดสีแดงพุ่งกระฉูดออกมาทันที!
“อ๊าก!”
เฉินเจี้ยนห่าวถึงกับสั่นสะท้านไปทั้งร่าง!
หากเฉินเจี้ยนห่าวไม่รวบรวมพลังปราณที่เหลืออยู่เพียงน้อยนิดปกป้องร่างกายไว้กระบี่ที่คมกริบของหลิงหยุนคงตัดมือของเขาขาดไปทั้งสองข้างแล้ว!
“ยันต์เทวะเหิน!”
หลังจากที่สามารถฟันมือของเฉินเจี้ยนห่าวได้สำเร็จแล้วหลิงหยุนก็คาดการว่าเฉินเจี้ยนห่าวจะต้องรีบหนีไปโดยเร็ว เขาจึงเรียกยันต์เทวะเหินออกมาพร้อมกับสั่งยันต์ให้ออกฤทธิ์ แล้วพุ่งตามร่างของเฉินเจี้ยนห่าวไปทันทีเช่นกัน!
การไล่ล่าเฉินเจี้ยนห่าวไม่ใช่เรื่องยากเพราะยันต์เทวะเหินนั้นทำให้หลิงหยุนสามารถเคลื่อนไหวได้รวดเร็วกว่าเดิมถึงสองเท่า และกระบี่โลหิตแดนใต้ที่คมกริบก็ฟันเข้าใส่ร่างของเฉินเจี้ยนห่าวอีกครั้ง..!
“เจ้าเด็กชั่วช้า!”
หลังจากที่โทคุงาวะมุโตะสามารถปัดป้องตะปูซัดของหลิงหยุนได้แล้ว และได้เห็นเฉินเจี้ยนห่าวถูกหลิงหยุนฟันบาดเจ็บอีกครั้ง เขาก็ถึงกับร้องตะโกนออกมาอย่างโมโหเคียดแค้น และใช้วิชานินจาขั้นสูงเข้าโจมตีหลิงหยุนทันที..
“คาถาลมธุลี!”
ร่างบางของโทคุงาวะสั่นไหวอย่างรุนแรงและหายไปพร้อมกับพลังลมที่พัดรุนแรงถึงหนึ่งพันสี่ร้อยเมตรต่อวินาที แล้วจึงไปโผล่อยู่ด้านหลังของหลิงหยุนอย่างรวดเร็ว!
คาถาลมธุรีของโทคุงาวะมุโตะนั้น ดูเหมือนจะเคลื่อนที่ได้รวดเร็วกว่าหลิงหยุนซึ่งใช้ยันต์เทวะเหินเสียอีก!
“คาถาดาบตัดลม!”
ทันทีที่ไปโผล่อยู่ด้านหลังหลิงหยุนโทคุงาวะ มุโตะก็ใช้คาถาดาบตัดลมฟันเข้าใส่ศรีษะของหลิงหยุนที่อยู่ตรงหน้าอย่างไม่รีรอ
ตลอดระยะเวลาการต่อสู้ตั้งแต่ที่เย่ซิงเฉินพุ่งผ้าแพรปีศาจเข้าใส่เฉินเจี้ยนห่าวจนถึงนาทีวิกฤตินนี้ก็เพิ่งจะผ่านไปเพียงไม่กี่วินาทีเท่านั้น..
เวลานี้หลิงหยุนไล่ล่าเฉินเจี้ยนห่าวไปด้วยแต่ก็ต้องคอยระมัดระวังโทคุงาวะที่กำลังโจมตีหลิงหยุนจากด้านหลังไปด้วย และเวลานี้ดาบของโทคุงาวะก็ใกล้จะสัมผัสกับศรีษะของหลิงหยุนแล้ว!
หลิงหยุนจำเป็นต้องเลือกระหว่างสังหารเฉินเจี้ยนห่าวหรือจัดการกับดาบยาวของโทคุงาวะก่อน!
หากหลิงหยุนเลือกที่จะสังหารเฉินเจี้ยนห่าวศรีษะของเขาก็จะต้องถูกดาบของโทคุงาวะฟันเข้าอย่างแน่นอน!
จากที่โทคุงงาวะมุโตะประมือกับเย่ซิงเฉินนานกว่าครึ่งชั่วโมง แต่ก็ยังไม่มีฝ่ายใดได้รับบาดเจ็บเลยแม้แต่น้อย แสดงให้เห็นว่านินจาขั้นโจนินนั้นไม่ธรรมดาเลยทีเดียว!
แต่ถึงกระนั้นหลิงหยุนก็ไม่ยอมให้โทคุงาวะได้สมหวังเขาตัดสินใจกระโดดตามเฉินเจี้ยนห่าวไป และปล่อยให้ด้านหลังของตนเองเป็นหน้าที่ของมารน้อยแทน!
ชัวะ!
ขณะที่ดาบยาวของโทคุงาวะใกล้จะสัมผัสกับศรีษะของหลิงหยุนนั้นผ้าแพรปีศาจสองผืนก็พุ่งเข้าขวางไว้ได้ทันท่วงที และพันรอบดาบยาวของโทคุงาวะไว้!
ธิดาพรรคมารไม่ยอมให้หลิงหยุนได้รับอันตรายนางเลือกที่จะช่วยในนาทีวิกฤติ! ผ้าแพรปีศาจของเย่ซิงเฉินปะทะเข้ากับดาบของโทคุงาวะอย่างรุนแรง!
กระบี่ในมือของหลิงหยุนฟันเข้าใส่หน้าเฉินเจี้ยนห่าวดวงตาของเขาเบิกโพลง และรีบกัดฟันยกแขนซ้ายขึ้นกันไว้ทันที ในวินาทีแห่งความเป็นความตายนี้ เฉินเจี้ยนห่าวไม่มีเวลาใคร่ครวญมากนัก..
ชัวะ!
กระบี่ของหลิงหยุนฟันเข้าที่แขนข้างซ้ายของเฉินเจี้ยนห่าวขาดออกจากกันทันที!
“อ๊าก!”
ถึงแม้ว่าแขนซ้ายของเฉินเจี้ยนห่าวจะถูกตัดขาดอย่างน่าเศร้าแต่มันก็ช่วยให้เฉินเจี้ยนห่าวสามารถเอาชีวิตรอดจากเงื้อมือของหลิงหยุนได้อีกครั้ง!
“หลิงหยุน..เย่ซิงเฉิน.. นับตั้งแต่คืนนี้ไปข้า – เฉินเจียนห่าวจะไม่ขออยู่ร่วมฟ้าเดียวกันกับพวกเจ้าทั้งสองคน!”
แขนซ้ายของเฉินเจี้ยนห่าวถูกตัดขาดไปแล้วเขารู้ดีว่าหากฝืนสู้กับหลิงหยุนต่อไปตนเองคงต้องถูกหลิงหยุนสังหารตายอย่างแน่นอน เขาจึงไม่กล้าเสี่ยงอีก และรีบหนีไปในทันที..
ร่างสูงใหญ่ของเฉินเจี้ยนห่าววิ่งหนีไปทางขวามือพร้อมกับใช้มือที่เหลือเพียงข้างเดียวนั้น กดจุดห้ามเลือดที่แขนข้างซ้ายไปด้วย
“หากปล่อยให้เจ้าหนีไปได้..ข้าคงไม่ใช่หลิงหยุน!”
มีหรือที่หลิงหยุนจะยอมให้เฉินเจี้ยนห่าวหนีไปได้ง่ายๆเขาใช้มังกรพรางร่างพุ่งตามเฉินเจี้ยนห่าวไปที่หน้าผาทันที
แม้ว่าจะที่นี่จะเป็นยอดเขาสูงแต่ด้านล่างก็มีหน้าผาที่ยื่นออกมาเช่นกัน และเฉินเจี้ยนห่าวก็กระโดดหนีลงไปบนหน้าผาที่อยู่ต่ำจากยอดเขาไปราวหนึ่งร้อยเมตร หลิงหยุนจึงกระโดดตามลงไป..
หลิงหยุนเก็บกระบี่โลหิตแดนใต้เข้าไปและเรียกธนูทองพร้อมด้วยลูกธนูเงินสามดอกออกมา แล้วเล็งไปที่ร่างของเฉินเจี้ยนห่าวทันที!
ฟิ้ว..ฟิ้ว.. ฟิ้ว..
ลูกธนูแหลมคมทั้งสามดอกพุ่งออกจากคันธนูพุ่งตรงเข้าใส่แผ่นหลังของเฉินเจี้ยนห่าวทันที!
“อ๊าก!”
ร่างสูงใหญ่ของเฉินเจี้ยนห่าวสั่นเทิ้มด้วยความเจ็บปวดอีกครั้งเขายกมือที่เหลือเพียงข้างเดียวนั้นขึ้นดึงลูกธนูบนแผ่นหลังออก แล้วกระโดดหนีเข้าไปในป่าทึบ..
“เฉินเจี้ยนห่าว..เจ้าพูดเองไม่ใช่รึว่าคืนนี้ระหว่างเจ้ากับข้า จะมีเพียงผู้เดียวเท่านั้นที่ได้ออกไปจากยอดเขาเทียนเหมาเฟิงแห่งนี้! เพราะฉะนั้น.. เจ้าก็อย่าหวังว่าจะหนีรอดไปได้เลย!”
หลิงหยุนร้องตะโกนบอกเฉินเจี้ยนห่าวในระหว่างที่วิ่งตามเขาเข้าไปในป่าทึบ..
แม้ว่าเฉินเจี้ยนห่าวจะได้รับบาดเจ็บสาหัสแต่เพื่อต้องการรักษาชีวิตของตนเองไว้ เขาจึงกระโดดลงไปบนหน้าผาแห่งหนึ่งซึ่งมีป่าหนาทึบ และไม่สนใจว่าจะวิ่งชนกิ่งไม้หักไปมากเท่าไหร่..
เฉินเจี้ยนห่าวได้รับบาดเจ็บสาหัสจึงไม่สามารถหนีหลิงหยุนพ้นได้ และด้วยอานุภาพของยันต์เทวะเหิน ทำให้หลิงหยุนเคลื่อนที่ได้เร็วกว่าเฉินเจี้ยนห่าวถึงสามเท่า!
ยิ่งไปกว่านั้นการที่เฉินเจี้ยนห่าววิ่งชนกิ่งไม้จนหักเช่นนี้ก็เท่ากับช่วยเปิดทางให้หลิงหยุนไล่ล่าได้ง่ายดายขึ้น และกระโดดออกไปขวางหน้าเฉินเจี้ยนห่าวไว้..
เฉินเจี้ยนห่าวชะงักและหยุดวิ่งทันที มือขวาของเขายังคงจับแขนข้างซ้ายที่ถูกตัดขาดไว้ ใบหน้าเต็มไปด้วยบาดแผลที่เกิดจากถูกกิ่งไม้เกี่ยว สภาพของเฉินเจี้ยนห่าวเวลานี้ไม่ต่างจากวิญญาณที่กำลังหนีออกมาจากขุมนรก!
แววตาของเฉินเจี้ยนห่าวนั้นเต็มไปด้วยความสิ้นหวังเขารู้ตัวว่าคืนนี้ตนเองต้องตายอย่างแน่นอนแล้ว!
หลิงหยุนยังคงถือกระบี่จ้องมองเฉินเจี้ยนห่าวด้วยสีหน้าเรียบเฉยพร้อมกับพูดขึ้นว่า
“คืนนี้..ข้าจะบอกความลับบางอย่างให้เจ้าฟังก่อนตาย!”
“หลิงเสี่ยวแห่งตระกูลหลิงที่เจ้าพูดถึงก็คือพ่อแท้ๆของข้าเอง!”
“อะไรนะ!ที่แท้เจ้าก็คือ..”
เฉินเจี้ยนห่าวถึงกับพูดไม่ออกเขายกมือขวาที่เหลือเพียงข้างเดียวนั้นขึ้นชี้หน้าหลิงหยุนอย่างลืมตัว แววตาของเฉินเจี้ยนห่าวนั้นบ่งบอกว่าเขาแทบไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน..
“จำไว้ให้ดีก่อนตาย!ผู้ที่สังหารเจ้าในคืนนี้ก็คือนายน้อยสี่แห่งตระกูลหลิง!”
จากนั้นหลิงหยุนก็ฟันกระบี่สีดำในมือลงไปกลางศรีษะของเฉินเจี้ยนห่าวทันที!
เฉินเจี้ยนห่าวนั้นใช้พลังปราณไปจนหมดสิ้นและร่างกายก็อ่อนล้าอย่างที่สุด ร่างของเขาจึงถูกหลิงหยุนฟันขาดเป็นสองท่อนได้อย่างง่ายดาย!
ครั้งนี้นับว่าเป็นการต่อสู้ที่หนักหนาและอันตรายที่สุดของหลิงหยุนเลยก็ว่าได้! แต่ถึงกระนั้นการต่อสู้ก็ยังไม่จบสิ้นเพียงแค่นี้..
“เจสเตอร์เร็วเข้า..พาข้าขึ้นไปบนยอดเขาเดี๋ยวนี้!”
จักรพรรดิเทพมังกร – บทที่ 938 : ฆ่าได้หยามไม่ได้!
เจสเตอร์นั้นไม่ได้บินไปหาที่หลบซ่อนจนไกลเกินไปนักมันบินเข้าไปซ่อนในถ้ำที่หลิงหยุนเคยขุดไว้หลบห่ากระสุนของเหล่าแวมไพร์เมื่อคืนก่อนนี้..
ระหว่างที่อยู่ในถ้ำเจสเตอร์ก็คอยเงี่ยหูใหญ่โตของมันฟังเสียงการต่อสู้อย่างตั้งอกตั้งใจ และทันทีที่ได้ยินเสียงเรียกของหลิงหยุน มันก็กลายร่างเป็นนกยักษ์บินตรงเข้าไปหาหลิงหยุนอย่างรวดเร็ว
เมื่อเจสเตอร์บินไปถึงหลิงหยุนก็กระโดดขึ้นไปบนแผ่นหลังของมันทันที จากนั้นจึงเรียกน้ำเต้าวิเศษออกมาดื่มน้ำลายมังกรเข้าไปอีกครั้ง
การต่อสู้ในครั้งนี้ได้ทำให้หลิงหยุนสูญเสียพลังปราณไปค่อนข้างมากอีกทั้งการต่อสู้ก็เต็มไปด้วยอันตรายถึงขั้นเสียชีวิตได้ตลอดเวลา หลิงหยุนจึงจำเป็นต้องดื่มน้ำลายมังกรเพื่อฟื้นฟูพลังปราณให้กลับมาโดยเร็วที่สุด
และแน่นอนว่าการที่หลิงหยุนสามารถดื่มน้ำลายมังกรได้มากมายเช่นนี้ก็เพราะร่างกายของเขานั้นแตกต่างจากร่างกายของยอดฝีมือทั่วไป หากเป็นยอดฝีมือคนอื่น คงไม่กล้าที่จะดื่มน้ำลายมังกรเหมือนเช่นหลิงหยุนทำเป็นแน่!
ระหว่างที่บินขึ้นไปบนยอดเขาเทียนเหมาเฟิงนั้นหลิงหยุนได้ดื่มน้ำลายมังกรเข้าไปรวดเดียวจนกระทั่งพอใจ จากนั้นเขาก็ยกน้ำเต้าวิเศษขึ้นเขย่าดู แต่แล้วก็ต้องขมวดคิ้วเข้าหากันแน่นเมื่อพบว่าน้ำเต้าวิเศษนั้นเบาขึ้นเรื่อยๆ เพราะแต่ละครั้งที่หลิงหยุนดื่มน้ำลายมังกรเข้าไปนั้น เขาจะดื่มครั้งสองหรือสามกิโลกรัมเลยทีเดียว..
“เบากว่าเดิมเป็นร้อยกิโลกรัมทีเดียวรึ!เพิ่งจะผ่านไปเพียงแค่สามเดือน.. เห็นทีข้าคงต้องดื่มน้ำลายมังกรอย่างประหยัดแล้วล่ะ..”
หลิงหยุนส่ายหน้าไปมาด้วยความรู้สึกผิดหวังและรีบเก็บน้ำเต้าวิเศษเข้าไปทันที!
“เจ้านายที่เคารพ..ท่านช่างเก่งกาจเหลือเกิน อีกฝ่ายแข็งแกร่งถึงเพียงนั้น แต่ท่านกลับสามารถสังหารมันได้..”
เจสเตอร์บินกลับขึ้นไปบนยอดเขาอย่างรวดเร็วแต่ระหว่างทางก็ไม่ลืมที่จะพูดจาประจบหลิงหยุนเช่นเคย..
หลิงหยุนถึงกับยิ้มและตอบไปว่า“เจ้าจะไปรู้อะไร.. หากข้ากับเฉินเจี้ยนห่าวสู้กันด้วยมือเปล่า คนที่ตายจะไม่ใช่มัน แต่จะเป็นเจ้านายของเจ้า!”
หลิงหยุนรู้ดีแก่ใจว่ากว่าจะสังหารเฉินเจี้ยนห่าวได้นั้นแสนจะยากเย็นเพียงใด!
เจสเตอร์ได้ฟังจึงตอบโต้กลับไปทันที“โอ้.. เจ้านายที่เคารพ! ท่านพูดแบบนั้นก็ไม่ถูกต้องนัก ในเมื่อเป็นการต่อสู้เพื่อเอาชีวิตกันเช่นนี้ ท่านก็ต้องใช้ทุกวิถีทางเพื่อรับมือ และจัดการกับศัตรู การใช้สมบัติล้ำค่าที่มีอยู่ออกมาต่อสู้ก็เป็นเรื่องที่ถูกต้องตามหลักสากล.. ข้าว่าท่านซื่อตรงเกินไปด้วยซ้ำ!”
“อืมม..ดูเหมือนที่เจ้าพูดมาก็ไม่ผิดนัก!” หลิงหยุนถึงกับยิ้มออกมา
เรียกได้ว่าเจสเตอร์นั้นเข้าใจการต่อสู้ได้ดีเช่นเดียวกับหลิงหยุนในเมื่อเป็นการต่อสู้กับศัตรูที่หมายเอาชีวิต หลิงหยุนจึงจำเป็นต้องใช้ทุกวิถีทางที่จะเอาชนะฝ่ายตรงข้ามให้ได้ เพราะนี่ไม่ใช่การต่อสู้ที่ยืนนิ่งๆ แล้วผลัดกันชก และฝ่ายใดสามารถทนทานได้นานที่สุดก็จะเป็นฝ่ายชนะ!
เจสเตอร์บินกลับขึ้นไปบนยอดเขาอย่างรวดเร็วและเพียงไม่นานก็ไปถึงที่หมายแล้ว ทันทีที่ขึ้นไปถึงยอดเขาเทียนเหมาเฟิง หลิงหยุนก็เห็นเย่ซิงเฉินกับโทคุงาวะ มุโตะกำลังต่อสู้กันอย่างดุเดือด
ต่างฝ่ายต่างก็ไม่มีใครยอมใครแต่จากที่หลิงหยุนเห็นนั้น เขารู้สึกว่าเย่ซิงเฉินเป็นฝ่ายใช้ผ้าแพรปีศาจที่ทั้งอ่อนนุ่ม และแข็งแกร่งนั้นโจมตีโทคุงาวะเสียมากกว่า ส่วนโทคุงาวะนั้นเป็นฝ่ายตั้งรับเพียงอย่างเดียว..
โทคุงาวะพยายามอย่างยิ่งที่จะหนีจากการจู่โจมของเย่ซิงเฉินเพื่อลงไปช่วยเฉินเจี้ยนห่าวที่กระโดดหนีลงไปทางหน้าผา แต่เย่ซิงเฉินก็ไม่เปิดโอกาสให้โทคุงาวะได้หนีไปได้เลย..
“เจ้าสางหารมันแล้วรึ”
เย่ซิงเฉินที่ยังคงบังคับควบคุมผ้าแพรปีศาจโจมตีโทคุงาวะไม่หยุดนั้นเมื่อเห็นหลิงหยุนขึ้นมาบนยอดเขาแล้ว นางก็หันไปมองพร้อมกับร้องถามเสียงราบเรียบ
“นายน้อยแห่งตระกูลเฉินเป็นฝ่ายพูดเองว่าคืนนี้ระหว่างข้ากับเขาจะมีเพียงผู้เดียวเท่านั้นที่จะได้ลงจากยอดเขาแห่งนี้.. มีหรือที่ข้าจะไว้ชีวิตมัน!”
หลิงหยุนกระโดดลงจากแผ่นหลังของเจสเตอร์พร้อมกับยิ้มให้เย่ซิงเฉิน..
เฉินเจี้ยนห่าวกับเฉินเจี้ยนจื่อต่างก็ถูกหลิงหยุนสังหารตายทั้งคู่ทำให้ตระกูลเฉินต้องสูญเสียยอดฝีมือ และค่อยๆอ่อนแอลง เวลานี้จึงเหลือเพียงเฉินจิ้งเฉวียนซึ่งเป็นหนึ่งในสมาชิกของกลุ่มนภาเท่านั้น หลิงหยุนจึงร้องบอกออกมาด้วยความภาคภูมิจ..
“หึ..เจ้าอย่าทำเป็นพูดดีไป! รอให้เฉินจิ้งเฉีวยนลงมือก่อน ถึงตอนนั้นเจ้าอยากจะร้องไห้ก็คงร้องไม่ออก!”
ผ้าแพรปีศาจในมือของเย่ซิงเฉินตวัดหมุนไปรอบๆเพื่อปิดทางหนีของโทคุงาวะ มุโตะไว้ในขณะเดียวกันก็ตอบหลิงหยุนไปด้วย
หลิงหยุนกระโดดเข้าไปร่วมในวงต่อสู้เขาเพิ่งจะดื่มน้ำลายมังกรมา ร่างกายจึงมีพลังชีวิตอยู่เต็มเปี่ยม และรู้สึกแข็งแกร่งราวกับมังกร และพยัคฆ์ที่ดุร้าย ในชั่วพริบตาเดียวก็สามารถจู่โจมใส่โทคุงาวะ มุโตะอย่างรวดเร็ว จนมันได้แต่ปัดป้อง และไม่มีโอกาสแม้แต่จะตอบโต้..
เวลานี้เท่ากับสองต่อหนึ่งหากไม่นับรวมเจสเตอร์ที่ยืนดูอยู่ห่างๆไม่เช่นนั้นแล้วก็คงจะเป็นสามต่อหนึ่ง..
ชัวะ!
หลังจากที่ฟาดฟันกระบี่เข้าใส่โทคุงาวะแล้วหลิงหยุนก็รีบร้องตะโกนตอบโต้เย่ซิงเฉินทันที
“ไม่มีทาง!เฉินจิ้งเฉวียนเป็นถึงสมาชิกกลุ่มนภา คนอย่างเขาจะยอมลดตัวลงมาจัดการกับปลาปลาซิวปลาสร้อยอย่างข้ารึ”
รูปร่างที่สมส่วนอย่างไร้ที่ติของเย่ซิงเฉินยังคงเคลื่อนที่ไปพร้อมกับการโบกสะบัดผ้าแพรปีศาจในมือที่กลายเป็นอาวุธคมกริบ ด้วยท่วงท่าที่งดงามอย่างหาใครเปรียบได้ยาก เวลานี้นางดูไม่ต่างจากเทพธิดาที่กำลังโปรยดอกไม้อยู่บนสรวงสวรรค์..
“เป็นสมาชิกของกลุ่มนภาแล้วแล้วยังไงเจ้าสังหารทายาทตระกูลเฉินตายไปเช่นนี้ คิดหรือว่าเฉินจิ้งเฉวียนจะเพียงแค่ยืนมองเจ้าทำลายตระกูลเฉินเฉยๆ โดยไม่ตอบโต้! เขาคงแทบอดทนรอที่จะมาจัดการกับเจ้าไม่ได้น่ะสิ!”
แม้เย่ซิงเฉินจะร้องบอกหลิงหยุนด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ยและเย็นชา แต่ในคำพูดก็ของนางนั้นได้เป็นการเตือนหลิงหยุนให้ระวังตัวเป็นนัยๆ
หลิงหยุนจึงได้แต่เงียบไปและไม่พูดอะไรอีก เท้าของเขาก้าวขึ้นไปด้านหน้าพร้อมร่ายรำเพลงกระบี่เข้าโจมตีโทคุงาวะ มุโตะทันที..
หลิงหยุนกับเย่ซิงเฉินต่างก็สู้กับโทคุงาวะไปและพูดคุยกันไปด้วย จนแม้แต่โทคุงาวะเองยังนึกหงุดหงิดอยู่ในใจ..
เมื่อหลิงหยุนกลับมา..โทคุงาวะ มุโตะก็รู้ได้ทันทีว่าเฉินเจี้ยนห่าวคงถูกสังหารตายแน่แล้ว! เวลานี้จึงเหลือเพียงแค่ตนผู้เดียวที่จะต้องสู้กับศัตรูถึงสามคน ในเมื่อเป็นเช่นนี้ โทคุงาวะจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องหนีเท่านั้น..
แต่ขณะที่พลังปราณถูกใช้ไปในการต่อสู้อย่างมากมายและอยู่ต่อหน้าหลิงหยุนกับเย่ซิงเฉินเช่นนี้ การที่โทคุงาวะคิดจะหลบนี้ จึงเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลย!
โทคุงาวะต้องคอยปัดป้องอาวุธที่พุ่งเข้ามาทางซ้ายทีขวาทีและใช้คาถานินจาไปมากมายหลากหลายเพื่อที่พรางตัวหลบหนี แต่ถึงกระนั้นจิตหยั่งรู้ และเนตรหยิน-หยางที่ทรงพลังของหลิงหยุนก็จับภาพของเขาพบอยู่ดี โทคุงาวะจึงไม่สามารถหนีไปใหนได้เลย
อีกทั้งคู่ต่อสู้ของโทคุงาวะก็ไม่ได้มีหลิงหยุนเพียงคนเดียวแต่ยังมีเย่ซิงเฉินอีกคน โทคุงาวะ มุโตะจึงแทบหมดเรี่ยวแรง และหมดหนทางที่จะหลบหนีลงจากยอดเขาแห่งนี้ได้ เพราะเวลานี้เขาเป็นฝ่ายเสียเปรียบอย่างมาก!
ดวงตาคู่เล็กของโทคุงาวะหรี่เล็กลง
โทคุงาวะมุโตะอยู่ในฐานะที่ไม่ดีพอที่จะจัดการกับดวงตาคู่เล็กๆ ริบหรี่ภายใต้ความคิดหมุนเขาก็กลายเป็นรายละเอียดต่ำร่างกายเปลี่ยนอย่างรวดเร็วกระสวยระหว่างริบบิ้นปีศาจสวรรค์ทั้งสองบินไปอย่างใกล้ชิดหลิงหยุนถูกบังคับ การโยนมีดหลายสิบใบ!
แต่ในวินาทีที่ไม่คาดคิดนั้นโทคุงาวะก็ย่อตัวลงหลบผ้าแพรปีศาจที่พุ่งเข้ามา และในจังหวะนั้นเองเขาก็ซัดมีดบินเข้าใส่หลิงหยุนอย่างบ้าคลั่ง!
“เจ้าบ้านี่!”
หลิงหยุนถึงกับพูดไม่ออกและรีบใช้วิชาเงาลวงตากระโดดถอยหลังหลบอย่างรวดเร็ว..
พรึบ..
จังหวะนั้นเองโทคุงาวะมุโตะจึงได้โอกาสกระโดดออกจากวงล้อมของทั้งสองคนทันที และรีบยกมือขึ้นห้ามพร้อมกับร้องตะโกนออกไปว่า
“หยุดก่อน!”
หลิงหยุนและเย่ซิงเฉินต่างก็หันไปมองหน้ากันแล้วจึงหันไปมองโทคุงาวะ มุโตะ และหยุดการต่อสู้ไว้ชั่วคราว..
“เจ้ามีอะไรจะพูดก็รีบๆพูดมา..เวลานี้เฉินเจี้ยนห่าวได้ไปคอยเจ้าอยู่ในนรกแล้ว!”
หลิงหยุนกระโดดไปขวางหน้าโทคุงาวะไว้ในระยะสามสิบเมตรเพื่อป้องกันไม่ให้เขาสามารถหนีไปได้ พร้อมกับร้องตะโกนออกมาอย่างอดทน
“ท่านทั้งสอง..ข้าคือนินจาขั้นโจนิน และเป็นคนของตระกูลโทคุงาวะที่มีอำนาจอิทธิพลมากที่สุดในประเทศญี่ปุ่น มีชื่อว่าโทคุงาวะ มุโตะ!”
ขณะที่แนะนำตัวเองนั้นโทคุงาวะ มุโตะก็กำดาบยาวไว้ด้วยสองมือพร้อมกับโน้มตัวมาด้านหน้าเล็กน้อยตามมารยาทของเหล่านินจา
หลิงหยุนทำเสียงขึ้นจมูกพร้อมกับคิดในใจว่า..‘ดูท่าเจ้าพวกนินจาญี่ปุ่นคงจะรู้สึกภาคภูมิใจกับความเป็นนินจาของพวกมันมากสินะ! ก็แค่ยอดฝีมือกระจอก แต่กลับกล้าพูดจาใหญ่โต’
“โทคุงาวะมุโตะ.. เจ้าอย่าได้ทะนงตนนัก! เจ้าเป็นนินจาขั้นโจนนินแล้วยังไง ก็ไม่ต่างจากสุนัขตัวหนึ่งเท่านั้น!”
“นี่เจ้า..”
โทคุงาวะมุโตะได้แสดงมารยาทในแบบนินจาต่อหน้าคนทั้งคู่ แต่หลิงหยุนกลับตอบมาอย่างไร้มารยาทเช่นนี้ แม้โทคุงาวะจะเดือดดาลอย่างมาก แต่ในที่สุดก็ต้องอดกลั้นไว้..
สถานการณ์ตอนนี้เขาตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบอย่างมากและชะตะกรรมของเขาเองก็ตกอยู่ในเงื้อมือของคนทั้งคู่ โทคุงาวะจึงได้แต่อดทนกล้ำกลืน
โทคุงาวะกล้ำกลืนความโกรธแค้นไว้และพูดกับทั้งสองคนด้วยน้ำเสียงต่อรอง “หลิงหยุน.. ข้ากับเจ้าเพิ่งจะเคยพบเจอกันครั้งแรก และไม่เคยเป็นศัตรูกันมาก่อนไม่ใช่รึ”
หลิงหยุนได้ฟังแล้วถึงกับยิ้มออกมาทันทีเขายกมือขึ้นชี้หน้าโทคุงาวะ มุโตะพร้อมกับร้องถามออกไปว่า
“โทคุงาวะ..อย่าบอกนะว่าเจ้าไม่ต้องการสู้กับพวกเราต่อแล้ว”
“ถูกต้อง!ข้ามาที่นี่เพื่อทำหน้าที่คุ้มครองเฉินเจี้ยนห่าวเท่านั้น แต่ตอนนี้เฉินเจี้ยนห่าวเองก็ตายไปแล้ว ภารกิจของข้าถือว่าล้มเหลว ข้าจึงไม่มีอะไรข้องเกี่ยวกับตระกูลเฉินอีกแล้ว อีกทั้งไม่ได้มีความแค้นที่ต้องต่อสู้เอาเป็นเอาตายกับพวกเจ้าสองคนด้วย!”
โทคุงาวะพยายามใช้ไม้อ่อนแม้ว่าจะไม่ร้องขอความเมตตาออกมาตรงๆ แต่ในคำพูดและน้ำเสียงก็บ่งบอกว่าต้องการทำเช่นนั้น
“หึ..”
หลิงหยุนถึงกับทำเสียงเย้ยหยันออกมาก่อนตอบกลับด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย“งั้นรึ เจ้าบอกว่าระหว่างเจ้ากับข้าไม่จำเป็นต้องเอาชีวิตกันงั้นรึ? เหตุใดข้าจึงไม่รู้สึกเช่นนั้น? ข้าเกรงแต่ว่าที่เจ้าพูดนั้นเพียงเพราะสถานการณ์บีบบังคับ เพราะเจ้ารู้ตัวว่าไม่สามารถเอาชนะพวกเราสองคนได้?”
“ถ้าเช่นนั้นข้าจะเตือนความจำเจ้าอีกครั้ง..โทคุงาวะ ทาเคซุกะ และพรรคพวกของมันถูกข้า – หลิงหยุนสังหารตายในป่าเสินหนงเจี๋ย อีกทั้งนินจา และทหารญี่ปุ่นหลายร้อยคนก็ถูกข้าสังหารตายที่เกาะเตียวหยู ยังมีโทคุงาวะ ทาเคตากุอีกคน..”
“เจ้าคนชั่วช้า!”
แทบไม่ต้องรอให้หลิงหยุนพูดจบ..โทคุงาวะ มุโตะถึงกับกรีดร้องออกมาเสียงดังสนั่นด้วยความโกรธแค้น จนเส้นเลือดที่ศรีษะปูดขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด..
หลิงหยุนสังหารชาวญี่ปุ่นไปมากมายและยังกล้าพูดออกมาอย่างภาคภูมิใจต่อหน้าโทคุงาวะ มุโตเช่นนี้ เท่ากับเป็นการดูถูกเหยียดหยามโทคุงาวะอย่างมาก และนินจาญี่ปุ่นนั้นถือคติว่าฆ่าได้หยามไม่ได้!
เมื่อถูกหลิงหยุนพูดจาหยามเหยียดและสร้างความอัปยศอดสูให้กับตนเองเช่นนี้ โทคุงาวะ มุโตะจึงตัดสินใจที่จะไม่หนีแล้ว..
หลิงหยุนรู้ได้ทันทีว่าจุดประสงค์ของตนเองนั้นได้บรรลุเป้าหมายแล้วจึงนิ่งเงียบไป และรอคอยการตอบโต้จากโทคุงวะ มุโตะ..
ระหว่างนั้น..หม้อเสินหนงหนักกว่าสองพันกิโลกรัมก็ถูกเรียกออกมาจากแหวนพื้นที่ ซึ่งอยู่ในมือที่ไขว้อยู่ด้านหลังของหลิงหยุน
“นั่นมัน..”
“ห๊ะ…”
ธิดารพรรคมารเย่ซิงเฉินและนินจาขั้นโจนินโทคุงาวะ มุโตะ ต่างก็ได้แต่ตกตะลึงจนพูดอะไรไม่ออก..