จักรพรรดิเทพมังกร – บทที่ 935 : มารน้อยเย่ซิงเฉิน!
พลังปราณของเฉินเจี้ยนห่าวถูกหลิงหยุนทำลายไปมากหลังจากได้รับบาดเจ็บจากพลองเหล็กและยังถูกกระบี่โลหิตแดนใต้ฟันเข้าที่ต้นเขา แม้ว่าจะได้รับการเยียวยารักษาไปบ้าง แต่ก็สามารถฟื้นฟูพลังปราณกลับมาได้เพียงบางส่วนเท่านั้น หลิงหยุนจึงเลือกที่จะจัดการกับเฉินเจี้ยนห่าวก่อน!
หลิงหยุนเชื่อว่าพลังปราณของเฉินเจี้ยนห่าวนั้นใกล้ถึงจุดสิ้นสุดแล้วและมั่นใจว่าด้วยพลังปราณของตนเองเวลานี้ จะสามารถทำลายวิชาระฆังทองคุ้มกายของเฉินเจี้ยนห่าวได้อย่างแน่นอน..
และก็เป็นความจริง..หลิงหยุนฟันลงไปเพียงแค่ครั้งเดียวก็สามารถทำลายระฆังทองคุ้มกายของเฉินเจี้ยนห่าวแตกสลายได้!
และเพื่อต้องทำลายวิชาระฆังทองคุ้มกายของเฉินเจี้ยนห่าวให้ได้ภายในดาบเดียวหลิงหยุนจึงได้วางแผนที่จะใช้แผ่นหลังของตนเองรับดาบยาวของโทคุงาวะ มุโตะ และหอกโลหิตของมาร์ควิสสก๊อต!
ด้วยวิธีนี้..พลังปราณของเฉินเจี้ยนห่าวจะถูกทำลายในทันที แต่หลิงหยุนก็จะได้รับบาดเจ็บเช่นกัน ซึ่งเขาเองไม่ได้สนใจเรื่องอาการบาดเจ็บมากนัก
เพราะหากเขาเรียกยันต์เพชรและยันต์เกราะออกมาพร้อมกับโคจรดาราคุ้มกาย อีกทั้งยังมีเสื้อเกราะผ้าแพรไหมดำ ภายใต้การป้องกันถึงสามชั้นนั้น หากจะได้รับบาดเจ็บก็น่าจะเพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้น
แต่หากได้รับบาดเจ็บสาหัสเขาก็ยังมียันต์บำบัดที่จะสามารถรักษาได้ในทันที!
แต่ในวินาทีที่ทุกคนต่างก็คิดไม่ถึง..ดาบยาวของโทคุงาวะ และหอกโลหิตของมาร์ควิสสก๊อตที่เหลืออีกเพียงเล็กน้อยก็จะปะทะเข้ากับแผ่นหลังของหลิงหยุนนั้น จู่ๆ ก็โลหะบางเบาสองแผ่นเข้ามาขวางไว้ในทันที!
หลังจากที่สามารถทำลายระฆังคุ้มกายของเฉินเจี้ยนห่าวได้เป็นครั้งที่สองหลิงหยุนก็ไม่รอช้า รีบพุ่งปลายกระบี่เข้าใส่หน้าของเฉินเจี้ยนห่าวต่อทันที!
ไอดำที่รุนแรงของกระบี่พุ่งเข้าใส่ใบหน้าของเฉินเจี้ยนห่าวแม้แต่ตัวเฉินเจี้ยนห่าวเองยังไม่กล้ายกมือขึ้นป้องกัน จึงทำได้เพียงแค่ถอยหลังหลบกระบี่ในมือหลิงหยุนอย่างรวดเร็ว!
เวลานี้ร่างของหลิงหยุนไปหยุดอยู่กลางยอดเขาเทียนเหมาเฟิงและได้แต่พึมพำว่า..
“ธิดาพรรคมาร!”
แทบไม่ต้องหันกลับไปมองด้านหลังเพียงแค่เห็นอาวุธหน้าตาประหลาดทั้งสองด้าม และได้ยินเสียงที่ใสกังกวานราวกับระฆังนั้น หลิงหยุนก็รู้ได้ทันทีว่าคือธิดาพรรคมาร!
“นี่เจ้าทำอะไร”
โทคุงาวะมุโตะกำลังจะสังหารหลิงหยุนได้แล้ว แต่จู่ๆ ก็มีอาวุธประหลาดพุ่งเข้ามาขวางไว้เช่นนี้ เขาเองก็ถึงกับแทบกระอักเลือดด้วยความโมโห
ร่างงดงามสมส่วนซึ่งมีผ้าแพรสีดำพันไว้ทั้งร่างและมีเสน่ห์น่าหลงใหลนั้น จู่ๆ ก็ปรากฏกายขึ้นท่ามกลางความเงียบของค่ำคืนอันมืดมิด ในมือของนางถืออาวุธรูปร่างแปลกประหลาดไว้ทั้งสองข้าง และในที่สุดร่างงดงามนั้นก็ร่อนลงไปยืนอยู่ไม่ไกลจากหลิงหยุนมากนัก
หญิงสาวผู้นี้ก็คือธิดาพรรคมารและอาวุธในมือทั้งสองข้างของนางก็คือดาบคู่มารสะบั้นเทวะนั่นเอง!
“นางมารน้อยเย่ซิงเฉิน!”
เฉินเจี้ยนห่าวถึงกับร้องอุทานออกมาทันที..
หลิงหยุนหันหลังกลับไปมองธิดาพรรคมารและได้แต่คิดในใจว่า ‘ที่แท้ชื่อของเจ้าก็คือเย่ซิงเฉินนี่เอง.. ไพเราะไม่เบาเลยทีเดียว!’
เย่ซิงเฉินยังคงยืนนิ่งแต่กลับไม่ชายตามองหลิงหยุนเลยแม้แต่น้อย ดวงตาคู่งามเป็นประกายนั้นจับจ้องอยู่ที่ร่างของเฉินเจี้ยนห่าวพร้อมกับพูดขึ้นว่า..
“ที่แท้ก็นายน้อยคนโตแห่งตระกูลเฉินที่ยิ่งใหญ่นี่เองคิดไม่ถึงว่าคนอย่างท่านจะรังแกคนน้อยกว่าได้!”
แม้น้ำเสียงของนางจะไพเราะชวนฟังแต่คำพูดนั้นกลับเต็มไปด้วยการประชดประชันถากถาง..
“นี่เจ้า..!”
ใบหน้าของเฉินเจี้ยนห่าวแดงก่ำด้วยความโมโหเขาคว้าพลองเหล็กสีม่วงทองของตนเองขึ้นมา แล้วรีบกระโดดไปรวมอยู่กับโทคุงาวะ มุโตะ และมาร์ควิสแอนเดอร์สันทันที!
“เย่ซิงเฉิน..งานชุมนุมปราบพรรคมารที่หุบเขาหลงเฟยในเขาหลงหู่ถูกเลื่อนออกไป นี่เจ้าหวาดกลัว และร้อนใจจนต้องรีบปรากฏตัวบนยอดเขาเทียนเหมาเฟิงแห่งนี้เลยงั้นรึ”
เฉินเจี้ยนห่าวเลือกที่จะไม่ใส่ใจกับคำพูดประชดประชันของเย่ซิงเฉินแต่กลับเลือกที่ประนามนางแทน!
เย่ซิงเฉิงฟังคำพูดของเฉินเจี้ยนห่าวแล้วก็ได้แต่ยักไหล่พร้อมกับหัวเราะเสียงดังกังวานใสก่อนจะตอบกลับไปว่า
“งานชุมนุมปราบพรรคมารงั้นรึไว้ถึงวันนั้น ข้าจะไปปรากฏตัวที่นั่นแน่..”
หลังจากตอบไปแล้วเย่ซิงเฉินก็ไม่สนใจเฉินเจี้ยนห่าวอีก แต่กลับปรายตามองไปทางหลิงหยุนแทน..
ตั้งแต่ที่เย่ซิงเฉินปรากฏตัวหลิงหยุนยังไม่พูดอะไรแม้แต่คำเดียว แม้ว่าเย่ซิงเฉินจะช่วยเขาไว้ แต่สีหน้าท่าทางของมารน้อยก็เต็มไปด้วยความเฉยชา หลิงหยุนจึงไม่มั่นใจว่ามารน้อยผู้นี้จะเป็นศัตรู หรือว่ามิตรของตนเองกันแน!
แต่ในเมื่องคนของพรรคมารปรากฏตัวขึ้นเช่นนี้ก็เท่ากับช่วยยกภูเขาที่หนักออกจากอกของหลิงหยุน อย่างน้อยเขาก็จะได้สอบถามจากเย่ซิงเฉินว่าตอนนี้หลินเมิ่งหานกับเหยาลู่นั้นอยู่ที่ใดกันแน่
แต่สถานการณ์หน้าสิ่วหน้าขวานเช่นนี้ยังไม่ใช่เวลาเหมาะสมที่จะพูดคุยเรื่องนี้ หลิงหยุนจึงได้แน่นิ่งเงียบ..
เฉินเจี้ยนห่าวยกพลองเหล็กม่วงทองขึ้นชี้หน้าเย่ซิงเฉินพร้อมกับร้องตะโกนออกไปว่า
“เย่ซิงเฉิน!คืนนี้เป็นเรื่องบาดหมางระหว่างตระกูลเฉินกับหลิงหยุนเท่านั้น หากจะให้ดี.. ข้าว่าเจ้ารีบถอนตัวออกไปจากที่นี่ก่อนจะดีกว่า!”
เฉินเจี้ยนห่าวได้แต่นึกเจ็บใจอยู่เงียบๆหากอยู่ในภาวะปกติ เขายังพอที่จะรับมือธิดาพรรคมารผู้นี้ได้ แต่เวลานี้เขาได้สูญเสียพลังปราณไปมาก จึงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของนางมารน้อยผู้นี้อีก!
เสียงหัวเราะกังวานใสของเย่ซิงเฉินดังออกมาอีกครั้งนางยกมือขึ้นชี้หน้าหลิงหยุนพร้อมกับพูดขึ้นว่า
“เป็นความแค้นระหว่างตระกูลเฉินของเจ้ากับหลิงหยุนและข้าไม่ควรยื่นมือเข้าไปยุ่งงั้นรึ แต่เจ้าต้องการจะสังหารหลิงหยุนไม่ใช่รึ?”
เฉินเจี้ยนห่าวตอบกลับไปทันที“หลิงหยุนสังหารคนของตระกูลเฉินไปตั้งมากมาย ไม่ว่าอย่างไรคืนนี้พวกเราก็ต้องเอาชีวิตของมันอย่างแน่นอน!”
เย่ซิงเฉิงเหลือบมองหลิงหยุนและพบว่าหลิงหยุนไม่แม้แต่จะชายตามองตนเอง แต่แล้วคำตอบของเย่ซิงเฉิงก็ทำให้หลิงหยุนถึงกับตาโตด้วยความแปลกใจ
“แล้วถ้าข้าจะยุ่งล่ะ”
คำตอบประโยคนี้ของธิดาพรรคมารทำให้เฉินเจี้ยนห่าวถึงกับตกใจจนอึ้งไปสีหน้าของเขาสลดขึ้นมาทันที ปากของเขาอ้ากว้าง และมีคำพูดมากมายอยู่ในใจ แต่ก็ไม่รู้ว่าจะพูดออกมาได้อย่างไร
หลังจากนิ่งงันไปครู่ใหญ่เฉินเจี้ยนห่าวก็ร้องตะโกนออกมาอย่างไม่พอใจ “หรือว่าเจ้ามีความสัมพันธ์กับเจ้าเด็กนี่”
เย่ซิงเฉินหัวเราะคิกคักจากนั้นจึงยกมือขึ้นชี้ไปที่กระบี่โลหิตแดนใต้ในมือหลิงหยุนพร้อมกับพูดขึ้นว่าnovel-lucky
“หลิงหยุนมีอาวุธศักดิ์สิทธิ์ของพรรคมารอยู่ในมือเจ้าคิดว่าเขาเกี่ยวข้องกับพรรคมารหรือไม่เล่า”
หลิงหยุนฟังแล้วก็ได้แต่นึกในใจว่า‘เพ้อเจ้อสิ้นดี.. ในมือของข้ามีกระบี่โลหิตแดนใต้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าข้าจะเกี่ยวข้องอะไรกับพรรคมารของเจ้า!’
คำพูดของธิดาพรรคมารนั้น..ไม่เท่ากับว่าฉุดให้เขาเข้าไปอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากอย่างนั้นหรือ
แต่เมื่อนึกขึ้นได้ว่าแม่ผู้ให้กำเนิดตนเองก็คือธิดาพรรคมารคนก่อนนั่นเท่ากับว่าหลิงหยุนไม่เพียงเกี่ยวข้องกับพรรคมารเท่านั้น แต่ยังมีสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกับพรรคมารอีกด้วย!
หลิงหยุนคิดได้ว่าพูดอะไรไปก็คงไร้ประโยชน์และเปลืองน้ำลายเสียเปล่า เขาจึงเลือกที่จะนิ่งเงียบ และแอบเดินพลังลับหยิน-หยางเตรียมไว้สำหรับการต่อสู้รอบต่อไป..
สีหน้าของเฉินเจี้ยนห่าวเปลี่ยนเป็นเย็นชาพร้อมกับร้องถามเสียงห้วน “หมายความว่าเจ้ายืนยันที่จะช่วยหลิงหยุนงั้นรึ”
ธิดาพรรคมารตอบด้วยน้ำเสียงที่เบาแต่หนักแน่น“ใครบอกเจ้าว่าข้าจะช่วยเขา เจ้าต้องการจะชำระแค้นให้กับตระกูลเฉิน ข้าไม่ห้าม! แต่หากจะรุมกันแล้วล่ะก็.. ข้าคงทนนิ่งเฉยไม่ได้แน่!”
“นี่เจ้า..!”เฉินเจี้ยนห่าวโมโหจนพูดไม่ออก..
หลิงหยุนฟังแล้วก็ได้แต่ยิ้มออกมาอย่างน้อยเวลานี้ธิดาพรรคมารก็อยู่ข้างเขา และเพียงแค่นี้ก็เพียงพอแล้ว!
“ถ้าเช่นนั้นก็ลงมือเลย!”
พูดจบ..ร่างของหลิงหยุนก็กระโดดเข้าไปหาเฉินเจี้ยนห่าว พร้อมกับกระบี่ในมือก็พุ่งเข้าใส่ใบหน้าของเขาทันที!
ยังต้องรีรออะไรอีกเล่า!
หลิงหยุนรู้ดีว่าเฉินเจี้ยนห่าวต้องการจะดึงเวลาเพื่อให้พลังปราณของตนเองฟื้นฟูได้มากกว่านี้และหากเป็นเช่นนั้น.. ทั้งหมดที่เขาลงแรงไปก่อนหน้านี้ก็คงต้องสูญเปล่า!
เย่ซิงเฉินเห็นว่าหลิงหยุนที่นิ่งเงียบมาตลอดนั้นจู่ๆ ก็พุ่งเข้าจู่โจมเฉินเจี้ยนห่าวเช่นนั้น จึงอดที่จะตกใจไม่ได้ และใบหน้างดงามนั้นก็ถึงกับอึ้งไปเล็กน้อย..
นางเป็นใครงั้นหรือนางมาช่วยหลิงหยุนได้ทันเวลา แต่เขากลับไม่แม้แต่จะเอ่ยขอบคุณนางด้วยซ้ำไป อีกทั้งยังไม่ทักทายนางแม้แต่คำเดียวด้วย!
เฉินเจี้ยนห่าวเห็นหลิงหยุนพุ่งเข้าจู่โจมเช่นนั้นก็รีบกระโดดถอยหลังกลับไปตั้งหลัก ก่อนจะพุ่งพลองสีม่วงทองในมือเข้าใส่ร่างของหลิงหยุนเช่นกัน
ขณะที่พลองม่วงทองของเฉินเจี้ยนห่าวพุ่งเข้ามาใกล้นั้นหลิงหยุนก็กระโดดหมุนตัวขึ้นกลางอากาศหลบพลองเหล็กทันที พร้อมกับใช้นิ้วโป้งเท้าเหยียบอยู่บนปลายพลองเหล็ก แล้วอาศัยจังหวะนั้นดีดตัวหมุนขึ้นไปกลางอากาศอีกครั้ง!
ท่วงท่าที่สง่างามกลิ่นอายสังหารที่รุนแรง และกระบี่ที่คมกริบ กำลังพุ่งเข้าใส่ร่างของเฉินเจี้ยนห่าว!
เฉินเจี้ยนห่าวถึงกับตกใจสุดขีดและรีบดึงพลองเหล็กกลับมา แล้วใช้ปลายพลองเหล็กรับกระบี่ของหลิงหยุนไว้!
หลิงหยุนจู่โจมเฉินเจี้ยนห่าวรุนแรงขึ้นเรื่อยๆโดยไม่สนใจโทคุงาวะกับมาร์ควิสสก๊อตเลยแม้แต่น้อย..
เฉินเจี้ยนห่าวได้แต่คิดอยูในใจว่าหลิงหยุนผ่านการต่อสู้กับตนเองมาตั้งเนิ่นนานแล้ว เหตุใดเขาจึงยังไม่รู้สึกเหนื่อยล้า
ไอดำรอบกระบี่ที่ถูกกวัดแกว่งไล่ล่าเฉินเจี้ยนห่าวไปอย่างรวดเร็วนั้นกระทบเข้ากับพลองเหล็กม่วงทองของเฉินเจี้ยนจื่ออย่างต่อเนื่อง แต่แล้วจู่ๆ รอยยิ้มปริศนาก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของหลิงหยุน พร้อมกับกระโดดหมุนตัวข้ามศรีษะของเฉินเจี้ยนห่าวไป..
“โทคุงาวะ..เจ้าตายซะ!”
หลิงหยุนกระโดดหมุนตัวข้ามศรีษะของเฉินเจี้ยนห่าวไปอย่างสวยงามและพุ่งเข้าหมายสังหารโทคุงาวะ มุโตะแทน!
“อย่าได้ฝันไปเลย!”
โทคุงาวะมุโตะเห็นหลิงหยุนเปลี่ยนเป้าหมายมาจู่โจมตนเองแทนเขาจึงรีบยกดาบยาวในมือขึ้นตั้งรับ..
เคร้ง..เคร้ง..
เสียงกระบี่และดาบฟาดฟันใส่กันอย่างต่อเนื่องและไม่สามารถบอกได้ว่าผู้ใดจะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ และผู้ใดจะเป็นฝ่ายชนะได้!
ระหว่างนั้นเสียงแหลมแปลกประหลาดก็ดังออกมาจากปากของหลิงหยุนเขากำลังใช้มังกรคำรามเป็นอาวุธโจมตีมาร์ควิสสก๊อต!
“โอ๊ย..เสียงอะไรกัน!”
มาร์ควิสสก๊อตร้องออกมาพร้อมกับยกมือทั้งสองข้างขึ้นปิดหูตนเองไว้ทันที..
จากนั้นมือขวาของหลิงหยุนก็ซัดยันต์เตโชระดับห้าสิบกว่าแผ่นขึ้นไปในทิศทางที่มาร์ควิสสก๊อตบินอยู่พร้อมกับร้องตะโกนสั่งยันต์..
ตูม..ตูม.. ตูม..
สิ้นเสียงตะโกนของหลิงหยุนเสียงระเบิดตูมก็ดังสนั่นหวั่นไหวไปทั่วทั้งยอดเขาเทียนเหมาเฟิง และมีลูกไฟขนาดใหญ่ลุกโชติช่วงอยู่เต็มไปหมด!
เมื่อเกิดการระเบิดขึ้นตรงหน้าพร้อมกับลูกไฟขนาดใหญ่เช่นนี้มาร์ควิสแอนเดอร์สันจึงไม่คิดอะไร มันรีบบินหลบขึ้นไปบนท้องฟ้าทันที..
ฟิ้ว..ฟิ้ว.. ฟิ้ว..
และในนาทีนั้นเอง..หลิงหยนุก็น้าวสายธนูยิงออกไปทันที และลูกธนูเงินสามดอกก็พุ่งตรงเข้าใส่ร่างของมาร์ควิสก๊อตทันที!
“อ๊าก!”
มาร์ควิสสก๊อตไม่สามารถหลบลูกธนูเงินได้ทันและลูกธนูสองดอกก็พุ่งเข้าใส่ปีกของมัน ส่วนอีกหนึ่งดอกพุ่งเข้าใส่ต้นขา!
จักรพรรดิเทพมังกร – บทที่ 936 : เกี้ยวพาราสี!
เวลานี้หลิงหยุนนับว่าเป็นผู้ที่เหล่าแวมไพร์ต่างก็หวาดกลัวอย่างที่สุด!
เมื่อคืนหลิงหยุนเผชิญหน้ากับฝูงแวมไพร์ร่วมห้าร้อยตนและสามารถสังหารพวกมันตายได้ทั้งหมด เช่นนี้แล้วมีหรือที่เขาจะไม่สามารถจัดการกับมาร์ควิสสก๊อตเพียงตนเดียวได้
ก่อนที่มารน้อยเย่ซิงเฉินจะปรากฏตัวนั้นหลิงหยุนตั้งใจว่าจะต้องสังหารเฉินเจี้ยนห่าวเป็นคนแรก เพราะหากเฉินเจี้ยนห่าวร่วมมือกับโทคุงาวะ มุโตะโจมตีเข้ามาพร้อมกัน หลิงหยุนก็คงไม่สามารถจัดการกับมาร์ควิสสก๊อตได้ แม้ว่ามันจะไม่สามารถทำอันตรายหลิงหยุนได้มากมาย แต่หากปล่อยไว้ก็อาจทำให้เกิดผลเสียร้ายแรงอย่างที่คาดไม่ถึงได้
แต่ในเมื่อเย่ซิงเฉินปรากฏตัวขึ้นที่นี่แล้วเฉินเจี้ยนห่าวกับโทคุงาวะ มุโตะจึงไม่สามารถโจมตีหลิงหยุนได้อย่างแน่นอน เขาจึงเปลี่ยนใจหันมาเล่นงานกับมาร์ควิสสก๊อกตแทน!
การเปลี่ยนเป้าโจมตีอย่างกะทันหันของหลิงหยุนนั้นได้มีการวางแผนไว้ล่วงหน้าอยู่แล้ว หลิงหยุนแสร้งทำเหมือนตั้งใจจะจัดการกับเฉินเจี้ยนห่าว และปล่อยให้มาร์ควิสสก๊อตประมาทจนลืมป้องกันตนเอง..
จากนั้นจึงตรงเข้าจู่โจมโทคุงาวะมุโตะอย่างดุเดือดในช่วงเวลาสั้นๆ ทั้งหมดที่หลิงหยุนลงมือไปนั้น เป็นเพียงแค่การปูทางไปสู่การสังหารมาร์ควิสสก๊อตซึ่งเป็นเป้าหมายที่แท้จริงของเขานั่นเอง!
และทันทีที่หลิงหยุนใช้มังกรคำรามพลังคลื่นเสียงก็ได้กระแทกเข้ากับแก้วหูของมาร์ควิสสก๊อตอย่างรุนแรง จนมันทนไม่ไหวต้องยกมือขึ้นปิดใบหูทั้งสองข้างไว้
ในนาทีที่มือทั้งสองข้างของมาร์ควิสสก๊อตใช้งานไม่ได้ชั่วขณะนั้นหลิงหยุนก็จัดการซัดยันต์เตโชสิบกว่าแผ่นขึ้นไปพร้อมกัน จากนั้นทั่วท้องฟ้าเหนือยอดเขาเทียนเหมาเฟิงก็สว่างไสวไปด้วยเปลวไฟลูกใหญ่ที่ระเบิดขึ้นพร้อมกัน และลุกโชกโชนต่อหน้ามาร์ควิสสก๊อต!
แม้จะเป็นเพียงแค่ระยะเวลาสั้นๆแต่ก็เพียงพอสำหรับหลิงหยุนที่จะยิงลูกธนูเงินสามดอกตรงเข้าใส่ร่างของมันได้อย่างไม่พลาดเป้า!
ลูกธนูเงินทั้งสามดอกนั้นได้มีการถ่ายเทพลังหยินบริสุทธิ์เข้าไปและทันทีที่ลูกธนูดอกใดดอกหนึ่งปักเข้าที่ร่างของมาร์ควิสสก๊อต มันจะได้รับบาดเจ็บสาหัสจากพลังหยินที่เย็นยะเยือก และการเคลื่อนไหวก็จะลดช้าลงกว่าเดิมมาก..
มังกรคำรามยันต์เตโช ลูกธนูเงิน และพลังหยินที่เย็นยะเยือก!
หลิงหยุนสามารถทำตามแผนที่วางไว้ได้อย่างงดงาม!
หลิงหยุนไม่เคยฝากชะตะชีวิตของตนเองไว้ในกำมือของผู้อื่นแม้ว่าธิดาพรรคมารจะแสดงออกอย่างชัดเจนว่ายินดีที่จะช่วยเขาจัดการกับเฉินเจี้ยนห่าวก็ตาม!
“ลงนรกไปได้แล้ว!”
ท่ามกลางลูกไฟหลายลูกที่กำลังลุกโชนอยู่บนฟากฟ้าภาพหลิงหยุนที่ถือกระบี่โลหิตแดนใต้ไว้ในมือพุ่งเข้าใส่มาร์ควิสสก๊อตที่หมดฤทธิ์นั้น ดูช่างสง่างามและดุดันราวกับเทพเจ้าแห่งสงครามก็ไม่ปาน!
ระหว่างที่ร่างของหลิงหยุนพุ่งขึ้นไปกลางอากาศนั้นมืออีกข้างของเขาก็ซัดเข็มเงินจำนวนหนึ่งนำขึ้นไปก่อน แต่เป้าหมายไม่ใช่ร่างของมาร์ควิสสก๊อต แต่เป็นพื้นที่บริเวณรอบๆ ตัวมัน เพื่อป้องกันไม่ให้มาร์ควิสสก๊อตสามารถบินหนีไปได้!
ทันทีที่เข็มเงินถูกซัดออกไปแล้วกระบี่ในมือซ้ายของหลิงหยุนก็พุ่งเข้าใส่ร่างของมาร์ควิสสก๊อตทันที!
ปราณเสวียนและปราณหวง!
“ห๊ะ!”
มาร์ควิสสก๊อตร้องอุทานออกมาด้วยความตระหนกตกใจมันรู้ดีว่าตนเองไม่อาจหนีไปใหนได้ จึงคิดที่จะใช้เวทย์มนต์สร้างโล่ปีศาจ และกำแพงโลหิตขึ้นเพื่อป้องกันกระบี่ในมือของหลิงหยุน แต่กลับพบว่าอุณหภูมิรอบๆ ตัวของมันเวลานี้ เป็นอุณหภูมิที่ส่งผลเลวร้ายต่อร่างกายอย่างมากจนไม่สามารถทำอะไรได้!
ชัวะ!
กระบี่สีดำในมือของหลิงหยุนฟันเข้าที่ศรีษะของมาร์ควิสสก๊อตขาดร่วงทันที!
“แย่แล้ว!”
ฟิ้ว..ฟิ้ว.. ฟิ้ว..
โทคุงาวะมุโตะเห็นมาร์ควิสสก๊อตเสียท่ารวดเร็วเช่นนี้ เขาก็โกรธจนควันออกหู และรีบซัดมีบินสามเล่มเข้าใส่หลิงหยุนทันที!
หลิงหยุนรู้ตัวว่าคงไม่สามารถหลบมีดบินของโทคุงาวะพ้นอย่างแน่นอน!
ช่วงเวลาที่เขาโจมตีโทคุงาวะและเฉินเจี้ยนห่าวอย่างเอาเป็นเอาตาย แต่ท้ายที่สุดกลับวกไปสังหารมาร์ควิสสก๊อตแทนนั้น ทั้งหมดเป็นการโจมตีที่รวดเร็วในระยะเวลาอันสั้น หลิงหยุนจึงต้องใช้พลังปราณไปมากมาย
ดังนั้น..แม้ว่าหลิงหยุนจะได้เปิดจิตหยั่งรู้ไว้ และสามารถจับตำแหน่งของมีดบินทั้งสามได้ แต่เขาก็ไม่สามารถหลบมันได้ทัน!
“เจ้าปีศาจญี่ปุ่น..นี่เจ้ากล้าลอบกัดงั้นรึ”
เย่ซิงเฉินเห็นเช่นนั้นจึงร้องตะโกนออกมาพร้อมกับดาบคู่มารสะบั้นเทวะในมือของนางก็เริ่มเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วอีกครั้ง
เสียงเคร้ง..ดังขึ้นถึงสองครั้งเมื่อดาบคู่ปะทะเข้ากับมีดบินสองเล่มของโทคุงาวะอย่างแม่นยำ และในขณะเดียวกันนั้นผ้าแพรปีศาจในมือของเย่ซิงเฉินก็พุ่งออกจากแขนของนางชนเข้ากับมีดบินเล่มที่สามอย่างแม่นยำอีกเช่นกัน!
“ข้าบอกว่าห้ามรุมยังไงเล่า..พวกเจ้ากล้าไม่ฟังคำพูดของข้างั้นรึ”
เย่ซิงเฉินร้องตะโกนออกมาอย่างเดือดดาลมือทั้งสองข้างของนางหมุนไปมา และผ้าแพรปีศาจสีดำในมือทั้งสองข้างที่เคลื่อนไหวรวดเร็วราวกับมังกรสีดำนั้น ก็พุ่งเข้าใส่ดาบคู่ของตนเอง ก่อนจะบังคับดาบคู่ทั้งสองให้พุ่งเข้าใส่ร่างของโทคุงาวะทันที!
“นี่เจ้ามาช่วยข้าจริงๆด้วย..”
หลิงหยุนฉวยโอกาสร้องตะโกนออกไปเสียงดังแต่สายตาของเขากลับเหลือบมองไปทางเฉินเจี้ยนห่าวที่ยืนอยู่ไกลออกไป และดูเหมือนว่าเขาจะกำลังโกรธอย่างมากด้วย!
เวลานี้ต่างฝ่ายต่างก็เหลือยอดฝีมือสองคนเท่ากัน..
ด้วยความสามารถของเย่ซิงเฉินนั้นหลิงหยุนมั่นใจอย่างยิ่งว่าโทคุงาวะ มุโตะจะไม่สามารถเอาชนะนางได้แน่ เพราะฉะนั้นเวลานี้จึงเป็นเวลาที่เหมาะแก่การลงมือสังหารเฉินเจี้ยนห่าวอย่างยิ่ง!
ในเมื่อลงมือแล้ว..เย่ซิงเฉินก็ไม่คิดที่จะหยุดกลางคัน นางตรงเข้าจู่โจมโทคุงาวะไม่หยุด และจากที่เห็นนั้น ดูเหมือนว่าเย่ซิงเฉินน่าจะเป็นฝ่ายได้เปรียบ!
ในนาทีนั้น..หลิงหยุนอยากจะร้องตะโกนขอบคุณเย่ซิงเฉิน แต่เพราะเขายังคงขุ่นเคืองใจที่สาวงามทั้งสองคนของเขาถูกพรรคมารจับตัวไป จึงได้แต่กลืนคำขอบคุณกลับลงลำคอไป และไม่ยอมเอ่ยมันออกมา..
“เฉินเจี้ยนห่าว..ได้เวลาตายของเจ้าแล้ว!”
หลิงหยุนกระโดดเข้าไปหาเฉินเจี้ยนห่าวอีกครั้งพร้อมกระบี่สีดำทะมึนในมือ!
หลิงหยุนใช้กระบวนท่าห้ำหั่นสวรรค์ของเพลงกระบี่นวสังหารฟาดฟันเข้าใส่พลองเหล็กม่วงทองของเฉินเจี้ยนห่าว..
“เจ้าเป็นคนของพรรคมารจริงๆด้วย!ดูว่าข้าจะจัดการกับพวกเจ้าสองคนเช่นไร”
เพียงแค่ชื่อของธิดาพรรคมารก็เพียงพอที่จะทำให้ยอดฝีมือในยุทธภพรู้สึกหวาดผวาได้แล้ว เฉินเจี้ยนห่าวรู้ตัวว่าครั้งนี้ตนเองคงหมดหวังแล้ว และคงต้องถูกสังหารตายอยู่ที่นี่อย่างแน่นอน!
เวลานี้เฉินเจี้ยนห่าวเองก็คิดไม่ต่างจากหลิงหยุน..เขากำลังคิดว่าต้องจัดการกับหลิงหยุนให้ได้ก่อน จากนั้นจึงค่อยร่วมมือกับโทคุงาวะจับตัวธิดาพรรคมารเย่ซิงเฉินไว้ และหากทำได้สำเร็จ ตระกูลเฉินจะได้รับการยกย่อง และผลประโยชน์อีกมากมายมหาศาลก็จะตามมา..
หลิงหยุนกับเฉินเจี้ยนห่าวเย่ซิงเฉินกับโทคุงาวะ ทั้งสี่คนต่างก็ตั้งหน้าตั้งตาที่จะสังหารอีกฝ่ายให้ได้ เวลานี้แม้แต่ความมืดบนยอดเขาเทียนเหมาเฟิงก็ไม่อาจบดบังสิ่งใดได้อีก..
ยอดฝีมือทั้งสี่คนต่างก็ฟาดฟันใส่กันอย่างดุเดือดและไม่มีใครยอมใคร จนกระทั่งยี่สิบนาทีผ่านไป ทั้งสองฝ่ายจึงหยุด และยืนประจันหน้ากันนิ่ง..
โทคุงาวะมุโตะถือดาบยาวไว้ในมือพร้อมกับยืนหายใจแรง ในขณะที่ดวงตาคู่เล็กนั้นก็จับจ้องอยู่ที่ร่างของเย่ซิงเฉินไม่กระพริบ ในใจได้แต่นึกหวั่นแต่ก็ไม่พูดออกมา..
โทคุงาวะมุโตะไม่ใช่นินจาขั้นจูนิน แต่เป็นถึงนินจาระดับโจนิน!
หากจะพูดถึงกำลังภายในของเขาแล้วล่ะก็โทคุงาวะ มุโตะน่าจะอยู่ในระดับเริ่มต้นของขั้นเซียงเทียน-9 แต่นางมารน้อยผู้นี้กลับสามารถรับมือโทคุงาวะได้เป็นเวลานานเช่นนี้ ไม่เท่ากับว่านางเหนือกว่าโทคุงาวะอย่างนั้นหรือ
หากเป็นเช่นจริงก็ช่างน่าอัศจรรย์ยิ่งนัก!เพราะถึงแม้ว่านางมารน้อยผู้นี้จะมีผ้าปกคลุมใบหน้า แต่โทคุงาวะก็พอคาดเดาได้ว่านางมารน้อยผู้นี้ไม่น่าจะอายุเกินยี่สิบปี!
ระหว่างที่การต่อสู้ระงับชั่วคราวนั้นหลิงหยุนเลือกที่จะกระโดดไปยืนเคียงบ่าเคียงไหล่กับเย่ซิงเฉิน..
และนี่เป็นครั้งแรกที่ทั้งคู่ได้มายืนเคียงข้างกันเช่นนี้แม้ว่าทั้งสองคนจะไม่พูดจากันแม้แต่คำเดียว แต่ต่างฝ่ายต่างก็ได้ยินเสียงหัวใจเต้นของกันและกัน มันเป็นความรู้สึกที่แปลกประหลาดอย่างมากสำหรับคนทั้งคู่!
ความรู้สึกเช่นนี้นับเป็นความรู้สึกแปลกใหม่สำหรับหลิงหยุนความรู้สึกในลักษณะนี้ไม่เคยเกิดกับเขามาก่อนเช่นกัน หลิงหยุนประหลาดใจจนถึงกับต้องหันไปมองเย่ซิงเฉินที่อยู่ข้างๆ เขาเปิดจิตหยั่งรู้ขั้นสุดพร้อมกับเนตรหยิน-หยางในระหว่างที่แอบมองใบหน้าภายใต้ผ้าคลุมสีดำนั้น!
แต่ช่างน่าประหลาด..เพราะครั้งนี้เขาก็ทำไม่สำเร็จอีกเช่นเคย!
ดูเหมือนเย่ซิงเฉินจะรู้ว่าหลิงหยุนกำลังแอบดูนางดวงตากลมโตนั้นเหลือบมองหลิงหยุนพร้อมกับพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“เจ้ามองอะไรหากยังไม่รีบจัดการสังหารพวกมัน ยายแก่อย่างข้าจะไม่ยุ่งเรื่องของเจ้าอีก!”
“เฮอะ..หน้าตาเจ้าคงน่าเกลียดมาสินะจึงไม่ยอมให้ผู้คนได้เห็น! นี่เจ้าคิดว่าข้าอยากจะดูหน้าเจ้ามากหรือยังไงกัน แล้วก็เลิกแทนตัวเองว่ายายแก่ได้แล้ว เจ้าอายุหกสิบแล้วงั้นรึ?”
ความจริงแล้วหลิงหยุนไม่ต้องการพูดอะไรต่อหน้าเฉินเจี้ยนห่าวนักแต่รู้สึกไม่พอในน้ำเสียงของเย่ซิงเฉิน จึงอดที่จะต่อล้อต่อเถียงกับนางไม่ได้
“นี่เจ้า..”
เย่ซิงเฉินคิดไม่ถึงว่าหลิงหยุนจะกล้าพูดออกมาว่านางหน้าตาน่าเกลียดเมื่อได้ยินก็ถึงกับโกรธจนตัวสั่น และร้องตะโกนออกไปว่า..
“หากเจ้ายังกล้าพูดจ้าเพ้อเจ้ออีก..เชื่อหรือไม่ว่าข้าจะร่วมมือกับพวกมันสังหารเจ้าซะ”
หลิงหยุนหันไปมองตาเย่ซิงเฉินพร้อมกับพูดท้าทาย“ข้าเกรงแต่เจ้าจะไม่กล้าน่ะสิ!”
แม้ปากจะพูดออกไปเช่นนั้นแต่ในใจกลับนึกหวั่นว่าหากเย่ซิงเฉินหันไปร่วมมือกับทั้งสองคนจริงๆ เขาคงยากที่จะมีโอกาสได้มีลมหายใจต่อไปอีกอย่างแน่นอน..
“นี่..เจ้าอย่าได้ยะโสไปนักเลย! รอให้ข้าจัดการกับเจ้าปีศาจญี่ปุ่นนี่ก่อน จากนั้นค่อยคิดบัญชีกับเจ้า!”
เย่ซิงเฉินร้องตะโกนออกไปอย่างไม่พอใจทันทีที่พูดจบนางก็หนไปมองคู่ต่อสู้ และไม่หันกลับไปมองหลิงหยุนอีกเลย
“นี่..พวกเจ้าสองคนกำลังเกี้ยวกันอยู่หรือยังไง!”
เฉินเจี้ยนห่าวนั้นจับตามองคนทั้งคู่อย่างใกล้ชิดและเวลานี้ทั้งสองก็กำลังทะเลาะต่อปากต่อคำกันราวกับว่าบนหุบเขาแห่งนี้ไม่มีบุคคลอื่นอยู่ด้วย เฉินเจี้ยนห่าวจึงอดที่จะร้องถามออกมาด้วยความรู้สึกไม่พอใจ..
แต่จะตำหนิเฉินเจี้ยนห่าวก็ไม่ถูกนักเพราะต่างก็ร่ำลือกันทั่วยุทธภพว่า ธิดาพรรคมาร – เย่ซิงเฉินนั้นงดงามยิ่งกว่าหญิงใดในประเทศนี้!
“นี่เจ้า…”
หลิงหยุนรู้สึกโกรธแต่ก็ไม่สามารถโต้แย้งได้ เพราะดูเหมือนจะเป็นเช่นนั้นจริงๆ
“เฉินเจี้ยนห่าว..เจ้ารนหาที่ตาย!”
เย่ซิงเฉินโกรธจนหน้าแดงนางสะบัดผ้าแพรปีศาจในมือพุ่งเข้าใส่ร่างของเฉินเจี้ยนห่าวทันที!
เฉินเจี้ยนห่าวตกใจและกระโดดถอยหนีทันที ในขณะเดียวกันก็พยายามใช้พลองเหล็กของตนเองปัดป้องผ้าแพรปีศาจของเย่ซิงเฉิน แต่เย่ซิงเฉินสะบัดผ้าแพรสีดำในมือวนรอบพลองม่วงทองของเฉินเจี้ยนห่าวไว้แน่น และออกแรงกระชากทันที!
โทคุงาวะเห็นเย่ซิงเฉินจู่โจมเฉินเจี้ยนห่าวเช่นนั้นจึงกระโดดเข้าไปช่วยพร้อมกับฟันดาบยาวลงไปที่ผ้าแพรปีศาจหมายตัดให้ขาดสะบั้น!
แต่ผ้าแพรปีศาจทั้งสองกลับอ่อนยวบลงและปลิวสะบัดราวกับคลื่นในท้องทะเล..
ในเวลานั้นเองหลิงหยุนจึงเริ่มเคลื่อนไหว
วิชาเงาลวงตา!