จักรพรรดิเทพมังกร – บทที่ 933 : เผาเฉินเจี้ยนห่าว!
อึก..อึก.. อึก..
หลิงหยุนเงยหน้าขึ้นดื่มน้ำลายมังกรอย่างไม่สนใจอะไรเขาทำราวกับว่าเวลานี้มีเขาอยู่เพียงคนเดียวเท่านั้น หลิงหยุนยังคงกลืนน้ำลายมังกรเข้าไปอึกแล้วอึกเล่า.. และพลังชีวิตจากน้ำลายมังกรก็เริ่มไหลเวียนเข้าสู่เส้นลมปราณทั่วร่างกายทั้งเส้นลมปราณหลัก และจุดตันเถียนของหลิงหยุน หลิงหยุนดื่มน้ำลายมังกรเข้าไปจนพลังปราณของเขาฟื้นฟูขึ้นได้ในระดับเจ็ดสิบถึงแปดสิบเปอร์เซ็นต์
ในเวลาเดียวกันนั้นเองจุดตันเถียนขนาดใหญ่ของหลิงหยุน และเส้นโค้งรูปมังกรทองก็เปล่งประกายมากยิ่งขึ้น และกำลังสว่างไสวอยู่ในจุดตันเถียนของเขา
“เสียใจด้วย!นี่ไม่ใช่คราวของเจ้า แต่การต่อสู้ของพวกเราเพิ่งจะเริ่มขึ้นต่างหากเล่า!”
หลังจากดื่มน้ำลายมังกรลงไปแล้วหลิงหยุนก็เรียกน้ำเต้าวิเศษกลับไปไว้ในแหวนพื้นที่พร้อมกับร้องบอกเฉินเจี้ยนห่าว..
เฉินเจี้ยนห่าวกำลังทำจมูกฟุดฟิดเขาเป็นถึงยอดฝีมือระดับสูงสุดขั้นเซียงเทียน-8 แน่นนอนว่าย่อมมีประสาทสัมผัสทั้งห้าดีกว่าคนทั่วไป ทันทีที่หลิงหยุนเรียกน้ำเต้าวิเศษออกมา เขาก็ได้กลิ่นหอมของน้ำลายมังกรทันที
“นี่เจ้าดื่มอะไรเข้าไปรึ”เฉินเจี้ยนห่าวร้องตะโกนถามหลิงหยุนด้วยแววตาที่บ่งบอกถึงความโลภในใจ
หลิงหยุนค่อยๆก้าวเท้าเข้าไปหาพลองม่วงทองที่อยู่ห่างไกลอออกไป และตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“มันคือน้ำลายมังกรยังไงล่ะ!หากเจ้ามีความสามารถ ก็มาแย่งไปจากข้าได้เลย!”
“อะไรนะน้ำลายมังกรงั้นรึ? เป็นไปได้อย่างไรกัน?”
เฉินเจี้ยนห่าวคิดว่าหลิงหยุนคงจะดื่มโอสถเพิ่มพลังชีวิตหรือสมุนไพรพันปีต่างๆ แต่คิดไม่ถึงว่าเขาจะดื่มน้ำลายมังกร!
ตลอดหลายปีมานี้ตระกูลหลงแห่งปักกิ่งเฝ้าค้นหาทุกสิ่งทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับมังกรมาเป็นสมบัติของตระกูล แต่ก็ไม่เคยได้พานพบน้ำลายมังกรเลยแม้สักหยดเดียว แต่เมื่อครู่หลิงหยุนกลับยกขึ้นดื่มราวกับน้ำเปล่า!
เฉินเจี้ยนห่าวเข้าใจได้ทันทีว่าเหตุใดหลิงหยุนจึงสามารถฝึกฝนก้าวหน้าได้รวดเร็วเช่นนี้!และหากเขาได้ดื่มน้ำลายมังกรเข้าไปสักหนึ่งอึก ก็คงจะสามารถเข้าสู่ขั้นเซียงเทียน-9 ได้ในทันที!
“เจ้าหนู..บอกข้าทีว่าเจ้าเข้าสู่ขั้นใดแล้ว”
จุดตันเถียนของหลิงหยุนนั้นแสนจะอัศจรรย์ยิ่งนักเขาเองก็ไม่สามารถมองเห็นได้ เฉินเจี้ยนห่าวอยู่ในระดับสูงสุดขั้นเซียงเทียน-8 ยังไม่สามารถมองเห็นขั้นกำลังภายในของหลิงหยุนได้
ในที่สุดหลิงหยุนก็เดินไปยืนอยู่ข้างพลองเหล็กและค่อยๆ ใช้หัวแม่โป้งเกี่ยวมันไว้แล้วเตะขึ้นมา ก่อนจะใช้มือรับไว้ และค่อยๆ ทำการยืดมันออกทีละเล็กทีละน้อย
“ไม่รู้สิ..น่าจะระดับสูงสุดขั้นโฮ่วเทียน-9 ก็เป็นได้!”
“อะไรนะ!”
เฉินเจี้ยนห่าวได้ฟังก็ถึงกับผิดหวังจนแทบกระอักออกมาเป็นเลือดเขาแทบไม่อยากจะเชื่อว่าผู้ที่สามารถประมือกับเขานานเช่นนี้ แต่กลับยังไม่เข้าสู่ขั้นเซียงเทียน!
“เอาล่ะ..ข้าจะใช้พลองเหล็กของเจ้า ดูสิว่าข้าจะเป็นฝ่ายแพ้หรือว่าชนะ”
ในที่สุดหลิงหยุนก็สามารถยืดพลองเหล็กสีม่วงทองจนเป็นเส้นตรงได้เขาจัดการจับปลายไม้พลองที่ถูกบีบจนเล็กถนัดมือ แล้วยกปลายอีกข้างขึ้นชี้หน้าเฉินเจี้ยนห่าวพร้อมกับร้องตะโกนว่า
“อาวุธของเจ้านับว่าไม่เลวทีเดียวแต่ข้าจะสอนวิธีใช้ที่ถูกต้องให้!”
ยังไม่ทันที่จะสิ้นเสียงพูดของหลิงหยุนดีพลองเหล็กสีม่วงทองก็ถูกฟาดลงกลางศรีษะของเฉินเจี้ยนห่าวสุดแรง!
เฉินเจี้ยนห่าวไม่กล้าแม้แต่จะยกมือขึ้นรับกระบองที่ฟาดลงมาและรู้ดีว่าวิชาระฆังทองคุ้มกายของตนเองนั้นก็ไม่อาจต้านทานพลองเหล็กนี้ได้ จึงทำได้เพียงแค่กระโดดหลบเท่านั้น
ตูม!
พลองเหล็กขนาดใหญ่นั้นฟาดลงบนพื้นตำแหน่งที่เฉินเจี้ยนห่าวยืนอยู่ก่อนหน้านี้ปลายพลองเหล็กข้างนั้นถึงกับฝังลงไปในหินที่พื้นด้านล่าง และแตกละเอียดกระจัดกระจายไปทั่วบริเวณ!
พลองเหล็กหนักหลายร้อยกิโลกรัมเมื่ออยู่ในมือของหลิงหยุนนั้นก็ดูไม่ต่างจากตะเกียบข้างหนึ่งเท่านั้น เขายังคงควงพลองเหล็กไล่ตามร่างของเฉินเจี้ยนห่าวไปไม่หยุด
“นี่มันพลองเหล็กของเจ้านะ..เจ้าไม่ต้องการได้คืนหรืออย่างไร”
หลิงหยุนถามยิ้มๆพร้อมกับถือพลองเหล็กกระโดดไล่ตามร่างของเฉินเจี้ยนห่าวไปทันที และฟาดเข้าใส่ร่างของเฉินเจี้ยนห่าวอีกครั้ง
ปัง!
และด้วยฤทธิ์ของยันต์เทวะเหินจึงทำให้หลิงหยุนสามารถควงพลองเหล็กของเฉินเจี้ยนห่าว และฟาดฟันเข้าใส่ร่างของเขาได้อย่างรวดเร็วเป็นสองเท่า!
เฉินเจี้ยนห่าวเองก็ไม่กล้ารับพลองเหล็กของตนเองและได้แต่กระโดดหนีไปเรื่อยๆ!
“เจ้าคนแซ่เฉินเ!เจ้าเป็นคนพูดเองนะว่า คืนนี้ระหว่างข้ากับเจ้าจะมีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่จะได้ออกไปจากที่นี่!”
หลิงหยุนควงพลองเหล็กไล่ล่าเฉินเจี้ยนห่าวพร้อมกับร้องตะโกนไปด้วยเป็นครั้งคราว!
สำหรับหลิงหยุนแล้ว..เขาไม่กลัวว่าเฉินเจี้ยนห่าวจะหันมาเผชิญหน้ากับตนเอง แต่เขากังวลว่าเฉินเจี้ยนห่าวจะหนีไปเสียมากกว่า เพราะหลิงหยุนมั่นใจว่าตัวเขาเองก็ไม่สามารถสังหารเฉินเจี้ยนห่าวให้ตายในทันทีได้เช่นกัน!
“ใครกันที่พูดว่าข้าคิดจะหนีแต่ตอนนี้คนผู้นั้นกลับกำลังถูกข้าไล่ล่าไปทุกหนทุกแห่ง?”
เฉินเจี้ยนห่าวใช้วิชาตัวเบาหลบหลีกการโจมตีของหลิงหยุนแต่ก็ไม่ลืมที่จะหาจังหวะจู่โจมหลิงหยุนกลับไปเช่นกัน
เฉินเจี้ยนห่าวหรือที่คิดจะหนี
เวลานี้ทั้งหม้อเสินหนง..น้ำลายมังกร.. และกระบี่โลหิตแดนใต้ สมบัติล้ำค่าทั้งสามชิ้นล้วนอยู่ในการครอบครองของหลิงหยุนทั้งสิ้น หากเขายังแย่งชิงมาไม่ได้ เขาจะหนีไปได้อย่างไรกันเล่า
แต่ถึงกระนั้นการต่อสู้ระหว่างความเป็นความตายก็ใช่ว่าจะต้องใช้แต่กำลังเข้าฟาดฟันกันเพียงอย่างเดียวแต่ยังต้องให้ความสำคัญกับยุทธวิธีในการต่อสู้ด้วย!
เฉินเจี้ยนห่าวไม่ใช่คนโง่..อาจดูเหมือนว่าเขาเป็นฝ่ายเสียเปรียบ แต่ความจริงแล้วเขาเองก็กำลังหลอกล่อให้หลิงหยุนใช้พลังปราณในร่างกายให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้เช่นกัน!
ปัง!ตูม!
หลิงหยุนใช้มังกรพรางร่างไล่ฟาดไม้พลองใส่ร่างของเฉินเจี้ยนห่าวไปทั่วทั้งยอดเขาเทียนเหมาเฟิงและเวลานี้พลองยาวขนาดสี่เมตรก็หมุนติ้วอยู่ในมือของหลิงหยุนไม่ต่างจากกังหันลม..
หลิงหยุนไล่ตามเฉินเจี้ยนห่าวไปอย่างบ้าคลั่ง!
แต่ถึงกระนั้นวิชาตัวเบาของเฉินเจี้ยนห่าวก็นับว่าแข็งแกร่งมากทีเดียวแม้ว่าพลองเหล็กจะทั้งยาว และหวดเข้าใส่ด้วยความรวดเร็วมากเพียงใด เขาก็สามารถหลบหลีกได้ทุกครั้ง หลิงหยุนเองจึงยังไม่สามารถเอาชนะเฉินเจี้ยนห่าวได้..
และเวลานี้ก้อนหินใหญ่บนยอดเขาเทียนเหมาเฟิงก็ได้ถูกพลองใหญ่ทุบพังไปมากมาย จนเวลานี้บนยอดเขาแทบจะกลายเป็นพื้นเตียนไปหมดแล้ว!
ร่างสูงใหญ่ของเฉินเจี้ยนห่าวยังคงกระโดดขึ้นกระโดดลงหลบพลองเหล็กของหลิงหยุนที่ฟาดเข้าใส่นับครั้งไม่ถ้วน..
เฉินเจี้ยนห่าวรู้ดีว่าต่อให้เขาใช้วิชาระฆังทองคุ้มกายเขาก็อาจจะได้รับบาดเจ็บจากแรงกระแทกของพลองม่วงทองอยู่ดี!
“เอาล่ะ..ดูสิว่าเจ้าจะหนีไปใหนได้อีก เตรียมตัวตายได้แล้ว !”
การที่หลิงหยุนไล่ฟาดเฉินเจี้ยนห่าวมาตั้งนานนั้นในที่สุดก็บรรลุเป้าหมาย เขาตั้งใจใช้พลองเหล็กไล่ต้อนเฉินเจี้ยนห่าวไปที่หน้าผาสูง จากนั้นจึงร้องตะโกนออกไปว่า
“ถึงคราวของข้าบ้างแล้ว!”
เฉินเจี้ยนห่าวถูกไล่ล่ามาถึงหน้าผาและไม่สามารถหนีไปใหนได้อีกแล้ว เขาจึงต้องหันหลังกลับมาพร้อมกับยื่นมือใหญ่ยักษ์ออกมาจับพลองเหล็กที่พุ่งใส่ร่างไว้ทันที!
ถูกลิงหยุนไล่ฟาดด้วยพลองเหล็กเช่นนี้แล้วหากเฉินเจี้ยนห่าวจะไม่รู้สึกโกรธ ก็คงแปลกยิ่งนัก!
แต่นับว่าเฉินเจี้ยนห่าวตัดสินใจพลาดไปเพราะในวินาทีที่เขายื่นมือออกไปเพื่อจะคว้าพลองเหล็กไว้นั้น หลิงหยุนก็บิดข้อมือขวาที่จับพลองเหล็กไว้ทันที!
“แย่แล้ว!”
เฉินเจี้ยนห่าวคว้าน้ำเหลวเขาไม่สามารถคว้าพลองเหล็กอีกด้านไว้ได้เพราะหลิงหยุนบิดข้อมือหนี และเริ่มรับรู้ได้ถึงอันตรายที่น่ากลัว เขาจึงรีบใช้วิชาตัวเบาขั้นสุดเพื่อที่จะหลบหลีกการโจมตีครั้งต่อไปของหลิงหยุน
“ฮ่า..ฮ่า.. สายไปแล้ว!”
หลิงหยุนหัวเราะพร้อมกับร้องตะโกนออกมาเสียงดังพลองเหล็กสีม่วงทองพุ่งเข้าใส่ร่างของเฉินเจี้ยนเห่าวอย่างแรง!
ตูม!เสียงดังสนั่นหวั่นไหว
เฉินเจี้ยนห่าวถูกพลองเหล็กฟาดเข้าใส่ร่างเป็นครั้งแรกและร่างสูงใหญ่ถึงกับสั่นสะท้านขึ้นมาทันที!
“อ๊าก!”
ร่างสูงใหญ่ของเฉินเจี้ยนห่าวฟุบลงไปกองกับพื้นและแทบกระอักออกมาเป็นเลือด แต่เฉินเจี้ยนห่าวฝืนกัดฟัน และกลืนมันกลับลงไป!
“ในที่สุดพลังปราณของเจ้าก็ถูกข้าทำลายแล้วสินะ!”
ระหว่างที่เฉินเจี้ยนห่าวฟุบลงกับพื้นอยู่นั้นหลิงหยุนก็วิ่งวนรอบร่างของเฉินเจี้ยนห่าวเป็นวงกลม พร้อมกับเรียกยันต์เตโชออกมาซัดใส่ร่างของเฉินเจี้ยนห่าวทันที..
เฉินเจี้ยนห่าวได้เห็นถึงพลังรุนแรงของยันต์เตโชมาแล้วเขาจึงได้แต่กล้ำกลืนความเจ็บปวดจากอาการบาดเจ็บภายใน และรวบรวมลมปราณซัดฝ่ามือเข้าใส่ยันต์ทั้งหมด แต่ถึงกระนั้นก็ยังมีถึงสามแผ่นที่ติดอยู่บนร่างของตนเอง!
ตูม!
พลังปราณของเฉินเจี้ยนห่าวถูกทำลายไปมากจึงไม่สามารถใช้วิชาระฆังทองคุ้มกายได้อีก และถูกยันต์เตโชแผดเผาจนต้องกรีดร้องออกมา
“อ๊าก!”
โบราณว่าไม้ล้มอย่าข้ามแต่หลิงหยุนถือคติว่าตีงูต้องตีให้ตาย เขาจึงซัดตะปูที่อาบด้วยพลังหยินเข้าใส่ร่างของเฉินเจี้ยนห่าวต่อทันที!
“ห๊ะ!”
เฉินเจี้ยนห่าวถึงกับเบิกตากว้างทั้งสองข้างเผยให้เห็นความตกใจและหวาดผวาอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เขาใช้แขนทั้งสองข้างยันพื้นไว้ และใช้เท้ายันพื้นทั้งสอง กระเด้งตัวขึ้นหลบตะปูใหญ่สิบกว่าตัวที่หลิงหยุนซัดเข้ามา..
“ข้าจะให้เจ้าลิ้มลองกระบี่ของข้าอีกครั้ง!”
หลิงหยุนโยนพลองเหล็กในมือทิ้งไปพร้อมกับเรียกกระบี่โลหิตแดนใต้ออกมาในระหว่างที่กระโดดตามร่างของเฉินเจี้ยนห่าวไป
เฉินเจี้ยนห่าวที่มีรูปร่างสูงใหญ่เห็นเช่นนั้นจึงรีบรวบรวมลมปราณที่เหลือทั้งหมดปกป้องส่วนสำคัญของร่างกายไว้ทันที!
ชัวะ!
หลิงหยุนฟันกระบี่ในมือลงไปที่ต้นขาของเฉินเจี้ยนห่าว!
“อ๊าก!”
เฉินเจี้ยนห่าวได้รับบาดเจ็บที่ต้นขาและเลือดก็ไหลพุ่งกระฉูดออกมาทันที ถึงแม้เขาจะเดินลมปราณปกป้องร่างกายไว้ แต่กระบี่ของหลิงหยุนก็สามารถฟันเข้าที่เนื้อตัวบนร่างกายได้ แต่ก็ไม่ทำให้ได้รับบาดเจ็บจนถึงตาย!
และนั่นทำให้หลิงหยุนไม่พอใจอย่างมากเฉินเจี้ยนห่าวซึ่งอยู่ในระดับสูงสุดขั้นเซียงเทียน-8 ช่างจัดการได้ยากเย็นยิ่งนัก!
หลิงหยุนยืนนิ่งไม่ไหวติงดวงตาของเขาจับจ้องอยู่ที่ร่างของเฉินเจี้ยวห่าว สายตาเต็มไปด้วยความเย็นชา และในที่สุดก็เงื้อกระบี่ในมือฟันลงไปอย่างไม่คิดที่จะปราณี!
จักรพรรดิเทพมังกร – บทที่ 934 : พลิกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ!
ความเร็วของกระบี่ในมือหลิงหยุนนั้นไม่อาจสามารถอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้ เพราะเป็นความเร็วที่สายตาของคนธรรมดาไม่อาจมองได้ทันอย่างแน่นอน..
ในนาทีแห่งความเป็นความตายนั้นเฉินเจี้ยนห่าวรู้สึกหมดหวัง แต่ก็กัดฟันอดทนต่ออาการบาดเจ็บภายใน และบาดแผลที่ต้นขา แล้วใช้มือทั้งสองข้างยันร่างกายส่วนบนขึ้นพร้อมกับถอยกรูดไปด้านหลังทันที!
แต่แล้วก็ราวกับมีปาฏิหาริย์..เมื่อจู่ๆ ก็มีฝ่ามือคู่หนึ่งยื่นเข้ามาหนีบกระบี่ของหลิงหยุนที่ฟันลงไปอย่างรวดเร็วนั้นไว้ได้ทันเวลา!
“คุณโทคุงาวะ..ช่วยข้าด้วย!”
เฉินเจี้ยนห่าวที่กำลังหมดหวังและไร้เรียวแรงถึงกับร้องตะโกนออกมาอย่างดีอกดีใจ!
“นายน้อยเฉิน..ท่านอย่าได้หวาดกลัวไป ข้ามาช่วยท่านแล้ว!”
จากนั้นมีดบินสามเล่มก็พุ่งเข้าใส่ร่างของหลิงหยุนอย่างรวดเร็วปานสายฟ้าแลบและกระจายออกจู่โจมเข้าที่ศรีษะ ลำตัว และช่วงขาของหลิงหยุนทันที!
สีหน้าของหลิงหยุนเปลี่ยนไปเล็กน้อยเขารวบรวมกำลังภายในทั้งหมดพาร่างของตนเองกระโดดถอยหลังหลบมีดบินที่ซัดเข้าใส่ทันที!
วิชาเงาลวงตาทิ้งภาพเงาของหลิงหยุนไว้ในตำแหน่งเดิมส่วนร่างที่แท้จริงของเขานั้นได้กระโจนออกไปไกลกว่าสิบเมตรแล้ว แต่หลิงหยุนก็ไม่ยอมหยุดอยู่เพียงแค่นั้น เขายังคงใช้วิชาเงาลวงตาวิ่งไปทั่วยอดเขาเทียนเหมาเฟิง จนเกิดเป็นเงาของตนเองอยู่เต็มพื้นที่ไปหมด!
และเวลานี้มีดบินทั้งสามเล่มยังคงฝังแน่นอยู่ที่พื้นหินในตำแหน่งร่างเดิมของหลิงหยุน..
ช่างเป็นมีดบินที่ทั้งแม่นยำและรวดเร็ว!
เวลานี้หลิงหยุนยืนอยู่ที่ขอบหน้าผาและกำลังจ้องมองเข้าไปในยอดเข้าเทียนเหมาเฟิง เขาพบชายชุดดำมีผ้าปกคลุมใบหน้ายืนอยู่ และเหนือศรีษะของชายผู้นั้นก็มีแวมไพร์กำลังกระพือปีกบินอยู่ด้านบน..
ชายชุดดำผู้นี้ไม่ใช่ใครอื่นแต่เป็นนินจาญี่ปุ่นที่มีนามว่าโทคุงาวะ มุโตะ!
โทคุงาวะมุโตะกระโดดลงจากแผ่นหลังของนกยักษ์ได้ ก็พุ่งเข้าไปยืนขวางหน้าเฉินเจี้ยนห่าวที่กำลังพลาดท่า ดวงตาคู่เล็กของเขาหรี่ลงเล็กน้อย แต่ก็ไม่แสดงความรู้สึกใดๆ ออกมาทางสีหน้าเลยแม้แต่นิดเดียว..
ทางด้านแวมไพร์ตัวใหญ่ที่กำลังกระพือปีกบินอยู่บนอากาศนั้นก็จ้องมองมายังหลิงหยุนซึ่งอยู่ด้านล่างเช่นกัน..
“คนผู้นี้คือหลิงหยุนงั้นรึก็ไม่ได้มีสามเศียรหกกรนี่นา..”
แวมไพร์ที่บินอยู่เหนือศรีษะของหลิงหยุนร้องตะโกนออกมาด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน..
“มาค์ควิสสก็อต..ท่านต้องระวังตัวให้มาก! เจ้าเด็กนี่มีคันธนูทอง แล้วก็มียันต์ที่สามารถระเบิดท่านเป็นจุณได้!”
เมื่อเฉินเจี้ยนห่าวที่รอดชีวิตมาได้อย่างหวุดหวิดและกำลังใช้โอสถรักษาบาดแผล และอาการบาดเจ็บอยู่ได้ยินเช่นนั้น จึงรีบร้องตะโกนบอกแวมไพร์ตนนั้นถึงความน่ากลัวของหลิงหยุนทันที!
พรึบๆๆ!
เจสเตอร์ที่จับตามองเหตุการณ์อยู่จึงรีบบินลงมาหาหลิงหยุนทันทีเช่นกัน สีหน้าของมันเปลี่ยนไป และรีบกระซิบบอกหลิงหยุนทันที
“เจ้านาย..ปัญหาใหญ่แล้ว! มาร์ควิสตนนี้ดูเหมือนจะแข็งแกร่งไม่น้อยไปกว่าแอนเดอร์สันเลย!”
-ข้ารู้..-
สายตาของหลิงหยุนยังคงเฉยชาในขณะที่ตอบกลับเจสเตอร์ผ่านกระแสจิตเขากำลังประเมินความแข็งแกร่งของอีกฝ่ายอย่างเงียบๆ
สถานการณ์ในเวลานี้..หลิงหยุนเป็นฝ่ายเสียเปรียบอย่างมาก!
เฉินเจี้ยนห่าวอยู่ในระดับสูงสุดขั้นเซียงเทียน-8แม้จะใช้พลังปราณไปจนเกือบหมดแล้ว แต่บาดแผลเพียงแค่นั้น เขาก็ยังสามารถต่อสู้ต่อไปได้!
ส่วนโทคุงาวะมุโตะนั้น เพียงแค่มีดบินทั้งสามเล่มที่ซัดใส่หลิงหยุนนั้น เขาก็สามารถมองออกว่าโทคุงาวะผู้นี้ แข็งแกร่งกว่านินจาทั้งหมดที่เขาเคยประมือด้วย และดูเหมือนจะแข็งแกร่งกว่า หรืออาจจะพอๆกับเฉินเจี้ยนห่าว..
นอกเหนือจากยอดฝีมือทั้งสองคนนี้แล้วก็ยังมีแวมไพร์ขั้นมาร์ควิสที่กำลังบินอยู่บนท้องฟ้า และดูเหมือนว่ามันจะแข็งแกร่งไม่น้อยไปกว่ามาร์ควิสแอนเดอร์สันเลย!
หลิงหยุนเพิ่งจะสู้กับเฉินเจี้ยนห่าวไปจนทั้งคู่ต่างก็เหนื่อยล้าอ่อนแรง และในที่สุดเขาก็เป็นฝ่ายได้เปรียบ แต่แล้วจู่ๆ กลับมีนินจากับแวมไพร์เพิ่มขึ้นมาเช่นนี้…
หลิงหยุนไม่คิดว่าหากเฉินเจี้ยนห่าวกับโทคุงาวะร่วมมือกันจู่โจมตนเองเขายังจะมีโอกาสใช้คันธนูทอง และลูกธนูเงินยิงใส่มาร์ควิสสก็อตที่กำลังบินอยู่บนท้องฟ้าได้!
“เจ้านาย..โบราณว่าไว้วีรบุรุษก็อาจพลาดพลั้งได้..”
เจสกังวลกับมาร์ควิสสก็อตซึ่งกำลังจ้องมองลงมาจากท้องฟ้าจึงได้แต่ร้องเตือนหลิงหยุน..
“หุบปาก!”
หลิงหยุนขมวดคิ้วเล็กน้อย..เขาเองก็ไม่ไร้เดียงสาพอที่จะเชื่อว่าเฉินเจี้ยนห่าวจะเดินทางมายอดเขาเทียนเหมาเฟิงเพียงผู้เดียว หลิงหยุนคาดการณ์ไว้ล่วงหน้านานแล้วว่าจะต้องเกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้ขึ้นอย่างแน่นอน..
หากหลิงหยุนต้องการจะหนีไปตอนนี้ก็ย่อมสามารถทำได้! แต่เขาต้องการใช้ภูมิประเทศที่มีแต่ป่าหนาทึบ และภูเขาเช่นนี้นี้ ทำสงครามกองโจรกับเหล่าศัตรูของเขาต่างหากเล่า!
หลิงหยุนยังไม่ต้องการหลบหนีไปตอนนี้และหากจำเป็นต้องหนีจริงๆ อย่างน้อยเขาก็ต้องสังหารเจิ้นเจี้ยนห่าวให้ได้เสียก่อน!
แต่หากจะสังหารเฉินเจี้ยนห่าวทันทีในเวลานี้แน่นอนว่าคงเป็นไปไม่ได้ และคงยากเย็นไม่ต่างจากการกลับขึ้นสวรรค์!
แต่คนอย่างหลิงหยุนไม่เคยหวาดหวั่นต่อความยากลำบากอยู่แล้วหนำซ้ำความยากลำบากยังช่วยกระตุ้นจิตวิญญาณในการต่อสู้ของเขาให้ลุกโชนอีกด้วย เขาจึงต้องการที่จะลองดูสักครั้ง!
“คุณโทคุงาวะ..ขอบคุณที่มาช่วยชีวิตข้าไว้! หลิงหยุนมีสิ่งที่ตระกูลโทคุงาวะต้องการที่สุดด้วย.. มันมีหม้อเสินหนงอยู่ในมือ!”
ระหว่างที่เฉินเจี้ยนห่าวกำลังนั่งขัดสมาธิเพื่อรวบรวมลมปราณภายในร่างกายอยู่นั้นเขาก็ไม่ลืมที่จะร้องบอกโทคุงาวะ มุโตะ..
“หึ..ดูเหมือนว่าคนที่สังหารน้องชายของข้าคงจะเป็นเจ้าแน่นอนแล้ว!”
แววตาของโทคุงาวะมุโตะเปลี่ยนไปทันที เขาจ้องมองหลิงหยุนด้วยสายตาเย็นชา และกลิ่นอายสังหารก็แผ่นซ่านออกมาอย่างรุนแรง..
หลิงหยุนเองก็เงยหน้าขึ้นจ้องมองโทคุงาวะมุโตะอย่างไม่สะทกสะท้านเช่นกัน ทั้งคู่ยืนประจันหน้ากันอย่างไม่มีใครเกรงกลัวใคร ม่านตาของทั้งคู่ต่างก็หดเล็กลงพร้อมๆกัน..
จากนั้นโทคุงาวะมุโตะก็ร้องตะโกนบอกหลิงหยุนอย่างดูถูกดูแคลน..
“หลิงหยุน!หากเจ้ามอบหม้อเสินหนงกับกระบี่โลหิตแดนใต้ให้ข้าตอนนี้ ข้ารับปากว่าจะให้เจ้าตายอย่างไม่ทรมาน!”
หลิงหยุนหัวเราะออกมาอย่างนึกขันพร้อมตอบกลับไปอย่างไม่ยี่หระ“งั้นรึ หากข้ามอบหม้อเสินหนงกับกระบี่โลหิตแดนใต้ให้กับเจ้า ข้าจะตายอย่างไม่ทรมานงั้นรึ? ฮ่า.. ฮ่า..”
โทคุงาวะมุโตะจ้องตาหลิงหยุนด้วยความรู้สึกว่าตนเองนั้นเหนือกว่า และตอบหลิงหยุนกลับไปว่า
“ถูกต้อง!เพราะหากให้ข้าจับเจ้าได้.. ข้าจะให้เจ้าได้ลิ้มรสความทรมานที่โหดเหี้ยมที่สุดในโลก! ถึงตอนนั้นเจ้าก็ต้องยอมมอบสมบัติทั้งสองชิ้นให้กับข้าอยู่ดี ในเมื่อเป็นเช่นนี้.. สู้เจ้ามอบให้กับข้าตอนนี้เลยไม่ดีกว่ารึ และหลังจากนั้นข้าจะมอบเจ้าให้กับตระกูลเฉิน แต่รับรองว่าจะข้าจะช่วยขอร้องประมุขตระกูลเฉินให้เจ้าได้ตายอย่างไม่ทรมานนัก!”
หลิงหยุนตอบกลับยิ้มๆ“ข้าเองก็เช่นกัน! ข้าสัญญาว่านาทีที่ข้าลงมือสังหารเจ้า ข้าจะทำให้มันเป็นช่วงนาทีที่ดีที่สุดสำหรับเจ้าเลยทีเดียว!”
“ถ้าเช่นนั้นเจ้าก็เลิกพล่ามไร้สาระได้แล้ว!”
โทคุงาวะมุดตะได้ฟังคำตอบกลับของหลิงหยุนก็โมโหอย่างมากจนถึงกับยกดาบซามูไรยาวในมือขึ้นชี้หน้าหลิงหยุนพร้อมกับร้องตะโกนออกไป ดาบซามูไรของโทคุงาวะนั้น ประเมินจากสายตาแล้วก็น่าจะมีความยาวถึงสองเมตร!
ไม่รู้ว่าเฉินเจี้ยนห่าวนั้นไปเอาโอสถเม็ดสีทองมาจากใหนเขาจัดการโยนเข้าไปในปาก และกลืนลงท้องทันที จากนั้นจึงร้องบอกหลิงหยุนพร้อมกับแสยะยิ้ม..
“หลิงหยุน..ข้ายอมรับว่าเจ้าน่าทึ่งมากจริงๆ! ความแข็งแกร่งของเจ้าเวลานี้นั้นเกือบจะเทียบเท่ากับนายน้อยตระกูลเย่ แต่น่าเสียดายที่คืนนี้เจ้าจะไม่มีโอกาสรอดชีวิตกลับไปอีกแล้ว!
หลิงหยุนยังคงอยู่ในอาการสงบนิ่งไม่มีท่าทีกระวนกระวาย หรือหวาดกลัวเลยแม้แต่น้อย จากนั้นจึงเหลือบตาขึ้นมองแวมไพร์ขั้นมาร์ควิสที่ร้องตะโกนลงมา..
มาร์ควิสสก็อตอ้าปากแดงใหญ่ของมันเผยให้เห็นเขี้ยวใหญ่ยาวทั้งสองข้าง พร้อมกับพูดเสียงดัง..
“เจ้าเด็กชาวจีน!เจ้าอย่าได้ยะโสโอหังให้มากนัก! คืนนี้ข้าจะจับเจ้าฉีกเป็นชิ้นๆ และจะดื่มเลือดที่แสนวิเศษของเจ้าให้หนำใจเลยทีเดียว!”
เฉินเจี้ยนห่าวร้องตะโกนสมทบขึ้นมาทันที“ใช่แล้ว!”
หลังจากที่ใช้โอสถสีทองรักษาอาการบาดเจ็บภายในแล้วเฉินเจี้ยนห่าวก็สามารถฟื้นฟูพลังปราณขึ้นมาได้ถึงห้าสิบเปอร์เซ็นต์ เขาเชื่อว่าหากตนเองร่วมมือกับโทคุงาวะ มุโตะ และมาร์ควิสสก๊อตแล้วล่ะก็ หลิงหยุนจะไม่มีทางหนีรอดไปได้อย่างแน่นอน!
“เอาล่ะ..ลงมือได้เลย!”
เฉินเจี้ยนห่าวร้องบอกพร้อมกับเหลือบมองโทคุงาวะมุโตะ จากนั้นทั้งคู่ต่างก็แยกย้ายกันไปล้อมหลิงหยุนไว้
-เจสเตอร์..เจ้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกมัน เจ้าอย่าอยู่ที่นี่ รีบไปซ่อนตัวที่เขาลูกใหนสักแห่ง แล้วรอข้าอยู่ที่นั่น!-
หลิงหยุนรู้ดีว่าการต่อสู้ที่แสนโหดเหี้ยมอย่างแท้จริงเพิ่งจะเริ่มต้นขึ้นเท่านั้นเขาไม่ต้องการให้เจสเตอร์ต้องถูกฆ่าตายอยู่ที่นี่ จึงรีบสั่งให้มันไปหาที่ซ่อนตัวก่อน..
“แต่..เจ้านายที่เคารพ..”
เจสเตอร์พะวักพะวงอย่างที่สุด!ใจหนึ่งก็ต้องการอยู่ที่นี่ แต่เจ้านายกลับสั่งให้มันหนีไปซึ่งไม่ใช่วิสัยของเจสเตอร์ และหากจะฝืนไป ก็รู้ตัวดีว่าไม่เพียงไม่สามารถช่วยหลิงหยุนได้ แต่จะต้องถูกฝ่ายตรงข้ามฆ่าตายอย่างแน่นอน!
-เจ้าไม่ต้องห่วงข้า..ข้าไม่มีทางตายง่ายๆ! หากข้าไม่สามารถเอาชนะพวกมันไม่ได้ ข้าจะรีบหนีลงไปหาเจ้า แล้วพวกเราค่อยเล่นสงครามกองโจรกับพวกมันแทน-
หลิงหยุนร้องบอกเจสเตอร์ผ่านทางกระแสจิต..
เจสเตอร์ไม่มีทางเลือกและไม่รู้ว่าหลิงหยุนกำลังคิดที่จะทำอะไรกันแน่! มันจึงได้แต่ถอนหายใจ และกลายร่างเป็นค้างคาวตัวเล็กบินหายเข้ากลีบเมฆไปในทันที!
ยอดฝีมือทั้งสามคนไม่มีใครสนใจเจสเตอร์เลยแม้แต่น้อยเพราะคิดว่ามันเป็นเพียงแค่แวมไพร์กระจอกเท่านั้น จะลงมือสังหารเมื่อใดก็ย่อมได้!
“ระฆังทองคุ้มกาย!”
เฉินเจี้ยนห่าวนั้นรู้ถึงความสามารถของหลิงหยุนดียังไม่ทันไรก็รีบเดินลมปราณใช้วิชาระฆังทองคุ้มกายทันที!
“นินจาหายตัว!”
ทางด้านของโทคุงาวะมุโตะนั้น ก็รีบใช้คาถาพรางกายของนินจา ร่างในชุดสีดำกลืนเข้ากับความมืดในทันที และยากที่จะมองแยกแยะได้ด้วยตาเปล่า..
“หอกโลหิตและโล่ปีศาจ!”
ส่วนมาร์ควิสสก๊อตซึ่งบินอยู่บนท้องฟ้าก็ไม่รีรอเช่นกันมันจัดการพ่นเลือด และใช้เวทย์มนต์แวมไพร์เสกหอกและโล่ขึ้นมาทันที!
“จัดการกับมันได้เลย!”
เฉินเจี้ยนห่าวที่เพิ่งพ่ายแพ้ให้แก่หลิงหยุนจนเกือบถูกสังหารร้องตะโกนสั่งพร้อมกับพุ่งเข้าใส่หลิงหยุนทันที เขาแทบอดใจรอที่จะฆ่าหลิงหยุนไม่ได้!
“คาถาดาบตัดลม!”
ในเวลาเดียวกันนั้นโทคุงาวะ มุโตะก็ใช้คาถาพรางกายของนินจาทำให้หลิงหยุนมองไม่เห็นร่างของตนเอง จากนั้นจึงกระโดดขึ้นไปบนท้องฟ้า พร้อมกับเงื้อดาบยาวในมือฟันลงบนศรีษะของหลิงหยุนทันที!
ส่วนมาร์ควิสสก๊อตก็บินร่อนลงจากท้องฟ้าพร้อมกับกำหอกในมือพุ่งเข้าใส่หลิงหยุนเช่นกัน!
ในวินาทีนั้น..หลิงหยุนต้องรับมือกับจอมยุทธชาวจีน นินจาญี่ปุ่น และแวมไพร์ตะวันตกที่จู่โจมเข้ามาพร้อมๆกัน จึงนับว่าเป็นช่วงวินาทีที่อันตายอย่างที่สุดสำหรับหลิงหยุน!
แต่หลิงหยุนกลับไม่มีท่าทีตื่นตระหนกหรือหวาดกลัวแม้แต่น้อย! เขาเปิดจิตหยั่งรู้ออกขั้นสุดควบคู่กับเนตรหยิน-หยาง และสามารถจับเงาของทั้งสามยอดฝีมือไว้ได้!
ฟรึบ..ฟรึบ.. ฟรึบ..
หลิงหยุนใช้วิชาเงาลวงตาแยกร่างออกและสามารถหลบหอกโลหิตของมาร์ควิสสก๊อต ดาบซามูไรของโทคุงาวะ มุโตะ และร่างของเฉินเจี้ยนห่าวที่พุ่งเข้ามาได้ทันเวลา!
เวลานี้หลิงหยุนไม่มีโอกาสได้ใช้ธนูทองคำและลูกธนูเงิน จึงไม่สามารถจัดการกับแวมไพร์ขั้นมาร์ควิสตนนี้ได้ และไม่สามารถปะทะกับนินจาที่แข็งแกร่งได้เช่นกัน
เขาจึงต้องเลือกเล่นงานผู้ที่อ่อนแอที่สุดในตอนนี้..ซึ่งก็คือเฉินเจี้ยนห่าวนั่นเอง!
ตูม!
หลิงหยุนเงื้อกระบี่โลหิตแดนใต้ในมือฟันเข้าใส่ร่างของเฉินเจี้ยนห่าวที่มีระฆังทองคุ้มกายสุดกำลังและพลังปราณที่ครอบร่างของเฉินเจี้ยนห่าวก็แตกสลายไปในทันที!
“แย่แล้ว!”
มาร์ควิสสก๊อตที่พลาดในครั้งแรกจึงรีบบินกลับไป และใช้หอกโลหิตแทงเข้าที่แผ่นหลังของหลิงหยุนทันที
โทคุงาวะเองก็ไม่ยอมพลาดโอกาสดีๆนี้เช่นกันระหว่างที่หลิงหยุนใช้กระบี่ฟันระฆังคุ้มกายของเฉินเจี้ยนห่าวแตกนั้น ดาบเล่มยาวของโทคุงาวะก็พุ่งเข้าใส่แผ่นหลังของหลิงหยุนเช่นกัน!
เคร้ง..เคร้ง..
เสียงโลหะกระทบกันดังขึ้นถึงสองครั้งและดาบยาวของโทคุงาวะ และหอกโลหิตของมาร์ควิสสก๊อตก็กระทบเข้ากับโลหะชนิดหนึ่งก่อนที่จะทันได้ปะทะเข้ากับแผ่นหลังของหลิงหยุน!
“สามรุมหนึ่ง!ช่างไร้ยางอายสิ้นดี..”
และตามมาด้วยน้ำเสียงบางเบาแต่กลับไพเราะ และกังวานใสราวกับเสียงของระฆัง..