จักรพรรดิเทพมังกร – บทที่ 931 : การประลองที่ดุเดือด!
  บนยอดเขาเทียนเหมาเฟิง..
  หลิงหยุนกับเฉินเจี้ยนห่าวกำลังต่อสู้กันอย่างดุเดือดท่ามกลางความตกใจของทั้งส่องฝ่ายต่างฝ่ายต่างก็โจมตีฝ่ายตรงข้ามอย่างรุนแรง และเวลานี้ทั้งคู่ก็กำลังจะต่อสู้กันด้วยมือเปล่า!
  ทั้งสองฝ่ายต่างก็กำหมัดพุ่งเข้าใส่กันอย่างสุดกำลังจนเกิดเป็นพายุลมที่รุนแรงพัดเอาเศษดิน และก้อนหินปลิวว่อนไปทั่วทั้งบริเวณ ผลสุดท้ายคือต่างฝ่ายต่างก็กระเด็นถอยหลังออกไปคนละสามก้าว และยังคงยากที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะสามารถเอาชนะอีกฝ่ายได้..
  เฉินเจี้ยนห่าวที่กระเด็นถอยหลังออกไปสามก้าวนั้นเมื่อหยุดนิ่งก็ถึงกับมีสีหน้าเปลี่ยนไปทันที ดวงตาของเขาจับจ้องอยู่ที่ร่างของหลิงหยุน และแอบหวั่นใจอย่างรุนแรง..
  ในบรรดานายน้อยซึ่งเป็นทายาทของเจ็ดตระกูลใหญ่แห่งปักกิ่งนั้นมีเพียงสองคนเท่านั้นที่สามารถรับหมัดของเขาได้เช่นนี้ คนแรกคือนายน้อยแห่งตระกูลหลง ส่วนอีกคนก็คือนายน้อยแห่งตระกูลเย่!
  “คาดไม่ถึงว่านอกเหนือจากตระกูลใหญ่แห่งปักกิ่งแล้วยังมีเด็กหนุ่มที่เก่งกาจเช่นเจ้าอยู่ด้วย!”
  เฉินเจี้ยนห่าวได้แต่แอบนึกประหวั่นพรั่นพรึงอยู่ในใจ..
  หลิงหยุนที่กระเด็นถอยกลับไปสามก้าวนั้นก็ได้แต่ยืนนิ่งเช่นเดียวกัน เขารู้สึกว่ากำปั้นของตนเองนั้นมีอาการชาเล็กน้อย และรับรู้ได้ว่าศัตรูที่ยืนอยู่ตรงหน้านั้นแข็งแกร่งมากเพียงใด!
  “เจ้าหนู..กำลังภายในของข้าใกล้จะเข้าสู่ขั้นเซียงเทียน-9 แล้ว ข้าเองก็อยากรู้ว่าเจ้าจะสามารถรับมือข้าไปได้อีกนานแค่ใหน”
  พูดจบเฉินเจี้ยนห่าวก็รวบรวมลมปราณในร่างกายแล้วพุ่งเข้าหาหลิงหยุนอย่างรวดเร็ว หมายใช้กรงเล็บสังหารในทันที!
  เวลานี้หมัดของเฉินเจี้ยนห่าวได้เปลี่ยนเป็นกรงเล็บที่ตวัดไปมาอยู่กลางอากาศ และพุ่งเข้าโจมตีจุดสำคัญบนร่างกายของหลิงหยุน
  “ฝ่ามือสวรรค์!”
  จู่ๆรอบตัวหลิงหยุนก็มีกรงเล็บเป็นเงารายล้อมอยู่มากมาย แต่เขากลับไม่รู้สึกตระหนกตกใจแม้แต่น้อย หลิงหยุนเปิดจิตหยั่งรู้ควบคู่กับเนตรหยิน-หยาง พร้อมกับซัพฝ่ามือสวรรค์เข้าใส่อย่างไม่สะทกสะท้าน..
  แม้จะดูเหมือนว่าหลิงหยุนเคลื่อนไหวได้ค่อนข้างช้าแต่ทุกครั้งที่เขาฟาดฝ่ามือออกไปนั้น ก็สามารถรับกรงเล็บของเฉินเจี้ยนห่าวได้อย่างแม่นยำ!
  ปัง..ปัง.. ปัง.. ปัง..
  เสียงฝ่ามือของหลิงหยุนปะทะกับกรงเล็บของเฉินเจี้ยนห่าวดังต่อเนื่องกันทั้งคู่ประมือกันไปสิบกว่ากระบวนท่า ก็ยังไม่มีฝ่ายใดจะสามารถเอาชนะได้!
  เฉินเจี้ยนห่าวเป็นฝ่ายบุกจู่โจมหลิงหยุนไม่หยุดยั้งแต่หลิงหยุนก็สามารถตั้งรับได้อย่างไม่พลาดพลั้งเช่นกัน
  เมื่อเฉินเจี้ยนห่าวเห็นว่าผ่านไปหลายกระบวนท่าแล้วแต่เขากลับยังไม่สามารถเอาชนะหลิงหยุนได้ จึงรีบร้อนกระโดดเข้าประชิดตัว และพุ่งกรงเล็บเข้าใส่ที่หัวใจของหลิงหยุนทันที
  “ฮ่า..ฮ่า..”
  หลิงหยุนหัวเราะยังคงหัวเราะออกมาอย่างอารมณ์ดีพร้อมกับกระโดดถอยหลังหลบกรงเล็บของเฉินเจี้ยนห่าว เฉินเจี้ยนห่าวทำเสียงขึ้นจมูกอย่างไม่พอใจ และกระโดดตามหลิงหยุนไปติดๆ ไม่เปิดโอกาสให้หลิงหยุนได้พักเลยแม้แต่นิดเดียว!
  “นี่เจ้าคงคิดว่าข้าหวาดกลัวเจ้ามากสินะ”
  หลิงหยุนก้าวหลบไปสามก้าวแต่เฉินเจี้ยนห่าวก็ยังคงตามจู่โจมไม่หยุด เมื่อเป็นเช่นนั้นหลิงหยุนจึงกระโดดลอยตัวขึ้นไปกลางอากาศสูงราวหนึ่งร้อยเมตร พร้อมกับกางแขนทั้งสองข้างออก ทำให้ดูราวกับนกยักษ์ที่กำลังบินข้ามศรีษะของเฉินเจี้ยนห่าวไป!
  ตูม!ตูม!
  เสียงลมปราณจากฝ่ามือของหลิงหยุนที่ฟาดลงมาจากกลางอากาศนั้นรุนแรงราวกับพายุ!
  เฉินเจี้ยนห่าวหันหลังกลับมาพร้อมกับปล่อยกรงเล็บขึ้นรับฝ่ามือของหลิงหยุนที่ซัดเข้าใส่ถึงสิบกว่าครั้ง..
  “พระเจ้า..ช่างเป็นการต่อสู้ที่ดุเดือดมากจริงๆ เจสเตอร์ไม่เคยพบเคยเห็นมาก่อนเลย!”
  เจสเตอร์ที่บินออกไปซ่อนตัวอยู่ไกลนั้นได้แต่แอบดูการต่อสู้ของสองยอดฝีมืออยู่อย่างเงียบๆ และได้แต่กลืนน้ำลายเมื่อคิดว่าหากเปลี่ยนจากหลิงหยุนเป็นตนเอง มันคงถูกฆ่าตายไปตั้งนานแล้ว!
  เฉินเจี้ยนห่าวสามารถรับฝ่ามือสวรรค์ของหลิงหยุนได้ถึงสิบกว่าครั้งก็ต้องร่อนลงสู่พื้นดินและทันทีที่เท้าของหลิงหยุนแตะพื้น ร่างสูงใหญ่ และสองขาที่แข็งแกร่งราวกับเหล็กนั้นก็พุ่งเข้าใส่ท้องน้อยของหลิงหยุนทันที!
  “โอ๊ะ!ลูกไม้ตื้นๆ นี้เจ้าใช้ไปแล้วนี่ เหตุใดจึงยังใช้ซ้ำซากอยู่อีกล่ะ”
  หลิงหยุนร้องตะโกนออกมาและแอบดีใจอยู่ลึกๆ ที่ก่อนหน้านี้เขาเคยได้ประมือกับเฉินเจี้ยนจื่อบนเขาหยุนเมิ่งมาก่อน จึงค่อนข้างคุ้นเคยกับวรยุทธที่เฉินเจี้ยนห่าวใช้ในวันนี้ ไม่เช่นนั้นเขาคงต้องเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ให้กับเฉินเจี้ยห่าวยับเยินแน่..
  หลิงหยุนกระโดดหลบไปด้านข้างแต่ก็ยังไม่พ้นจากรัศมีลูกถีบของเฉินเจี้ยนห่าว หลิงหยุนไม่ถอยแต่กลับก้าวขึ้นไปข้างหน้า และร้องตะโกนออกไป
  “ลองชิมหมัดของข้าบ้าง!”หลิงหยุนร้องตะโกนออกไปพร้อมกับชกกำปั้นเข้าใส่เฉินเจี้ยนห่าวทันที
  ปัง!
  หมัดของหลังหยุนพุ่งตรงเข้าใส่ตำแหน่งหัวใจของเฉินเจี้ยนห่าวพอดิบพอดี!
  ปัง..
  เฉินเจี้ยนห่าวโดนหมัดของหลิงหยุนเข้าไปเต็มๆแต่กลับไม่ได้รับบาดเจ็บ และขาขวาของเขาก็ถีบเข้ากับซี่โครงด้านซ้ายของหลิงหยุนอย่างรุนแรงเช่นกัน!
  ร่างของเฉินเจี้ยนห่าวที่ถูกหมัดของหลิงหยุนนั้นกระเด็นลอยออกไปเช่นเดียวกับร่างของหลิงหยุนที่ถูกเฉินเจี้ยนห่าวถีบเข้าที่สีข้าง ก็ถึงกับเซไปเจ็ดแปดก้าวเช่นกัน
  ทั้งคู่ต่างก็หยุดยืนนิ่งและจ้องมองตากัน!
  “หมัดของเจ้าแข็งแกร่งไม่เบาทีเดียว”
  เฉินเจี้ยนห่าวถึงกับหน้าเจื่อนไปเล็กน้อยเมื่อสัมผัสได้ว่าหมัดของหลิงหยุนนั้นทำให้เขาถึงกับหายใจติดขัดขึ้นมาได้..
  “ถ้าเจ้าติดใจก็เข้ามาอีกได้เลย!”
  จากนั้นหลิงหยุนก็เดินวิชาพลังลับหยิน-หยางและพุ่งทะยานเข้าใส่เฉินเจี้ยนห่าวอีกครั้ง
  “หมัดปีศาจเถียนกัง!”
  เป้าหมายของหลิงหยุนอยู่ที่หน้าอกของเฉินเจี้ยนห่าวในขณะที่เฉินเจี้ยนห่าวเองก็ไม่ยืนนิ่งให้เป็นฝ่ายถูกจู่โจมแต่เพียงผู้เดียว
  “วิชาเกราะเหล็ก!”
  เฉินเจี้ยนห่าวใช้วิชาเกราะเหล็กกำบังร่างกายก่อนจะกำหมัดส่งเข้าปะทะกับหมัดของหลิงหยุนจนสั่นสะท้านอย่างรุนแรง!
  ปัง..ปัง.. ปัง.. ปัง.. ปัง..
  นี่นับเป็นการต่อสู้แบบตัวต่อตัวอย่างแท้จริงต่างฝ่ายต่างก็ปล่อยหมัดเข้าปะทะกันอย่างไม่มีใครยอมถอย เรียกได้ว่าฝ่ายใดจะเป็นฝ่ายอดทน และต้านทานได้นานกว่าเท่านั้นเอง!
  หลังจากแลกหมัดกันอยู่ครู่หนึ่งต่างฝ่ายต่างก็ถอยหลังกลับไปราวยี่สิบเมตร ทั้งสองคนยืนหอบ และหายใจถี่ขึ้นเล็กน้อย แต่ก็จ้องมองกันราวกับกระทิงดุสองตัวที่กำลังสู้กัน!
  “หลิงหยุน..เท่าที่ข้ารู้มาเจ้าเพิ่งจะเริ่มฝึกวรยุทธได้เพียงแค่สามเดือนไม่ใช่รึ”
  ร่างของหลิงหยุนสั่นสะท้านแต่ก็ฝืนยิ้มออกไป “ที่เจ้ารู้มานั้นถูกต้อง! แล้วทำไมรึ”
  “เท่าที่ข้าเคยพบเจอมาเจ้านับว่าเป็นผู้ที่ล้ำเลิศด้านวรยุทธอย่างแท้จริง ไม่สิ! สำหรับเจ้าควรจะเรียกว่าเป็นเลิศด้านบ่มเพาะพลังจึงจะถูก แต่ทุกอย่างจะจบสิ้นในคืนนี้!”
  แววตาของเฉินเจี้ยนห่าวนั้นเปลี่ยนเป็นเย็นยะเยือกขึ้นมาทันทีและกลิ่นอายสังหารในตัวก็รุนแรงขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า!
  “ข้าต้องขอแสดงความยินดีกับเจ้าที่สามารถทำให้ข้าต้องใช้กำลังภายในขั้นสูงสุดของตนเอง!”
  เฉินเจี้ยนห่าวร้องตะโกนบอกหลิงหยุนในขณะที่กลิ่นอายสังหารก็แผ่ซ่านออกไป พร้อมกับมือก็คว้าพลองเหล็กสีม่วงทองมากำไว้ทันที!
  เฉินเจี้ยนห่าวยกพลองสีม่วงทองในมือขึ้นชี้หน้าหลิงหยุนพร้อมกับร้องตะโกนออกไป“เจ้ามีวิชาอะไรก็ขุดออกมาใช้ให้หมด เพราะคืนนี้จะเป็นคืนแห่งความตายของเจ้าแล้ว!”
  หลิงหยุนยิ้มเล็กน้อยพร้อมกับจ้องมองเฉินเจี้ยนห่าวที่ดูรีบร้อนและตอบโต้กลับไปทันที
  “ช่างพูดออกมาได้!ข้าเกรงแต่ว่าคนที่จะถูกสังหารจะเป็นเจ้าน่ะสิ!”
  ฟรึบ!
  และแล้วกระบี่โลหิตแดนใต้ก็ปรากฏขึ้นมาในมือของหลิงหยุนครั้งนี้เขาเปลี่ยนจากหม้อเสินหนงมาเป็นกระบี่..
  หลิงหยุนใช้กระบี่โลหิตแดนใต้ในมือรับพลองเหล็กขนาดใหญ่ที่ฟาดฟันลงมาครั้งแล้วครั้งเล่า!
  เคร้ง..เคร้ง..
  เสียงโลหะสองชนิดกระทบกันดังกังวานราวกับเสียงดนตรีและในค่ำคืนที่เงียบสงัดนั้น เสียงโลหะกระทบกันนี้ก็ดังกังวานไปไกลเลยทีเดียว!
  หลิงหยุนเองก็ได้เป็นฝ่ายฟาดฟันกระบี่ลงไปบนพลองเหล็กหลายต่อหลายครั้งเช่นกันแต่กระบี่ของเขาก็มักจะกระดอนออกทุกครั้ง ตัวกระบี่ไม่สามารถทำให้พลองเหล็กมีกระทั่งรอยขีดข่วนได้!
  “เยี่ยม!”
  หลิงหยุนไม่เสียเวลาอีกเขากระโดดถอยห่างออกไปทันที..novel-lucky
  “ข้ารู้ว่ากระบี่โลหิตแดนใต้ของเจ้าสามารถตัดโลหะได้อย่างง่ายดายแต่หากเจ้าต้องการที่จะตัดอาวุธของข้าแล้วล่ะก็ เจ้าต้องทำลายพลังปราณของข้าให้ได้เสียก่อน!”
  เฉินเจี้ยนห่าวร้องออกมาอย่างเย้ยหยันและมั่นอกมั่นใจอย่างยิ่งว่าหลิงหยุนนั้นจะไม่สามารถเอาชนะกำลังภายในที่แข็งแกร่งของตนเองได้อย่างแน่นอน จากนั้นจึงเดินถือพลองยาวสีม่วงทองไล่ตามหลิงหยุนที่ถอยห่างไป!
  หลิงหยุนไม่กล้าที่จะยกกระบี่ขึ้นรับพลองสีม่วงทองอีกจึงได้แต่ใช้วิชาตัวเบาหลบหลีกแทน!
  “หากเจ้ามีความสามารถก็วิ่งไปซ่อนตัวที่หน้าผาด้านล่างได้เลย!”
  เฉินเจี้ยนห่าวร้องบอกอย่างโอหังและไล่ต้อนหลิงหยุนไปทางผาด้านหน้า..
  เฉินเจี้ยนห่าวมุ่งโจมตีเฉพาะบริเวณช่วงล่างของหลิงหยุนเพื่อบีบบังคับให้หลิงหยุนกระโดดขึ้นกลางอากาศ เพื่อให้ตนเองเป็นฝ่ายได้เปรียบ
  “เจ้าอย่าได้ฝันไปเลย!”
  เมื่อถูกไล่ต้อนไปจนถึงขอบหน้าผาแล้วหลิงหยุนก็หยุดนิ่งพร้อมกับดวงตาจับจ้องอยู่ที่พลองเหล็กของเฉินเจี้ยนห่าวเท่านั้น!
  และทันทีที่พลองเหล็กพุ่งเข้าใส่หลิงหยุนก็ยื่นมืออกไปคว้าปลายพลองเหล็กไว้ทันที!
  แม้มือของหลิงหยุนจะคว้าปลายของพลองเหล็กไว้ได้แต่เฉินเจี้ยนห่าวก็ได้ดันปลายพลองเหล็กด้านที่หลิงหยุนยึดไว้แน่นนั้นออกไปนอกหน้าผาทันทีเช่นกัน!
  หลิงหยุนจึงอยู่ในสภาพที่เกาะพลองเหล็กห้อยต่องแต่งอยู่เช่นนั้น!
  “เจ้านาย!”
  เจสเตอร์ที่อยู่ไกลออกไปเป็นร้อยเมตรร้องตะโกนออกมาอย่างตกใจจากภาพที่มันเห็นนั้น มันคิดว่าร่างของหลิงหยุนที่ห้อยต่องแต่งนั้นกำลังจะกระเด็นตกลงจากหน้าผา..
  “ไม่ต้องห่วง..ข้าสบายดี!”
  หลิงหยุนคว้าปลายไม้พลองไว้แน่นไม่ยอมปล่อยและรีบเก็บกระบี่โลหิตแดนใต้ไป แล้วใช้สองมือทั้งสองข้างจับปลายของพลองเหล็กไว้แน่น
  หลิงหยุนไม่สามารถใช้มือเพียงข้างเดียวจับพลองเหล็กที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางถึงสิบเซ็นติเมตรนี้ได้..
  “ฮ่า..ฮ่า.. เจ้ากล้าจับพลองเหล็กของข้า ข้าจะฆ่าเจ้าซะ!”
  ในที่สุดเฉินเจี้ยนห่าวก็สบโอกาสเขาจับพลองเหล็กอีกด้านด้วยสองมือเช่นกัน จากนั้นจึงทำการโบกพลองเหล็กไปมาราวกับกำลังโบกธง เฉินเจี้ยนห่าวออกแรงเต็มที่หมายสลัดร่างของหลิงหยุนที่เกาะอยู่ให้ตกหน้าผาไป
  แต่แล้วเฉินเจี้ยนห่าวกลับพบว่าตนเองนั้นด่วนสรุปจนเกินไปเพราะไม่ว่าจะสลัดอย่างไร ร่างของหลิงหยุนก็ยังคงเกาะแน่นไม่หลุดเสียที!
  เฉินเจี้ยนห่าวหัวเราะเสียงดังพร้อมกับพูดขึ้นว่า“เอาล่ะ.. เล่นสนุกมามากพอแล้ว!”
  พูดจบเฉินเจี้ยนห่าวก็ไม่โบกไม้พลองในมืออีกแต่กลับยกไม้พลองขึ้น และฟาดลงไปกระแทกกับพื้นอย่างแรง!
  ปัง!!
จักรพรรดิเทพมังกร – บทที่ 932 : ยากที่จะเอาชนะ!
  แน่นอนว่าหลิงหยุนยังคงใช้สองมือเกาะพลองเหล็กไว้อย่างแน่นเหนียวและอาศัยแรงเหวี่ยงที่เฉินเจี้ยนห่าวฟาดพลองเหล็กลงกับพื้นดีดตัวขึ้นกลางอากาศ ก่อนจะร่วงหล่นลงสู่พื้นดินในท่าคุกเข่า..
  เฉินเจี้ยนห่าวเองก็รวดเร็วไม่แพ้หลิงหยุนเขาจัดการใช้ปลายพลองเหล็กอีกข้างพุ่งเข้าที่หน้าอกของหลิงหยุนอย่างแรง!
  “คิดจะเล่นงานข้า..เจ้าฝันไปเถอะ!”
  หลิงหยุนแสยะยิ้มพร้อมกับยกมือขึ้นรับพลองเหล็กที่พุ่งเข้ามาจากนั้นทั้งคู่ต่างก็ยึดพลองเหล็กไว้คนละด้าน และไม่มีฝ่ายใหนยอมปล่อย
  เฉินเจียนห่าวจับปลายพลองเหล็กอีกด้านหนึ่งไว้แน่นและค่อยๆ ก้าวเท้าเข้าหาหลิงหยุนอย่างช้าๆ
  หลิงหยุนเองก็เช่นกัน..เขาจับปลายพลองเหล็กอีกด้านไว้ และก้าวเข้าหาเฉินเจี้ยนห่าวอย่างไม่นึกหวาดกลัวเช่นกัน
  พลองเหล็กใหญ่ยาวที่ถูกบีบไว้ที่ปลายทั้งสองข้างนั้นจึงค่อยๆ โค้งงอขึ้นเป็นรูปตัวยูคว่ำ และเวลานี้ปลายของพลองเหล็กทั้งสองข้างก็อยู่ห่างกันราวสองร้อยเมตรเท่านั้น
  หลิงหยุนพูดขึ้นยิ้มๆ“เฉินเจี้ยนห่าว.. หากเจ้าก้าวเข้ามาอีกเพียงแค่ก้าวเดียว ข้าจะสังหารเจ้าทันที!”
  แต่เฉินเจี้ยนห่าวกับหัวเราะร่วนและเขยิบเข้าใกล้ร่างของหลิงหยุนมากขึ้นเรื่อยๆ พร้อมกับร้องตะโกนออกไปว่า
  “หลิงหยุน..เวลานี้เจ้าคงสูญเสียลมปราณไปมากแล้วสินะ มาดูกันว่าคนที่จะถูกสังหารจะเป็นเจ้า หรือข้ากันแน่?”
  หลิงหยุนกลับฉีกยิ้มสดใสให้กับเฉินเจี้ยนห่าวโดยไม่ตอบอะไรริมฝีปากแดงนั้นเผยอออกจนเห็นฟันขาว แต่เฉินเจี้ยนห่าวกลับรู้สึกว่ารอยยิ้มของหลิงหยุนนั้นช่างเต็มไปด้วยเลศนัย..
  “ฮึบ..”
  หลิงหยุนพ่นลมหายใจออกจากปากมือทั้งสองข้างยังคงบีบปลายพลองเหล็กไว้แน่น หลังจากที่บีบคลึงปลายพลองเหล็กอยู่ครู่ใหนึ่ง จากพลองเหล็กซึ่งมีขนาดใหญ่สิบเซนติเมตร ก็ค่อยถูกบีบรัดจนเล็กเรียว กลายเป็นขนาดที่เหมาะกับคนฝ่ามือปกติทั่วไป!
  แต่ยังไม่สิ้นสุดเพียงเท่านั้น..หลิงหยุนเดินวิชาพลังลับหยิน-หยางขั้นสุด และเริ่มถ่ายเทพลังหยางบริสุทธิ์ลงไปบนพลองเหล็กสีม่วงทองทันที!
  “นี่เจ้าคิดจะทำอะไร!”
  เฉินเจี้ยนห่าวถึงกับยิ้มค้างเพราะจู่ๆ เขาก็สัมผัสได้ว่าพลองเหล็กของตนเองนั้นค่อยๆ ร้อนขึ้นเรื่อยๆ และกำลังถูกความร้อนเผาผลาญ!
  สำหรับเฉินเจี้ยนห่าวซึ่งอยู่ในระดับสูงสุดขั้นเซียงเทียน-8และใกล้จะเข้าสู่ขั้นเซียงเทียน-9 นั้น ความร้อนเพียงแค่นี้ยังไม่สามารถทำอันตรายอะไรเขาได้ เพียงแต่สิ่งที่เกิดขึ้นเวลานี้ เป็นสิ่งที่เฉินเจี้ยนห่าวเองก็ไม่เคยได้พบเจอมาก่อนเช่นกัน เขาจึงไม่รู้ว่าหลิงหยุนกำลังคิดที่จะทำอะไรกันแน่ และเหตุใดพลองเหล็กของตนเองจึงได้ร้อนขึ้นมาได้
  “ข้าก็จะสังหารเจ้าอย่างไรเล่า”
  หลิงหยุนแสยะยิ้มพร้อมตอบกลับไปตามตรงน้ำเสียงของหลิงหยุนจริงจัง และเย็นชา อีกทั้งยังไร้ซึ่งความรู้สึกใดๆ!
  เฉินเจี้ยนห่าวนั้นแตกต่างจากยอดฝีมือของสามตระกูลเก่าแก่ที่หลิงหยุนประมือด้วยก่อนหน้านี้เฉินเจี้ยนห่าวคือคนของตระกูลเฉิน อีกทั้งยังล่วงรู้ความลับของเขามากพอที่จะทำให้เขาไม่สามารถปล่อยให้กลับออกไปจากยอดเขาเทียนเหมาเฟิงได้อีก!
  หลิงหยุนเหลือบมองเฉินเจี้ยนห่าวเขาปล่อยมือข้างซ้ายจากปลายพลองเหล็ก พร้อมกับเรียกยันต์เพชรออกมาทันที!
  หลิงหยุนจัดการปิดยันต์เพชรไว้บนร่างกายของตนเองพร้อมกับร้องตะโกนสั่งงาน และยันต์ก็ทำหน้าที่เป็นเกราะคุ้มกันร่างกายของเขาทันที
  “ข้าคืนพลองเหล็กหงิกงอนี้ให้กับเจ้าก็ได้!”
  จากนั้นหลิงหยุนก็ปล่อยมือข้างขวาที่จับพลองเหล็กไว้ออกทันทีและหมุนตัวขึ้นกลางอากาศ ในขณะเดียวกันก็เรียกยันต์เทวะเหินออกมาใช้..
  เฉินเจี้ยนห่าวแม้จะเป็นยอดฝีมือที่ฝึกจนถึงระดับสูงสุดขั้นเซียงเทียน-8แล้ว แต่ก็ไม่เคยพบเจอคู่ต่อสู้ที่มีลูกเล่นมากมายเหมือนเช่นหลิงหยุนมาก่อน จึงค่อนข้างตกใจอย่างมาก และเมื่อเห็นว่าหลิงหยุนจะเริ่มลงมือหมายสังหารตนเองแล้ว เขาก็ยิ่งไม่กล้าประมาทอีก!
  “ต้องการจะสังหารข้างั้นรึไม่ง่ายเช่นนั้นแน่!”
  เฉินเจี้ยนห่าวไม่มีเวลาครุ่นคิดเขาจัดการเหวี่ยงพลองเหล็กที่งอเป็นรูปตัวยูคว่ำใส่ร่างของหลิงหยุนทันที!
  “โอ๊ะ!”
  หลิงหยุนเองก็คาดการไว้ล่วงหน้าแล้วเขาจึงรีบกระโดดหมุนตัวขึ้นกลางอากาศหลบพลองเหล็ก ในขณะเดียวกันนั้นก็เรียกกระบี่โลหิตแดนใต้ออกมา!
  หลิงหยุนกระโดดหมุนตัวขึ้นไปบนอากาศอีกครั้งแต่เฉินเจี้ยนกุ่ยก็ได้คาดการณ์ไว้ล่วงหน้าแล้ว เขาไม่รีบร้อน จากนั้นจึงกระโดดขึ้นไปกลางอากาศสามก้าวหลบพลองเหล็กที่ถูกเหวี่ยงใส่ และเรียกกระบี่โลหิตแดนใต้ออกมา!
  “นภาสังหาร!”
  ชัวะ!
  หลิงหยุนเงื้อกระบี่ในมือขึ้นพร้อมกับตวัดเข้าใส่ร่างของเฉินเจี้ยนห่าวที่อยู่บนพื้นดินทันทีเพลงกระบี่ที่รวดเร็วของหลิงหยุนนั้นพุ่งเข้าไปราวกับจะฉีกร่างของเฉินเจี้ยนห่าวออกเป็นชิ้นๆ
  “แย่แล้ว!เหตุใดเจ้าจึงเคลื่อนที่ได้เร็วเช่นนี้”
  สิ่งที่ทำให้เฉินเจี้ยนห่าวประหลาดใจอย่างยิ่งนั้นไม่ใช่พลังปราณที่แผ่ซ่านอยู่รอบกระบี่สีดำ และไม่ใช่ความรุนแรงของเพลงกระบี่ แต่เป็นการเคลื่อนที่ที่รวดเร็วขึ้นจนน่าอัศจรรย์ของหลิงหยุนนั่นเอง!
  เพราะเวลานี้ไม่ว่าจะเป็นการเคลื่อนที่ของร่างกายหรือกระบี่ในมือของหลิงหยุน ต่างก็ดูเหมือนจะรวดเร็วขึ้นกว่าก่อนถึงสองเท่า เฉินเจี้ยนห่าวไม่มีเวลาที่จะครุ่นคิดอะไรอีก และรีบเดินลมปราณคุ้มกันร่างกายทันที!
  และทั้งหมดนั้นเกิดจากฤทธิ์ของยันต์เทวะเหินนั่นเอง!
  “ระฆังทองคุ้มกาย!”
  เวลานี้เฉินเจี้ยนห่าวไม่มีพลองเหล็กอยู่ในมือแล้วในวินาทีนั้นเขาทำได้เพียงแค่เดินลมปราณปกป้องร่างกาย และใช้วิชาระฆังทองคุ้มกายปกป้องไว้อีกชั้น แขนที่ยาวทั้งสองข้างของเฉินเจี้ยนห่าวเหยียดออกไปด้านหน้า และลมปราณภายในร่างกายก็เริ่มหมุนไปรอบตัวของเฉินเจี้ยนห่าว ก่อนที่จะกลายเป็นกลุ่มควันสีขาวขนาดใหญ่ปกคลุมร่างสูงใหญ่ของเฉินเจี้ยนห่าวจากม่านกระบี่สีดำของหลิงหยุนไว้ทันที!
  ปัง!
  ตูม!
  สิ้นเสียงดังสนั่นหวั่นไหวสั่นสะเทือนไปทั่วทั้งปฐพีมือข้างซ้ายของเฉินเจี้ยนห่าวยกขึ้นรับกระบี่ของหลิงหยุน และกระบี่ในมือของหลิงหยุนก็ฟันโดนแค่ลมปราณที่ปกคลุมร่างกายด้านนอกของเฉินเจี้ยนห่าวเท่านั้น!
  ส่วนร่างของหลิงหยุนเองก็ถึงกับกระเด็นออกไปไกลถึงยี่สิบเมตร..
  “นวสังหาร!”
  แม้ว่าดาบแรกจะไม่สามารถทำอะไรเฉินเจี้ยนห่าวได้แต่หลิงหยุนก็ไม่ได้รู้สึกประหวั่นพรั่นพรึงเลยแม้แต่น้อย และทันทีที่เท้าของเขาสัมผัสกับพื้นดิน เขาก็พุ่งกระบี่ในมือเข้าใส่เฉินเจี้ยนห่าวเป็นครั้งที่สองทันที!
  ตูม!
  เสียงตูมดังสนั่นหวั่นไหวขึ้นอีกครั้งและเฉินเจี้ยนห่าวก็ได้ใช้วิชาระฆังทองคุ้มกายป้องกันตนเองไว้เป็นครั้งที่สองเช่นเดียวกัน
  แต่ครั้งนี้พลังปราณจากกระบี่ของหลิงหยุนนั้นสามารถแทรกลงไปบนพลังปราณจากระฆังทองคุ้มกายได้บ้าง..
  “ระฆังทองคุ้มกายงั้นรึดูสิว่าข้าจะทำลายระฆังทองของเจ้าได้อย่างไร?”
  หลิงหยุนร้องตะโกนออกมาพร้อมกับกระหน่ำกระบี่ในมือซ้ายของตนเองเข้าใส่ร่างของเฉินเจี้ยนห่าวซึ่งมีวิชาระฆังทองคุ้มกายปกป้องอยู่
  “เจ้าหนู..เจ้านี่ประหลาดยิ่งนัก! เรื่องเล็กๆน้อยๆเพียงแค่นี้กลับไม่รู้! พลังปราณของผู้ที่ฝึกถึงระดับสูงสุดขั้นเซียงเทียน-8 เจ้าคิดว่าจะทำลาย ก็สามารถทำลายได้ง่ายๆ อย่างนั้นรึ”
  เวลานี้ความเร็วของเฉินเจี้ยนห่าวนั้นไม่รวดเร็วเท่ากับหลิงหยุนเขาจึงถูกหลิงหยุนฟันเข้าใส่ถึงสิบกว่าดาบต่อเนื่องกัน แม้ว่าจะมีพลังปราณปกป้องร่างกายไว้ แต่เฉินเจี้ยนห่าวก็รู้สึกว่าตนเองนั้นสามารถต้านทานหลิงหยุนได้ลำบากขึ้นเรื่อยๆ!
  ยอดฝีมือย่อมมีวิธีการของตนเอง!แม้ว่ากระบี่ของหลิงหยุนจะไม่สามารถทำอันตรายเฉินเจี้ยนห่าวได้ และดูเหมือนจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับเขาเลยแม้แต่น้อย แต่ทุกดาบที่หลิงหยุนฟันลงไปนั้น ก็สามารทำให้เฉินเจี้ยนห่าวต้องสูญเสียพลังปราณไปมากเช่นกัน!
  ระหว่างที่กระหน่ำฟันใส่ร่างของเฉินเจี้ยนห่าวนั้นหลิงหยุนเองก็ได้แต่นึกแปลกใจอยู่เงียบๆ เขาใช้ยันต์เทวะเหินที่ทำให้สามารถเคลื่อนไหวได้รวดเร็วเป็นสองเท่าจากเดิม แต่เฉินเจี้ยนห่าวกลับสามารถกลับยังสามารถรับเพลงกระบี่ของเขาได้ทัน!
  “มิน่าล่ะ..ท่านปู่ถึงได้บอกว่าแม้ว่าจะเข้าสู่ระดับสูงสุดขั้นเซียงเทียน-8 แล้ว แต่ก็ใช่ว่าจะสามารถเข้าสู่ขั้นเซียงเทียน-9 ได้ง่ายๆ และผู้ที่อยู่ในระดับสูงสุดของขั้นเซียงเทียน-8 นั้นจะแข็งแกร่งอย่างมาก”
  “เพราะอย่างนี้นี่เองเฉินเจี้ยนห่าวจึงเหนือกว่าเฉินเจี้ยนจื่อมากนัก!”
  หลิงหยุนจำได้อย่างชัดเจนว่าเมื่อครั้งที่อยู่บนเขาหยุนเมิ่งนั้นเฉินเจี้ยนจื่อเองก็ใช้วิชาระฆังทองคุ้มกายเช่นกัน แต่เขาใช้เวลาไม่นานนักก็สามารถทำลายได้ และครั้งนั้นเขาก็ได้ใช้วิชาพลังมังกรฟันร่างของเฉินเจี้ยนจื่อจนแยกออกจากกัน
  “ทำลายไม่ได้งั้นรึข้าเองก็อยากลองดู.. และจะให้เจ้าได้เห็นพลังปราณที่เกิดจากการบ่มเพาะพลังที่แท้จริง!”
  หลิงหยุนนั้นแม้ว่าจะรู้สึกตกใจอย่างที่สุด!แต่ก็ยังคงรักษาท่าทีที่สงบนิ่งไว้ได้ ทุกดาบที่กระหน่ำฟันลงไปก่อนหน้านี้นั้น ล้วนแล้วแต่ไม่เกิดผลใดๆทั้งสิ้น ครั้งนี้หลิงหยุนจึงได้เรียกยันต์เตโชออกมาราวเจ็ดแปดแผ่น!
  และมันคือยันต์เตโชระดับห้า!
  หลิงหยุนจัดการซัดยันต์เตโชทั้งแปดแผ่นเข้าที่ระฆังทองคุ้มกายของเฉินเจี้ยนห่าวพร้อมกันทั้งหมดจากนั้นจึงร้องตะโกนสั่งให้ยันต์ออกฤทธิ์ทันที
  ตูม!ตูม! ตูม! ตูม!
  เสียงระเบิดดังขึ้นติดต่อกันหลายครั้งแม้ยันต์เตโชจะไม่สามารถทำลายระฆังทองคุ้มกายของเฉินเจี้ยนห่าวได้ แต่นั่นก็ทำให้เฉินเจี้ยนห่าวไม่อาจนิ่งเฉยต่อไปได้เช่นกัน!
  “แย่แล้ว!”
  เฉินเจี้ยนห่าวกระโจนขึ้นสู่ท้องฟ้าทันทีเพื่อหลบกระบี่ของหลิงหยุนที่กำลังจะฟันลงมา!
  “นี่มันอะไรกัน!”
  “นี่เจ้าสามารถใช้พลังปราณสร้างอาวุธเหล่านี้ได้ด้วยงั้นรึ”
  เวลานี้เฉินเจี้ยนห่าวไม่มีระฆังทองคุ้มกายปกป้องแล้วหลิงหยุนจึงไม่ทิ้งโอกาสดีๆ ที่หาได้ยากเช่นนี้อย่างแน่นอน เขารีบเรียกคันธนูทองออกมาทันที
  ฟิ้ว..ฟิ้ว.. ฟิ้ว..
  ลูกธนูเงินสามดอกที่อาบด้วยพลังหยินเย็นยะเยือกของหลิงหยุนพุ่งออกจากคันธนูและทะยานเข้าใส่ร่างของเฉินเจี้ยนห่าวด้วยความรวดเร็วปานสายฟ้า!
  แต่ระยะห่างสิบกว่าเมตรนี้ก็ยาวไกลพอที่จะให้เฉินเจี้ยนห่าวใช้วิชาระฆังทองคุ้มกายอีกครั้งลูกธนูอาบพลังหยินที่เย็นยะเยือกจึงไม่ถูกต้องร่างของเฉินเจี้ยนห่าวอย่างที่ตั้งใจ..
  ลูกธนูเงินทั้งสามดอกเมื่อกระทบกับระฆังทองคุ้มกายของเฉินเจี้ยนห่าวก็กระเด็นหายไปทันที..
  เสียงสายธนูยังคงสั่นรุนแรงอย่างต่อเนื่องและลูกธนูแหลมคมก็พุ่งเข้าใส่ร่างของเฉินเจี้ยนห่าวไม่หยุด!
  หลิงหยุนนั้นเป็นผู้ที่สามารถฉกฉวยหาจังหวะและโอกาสได้ดีเขาไม่สนใจว่าลูกธนูแหลมคมนั้นจะทำร้ายเฉินเจี้ยนห่าวได้หรือไม่ แต่เขาต้องการให้ลูกธนูแต่ละดอกที่ยิ่งออกไปนั้น ทำให้เฉินเจี้ยนห่าวต้องสูญเสียพลังปราณของตนเองไป..
  “นี่..เจ้าเล่นพอใจหรือยัง”  แม้ว่าเฉินเจี้ยนห่าวจะไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อยแต่ก็รู้สึกหงุดหงิดกับหลิงหยุนมาก มีหรือที่เขาจะไม่เข้าใจจุดประสงค์ของหลิงหยุนว่าต้องการให้เขาสูญเสียพลังปราณไป..
  เฉินเจี้ยนห่าวซัดฝ่ามือเข้าใส่ลูกธนูแหลมคมที่พุ่งเข้าใส่อย่างไม่หยุดยั้ง
  และในที่สุดเฉินเจี้ยนห่าวก็ร่อนลงสู่พื้นดินเขาใช้กำลังภายในไปไม่น้อย และเริ่มหายใจแรงขึ้น ถึงกระนั้นก็ยังพูดออกมาอย่างยะโสโอหัง
  “เจ้าหนู..คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะสามารถรับมือข้ามาได้จนถึงตอนนี้ แต่เพียงแค่นี้ยังไม่พอที่จะสามารถเอาชนะข้าได้หรอกนะ! เจ้ายังมีความสามารถอะไรอีกก็รีบขุดออกมาใช้ให้หมด!”
  แม้เฉินเจี้ยนห่าวพูดออกไปเช่นนั้นแต่ในใจกลับหวั่นไหวไม่น้อย! เขาเป็นถึงยอดฝีมือระดับสูงสุดขั้นเซียงเทียน-8 ซึ่งมีพลังปราณแข็งแกร่งอย่างที่สุด อีกทั้งยังมีวรยุทธสูงส่ง แต่หลิงหยุนกลับสามารถรับมือเขามาได้นานจนถึงตอนนี้ เขาย่อมต้องสูญเสียพลังปราณไปมากเช่นกัน..
  แต่เหตุใดหลิงหยุนจึงดูไม่วิตกว่าพลังปราณจะสูญเสียไปจนหมดและสุดท้ายตนเองก็ต้องรอคอยความตาย!
  เฉินเจี้ยนห่าวรู้ดีว่าผู้ที่สูญเสียพลังปราณก่อนย่อมต้องเป็นฝ่ายเสียเปรียบและถึงแม้ตัวเขาเองจะเริ่มอ่อนล้าลงบ้าง แต่ก็ยังมั่นใจว่าพลังปราณของหลิงหยุนนั้นไม่มีทางที่จะแข็งแกร่งไปกว่าตนเองอย่างแน่นอน!
  เมื่อเฉินเจี้ยนห่าวลงมาที่พื้นดินแล้วหลิงหยุนจึงจัดการเก็บคันธนูทองคำกลับเข้าไป และเริ่มหายใจแรงขึ้นเพราะใช้พลังไปมาก!
  แทบไม่ต้องสงสัยเลยว่า..ตั้งแต่ที่หลิงหยุนผ่านการต่อสู้มานับครั้งไม่ถ้วนนั้น ครั้งนี้นับว่าเป็นการต่อสู้ที่ยากลำบากที่สุดของหลิงหยุน!
  “นี่เจ้าหนู..พลังปราณของเจ้าหมดแล้วสินะ ถึงคราวของข้าบ้างแล้ว!”
  เฉินเจี้ยนห่าวจับตามองหลิงหยุนอย่างใกล้ชิดและเมื่อมั่นใจว่าหลิงหยุนไม่สามารถทานทนได้อีกแล้ว เขาจึงร้องบอกด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม..
  แต่แล้วเฉินเจี้ยนห่าวก็ถึงกับชะงักและจ้องมองหลิงหยุนด้วยสายตางุนงง..
  เพราะจู่ๆก็มีน้ำเต้าขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นในมือข้างซ้ายของหลิงหยุน และเขาก็กำลังยกมันขึ้นดื่ม!
  สิ่งนี้คือน้ำลายมังกร!