ตอนที่ 85-6 ฝ่าบาท องค์หญิงเสวี่ยตั้งครรภ์

จำนนรักชายาตัวร้าย

เมื่อซย่าโหวจวินอวี่มองดูโดยละเอียด ก็พบว่านางกำนัลคนนี้เป็นนางกำนัลข้างกายซย่าโหวเสวี่ย

 

 

ถึงแม้ว่าเวลาที่เขาได้อยู่กับซย่าโหวฉิงเทียนตามลำพังจะถูกขัดจังหวะ ทำให้ซย่าโหวจวินอวี่อวี่ไม่ค่อยสบอารมณ์สักเท่าไหร่นัก แต่เมื่อได้ยินว่าองค์หญิงเสวี่ยเป็นลมหมดสติไป ซย่าโหวจวินอวี่ก็กังวลใจไม่น้อย

 

 

“เชิญหมอหลวงมาหรือยัง”

 

 

“องค์หญิงทรงมิให้เชิญหมอหลวงเพคะ! ทั้งยังมิให้บ่าวมาทูลรายงาน แต่บ่าวเป็นห่วงพระองค์จนทนไม่ไหว จึงแอบออกมาทูลรายงานเพคะ บ่าวขอร้องฝ่าบาท ขอทรงเสด็จไปเยี่ยมองค์หญิงด้วยเถิดเพคะ พระพักตร์ของพระองค์มิสู้ดีเลยเพคะ!”

 

 

ได้ฟังดังนั้น ในที่สุดซย่าโหวจวินอวี่ก็ลุกยืนขึ้น

 

 

ก่อนหน้านี้เพราะเรื่องที่ซย่าโหวจวินอวี่แอบหนีออกไปนอกวัง ทำให้ซย่าโหวจวินอวี่พิโรธเป็นอย่างมาก ทั้งยังสั่งลงโทษหลิวฮองเฮาด้วย

 

 

แต่เมื่อรอจนกระทั่งซย่าโหวเสวี่ยกลับมาในสภาพแทบจะไร้วิญญาณ ทำซย่าโหวจวินอวี่ใจอ่อนมิได้สั่งลงโทษนางรุนแรง เพียงแต่ให้นางเก็บตัวสำนึกผิด ห้ามออกไปไหน แม้กระทั่งฮองเฮาก็ห้ามมิให้เข้าเยี่ยมนาง

 

 

ใครจะคาดคิด ผ่านไปเพียงไม่กี่วัน ซย่าโหวเสวี่ยกลับล้มป่วยลงเลยหรือ

 

 

“เสด็จพี่ ท่านรีบเสด็จไปดูเถอะ! ข้าเองก็ไม่ได้พบหลานสาวตั้งนานแล้ว พวกเราไปเยี่ยมนางด้วยกัน!”

 

 

ซย่าโหวฉิงเทียนกล่าวขึ้นยิ้มๆ

 

 

ได้เห็นรอยยิ้มของซย่าโหวฉิงเทียน ทำเอานางกำนัลถึงกับอดมิได้ที่จะพร่ำบ่นออกมา

 

 

ให้ตายเถอะ เหตุใดรอยยิ้มของหลินเจียงอ๋องถึงได้น่าหวาดกลัวเช่นนี้นะ

 

 

พลันนางกำนัลก็เพิ่งรู้สึกตัวว่า การที่นางเข้ามาขัดจังหวะระหว่างฝ่าบาทกับหลินเจียงอ๋อง เป็นการตัดสินใจที่ผิดมหันต์

 

 

ประโยคเมื่อครู่ของซย่าโหวฉิงเทียน ทำให้ซย่าโหวจวินอวี่สั่งเตรียมขบวน เดินทางไปเยี่ยมซย่าโหวเสวี่ยพร้อมกับซย่าโหวฉิงเทียน

 

 

เมื่อผ่านเข้าประตูตำหนักไป ก็เห็นนางกำนัลมากมายยืนล้อมซย่าโหวเสวี่ยอยู่ด้วยสีหน้าร้อนใจ

 

 

ส่วนซย่าโหวเสวี่ยนอนอยู่บนเตียง ดวงตาคู่สวยปิดสนิท ใบหน้าซีดขาว แก้มทั้งสองข้างแดงขึ้นเล็กน้อยเนื่องด้วยความผิดปกติของร่างกาย ดูท่าแล้วอาการป่วยของนางคงจะไม่น้อยทีเดียว

 

 

“ตามหมอหลวง!”

 

 

เห็นดังนั้นซย่าโหวจวินอวี่ก็สั่งการให้เซี่ยงจิ้นตามหมอหลวงประจำพระองค์ของตนมา

 

 

ไม่นาน หลิวฮองเฮาก็รีบร้อนเข้ามา

 

 

เมื่อนางเห็นฮ่องเต้และหลินเจียงอ๋องอยู่พร้อมหน้า หลิวฮองเฮาก็หันให้ทำความเคารพซย่าโหวจวินอวี่ทันที

 

 

“ไม่ต้อง…”

 

 

ซย่าโหวจวินอวี่ร้องบอกอย่างตัดรำคาญ

 

 

อีกด้านหนึ่งก็คือเขายังไม่ยกโทษให้กับหลิวฮองเฮา อีกด้านหนึ่งก็กำลังเป็นห่วงอาการของซย่าโหวเสวี่ย

 

 

“ฝ่าบาท เสวี่ยเป็นอะไรกันแน่เพคะ”

 

 

ฮองเฮารู้ดีว่าฮ่องเต้มิทรงโปรดทอดพระเนตรเห็นตนเอง จึงหลบไปนั่งด้านข้าง มองดูซย่าโหวเสวี่ย ด้วยสีหน้าเป็นห่วงเป็นใย

 

 

“ข้าได้เชิญท่านหมอหลวงหวังมาแล้ว อีกไม่นานก็คงมาถึง!”

 

 

ว่าแล้วหมอหลวงหวังก็วิ่งกระหืดกระหอบเข้ามา เบื้องหลังของเขาติดตามด้วยเด็กบดยาสองคน ทั้งสองแบกกระเป๋ายาวิ่งตามเข้ามา

 

 

เมื่อเหลือบเห็นหมอหลวงหวังวิ่งเข้ามา ซย่าโหวจวินอวี่ก็รีบกวักมือเรียกเขาเข้ามาเพื่อตรวจอาการให้กับซย่าโหวเสวี่ยทันที

 

 

ในขณะที่หมอหลวงหวังกำลังวางผ้าแพรผืนบางลงบนข้อมือของซย่าโหวเสวี่ยนั่นเอง นางก็ลืมตาตื่นขึ้นเมื่อเหลือบมองเห็นหมอหลวง ซย่าโหวเสวี่ยก็ตกใจเป็นอย่างมาก แล้วผลักหมอหลวงหวังอย่างแรง

 

 

“บังอาจ นี่ท่านกำลังจะทำอะไร”

 

 

ในตอนนั้นเองนางจึงพบว่า ซย่าโหวจวินอวี่อวี่นั่งอยู่ข้างกายของนาง

 

 

“เสด็จพ่อ เหตุใดจึงทรงมาอยู่ที่นี่เพคะ…”

 

 

ซย่าโหวเสวี่ยตื่นตระหนกจนทนแทบไม่ไหว ในใจของนางกำลังหวาดกลัวเป็นอย่างมาก

 

 

ไม่ได้ จะให้เสด็จพ่อล่วงรู้เรื่องนี้มิได้ มิเช่นนั้นจะต้องทรงสังหารนางเป็นแน่!

 

 

“พ่อได้ยินว่าเจ้าเป็นลมหมดสติ เป็นห่วงจึงได้มาเยี่ยมเจ้า ทั้งยังเชิญหมอหลวงหวังมาตรวจอาการให้เจ้าด้วย แล้วนี่เจ้าเป็นอะไรไป”

 

 

ซย่าโหวจวินอวี่เห็นการกระทำของซย่าโหวเสวี่ยก็โกรธเคืองไม่น้อย

 

 

“เสด็จพ่อ ลูกไม่ได้เจ็บป่วยอะไร! ลูกสบายดีเพคะ! บ่าวไพร่ผู้ใดที่บังอาจเพ็ดทูลต่อหน้าพระพักตร์ ทำให้เสด็จพ่อทรงเป็นห่วงได้ ลูกไม่เป็นอะไรจริงๆเพคะ!”

 

 

 ซย่าโหวเสวี่ยพยายามยืนยันอย่างสุดความสามารถว่าตนเองสบายดี ถึงขนาดจะลงจากเตียง ก้าวเดิน เพื่อที่จะแสดงให้ซย่าโหวจวินอวี่ได้ดูว่าตนเองไม่เป็นอะไร

 

 

ใครจะคาดคิด เพียงแค่ปลายเท้าแตะลงที่พื้น ซย่าโหวเสวี่ยก็ร่างอ่อนปวกเปียก ทรุดลงที่พื้นทันที

 

 

“ยังจะบอกว่าไม่เป็นไรอีก เจ้าจะอวดเก่งไปถึงเมื่อไหร่กัน”

 

 

จะชั่วดีอย่างไรซย่าโหวเสวี่ยก็เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของเขา จะให้ซย่าโหวจวินอวี่สั่งสอนลูกในขณะที่เจ็บไข้ได้ป่วยเขาทำไม่ลง

 

 

ดังนั้น ฮ่องเต้จึงประคองซย่าโหวเสวี่ยขึ้นมาด้วยพระองค์เอง แล้วสั่งให้นางนอนลงบนเตียงให้หมอหลวงหวังตรวจดูอาการ

 

 

“เสด็จพ่อ ลูกไม่เป็นอะไรจริงๆ เพคะ!”

 

 

ยิ่งเมื่อเห็นหมอหลวงหวังเดินเข้ามาใกล้ ซย่าโหวเสวี่ยก็ยิ่งตื่นตระหนกหวาดกลัวจนร่างทั้งร่างสั่นเทิ้ม

 

 

ไม่ได้!

 

 

หมอหลวงหวังวิชาแพทย์สูงส่ง หากให้เขาตรวจอาการ เขาจะต้องพบความผิดปกติเป็นแน่!

 

 

“เสด็จแม่ ลูกไม่เป็นอะไรจริงๆ เสด็จแม่ช่วยลูกทูลเสด็จพ่อสิเพคะ!”

 

 

หลิวฮองเฮาไหนเลยจะฟังคำของซย่าโหวเสวี่ย

 

 

นางมีเพียงบุตรสาวสุดที่รักคนนี้เพียงคนเดียว เมื่อได้ยินว่าบุตรสาวเป็นลมล้มพับ ทั้งยังเรื่องถึงฝ่าบาท หลิวฮองเฮาก็กังวลใจเป็นอย่างมาก

 

 

เจ็บป่วย ก็ต้องหาหมอให้รักษา นี่เป็นเรื่องปกติ

 

 

ยิ่งกว่านั้นนี่เป็นโอกาสอันดีที่จะประสานรอยร้าวระหว่างพ่อลูก!

 

 

หลิวฮองเฮารู้ดีว่า ซย่าโหวจวินอวี่มักจะเห็นแก่ความสัมพันธ์เก่าก่อน

 

 

นางเองติดตามซย่าโหวจวินอวี่มานาน แน่นอนว่าย่อมต้องรับรู้เรื่องราวเกี่ยวกับพระองค์อยู่บ้าง

 

 

ซย่าโหวจวินอวี่รูปร่างหน้าตาคล้ายคลึงกับมู่หรงเยียน และนี่เป็นเหตุผลว่าเพราะเหตุใด ในบรรดาลูกสาวลูกชายมากมาย ซย่าโหวจวินอวี่ถึงได้รักซย่าโหวเสวี่ยมากกว่าใคร

 

 

มาวันนี้ ซย่าโหวเสวี่ยใช้อาการป่วยของตนเพื่อให้ได้รับความรักจากเสด็จพ่อ โอกาสดีเช่นนี้ หลิวฮองเฮาจะปล่อยผ่านได้อย่างไรกัน!

 

 

“เสวี่ยเอ๋อร์ เจ้าอย่ากล่าวโง่ๆเช่นนั้นเลย! สีหน้าของเจ้าย่ำแย่เพียงนี้ จะต้องล้มป่วยเป็นแน่!”

 

 

“บ่าวไพร่พวกนี้ดูแลเจ้าอย่างไรกัน สมควรตายยิ่งนัก!”

 

 

คำพูดของฮองเฮา ทำให้เหล่านางกำนัลขันทีของซย่าโหวเสวี่ยทรุดคุกเข่าลงกับพื้น ร้องขอชีวิต

 

 

“บ่าวสมควรตาย ฮองเฮาทรงไว้ชีวิตด้วย!”

 

 

“พอแล้ว หุบปากให้หมด!”

 

 

ซย่าโหวจวินอวี่กล่าวตวาดขึ้นด้วยความปวดหัว

 

 

นานๆที ที่ซย่าโหวฉิงเทียนจะกลับมาสักครั้ง ใครจะไปคิดว่าจะเกิดเรื่องเช่นนี้ น่าปวดหัวจริงๆ

 

 

“หมอหลวงหวัง ท่านตรวจอาการองค์หญิงให้ดีๆ นางเป็นอะไรกันแน่ เสวี่ยเอ๋อร์ถึงได้ล้มป่วยลงขนาดนี้!”

 

 

“เสด็จพ่อ ลูกไม่ได้เป็นอะไร ลูกสบายดี!”

 

 

ขณะที่สถานการณ์กำลังคับขัน ขณะที่ซย่าโหวเสวี่ยต้องการที่จะชันกายลุกขึ้น ทว่ามีพละกำลังมหาศาลซึ่งไม่รู้มาจากที่ใดกดนางเอาไว้บนเตียง ขยับเขยื้อนไปไหนไม่ได้ แม้กระทั่งลำคอของนาง ราวกับว่ามีอะไรบางอย่างอุดเอาไว้อย่างไรอย่างนั้น ทำให้แม้จะเอื้อนเอ่ยคำพูดออกมาก็ทำไม่ได้

 

 

นี่เกิดอะไรขึ้นกัน!

 

 

ซย่าโหวเสวี่ยในตอนนี้ทั้งตื่นตระหนกทั้งหวาดกลัว แต่นางก็ทำได้เพียงมองดูหมอหลวงหวังยื่นมือออกมาจับชีพจรตรวจอาการของนางเท่านั้น

 

 

จะทำอย่างไรดี ครั้งนี้นางต้องตายแน่!

 

 

ความหวาดกลัวที่มิเคยมีมาก่อนก่อตัวเข้าเกาะกุมหัวใจของซย่าโหวเสวี่ย ในท้ายที่สุดมันก็คืบคลานไปทั่วร่าง

 

 

ผลตรวจที่ออกมาทำเอาหมอหลวงหวังถึงกับตกตะลึง

 

 

เมื่อเห็นสีหน้าของหมอหลวงประจำตัวแปลกไป ความอดทนอันน้อยนิดของซย่าโหวจวินอวี่ก็หมดลงทันที

 

 

“ว่ามา องค์หญิงเป็นอะไร”

 

 

“ฝ่าบาท…”

 

 

หมอหลวงหวังคุกเข่าลงที่เบื้องหน้าของซย่าโหวจวินอวี่และหลิวฮองเฮาด้วยท่าทีหวาดกลัว

 

 

แล้วกล่าวผลการตรวจออกมา

 

 

“องค์หญิงเสวี่ยทรงตั้งครรภ์พ่ะย่ะค่ะ”