เมื่อซย่าโหวจวินอวี่มองดูโดยละเอียด ก็พบว่านางกำนัลคนนี้เป็นนางกำนัลข้างกายซย่าโหวเสวี่ย
ถึงแม้ว่าเวลาที่เขาได้อยู่กับซย่าโหวฉิงเทียนตามลำพังจะถูกขัดจังหวะ ทำให้ซย่าโหวจวินอวี่อวี่ไม่ค่อยสบอารมณ์สักเท่าไหร่นัก แต่เมื่อได้ยินว่าองค์หญิงเสวี่ยเป็นลมหมดสติไป ซย่าโหวจวินอวี่ก็กังวลใจไม่น้อย
“เชิญหมอหลวงมาหรือยัง”
“องค์หญิงทรงมิให้เชิญหมอหลวงเพคะ! ทั้งยังมิให้บ่าวมาทูลรายงาน แต่บ่าวเป็นห่วงพระองค์จนทนไม่ไหว จึงแอบออกมาทูลรายงานเพคะ บ่าวขอร้องฝ่าบาท ขอทรงเสด็จไปเยี่ยมองค์หญิงด้วยเถิดเพคะ พระพักตร์ของพระองค์มิสู้ดีเลยเพคะ!”
ได้ฟังดังนั้น ในที่สุดซย่าโหวจวินอวี่ก็ลุกยืนขึ้น
ก่อนหน้านี้เพราะเรื่องที่ซย่าโหวจวินอวี่แอบหนีออกไปนอกวัง ทำให้ซย่าโหวจวินอวี่พิโรธเป็นอย่างมาก ทั้งยังสั่งลงโทษหลิวฮองเฮาด้วย
แต่เมื่อรอจนกระทั่งซย่าโหวเสวี่ยกลับมาในสภาพแทบจะไร้วิญญาณ ทำซย่าโหวจวินอวี่ใจอ่อนมิได้สั่งลงโทษนางรุนแรง เพียงแต่ให้นางเก็บตัวสำนึกผิด ห้ามออกไปไหน แม้กระทั่งฮองเฮาก็ห้ามมิให้เข้าเยี่ยมนาง
ใครจะคาดคิด ผ่านไปเพียงไม่กี่วัน ซย่าโหวเสวี่ยกลับล้มป่วยลงเลยหรือ
“เสด็จพี่ ท่านรีบเสด็จไปดูเถอะ! ข้าเองก็ไม่ได้พบหลานสาวตั้งนานแล้ว พวกเราไปเยี่ยมนางด้วยกัน!”
ซย่าโหวฉิงเทียนกล่าวขึ้นยิ้มๆ
ได้เห็นรอยยิ้มของซย่าโหวฉิงเทียน ทำเอานางกำนัลถึงกับอดมิได้ที่จะพร่ำบ่นออกมา
ให้ตายเถอะ เหตุใดรอยยิ้มของหลินเจียงอ๋องถึงได้น่าหวาดกลัวเช่นนี้นะ
พลันนางกำนัลก็เพิ่งรู้สึกตัวว่า การที่นางเข้ามาขัดจังหวะระหว่างฝ่าบาทกับหลินเจียงอ๋อง เป็นการตัดสินใจที่ผิดมหันต์
ประโยคเมื่อครู่ของซย่าโหวฉิงเทียน ทำให้ซย่าโหวจวินอวี่สั่งเตรียมขบวน เดินทางไปเยี่ยมซย่าโหวเสวี่ยพร้อมกับซย่าโหวฉิงเทียน
เมื่อผ่านเข้าประตูตำหนักไป ก็เห็นนางกำนัลมากมายยืนล้อมซย่าโหวเสวี่ยอยู่ด้วยสีหน้าร้อนใจ
ส่วนซย่าโหวเสวี่ยนอนอยู่บนเตียง ดวงตาคู่สวยปิดสนิท ใบหน้าซีดขาว แก้มทั้งสองข้างแดงขึ้นเล็กน้อยเนื่องด้วยความผิดปกติของร่างกาย ดูท่าแล้วอาการป่วยของนางคงจะไม่น้อยทีเดียว
“ตามหมอหลวง!”
เห็นดังนั้นซย่าโหวจวินอวี่ก็สั่งการให้เซี่ยงจิ้นตามหมอหลวงประจำพระองค์ของตนมา
ไม่นาน หลิวฮองเฮาก็รีบร้อนเข้ามา
เมื่อนางเห็นฮ่องเต้และหลินเจียงอ๋องอยู่พร้อมหน้า หลิวฮองเฮาก็หันให้ทำความเคารพซย่าโหวจวินอวี่ทันที
“ไม่ต้อง…”
ซย่าโหวจวินอวี่ร้องบอกอย่างตัดรำคาญ
อีกด้านหนึ่งก็คือเขายังไม่ยกโทษให้กับหลิวฮองเฮา อีกด้านหนึ่งก็กำลังเป็นห่วงอาการของซย่าโหวเสวี่ย
“ฝ่าบาท เสวี่ยเป็นอะไรกันแน่เพคะ”
ฮองเฮารู้ดีว่าฮ่องเต้มิทรงโปรดทอดพระเนตรเห็นตนเอง จึงหลบไปนั่งด้านข้าง มองดูซย่าโหวเสวี่ย ด้วยสีหน้าเป็นห่วงเป็นใย
“ข้าได้เชิญท่านหมอหลวงหวังมาแล้ว อีกไม่นานก็คงมาถึง!”
ว่าแล้วหมอหลวงหวังก็วิ่งกระหืดกระหอบเข้ามา เบื้องหลังของเขาติดตามด้วยเด็กบดยาสองคน ทั้งสองแบกกระเป๋ายาวิ่งตามเข้ามา
เมื่อเหลือบเห็นหมอหลวงหวังวิ่งเข้ามา ซย่าโหวจวินอวี่ก็รีบกวักมือเรียกเขาเข้ามาเพื่อตรวจอาการให้กับซย่าโหวเสวี่ยทันที
ในขณะที่หมอหลวงหวังกำลังวางผ้าแพรผืนบางลงบนข้อมือของซย่าโหวเสวี่ยนั่นเอง นางก็ลืมตาตื่นขึ้นเมื่อเหลือบมองเห็นหมอหลวง ซย่าโหวเสวี่ยก็ตกใจเป็นอย่างมาก แล้วผลักหมอหลวงหวังอย่างแรง
“บังอาจ นี่ท่านกำลังจะทำอะไร”
ในตอนนั้นเองนางจึงพบว่า ซย่าโหวจวินอวี่อวี่นั่งอยู่ข้างกายของนาง
“เสด็จพ่อ เหตุใดจึงทรงมาอยู่ที่นี่เพคะ…”
ซย่าโหวเสวี่ยตื่นตระหนกจนทนแทบไม่ไหว ในใจของนางกำลังหวาดกลัวเป็นอย่างมาก
ไม่ได้ จะให้เสด็จพ่อล่วงรู้เรื่องนี้มิได้ มิเช่นนั้นจะต้องทรงสังหารนางเป็นแน่!
“พ่อได้ยินว่าเจ้าเป็นลมหมดสติ เป็นห่วงจึงได้มาเยี่ยมเจ้า ทั้งยังเชิญหมอหลวงหวังมาตรวจอาการให้เจ้าด้วย แล้วนี่เจ้าเป็นอะไรไป”
ซย่าโหวจวินอวี่เห็นการกระทำของซย่าโหวเสวี่ยก็โกรธเคืองไม่น้อย
“เสด็จพ่อ ลูกไม่ได้เจ็บป่วยอะไร! ลูกสบายดีเพคะ! บ่าวไพร่ผู้ใดที่บังอาจเพ็ดทูลต่อหน้าพระพักตร์ ทำให้เสด็จพ่อทรงเป็นห่วงได้ ลูกไม่เป็นอะไรจริงๆเพคะ!”
ซย่าโหวเสวี่ยพยายามยืนยันอย่างสุดความสามารถว่าตนเองสบายดี ถึงขนาดจะลงจากเตียง ก้าวเดิน เพื่อที่จะแสดงให้ซย่าโหวจวินอวี่ได้ดูว่าตนเองไม่เป็นอะไร
ใครจะคาดคิด เพียงแค่ปลายเท้าแตะลงที่พื้น ซย่าโหวเสวี่ยก็ร่างอ่อนปวกเปียก ทรุดลงที่พื้นทันที
“ยังจะบอกว่าไม่เป็นไรอีก เจ้าจะอวดเก่งไปถึงเมื่อไหร่กัน”
จะชั่วดีอย่างไรซย่าโหวเสวี่ยก็เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของเขา จะให้ซย่าโหวจวินอวี่สั่งสอนลูกในขณะที่เจ็บไข้ได้ป่วยเขาทำไม่ลง
ดังนั้น ฮ่องเต้จึงประคองซย่าโหวเสวี่ยขึ้นมาด้วยพระองค์เอง แล้วสั่งให้นางนอนลงบนเตียงให้หมอหลวงหวังตรวจดูอาการ
“เสด็จพ่อ ลูกไม่เป็นอะไรจริงๆ เพคะ!”
ยิ่งเมื่อเห็นหมอหลวงหวังเดินเข้ามาใกล้ ซย่าโหวเสวี่ยก็ยิ่งตื่นตระหนกหวาดกลัวจนร่างทั้งร่างสั่นเทิ้ม
ไม่ได้!
หมอหลวงหวังวิชาแพทย์สูงส่ง หากให้เขาตรวจอาการ เขาจะต้องพบความผิดปกติเป็นแน่!
“เสด็จแม่ ลูกไม่เป็นอะไรจริงๆ เสด็จแม่ช่วยลูกทูลเสด็จพ่อสิเพคะ!”
หลิวฮองเฮาไหนเลยจะฟังคำของซย่าโหวเสวี่ย
นางมีเพียงบุตรสาวสุดที่รักคนนี้เพียงคนเดียว เมื่อได้ยินว่าบุตรสาวเป็นลมล้มพับ ทั้งยังเรื่องถึงฝ่าบาท หลิวฮองเฮาก็กังวลใจเป็นอย่างมาก
เจ็บป่วย ก็ต้องหาหมอให้รักษา นี่เป็นเรื่องปกติ
ยิ่งกว่านั้นนี่เป็นโอกาสอันดีที่จะประสานรอยร้าวระหว่างพ่อลูก!
หลิวฮองเฮารู้ดีว่า ซย่าโหวจวินอวี่มักจะเห็นแก่ความสัมพันธ์เก่าก่อน
นางเองติดตามซย่าโหวจวินอวี่มานาน แน่นอนว่าย่อมต้องรับรู้เรื่องราวเกี่ยวกับพระองค์อยู่บ้าง
ซย่าโหวจวินอวี่รูปร่างหน้าตาคล้ายคลึงกับมู่หรงเยียน และนี่เป็นเหตุผลว่าเพราะเหตุใด ในบรรดาลูกสาวลูกชายมากมาย ซย่าโหวจวินอวี่ถึงได้รักซย่าโหวเสวี่ยมากกว่าใคร
มาวันนี้ ซย่าโหวเสวี่ยใช้อาการป่วยของตนเพื่อให้ได้รับความรักจากเสด็จพ่อ โอกาสดีเช่นนี้ หลิวฮองเฮาจะปล่อยผ่านได้อย่างไรกัน!
“เสวี่ยเอ๋อร์ เจ้าอย่ากล่าวโง่ๆเช่นนั้นเลย! สีหน้าของเจ้าย่ำแย่เพียงนี้ จะต้องล้มป่วยเป็นแน่!”
“บ่าวไพร่พวกนี้ดูแลเจ้าอย่างไรกัน สมควรตายยิ่งนัก!”
คำพูดของฮองเฮา ทำให้เหล่านางกำนัลขันทีของซย่าโหวเสวี่ยทรุดคุกเข่าลงกับพื้น ร้องขอชีวิต
“บ่าวสมควรตาย ฮองเฮาทรงไว้ชีวิตด้วย!”
“พอแล้ว หุบปากให้หมด!”
ซย่าโหวจวินอวี่กล่าวตวาดขึ้นด้วยความปวดหัว
นานๆที ที่ซย่าโหวฉิงเทียนจะกลับมาสักครั้ง ใครจะไปคิดว่าจะเกิดเรื่องเช่นนี้ น่าปวดหัวจริงๆ
“หมอหลวงหวัง ท่านตรวจอาการองค์หญิงให้ดีๆ นางเป็นอะไรกันแน่ เสวี่ยเอ๋อร์ถึงได้ล้มป่วยลงขนาดนี้!”
“เสด็จพ่อ ลูกไม่ได้เป็นอะไร ลูกสบายดี!”
ขณะที่สถานการณ์กำลังคับขัน ขณะที่ซย่าโหวเสวี่ยต้องการที่จะชันกายลุกขึ้น ทว่ามีพละกำลังมหาศาลซึ่งไม่รู้มาจากที่ใดกดนางเอาไว้บนเตียง ขยับเขยื้อนไปไหนไม่ได้ แม้กระทั่งลำคอของนาง ราวกับว่ามีอะไรบางอย่างอุดเอาไว้อย่างไรอย่างนั้น ทำให้แม้จะเอื้อนเอ่ยคำพูดออกมาก็ทำไม่ได้
นี่เกิดอะไรขึ้นกัน!
ซย่าโหวเสวี่ยในตอนนี้ทั้งตื่นตระหนกทั้งหวาดกลัว แต่นางก็ทำได้เพียงมองดูหมอหลวงหวังยื่นมือออกมาจับชีพจรตรวจอาการของนางเท่านั้น
จะทำอย่างไรดี ครั้งนี้นางต้องตายแน่!
ความหวาดกลัวที่มิเคยมีมาก่อนก่อตัวเข้าเกาะกุมหัวใจของซย่าโหวเสวี่ย ในท้ายที่สุดมันก็คืบคลานไปทั่วร่าง
ผลตรวจที่ออกมาทำเอาหมอหลวงหวังถึงกับตกตะลึง
เมื่อเห็นสีหน้าของหมอหลวงประจำตัวแปลกไป ความอดทนอันน้อยนิดของซย่าโหวจวินอวี่ก็หมดลงทันที
“ว่ามา องค์หญิงเป็นอะไร”
“ฝ่าบาท…”
หมอหลวงหวังคุกเข่าลงที่เบื้องหน้าของซย่าโหวจวินอวี่และหลิวฮองเฮาด้วยท่าทีหวาดกลัว
แล้วกล่าวผลการตรวจออกมา
“องค์หญิงเสวี่ยทรงตั้งครรภ์พ่ะย่ะค่ะ”