“ข้าไม่ได้ผอมลงเสียหน่อย”
ถึงแม้ว่าซย่าโหวฉิงเทียนจะรู้สึกอบอุ่นใจเป็นอันมาก แต่เรื่องนี้เขาจำเป็นต้องพูดแก้ให้ถูกต้อง
“ข้าบอกว่าเจ้าผ่ายผอมลงไป เจ้าก็ผอมลงไป! ข้าคือโอรสสวรรค์ วาจาศักดิ์สิทธิ์นัก!”
ซย่าโหวจวินอวี่กล่าวต่อโดยไม่รู้ไม่ชี้ว่า
“อย่างไรเสียคืนนี้เจ้าก็ต้องกินข้าวสามชาม มิเช่นนั้นข้าไม่ยอมปล่อยเจ้ากลับไปแน่!”
“รับด้วยเกล้า!”
ซย่าโหวฉิงเทียนอดมิได้ที่จะคิดถึงคำพูดของอวี้เฟยเยียนก่อนหน้านี้ ใครๆ ต่างก็บอกว่าคนรอบข้างคือผู้ที่มองเห็นชัดเจนที่สุด แท้ที่จริงแล้วฝ่าบาททรงดีกับเขายิ่งนัก ทรงปฏิบัติกับเขาราวกับบุตรชายแท้ๆก็ไม่ปาน!
ซย่าโหวฉิงเทียนอยู่รับอาหารเย็นเป็นเพื่อนซย่าโหวจวินอวี่ ทำให้ทรงดีพระทัยเป็นอันมาก เครื่องเสวยแต่ละอย่างก็ทรงบอกย้ำแล้วย้ำอีกว่าให้ซย่าโหวฉิงเทียนกินให้มาก คาดว่าจะให้ซย่าโหวฉิงเทียนกินจนอ้วนภายในมื้อเดียวก็ว่าได้
“ไม่กินแล้ว! เดี๋ยวจะอ้วนเอา!”
ซย่าโหวฉิงเทียนกล่าวขึ้นอย่างใส่ใจรูปร่างของตนเอง
“บุรุษน่ะจะต้องมีเนื้อมีหนังสักหน่อยจึงจะดี เจ้าน่ะผอมเกินไป!”
ซย่าโหวจวินอวี่คีบขาหมูใส่จานให้กับซย่าโหวฉิงเทียนด้วยความไม่พอใจในรูปร่างของเขาเท่าไหร่นัก จากนั้นเขาก็ตบที่ท้องของตนเองเบาๆกล่าวว่า
“พุงเช่นนี้ต่างหาก ที่สมเป็นชายชาตรี!”
“ไม่เอา! แมวน้อยคงไม่ชอบ!”
ถึงแม้ว่าอวี้เฟยเยียนจะไม่เคยพูดอะไรก็ตาม แต่ซย่าโหวฉิงเทียนก็รู้ดีว่า นางคงจะชอบชายรูปงามเช่นกัน
หากว่าเขากลายเป็นแบบที่ซย่าโหวจวินอวี่ต้องการ กลายเป็นคนอวบอ้วนพุงพุ้ยละก็ อวี้เฟยเยียนจะต้องรังเกียจเขาเป็นแน่
ชายควรที่จะแต่งองค์ทรงเครื่อง ดูแลรักษารูปลักษณ์เพื่อหญิงอันเป็นที่รัก ดังนั้นเขาจะไม่ยอมอ้วนฉุเป็นแน่!
แมวน้อย
ได้ยินคำเรียกเมื่อครู่ ซย่าโหวจวินอวี่ถึงกับหูผึ่ง!
พลันเขาก็ชะงักกับคำเรียกที่สนิทชิดเชื้อนี้
“ฉิงเทียน แมวน้อยคือใครกัน”
ซย่าโหวจวินอวี่ยิ้มล้อเลียนในขณะที่ดวงตาก็จ้องมองบุตรชาย ใบหน้าที่ไร้ซึ่งพลังอำนาจที่จักรพรรดิพึงมีนั้น เต็มไปด้วยความอยากรู้ เพียงได้ยินคำเรียก ที่ฟังแล้วสนิทชิดเชื้อเป็นอย่างมากนั้น
บุตรชายเขา ออกไปข้างนอกคราวนี้มีบุพเพได้พบกับเหตุการณ์มหัศจรรย์ที่น่าจดจำอย่างนั้นหรือ
เล่าสู่กันฟังบ้างสิ ให้บิดาได้มีส่วนร่วมกับเจ้าบ้างนะ!
แมวน้อย ฟังดูท่าจะน่ารักน่าดู!
ลูกเอ๋ย แท้จริงแล้วเจ้าก็มีด้านที่น่ารักกับเขาเช่นกันหรือนี่! นี่บิดาดีใจจนน้ำตาจะไหลทีเดียว!
“แมวน้อยก็คือแมวน้อย”
ยังพิชิตใจตระกูลอวี้ไม่ได้ ซย่าโหวฉิงเทียนจะไม่เอ่ยนามอวี้เฟยเยียนออกมาเด็ดขาด
เดี๋ยวจะกลายเป็นว่าด้วยความเอื้ออาทรของฮ่องเต้ที่มีต่อเขาตวัดราชโองการ พระราชทานงานแต่งให้ นั่นจะทำให้ตระกูลอวี้เกิดความรู้สึกต่อต้าน รู้สึกว่าเขาเป็นพวกที่ชอบใช้กำลังอำนาจบังคับคนไปทั่ว!
มองดูใบหน้าที่เด็ดเดี่ยวของซย่าโหวฉิงเทียนเช่นนั้น ซย่าโหวจวินอวี่ก็ได้แต่ทอดถอนใจออกมา
“เซี่ยงจิ้น…”
“พ่ะย่ะค่ะ”
เซี่ยงจิ้นที่ยืนอยู่ด้านข้างวิ่งเข้ามาหยุดที่เบื้องหน้าของซย่าโหวจวินอวี่ด้วยความดีใจ
“ฝ่าบาททรงมีอะไรจะสั่งการพ่ะย่ะค่ะ”
“ไม่มีอะไรหรอก! ก็เพียงแค่รู้สึกว่าก่อนนี้ที่เจ้าเคยบอกว่า! ลูกผู้ชายเมื่อเติบใหญ่แล้ว รั้งอย่างไรก็รั้งไว้ไม่อยู่ คำพูดนี้มันช่างกระตุกบ่อน้ำตาของข้าเสียจริง! หลินเจียงอ๋อง ออกไปข้างนอกเดี๋ยวเดียวก็มีความลับกับข้าไม่สนิท ไม่คุ้นชินกับข้าเสียแล้ว!”
“หัวใจข้าเจ็บปวดยิ่งนัก เสียใจเป็นที่สุด!”
ซย่าโหวจวินอวี่กล่าวไปพลางก็แสร้งโศกเศร้าเหม่อลอยไปด้วย จนเซี่ยงจิ้นมองดูแล้วอยากหัวเราะออกมาแต่ก็ไม่กล้า
ฝ่าบาท ท่านอ๋องทรงมิยอมปริปาก พระองค์มาระบายเอากับหม่อมฉันมีประโยชน์อะไรเล่าพ่ะย่ะค่ะ
บ่าวก็มิอาจไปบังคับท่านอ๋องให้ทรงเอ่ยชื่อของนางในดวงใจออกมาได้ที่ไหนกัน!
แต่ว่า ในฐานะที่เป็นคนโปรดต่อหน้าพระพักตร์ ความสามารถในการปลอบโยนของเซี่ยงจิ้นถือเป็นอันดับหนึ่ง
“ฝ่าบาท ท่านอ๋องทรงเคอะเขินกระมังพ่ะย่ะค่ะ! ท่านอ๋องเสด็จกลับมาคราวนี้ ราวกับเปลี่ยนไปเป็นคนละคน! นี่คงจะเป็นอานิสงส์ที่ได้จากความรักนะพ่ะย่ะค่ะ!”
เมื่อมีซย่าโหวจวินอวี่คอยหนุนหลัง เซี่ยงจิ้นก็อาจหาญอย่างเปิดเผย คำพูดนี้ สามารถปลอบประโลมบาดแผลที่เจ็บปวดในใจของซย่าโหวจวินอวี่ได้เป็นอย่างดี
เมื่อถอนตัวจากความผิดหวังเมื่อครู่มาได้ ซย่าโหวจวินอวี่ก็จ้องมองสำรวจซย่าโหวฉิงเทียนหลายต่อหลายครั้งด้วยสายตาจริงจัง แล้วจึงพยักหน้า
“อื้ม! สายตาของเจ้าแหลมคม!”
“ข้ามั่นใจแล้วว่า ซย่าโหวฉิงเทียนกำลังมีความรัก! ท่าทางของเขาจึงได้ผิดแผกไปจากเดิม!”
“ความเย็นชาที่แผ่ซ่านอยู่รอบกายมลายหายไปมาก อีกทั้งตอนนี้หากได้กล่าวถึงเรื่องของแมวน้อยละก็ สีหน้าของเขาจะฉายแววความอ่อนโยนที่หาได้ยากนักออกมา เห็นที ข้าจะต้องให้ฉู่อินไปสืบดูเสียหน่อยว่า คุณหนูบ้านไหนกันที่ทำให้ฉิงเทียนหวั่นไหวได้!”
ซย่าโหวจวินอวี่ถึงกับเลือกใช้องครักษ์เสื้อแพร แต่ก็มิสามารถบังคับให้ซย่าโหวฉิงเทียนเอ่ยนามอวี้เฟยเยียนออกมาได้อยู่ดี
ทว่า ไม่นานซย่าโหวจวินอวี่ก็เริ่มวิตกกังวลขึ้นมาอีกครั้ง
ก่อนหน้านี้ชอบพอในตัวอวี้เฟยเยียนเพียงคนเดียว ต่อมาเซี่ยงจิ้นก็สืบรู้มาว่าเขามีสัมพันธ์กับอวี้หลัวช่า มาตอนนี้ก็มีท่าทีปกป้องแมวน้อยเพิ่มมาอีกคน…
ลูกเอ้ย หัวใจของพ่อไม่จะสู้ดี เจ้าต้องการคนไหนกันแน่
คิดแล้วซย่าโหวจวินอวี่ก็รู้สึกกังวลใจในอนาคตภายหน้าของต้าโจวขึ้นมา
อวี้เฟยเยียนคือจอมเทวา นี่เป็นเรื่องที่ทุกคนต่างก็ให้การยอมรับ
สำหรับอวี้หลัวช่า เรื่องที่เกิดขึ้นที่หอราชาโอสถ ซย่าโหวจวินอวี่รับรู้ตั้งนานแล้ว จอมเทวาพ่วงด้วยจักรพรรดิโอสถ นับเป็นบุคคลที่มิควรหาเรื่องเช่นกัน
หากว่า แมวน้อยของซย่าโหวฉิงเทียนอ่อนแอเกินไป ก็กลายเป็นถูกข่มขึ้นมาทันทีนะสิ!
แต่ซย่าโหวจวินอวี่ก็เชื่อแน่ว่า สายตาของบุตรชายของเขานั้นแหลมคม แมวน้อยผู้นี้จะต้องเป็นบุคคลที่เก่งกาจเช่นเดียวกันเป็นแน่…
ใครๆ ต่างก็บอกว่า หญิงสามคนบนเวทีเดียวกันเวทีจะพัง แต่นี่หญิงเก่งสามคนรวมกันเชียวนะ เห็นทีเวทีจะพังไม่เป็นท่าแน่นอน!
ก่อนหน้านี้ ตอนที่ซย่าโหวฉิงเทียนยังไม่มีใครนั้น ซย่าโหวจวินอวี่ก็รีบร้อนแทบเป็นแทบตายจนเกือบที่จะแสดงให้บุตรชายดูเป็นตัวอย่างด้วยตัวเองเสียแล้ว มาตอนนี้มีหญิงก็มีมากเกินไปอีก ซย่าโหวจวินอวี่กลับยิ่งร้อนใจมากกว่าเดิมเสียอีก
คนแรกและคนที่สองล้วนแต่เป็นจอมเทวา พวกนางรบกับสักรอบก็เพียงพอที่จะพังเมืองหลวงจนราบได้แล้ว!
ลูกเอ้ย เจ้าอย่าทำให้บิดาตื่นตระหนกเช่นนี้เลย!
เมื่อนึกถึงตรงนี้ ซย่าโหวจวินอวี่ก็อดมิได้ที่เอ่ยขึ้น
“ฉิงเทียน อวี้เฟยเยียน อวี้หลัวช่า แมวน้อย เจ้าคิดได้แล้วหรือยังว่านางทั้งสามคน เจ้าต้องการคนไหนกันแน่ หือ”
ทว่าในสายตาของซย่าโหวฉิงเทียน เขากลับรู้สึกว่าคำถามของซย่าโหวจวินอวี่มันเหลวไหลสิ้นดี
สถานะทั้งสามรวมอยู่ในคนคนเดียว แน่นอนว่าเขาต้องการทั้งหมดนะสิ!
“ต้องการทั้งหมด!”
ได้ยินเช่นนั้น ซย่าโหวจวินอวี่ก็แทบกระอักเลือด
ก่อนหน้านี้เขาเคยคิดว่า หากซย่าโหวฉิงเทียนต้องการเพียงอวี้เฟยเยียนจริงๆ ละก็ ต่อให้ต้องใช้แผ่นดินของเขาเข้าแลก เขาก็จะต้องช่วยให้บุตรชายของสมปรารถนาให้จงได้
แต่ซย่าโหวฉิงเทียนกลับมีอุดมการณ์แน่วแน่!
ต้องการทั้งสามคน!
สมแล้วที่เป็นลูกชายของข้า!
แต่แผ่นดินบิดามีเพียงผืนเดียวนะสิ ให้เจ้ามาเดิมพันเช่นนี้ไม่ไหว!
เพียงไม่นาน ใจของซย่าโหวจวินอวี่ก็ผ่อนคลายลง
เพราะซย่าโหวฉิงเทียนเป็นฝ่ายคีบอาหารให้กับเขา ทั้งยังรินสุราให้อีกด้วย นี่เป็นเรื่องที่มิเคยเกิดขึ้นมาก่อนเลย
นี้เอง ทำให้ซย่าโหวจวินอวี่แน่ใจว่าแมวน้อยคือผู้ที่เปลี่ยนแปลงซย่าโหวฉิงเทียน ให้เขามีความเอื้ออาทรมากขึ้น กลายเป็นซย่าโหวฉิงเทียนที่เป็นผู้เป็นคน จับต้องได้มากขึ้น
อานุภาพแห่งความรักจริงๆ!
ในที่สุดซย่าโหวฉิงเทียนก็ได้พบกับสตรีที่สำคัญที่สุดในชีวิตเสียที
เมื่อคิดถึงตรงนี้ ซย่าโหวจวินอวี่ก็จมูกร้อนผ่าว จนเกือบจะร้องไห้ออกมา
พี่เยี่ยน ท่านเห็นแล้วหรือยัง!
“ฉิงเทียน เมื่อไหร่มีเวลาเจ้าก็พาแมวน้อยเข้ามาในวัง ให้ข้าได้พบเสียหน่อย! ข้าไม่ได้บังคับเจ้า เพียงแค่อยากเห็นเจ้ามีความสุข ข้าก็วางใจแล้ว!”
ซย่าโหวจวินอวี่ดวงตาแดงก่ำ ปิดบังซย่าโหวฉิงเทียนไม่มิด
เห็นสีหน้าที่เปี่ยมสุขของซย่าโหวจวินอวี่ ซย่าโหวฉิงเทียนก็พยักหน้าเบาๆ เป็นเชิงรับปาก
ชายที่อยู่ตรงหน้าเขานั้นไม่มีสัมพันธ์ทางสายเลือดกับเขาแต่อย่างใด แต่กลับดีกับเขาเสียยิ่งกว่าบิดามารดาบังเกิดเกล้าของเขาเสียอีก
เปรียบกับบิดาบังเกิดเกล้าที่ไม่ดี กับมารดาบังเกิดเกล้าที่คอยจ้องจะเอาชีวิตของเขาแล้ว ซย่าโหวจวิน อวี่กลับเป็นผู้ที่มอบความรักและความอบอุ่นให้กับซย่าโหวฉิงเทียนมากกว่า ความรักและความอบอุ่นที่เขามิเคยได้รับมาก่อน
ถึงแม้ว่าความรักนี้จะเป็นสิ่งที่ซย่าโหวจวินอวี่มอบให้กับบุตรชายแท้ๆของเขา และซย่าโหวฉิงเทียนกำลังยึดครองพื้นที่ของผู้อื่น มีความสุขกับทุกสิ่งทุกอย่างของผู้อื่นอยู่ แต่ทว่า นับตั้งแต่วันที่ซย่าโหวฉิงเทียนมีตัวตนแทนเด็กผู้ชายคนนั้น ซย่าโหวฉิงเทียนก็คือผู้ที่รับมอบทุกสิ่งทุกอย่างแทนที่เขา
ซย่าโหวจวินอวี่ดีกับเขาเช่นนี้ ซย่าโหวฉิงเทียนก็จะมิทำให้เขาต้องเสียใจและจะยิ่งคุ้มครองดูแลซย่าโหวจวินอวี่อีกด้วย
เมื่อคิดถึงตรงนี้ ซย่าโหวฉิงเทียนก็ยื่นมือออกไปวางลงบนมือของซย่าโหวจวินอวี่แล้วตบเบาๆ
“ข้าจะพานางมาหาท่าน!”
“ดีๆ ดีมากเลย!”
ได้ยินคำสัญญานี้ของซย่าโหวฉิงเทียน ทำให้ซย่าโหวจวินอวี่ดีใจเหนือสิ่งอื่นใด
ในตอนนั้นเอง นางกำนัลก็วิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาคุกเข่าตรงหน้าซย่าโหวจวินอวี่อวี่ โดยที่ยังมิทันรายงาน
“ขอทรงโปรดเสด็จไปทอดพระเนตรองค์หญิงเสวี่ยเถิดเพคะ ทรงหมดสติไปแล้วเพคะ…”