ตอนที่ 730 ปล่อยเฉินมั่วฉือไป / ตอนที่ 731 ขอบคุณที่พระองค์ทรงเคยชอบหม่อมฉัน

ชายาหยุดเย้าข้าเสียทีเถิด

ตอนที่ 730 ปล่อยเฉินมั่วฉือไป

 

 

“นั่งเป็นเพื่อข้าสักครู่”

 

 

ตรงกันข้ามในเวลาเช่นนี้เฉินมั่วฉือกลับสงบนิ่งเสียยิ่งกว่าในเวลาปกติ เขาชี้ไปยังเก้าอี้ข้างกาย

 

 

หลิงอวี้จื้อเองก็ยืนอยู่เป็นเวลานานจนเมื่อตุ้มไปหมด ดังนั้นนางจึงไม่เกรงใจเฉินมั่วฉืออีกต่อไป นั่งที่เก้าอี้นั้นทันที นางอยากที่จะเอ่ยถามเฉินมั่วฉือว่าคิดจะทำอย่างไรต่อไป แต่เมื่อเห็นสีหน้าท่าทางเช่นนั้นของเฉินมั่วฉือแล้ว ก็ต้องกลืนคำถามทั้งหมดลงไป

 

 

ห้องทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบงัน ไม่มีใครพูดอะไรทั้งสิ้น หลังจากที่เงียบอยู่เป็นนานจนกระทั่งหลิงอวี้จื้อรู้สึกนั่งไม่ติด เพราะบรรยากาศกดดันเหลือเกิน ในตอนนั้นเองเสียงเท้าดังขึ้นจากทางด้านนอก หลิงอวี้จื้อไม่รู้ว่าใครมา จึงได้หันไปมอง

 

 

ทัน ใดนั้นเฉินมั่วฉือก็เอ่ยปากถามขึ้น

 

 

“อวี้จื้อ ปิ่นปักผมที่ข้ามอบให้กับเจ้ายังอยู่หรือไม่?”

 

 

ทว่าตอนนี้หลิงอวี้จื้อมุ่งความสนใจไปยังหน้าประตูเสียแล้ว เมื่อได้ยินเสียงเฉินมั่วฉือกล่าวถามขึ้น นางจึงเอ่ยตอบอย่างมิได้สนใจเท่าไหร่นักว่า

 

 

“อยู่สิ”

 

 

“ข้าไม่เรียกร้องสิ่งอื่นใด เพียงขอร้องให้เจ้าจดจำข้าเอาไว้ ปิ่นปักผมอันนั้นให้เจ้าเก็บเอาไว้เป็นที่ระลึก อวี้จื้อ ข้าต้องไปแล้ว”

 

 

หลิงอวี้จื้อหันหน้ากลับมา อยากที่จะเอ่ยถามเฉินมั่วฉือว่าเขาหมายความว่าอย่างไร ทว่าประตูห้องก็ถูกเปิดเข้ามาเสียก่อน และผู้ที่เข้ามาเป็นคนแรกนั่นก็คือเซียวเหยี่ยนในชุดเกราะสีเงิน

 

 

เมื่อเห็นว่าเป็นเซียวเหยี่ยน หลิงอวี้จื้อก็ลืมเลือนไปทันทีว่าเมื่อครู่ตนเองกำลังจะเอ่ยถามอะไรเฉินมั่วฉือ นางผุดลุกขึ้นจากที่นั่ง แล้วโผลเข้าหาเซียวเหยี่ยนทันที

 

 

เซียวเหยี่ยนเองกางมือออกอ้าแขนรับโอบกอดหลิงอวี้จื้อเอาไว้ในอ้อมอกแน่น เขาลูบไล้เส้นผมของนางแผ่วเบา

 

 

“อวี้จื้อ ข้ามาช้าไป”

 

 

“ไม่ช้าเลยสักนิด ข้าเอาแต่สร้างปัญหาให้ท่านมาตลอด”

 

 

เมื่อได้สูดกลิ่นไอที่แสนคุ้นเคยหลิงอวี้จื้อก็รู้สึกปลอดภัยยิ่งนัก นางเอื้อมมือกอดเอวตอบเซียวเหยี่ยน ขณะที่ศีรษะก็กระแซะเข้าหาอ้อมอกของเซียวเหยี่ยนอีกด้วย

 

 

“ขอโทษด้วย อาเหยี่ยน ข้าทำให้เจ้าต้องเป็นห่วงอีกแล้ว”

 

 

“ข้าเคยชินเสียแล้วละ”

 

 

เซียวเหยี่ยนโอบกอดหลิงอวี้จื้อแน่น แม้จะรู้ว่าหลิงอวี้จื้อปลอดภัยดี แต่เมื่อนึกถึงว่านางยังติดอยู่ที่เจี้ยนอัน เซียวเหยี่ยนก็ร้อนใจยิ่งนัก เขาจึงต้องการพิชิตเจี้ยนอันให้ได้โดยเร็ว จนในที่สุดก็สามารถทำได้สำเร็จตามปรารถนา

 

 

ส่วนเฉินมั่วฉือที่นั่งอยู่นั้นแม้ว่าจะเตรียมใจเอาไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ ทว่าเมื่อได้มาเห็นคนทั้งสองโอบกอดกันอยู่ตรงหน้าเช่นนี้หัวใจของเขาก็เจ็บปวดเกินจะทนไหว เพียงแต่เขาไม่มีสิทธิ์แม้ว่าจะโกรธเคืองด้วยซ้ำไป

 

 

เฉินมั่วฉือสะกดกลั้นอารมณ์ความรู้สึกของตนเองเอาไว้ สีหน้าของเขาไม่น่าดูเอาเสียเลย

 

 

นั่นเองหลิงอวี้จื้อจึงเพิ่งจะนึกได้ว่าในห้องยังมีคนอื่นอยู่ด้วย นางจึงคลายอ้อมกอดจากเซียวเหยี่ยน

 

 

เซียวเหยี่ยนยังคงโอบหลิงอวี้จื้อเอาไว้ในอ้อมแขน เขาทอดมองไปยังเฉินมั่วฉือที่นั่งอยู่ที่หัวโต๊ะ กล่าวขึ้นด้วยวาจาท่าทางที่ยังคงให้เกียรติอยู่ว่า

 

 

“ครั้งนี้ฝ่าบาทช่วยชีวิตอวี้จื้อเอาไว้ หม่อมจะปล่อยฝ่าบาทไปสักครั้ง ทรงเสด็จไปเถอะพ่ะย่ะค่ะ!”

 

 

“ข้าไม่ต้องการให้เจ้ามาสงสาร ข้าช่วยอวี้จื้อไม่ใช่เพราะเจ้า เซียวเหยี่ยน ข้าไม่ต้องการให้เจ้ามาตอบแทนบุญคุณแทนอวี้จื้อ นี่เป็นเรื่องระหว่างข้าและอวี้จื้อ ข้าแพ้แล้ว ข้าจะเขียนราชโองการสละราชบัลลังก์ให้แก่เจ้า แต่ข้ามีเงื่อนไขข้อหนึ่ง อย่าทำร้ายเสด็จแม่และฮองเฮา และอย่าแตะต้องตระกูลมู่หรง”

 

 

“หม่อมฉันรับปาก ฝ่าบาท”

 

 

เซียวเหยี่ยนรับปากทันที เขาได้ในสิ่งที่เขาต้องการแล้ว และคนเหล่านี้ก็ทำอะไรเขาไม่ได้อีกต่อไป จะปล่อยไปหรือไม่ เพียงประโยคเดียวก็สามารถจบเรื่องทั้งหมดได้

 

 

เมื่อเห็นเซียวเหยี่ยนรับปาก เฉินมั่วฉือก็ดูราวกับวางใจ

 

 

“เซียวเหยี่ยนหวังว่าเจ้าจะรักษาสัญญา มิเช่นนั้นข้าจะไม่มีวันปล่อยเจ้า”

 

 

กล่าวจบเฉินมั่วฉือก็ชันกายลุกขึ้นเดินออกจากห้องไป เดิมทีคนของเซียวเหยี่ยนจะเข้ามาขัดขวางเขาเอาไว้ แต่เซียวเหยี่ยนก็โบกไม้โบกมือห้ามปราม หมายความให้พวกเขาปล่อยเฉินมั่วฉือไป ทหารถึงได้เปิดทาง

 

 

ในที่สุดหลิงอวี้จื้อก็ทนไม่ไหวเอ่ยออกมาประโยคหนึ่ง

 

 

“ฝ่าบาท ทรงคิดจะทำอย่างไรต่อไปเพคะ?”

 

 

“ไปยังที่ๆ ข้าควรไป”

 

 

เฉินมั่วฉือหยุดฝีเท้า หันหน้ากลับมามองมายังเซียวเหยี่ยน เอ่ยกำชับอีกประโยคว่า

 

 

“ดูแลอวี้จื้อให้ดี”

 

 

กล่าวจบเขาก็ก้าวอาดๆ ออกจากห้องไปทันที

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 731 ขอบคุณที่พระองค์ทรงเคยชอบหม่อมฉัน

 

 

หลิงอวี้จื้อกอดเอวเซียวเหยี่ยนเอาไว้ นางเงยหน้ามองดูเซียวเหยี่ยน ด้วยสีหน้ายินดี

 

 

“อาเหยี่ยน เจ้าจะเป็นพ่อคนแล้ว”

 

 

แววตาของเซียวเหยี่ยนอ่อนโยนอย่างที่สุด เอื้อมมืออันหยาบกรานออกไปสัมผัสที่หน้าท้องของหลิงอวี้จื้อแผ่วเบา

 

 

“ลำบากเจ้าแล้ว”

 

 

“” ลูกของเราเห็นใจแม่ของเขายิ่งนัก นอกจากอาการง่วงหง่าวหาวนอนแล้ว ข้ามิได้ไม่รู้สึกไม่สบายตรงไหน อาเหยี่ยน หลายวันมานี้ข้าหัวใจไม่เคยเป็นสุข ทุกวันได้แต่อยู่ในห้อง โดยไม่รู้ว่าที่ด้านนอกเกิดอะไรขึ้นบ้าง ในที่สุดเจ้าก็มาเสียที หากเจ้ายังไม่มา ข้าจะต้องเป็นบ้าจริงๆ เป็นแน่”

 

 

“ห้ามพูดจาเหลวไหล”

 

 

เซียวเหยี่ยนโน้มกายลงไปจุมพิตที่ริมฝีปากหลิงอวี้จื้อแผ่วเบา

 

 

“ข้าจะต้องมาหาเจ้าอย่างแน่นอน”

 

 

“ข้ารู้ ลูกของเราก็รู้เช่นกัน ดังนั้นพวกเราถึงได้รอคอยให้เจ้าอย่างสงบ”

 

 

เซียวเหยี่ยนโอบไหล่หลิงอวี้จื้อ

 

 

“พวกเรากลับเมืองหลวงด้วยกัน เก็บเจ้าไว้ในสายตาของจะดีที่สุด เจ้าจะได้ไม่เพ่นพ่านไปไหนอีก”

 

 

หลิงอวี้จื้อแลบลิ้นน้อยๆ

 

 

“ข้าฟังท่านพี่ทุกอย่าง”

 

 

ในตอนนั้นเองจู่ๆ อู่จิ้นก็ผลุนผลันเข้ามารายงาน

 

 

“เรียนท่านอ๋อง พระชายา ฝ่าบาทดื่มยาพิษปลิดพระชนม์ชีพพระองค์เองแล้วครับ”

 

 

“อะไรนะ?”

 

 

หลิองวี้จื้อมองไปยังอู่จิ้นด้วยความตกใจ เดิมทีนางยังคิดว่าเฉินมั่วฉือจะไปจากที่นี่ นึกไม่ถึงเลยว่าเขากลับปลิดชีพตนเองได้ นางจึงรีบซักไซ้ต่อไปด้วยความร้อนใจ

 

 

“ฝ่าบาทอยู่ที่ไหน?”

 

 

“ในห้องขอรับ”

 

 

“อาเหยี่ยน พวกเราไปดูกันเถอะ”

 

 

กล่าวจบหลิงอวี้จื้อก็เดินออกไปด้านนอกทันที เซียวเหยี่ยนจึงรีบเดินออกตามไป

 

 

เซียวเหยี่ยนตัดสินใจปล่อยเฉินมั่วฉือไป แต่จากคำพูดของเขาเมื่อครู่ก็พอจะคาดเดาความหมายของเฉินมั่วฉือออกได้ เพียงแค่เขามิได้ห้ามปาม จะอยู่หรือตายให้เฉินมั่วฉือตัดสินใจด้วยตัวเอง นี่คืออิสระที่เซียวเหยี่ยนมอบให้กับเขา

 

 

หลิงอวี้จื้อก้าวฉับๆ ไปถึงยังห้องของเฉินมั่วฉือ ก็เห็นเฉินมั่วฉือนั่งฟุบหน้าอยู่บนโต๊ะ ที่มุมปากมีรอยเลือดสีดำติดอยู่ ตอนที่นางไปถึงนั้นเฉินมั่วฉือไม่มีลมหายใจอยู่แล้ว เขาที่นั่งฟุบอยู่บนโต๊ะดูคล้ายกับคนนอนหลับอย่างไรอย่างนั้น

 

 

หลิวสี่คุกเข่าร่ำไห้อยู่ที่พื้น หลิงอวี้จื้อที่ยืนอยู่ข้างๆ เองก็ดวงตาแดงก่ำ แม้ว่านางจะมีทักษะการแสดงที่ดี และเดิมทีนางก็มิใช่คนที่ชอบร้องไห้

 

 

ทว่าความรู้สึกที่เฉินมั่วฉือมีให้กับนาง นางรับรู้อยู่โดยตลอด ทั้งๆ ที่เขาสามารถใช้นางเป็นหมากตัวหนึ่งได้ ทว่าเขากลับไม่ทำเช่นนั้น ซึ่งจุดนี้ทำให้นางซาบซึ้งใจยิ่งนัก หากไม่มีเฉินมั่วฉือ นางอาจไม่มวันได้พบกับเซียวเหยี่ยนอีกครั้ง

 

 

เซียวเหยี่ยนลูบไหล่หลิงอวี้จื้อเบาๆ

 

 

หลิงอวี้จื้อไม่รู้ว่าควรจะเอ่ยอะไรออกมาดี ได้แต่แอบพร่ำบอกเขาอยู่ในใจว่า

 

 

‘ขอบคุณที่พระองค์ทรงเคยโปรดหม่อมฉัน เสียดายที่หม่อมฉันมิอาจตอบแทนพระองค์ได้’

 

 

“ฝ่าบาททรงตรัสฝากฝังอะไรไว้หรือไม่?”

 

 

หลิงอวี้จื้อเอ่ยถาม

 

 

หลิวสี่หยุดยั้งเสียงร้องไห้ เขาเงยหน้าขึ้นมองมายังหลิงอวี้จื้อ เขาแค้นเคืองหลิงอวี้จื้อยิ่งนัก เพราะนางให้ร้ายนายของเขาจนตาย เพียงแต่ในตอนสุดท้าย ต่อให้เขาแค้นเคืองนางมากเพียงใดก็ไม่เกิดผล ตอนนี้สิ่งเดียวที่เขาทำได้ก็คือตามไปรับใช้เฉินมั่วฉือเท่านั้น

 

 

“ฝ่าบาททรงรับสั่งว่าห้ามให้เหนียงเนียงเห็นพระองค์ในขณะวาระสุดท้าย นอกจากนี้ก็ไม่มีแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

 

 

หลิงอวี้จื้อเองเมื่อได้ยินดังนั้นนางก็มิได้กล่าวอะไร หมุนกายเดินออกมาจากห้องแล้วเช็ดน้ำตาที่ปลายหางตาของตน เซียวเหยี่ยนเดินตามออกมากุมมือของหลิงอวี้จื้อเอาไว้ มือของนางเย็นเยียบ

 

 

“อาเหยี่ยน เรื่องานพระศพ…”

 

 

“ข้าจะฝังฝ่าบาทไว้ที่สุสานหลวง เรื่องพวกนี้ข้าจะจัดการให้เหมาะสม อวี้จื้อ เจ้าอย่ากังวลไปเลย”

 

 

หลิงอวี้จื้อพยักหน้า นางเอนศีรษะซบบ่าของเซียวเหยี่ยนโดยมิได้กล่าวอะไรออกมาทั้งสิ้น ส่วนเซียวเหยี่ยนก็ได้แต่ยืนอยู่เป็นเพื่อนนางเงียบๆ เช่นนั้น

 

 

หลังจากนั้นเซียวเหยี่ยนก็ผละออกไปจัดการเรื่องงานต่างๆ ส่วนหลิงอวี้จื้อก็กลับไปพักผ่อนที่ห้อง วินาทีสายตาปะทะเข้ากับหรูเยียน ทำให้หลิงอวี้จื้อตกตะลึงไม่น้อย

 

 

‘หรูเหยียนมาได้อย่างไรกัน?’

 

 

“คารวะพระชายา”

 

 

หรูเยียนทำความเคารพหลิงอวี้จื้ออย่างนอบน้อม

 

 

“หรูเยียน เจ้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไรกัน?”

 

 

“บ่าวได้รับข่าวว่าพระชายาถูกจับตัวไปจากเมืองอวิ๋น ด้วยความเป็นห่วงความปลอดภัยของพระชายา จึงตั้งใจมารายงานให้ท่านอ๋องได้รู้โดยเฉพาะเจ้าค่ะ”

 

 

หรูเหยียนมิกล้าปิดบังเหตุผลความเป็นมาเป็นไป เพราะนางรู้ดีว่าเซียวเหยี่ยนจะต้องบอกกล่าวให้หลิงอวี้จื้อได้รู้เป็นแน่ บัดนี้หากว่านางต้องการที่อยู่ที่นี่ต่อไป ท่าทีของหลิงอวี้จื้อคือสิ่งที่สำคัญที่สุด