ตอนที่ 728 ปล่อยนางไป
“ปล่อยนะ”
หลิงอวี้จื้อเริ่มมีอารมณ์โมโหขึ้นมาบ้าง เพราะนางรู้ว่าคราวนี้เฉินมั่วฉือไม่ได้ล้อเล่น หากว่าเซียวเหยี่ยนพ่ายแพ้ เขาก็จะบีบบังคับให้นางเอาลูกคนนี้ออกให้จงได้
‘เพียงแต่เซียวเหยี่ยนพ่ายแพ้ได้อย่างไรกัน?’
หลิงอวี้จื้อดิ้นรนขัดขืนจนพลั้งมือไปโดนบาดแผลของเฉินมั่วฉือเข้าให้ ความเจ็บปวดแล่นพล่านจากบาดแผลที่บ่าขวาของเฉินมั่วฉือ เกรงว่าบาดแผลจะปริแตก เขาจึงต้องปล่อยหลิงอวี้จื้อให้เป็นอิสระ เมื่อเขาปล่อยมือหลิงอวี้จื้อก็รีบถอยหลังออกไปสองสามก้าวทันที
‘เฉินมั่วฉืออารมณ์ไม่คงที่เอาเสียเลย’
ยังมีศึกใหญ่รออยูในวันพรุ่งนี้ เฉินมั่วฉือมิอาจมาเสียเวลาอยู่ที่หลิงอวี้จื้อนานเกินไปได้ เขาจึงหมุนกายเดินกลับออกจากห้องไปโดยไม่พูดจาใดๆ
คืนนั้นทั้งคืนยากที่จะข่มตาหลับ เช้าวันรุ่งขึ้นก็เป็นศึกใหญ่ที่แสนสาหัสอีกครั้ง
วันรุ่งขึ้น หลิงอวี้จื้อรอฟังข่าวอยู่ในห้อง แต่รอแล้วรอเล่าก็ยังไม่มีรายงานข่าวใดๆ สิ่งเดียวที่เปลี่ยนแปลงไปนั่นก็คือ กำลังทหารที่เฝ้าอยู่หน้าห้องของนางที่แน่นหนามากยิ่งขึ้น แม้กระทั่งมั่วชิงก็ยังออกไปไม่ได้ ด้วยเหตุนี้นางจงึมิได้รับรู้ข่าวสารภายนอกใดๆ ทั้งสิ้น
หลิงอวี้จื้อที่รอคอยอยู่ในห้องด้วยหัวใจที่รุ่มร้อนราวกับมีไฟแผดเผา เวลาแต่ละนาทีที่ผ่านพ้นไปช่างบีบหัวใจเหลือเกิน
สองสามวันผ่านไปก็ยังไม่มีข่าวคราวใดๆ รู้เพียงแต่ว่าที่ด้านนอกนั้นวุ่นวายไปหมด
จนกระทั่งเข้าสู่วันที่ห้า จู่ๆ ประตูห้องของหลิงอวี้จื้อก็ถูกพังออก ตามติดมาด้วยหลิวสี่ที่พุ่งตัวเข้ามาซึ่งเขาได้นำกำลังองค์รักษ์หลวงเข้ามาด้วย นั่นทำให้มั่วชิงเตรียมพร้อมทันที นางก้าวเข้ามาบังหน้าหลิงอวี้จื้อเอาไว้เพื่อให้หลิงอวี้จื้อหลบอยู่ด้านหลังตนเอง ส่วนตัวนางก็คอยคุ้มกันหลิงอวี้จื้อเอาไว้อย่างแน่นหนา
ทว่ามั่วชิงถูกริบอาวุธไปตั้งแต่แรก ตอนนี้นางจึงไม่มีอาวุธติดตัว
“หลิวกงกง ท่านหมายความว่าอย่างไร?”
หลิงอวี้จื้อที่เดิมทีนั่งอยู่บนเตียง แต่เมื่อเห็นหลิวสี่พาคนเข้ามา ทว่ากลับไม่มีเฉินมั่วฉือปรากฎตัวในครั้งนี้ด้วย หลิงอวี้จื้อจึงรู้ได้ทันทีว่าจะต้องเกิดเรื่องขึ้นเป็นแน่ นางจึงเอ่ยถามด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
“จับนางมัดเอาไว้”
หลิวสี่มิได้อธิบายให้หลิงอวี้จื้อฟังแต่อย่างใด แต่กลับสั่งการทันที
องค์รักษ์ที่หลิวสี่พามารีบจัดการตามคำสั่งอย่างรวดเร็ว ดังนั้นเมื่อมั่วชิงลงมือ ไม่นานก็ถูกจับกุมตัว มั่วชิงจึงถลึงตาใส่พวกเขาด้วยความโกรธแค้น
“พวกเจ้าวางยาข้า?”
“ข้าใส่ผงสลายกำลังลงในสำรับอาหารของพวกเจ้าทุกวัน ในปริมาณเล็กน้อย ดังนั้นเจ้าจึงไม่รู้ตัว พาตัวไป”
มั่วชิงไร้ซึ่งพละกำลังที่จะโต้ตอบ ดังนั้นพวกของหลิวสี่จึงสามารถจับกุมตัวหลิงอวี้จื้อและมั่วชิงได้อย่างง่ายดาย ซึ่งหลิงอวี้จื้อก็พอจะคาดเดาออกว่าเกิดอะไรขึ้น นางจึงฉีกยิ้มแล้วเอ่ยว่า
“เซียวเหยี่ยนบุกเข้ามาแล้วหรือ?”
หลิวสี่ไม่ปริปาก แต่สีหน้าของเขากลับบ่งบอกทุกอย่างได้เป็นอย่างดี เมื่อหลิงอวี้จื้อรู้ผลแพ้ชนะจากสงครามในครั้งนี้แล้ว นางถึงได้ทอดถอนใจออกมาอย่างเบาใจ นึกอยู่แล้วว่าเซียวเหยี่ยนจะไม่มีวันพ่ายแพ้ จิตใจร้อนรุ่มไม่เป็นสุขมาตั้งห้าวันในที่สุดก็สามารถคลายความกังวลใจไปได้เสียที
‘แต่ทว่า หลิวสี่จับกุมตัวนางในเวลาเช่นนี้เขากระทำด้วยตัวเองหรือเป็นคำสั่งของเฉินมั่วฉือกัน’
พวกของหลิวสี่ลากตัวมั่วชิงและหลิงอวี้จื้อออกจากห้อง ทว่าเพิ่งจะเหยียบย่างลงบนทางเดินด้านนอกห้องได้ไม่ทันไร เสียงของชายผู้หนึ่งก็ยับยั้งพวกเขาเอาไว้
“หลิวสี่ เจ้าบังอาจยิ่งนัก ข้ายังมิได้ออกคำสั่ง ใครให้เจ้าแตะต้องนาง”
เมื่อได้ยินเสียงของเฉินมั่วฉือ คณะของหลิวสี่ก็รีบคุกเข่าลงถวายความเคารพทันที
นี่เป็นครั้งแรกที่หลิงอวี้จื้อได้เห็นเฉินมั่วฉือสวมใส่ชุดเกราะนักรบเต็มรูปแบบ ชุดเกราะสีทองสวมอยู่บนตัวเขาช่างสง่างามองอ่ายิ่งนัก เฉินมั่วฉือมาพร้อมกับกลิ่นคาวเลือดคละคลุ้ง บนเสื้อเกราะยังมีรอยเลือดเปรอะเปื้อนอยู่ เห็นได้ชัดว่าเพิ่งผ่านสมรภูมิการเข่นฆ่ามาหมาดๆ
“ฝ่าบาท นางคือคนสำคัญของเซียวเหยี่ยน มีนางอยู่ในมือ พระองค์จึงจะทรงไปจากเมืองเจี้ยนอันได้อย่างปลอดภัย”
“เรื่องพวกนี้ข้าย่อมต้องจัดการอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องให้เจ้ามาตัดสินใจแทนข้า หลิวสี่ ปล่อยนาง”
เฉินมั่วฉือสั่งการเช่นนี้ ทำให้หลิวสี่ร้อนใจอย่างที่สุด เขาไม่สนใจแล้วว่าจะมีโทษสถานใด กลับเอ่ยปากย้ำเตือนว่า
“ฝ่าบาท มิได้เด็ดขาดนะพ่ะย่ะค่ะ บัดนี้เมืองเจี้ยนอันแตกพ่ายแล้ว อีกไม่นานเซียวเหยี่ยนก็จะบุกมาถึงที่นี่ ฝ่าบาทจะต้องทรงเสด็จหนีไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด”
“หนีไปแล้วอย่างไรเล่า เจี้ยนอันแตกพ่ายด้วยน้ำมือของข้า ก้าวต่อไปที่ต้องย่อยยับก็คือเมืองหลวง เรื่องนี้ไร้ทางรอดแล้ว เจ้าถอยไปเสียเถอะ!”
“ฝ่าบาท……”
“ถอยไป”
ตอนที่ 729 ต่อไปเจ้าจะต้องมีความสุขนะ
เฉินมั่วฉือย้ำชัดคำสั่ง เขากวาดสายตาเย็นชามองไปยังทุกคนที่อยู่ ณ ที่แห่งนั้น หลิวสี่รับรู้ถึงการตัดสินใจของเฉินมั่วฉือ ซึ่งในท้ายที่สุดเขาก็มิกล้าฝาฝืนคำสั่งของเฉินมั่วฉือ จึงได้แต่โค้งกายทำความเคารพแล้วถอยออกไป
เมื่อหลิวสี่เริ่มต้นเป็นตัวอย่าง องค์รักษ์ที่เหลือจึงปล่อยหลิงอวี้จื้อและมั่วชิงจากนั้นก็ตามหลิวสี่ถอยออกไป
มือของเฉินมั่วฉือได้รับบาดเจ็บและกำลังหลั่งเลือด เลือดสีแดงสดไหลออกมาตามหลังมือ ซึ่งก่อนหน้านี้หลิงอวี้จื้อมิได้สังเกตเห็น คราวนี้เมื่อเห็นแล้วว่ามือของเฉินมั่วฉือมีเลือดออก ด้วยความเป็นห่วงนางจึงเอ่ยถาม
“พระองค์บาดเจ็บหรือเพคะ?”
“ข้านึกว่าเจ้ามองไม่เห็นเสียแล้ว บาดแผลเล็กน้อยเท่านั้น”
เฉินมั่วฉือเดินมาหยุดที่เบื้องหน้าหลิงอวี้จื้อ แววตาของเขาสับสนเป็นอย่างมาก
“ข้าแพ้แล้ว”
เซียวเหยี่ยนพิชิตเจี้ยนอันได้ หลิงอวี้จื้อดีใจยิ่งนัก เพียงแต่เมื่อเผชิญหน้ากับเฉินมั่วฉือ วาจามีความสุขบนความทุกข์ของคนอื่นนั้นนางเอ่ยไม่ออก และเมื่อได้ยินเฉินมั่วฉือกล่าวเช่นนี้ ทำเอานางไม่รู้ว่าจะพูดอะไรออกไปเลยทีเดียว
“ไม่ช้าเซียวเหยี่ยนก็คงจะมาถึงที่นี่”
“พระองค์รีบเสด็จหนีไปเสียเถอะเพคะ”
ในที่สุดหลิงอวี้จื้อก็เอ่ยปากออกไป แต่มันคือวาจาโน้มน้าวให้เฉินมั่วฉือไปจากที่นี่ เพราะนางไม่เคยคิดต้องการเอาชีวิตเขาเลย
เฉินมั่วฉือยิ้มเยาะ
“เจ้าคิดว่าข้าจะไปอย่างนั้นหรือ? ข้ามิใช่คนรักตัวกลัวตาย อวี้จื้อ จากกันครานี้ เจ้าและข้าคงจะไม่พบกันอีกแล้ว เจ้าตามข้ามา”
มั่วชิงไม่รู้ว่าเฉินมั่วฉือจะทำอะไร จึงเตรียมที่จะเข้าขัดขวาง ทว่าหลิงอวี้จื้อกลับโบกมือห้าม เฉินมั่วฉือมิใช่คนต่ำช้า นางรู้ดีว่าเฉินมั่วฉือไม่มีทางทำร้ายนาง
หลิงอวี้จื้อเดินตามเฉินมั่วฉือเข้าไปในห้องหนังสือของเขา เขานั่งลงที่ตำแหน่งหัวโต๊ะ ที่มือของเขายังคงมีเลือดไหลออกมาไม่หยุด
“อยู่เป็นเพื่อนข้าอีกสักเดี๋ยว ต่อไปคงจะไม่มีโอกาสอีกแล้ว”
“ฝ่าบาท……”
“ไม่ต้องพูดอะไรทั้งสิ้น อวี้จื้อ ข้ารู้เจ้าต้องการจะกล่าวอะไร ข้าแพ้แล้ว ข้ายอมรับ ข้ามิใช่คนที่แพ้ไม่เป็น ข้ารู้ดีว่าเซียวเหยี่ยนจะต้องดีกับเจ้า และเขาจะต้องดูแลเจ้าเป็นอย่างดี เดิมทีข้าคิดว่าครั้งนี้จะมีโอกาสเหนี่ยวรั้งเจ้าเอาไว้ข้างกายได้ น่าเสียดายที่สวรรค์มิยอมช่วยเหลือข้า ข้าจะเขียนราชโองการสละราชบัลลังก์”
ศึกในครั้งนี้คือส่วนที่สำคัญที่สุด ที่จะชี้เป็นชี้ตายผลลัพธ์ว่าแพ้หรือชนะในตอนสุดท้าย หากกำชัยชนะในศึกนี้ได้ละก็ ส่วนที่เหลือคงก็จะไม่มีปัญหา เฉินมั่วฉือเตรียมการมาห้าปีเต็ม เขามีความมั่นใจในตัวเองอย่างแน่วแน่ นึกไม่ถึงว่านอกจากวันแรกที่เกือบจะเอาชนะเซียวเหยี่ยนได้ ส่วนที่เหลือเขากลับพ่ายแพ้อย่างต่อเนื่อง จนสุดท้ายเมืองเจี้ยนอันก็ต้องหลุดมือไป
เมื่อได้สู้รบประมือกับเซียวเหยี่ยนจริงๆ เขาถึงได้รู้ว่าตนเองมิใช่คู่ต่อสู้ของเซียวเหยี่ยนเลย ครั้งนี้ต่อให้เขาไปจากเจี้ยนอันก็ยังจะได้พบเซียวเหยี่ยนที่เมืองหลวงอยู่ดี ถึงตอนนั้นจะมีคนต้องตายมากขึ้น
ในเมื่อรู้ผลแพ้ชนะแล้ว ก็มิสู้จบสิ้นทุกอย่างเสียตั้งแต่ตอนนี้จะดีกว่า เวลาหลายปีที่นั่งบัลลังก์ดำรงตำแหน่งฮ่องเต้มา เขาไม่ถือว่าตนเองเป็นฮ่องเต้ที่ดีสักเท่าไหร่ ดังนั้นราชโองการสละบัลลังก์นี้ถือว่าเป็นการไถ่โทษต่อราษฎร เมื่อมีหนังสือสละราชบัลลังก์นี้แล้ว เซียวเหยี่ยนก็ไม่จำเป็นต้องยกทัพโจมตีเมืองหลวงอีกต่อไป เช่นนี้ก็จะมีคนต้องตายลดน้อยลง พวกเขาจะไม่ต้องตายอย่างไรความผิด
“พระองค์ตัดสินพระทัยจะทำเช่นนี้จริงๆ หรือเพคะ?”
เดิมทีหลิงอวี้จื้อยังคิดว่าเฉินมั่วฉือจะต่อสู้จนถึงที่สุด เมื่อได้ยินเฉินมั่วฉือเอ่ยว่าจะสละบัลลังก์ก็ทำให้หลิงอวี้จื้อตกใจไม่น้อย
“ต่อให้ข้าไม่เขียนราชโองการสละราชบัลลังก์ในตอนนี้ รอให้เซียวเหยี่ยนถึงเมืองหลวง เขาก็จะต้องเขียนราชโองการนี้แทนข้าอยู่ดี ข้ารู้ว่าเขาจต้องเป็นฮ่องเต้ที่ดี ซีเว่ยในอยู่ในมือของเขา นอกเสียจากมิได้แซ่เฉิน เรื่องอื่นๆ ก็ไม่มีอะไรแตกต่างไปจากเดิมสักเท่าไหร่”
จู่ๆ เฉินมั่วฉือก็กวักมือเรียกหลิงอวี้จื้อ
“อวี้จื้อ มานี่สิ”
หลิงอวี้จื้องงงวยอยู่เล็กน้อย แต่นางก็เดินเข้าไปอยู่ดี เมื่อเดินมาถึงตรงเบื้องหน้าเขาแล้ว เฉินมั่วฉือก็ยื่นมือออกมาคิดที่จะโอบกอดนาง แต่หลิงอวี้จื้อยังว่องไวนางรีบถอยห่างออกมาก้าวหนึ่ง แล้วมองไปยังเฉินมั่วฉืออย่างระแวดระวัง
“อวี้จื้อ ต่อไปเจ้าจะต้องมีความสุขนะ”
“ฝ่าบาท……”
หลิงอวี้จื้อพบว่าในเวลานี้นางไม่รู้ว่าจะเอื้อนเอ่ยคำใดกับเฉินมั่วฉือดี เพราะดูเหมือนว่ากล่าวอะไรออกไปตอนนี้ก็ไม่ถูกต้องสักอย่าง