บทที่ 547: คำขอร้องของตระกูลซี

Dual Cultivation ร่วมเรียงเคียงเซียน

Dual Cultivation บทที่ 547: คำขอร้องของตระกูลซี

 

“อะไรกันอีกคราวนี้ อย่าบอกข้านะว่าสมบัติวิญญาณชิ้นใหม่เกิดขึ้นอีกแล้ว” ซูหยางเปิดประตูออกมาหลังจากนั้นเพื่อพบกับโหลวหลานจีที่กระวนกระวายรอคอยอยู่ด้านนอก

 

“นี่ยิ่งแย่กว่านั้น” โหลวหลานจีรีบพูดหลังจากที่เห็นเขา และเธอก็พูดต่อไปว่า “ตระกูลซีมาที่นี่ และมิใช่เพียงแต่องค์หญิงในคราวนี้ แต่อดีตผู้นำตระกูลซี ปรมาจารย์ของพวกเขาก็มาที่นี่ด้วยเช่นกันในคราวนี้”

 

“ปรมาจารย์รึ ผู้เฒ่าคนนั้นนะรึ” ซูหยางเลิกคิ้ว พร้อมกับครุ่นคิดว่าทำไมพวกเขาจึงมาที่นี่ “หรือว่านี่จะเกี่ยวกับสมบัติวิญญาณด้วยเช่นกัน”

 

“ยังไงก็ตามตอนนี้พวกเขากำลังถูกเชิญมายังที่นี่ ในเมื่อพวกเขาขอพบกับเจ้า และข้ามาที่นี่เพื่อแจ้งให้กับเจ้าทราบก่อน”

 

ซูหยางพยักหน้าและกล่าวว่า “พาพวกเขาไปที่หอไม้รับอรุณ พวกเราจักดำเนินการสนทนาที่นั่น”

 

ในเวลานั้นซีซิงฟางและซีหวังเพิ่งติดตามผู้อาวุโสซุนมาถึงเขตศิษย์ใน

 

“ข้าต้องการถามมาสักระยะหนึ่งแล้ว… ว่าใครเป็นคนสร้างค่ายกลรอบนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัย” ซีหวังถามผู้อาวุโสซุนด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ในเมื่อเขาไม่เคยเห็นค่ายกลที่ลึกล้าน่าหวาดหวั่นเช่นนี้มาก่อน

 

เมื่อตอนที่เขาเห็นครั้งแรก เขาแทบจะไม่เชื่อสายตาตัวเอง และยิ่งเมื่อเข้ามาในนิกาย มันก็เหมือนกับว่าเขาเข้ามาในโลกอื่น

 

ถ้าให้เขาเปรียบเทียบค่ายกลของนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยกับค่ายกลของตัวเขาเอง ก็เหมือนกับการเปรียบเทียบอาคารที่สร้างจากวัสดุที่ดีที่สุดในโลกนี้กับอาคารที่สร้างจากโคลนซึ่งค่ายกลของตระกูลซีนั้นก็เปรียบได้กับอาคารโคลน

 

“นั่นเป็นผู้นำนิกายของเรา ซูหยาง” ผู้อาวุโสซุนตอบด้วยน้ำเสียงนบนอบ ไม่กล้าที่จะโกหกเขา

 

“อะไรนะ ชายหนุ่มคนนั้นเป็นผู้รับผิดชอบค่ายกลนี้งั้นรึ” ซีหวังมีท่าทางประหลาดใจบนใบหน้าหลังจากที่ได้ยินว่าซูหยางนั้นอยู่เบื้องหลังการสร้างค่ายกลนี้

 

“ข้ามิกล้าที่จะโกหกท่านเจ้า” ผู้อาวุโสซุนกล่าว

 

“เรียกข้าว่าผู้อาวุโสก็พอ ข้าได้ส่งต่อตำแหน่งและบัลลังก์ของข้าไปให้ลูกชายข้า ผู้ปกครองคนปัจจุบัน นานแล้ว” ซีหวังพูด

 

“เจ้ารู้เรื่องค่ายกลนี้แล้วงั้นรึ จึงเป็นเหตุให้เจ้าต้องการที่จะมาที่นี่” ซีหวังถามซีซิงฟางหลังจากนั้น

 

อย่างไรก็ตาม เธอรีบส่ายหน้าและกล่าวว่า “ไม่ มันยังมิได้ปรากฏขึ้นระหว่างการคัดเลือกศิษย์”

 

“เจ้ากำลังจะบอกข้าว่า เขาได้สร้างค่ายกลใหญ่ยักษ์นี้ในเวลาเพียงแค่ไม่กี่สัปดาห์อย่างนั้นรึ ไม่น่าเชื่อ” ซีหวังพึมพัมด้วยเสียงตื่นตระหนก

 

เวลาหลังจากนั้น ผู้อาวุโสซุนก็พาพวกเขาไปยังหอไม้รับอรุณ

 

“พวกเรามาถึงที่นี่แล้ว ท่านแขกผู้ทรงเกียรติ ซูหยางควรจะรอพวกท่านอยู่ด้านใน” ผู้อาวุโสซุนกล่าวกับพวกเขาก่อนที่จะปล่อยพวกเขาไว้ตามลำพัง

 

“ไปกันเถอะ” ซีหวังและซีซิงฟางเข้าไปในอาคารอันสวยงามหลังจากนั้น

 

“ยินดีต้อนรับสู่นิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัย” ซูหยางกล่าวกับพวกเขาทันทีที่เขาเห็นหน้าพวกเขา

 

“ข้าพอที่จะรับใช้อะไรเจ้าได้บ้าง องค์หญิง”

 

เขาโค้งคำนับซีซิงฟาง

 

“ได้โปรด ท่านควรจะละทิ้งพิธีการไปได้แล้ว ซูหยาง เพียงแค่เรียกข้าว่าซิงเอ๋อร์ก็พอ” ซีซิงฟางกล่าว และเธอก็กล่าวต่อว่า “ข้าต้องขอโทษที่มาเยี่ยมอย่างกระทันหัน เพราะว่าสิ่งต่างๆได้เกิดความซับซ้อนขึ้นเมื่อก่อนหน้านั้น”

 

“เจ้ามีปัญหาอะไรรึ” ซูหยางถาม

 

ซีซิงฟางพยักหน้ากับคำถามของเขา

 

“พวกเรามานั่งสนทนากันพร้อมกับดื่มชากันเถอะ” เขากล่าวก่อนที่จะเทน้ำชาบางส่วนให้กับพวกเขา

 

หลังจากที่ต่างพากันนั่งลงแล้ว ซีซิงฟางก็กล่าวว่า “นี่อาจจะกระทันหันไปหน่อย และข้าก็มิถือโทษท่านหากจะปฏิเสธคำขอนี้ แต่ข้าปรารถนาที่จะอยู่ที่นิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยชั่วระยะเวลาหนึ่ง”

 

“โอ” ซูหยางเลิกคิ้ว แล้วกล่าวว่า “ข้ามิกล้าที่จะไล่สาวสวยเช่นตัวเจ้าไปถึงแม้ว่านั่นจะเป็นสิ่งสุดท้ายที่ข้าสามารถทำได้ และเจ้าสามารถที่จะอยู่ที่นี่ได้ตราบเท่าที่ต้องการ แต่ข้าพอจะถามได้ไหมว่าทำไมเจ้าจึงต้องการที่จะอยู่ที่นี่”

 

ซีซิงฟางพยักหน้าแล้วกล่าวว่า “ท่านยังจำเมื่อตอนที่เราพบกันครั้งแรกได้ไหม เมื่อท่านถูกโจมตีจากนักฆ่าจากดาบเสี้ยวจันทร์”

 

“ข้านึกออก”

 

“ดาบเสี้ยวจันทร์มีการเคลื่อนไหวเพิ่มมากขึ้นมินานมานี้ ดังนั้นข้าจึงมาที่นี่เพื่อขอความคุ้มครองจนกว่าสิ่งต่างๆจะกลับคืนสู่สภาพปกติ อีกทั้งก่อนหน้านี้ระหว่างทางที่พวกเรามาที่นี่ พวกเราได้พบกับผู้ส่งสารคนหนึ่งของดาบเสี้ยวจันทร์ ซึ่งได้พูดว่า…”

 

ซีซิงฟางได้พูดทวนสิ่งที่นักฆ่าได้กล่าวกับเธอต่อซูหยาง

 

“เช่นนั้นก็หมายความว่าคนจากทวีปศักดิ์สิทธิ์กลางอาจจะมาถึงที่นี่ในเร็วๆนี้ หือ ช่างน่าสนใจ…” ซูหยางพึมพัม

 

“ข้าละอายใจที่จะกล่าวเช่นนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่นิกายล้านอสรพิษ แต่ข้าเชื่อว่าข้าจักปลอดภัยที่นี่ถึงแม้ว่าสิ่งที่คนส่งสารนั้นพูดจะเป็นความจริง” ซีซิงฟางกล่าว

 

“ท่านมิมีข้อขัดข้องกับเรื่องนี้ใช่ไหม” ซูหยางมองไปยังซีหวัง

 

“เจ้าหมายความว่าอย่างไร” อีกฝ่ายถาม

 

“โดยพื้นฐานแล้วท่านยอมรับว่านิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยนั้นมีความปลอดภัยมากกว่าบ้านของตัวท่านเอง ซึ่งโดยนัยแล้ว… เอ้อ ท่านควรจะรู้ส่วนที่เหลือ”

 

หลังจากที่เห็นค่ายกลที่ปกป้องสถานที่นี้แล้ว ถึงแม้ว่ามันจะเป็นการลดเกียรติของตระกูลของพวกเรา ข้าก็ต้องยอมรับว่านิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยนั้นปลอดภัยกว่าบ้านตระกูลซีเป็นอย่างมากในเวลานี้ และถ้าดาบเสี้ยวจันทร์สามารถที่จะโน้มน้าวจอมยุทธจากทวีปศักดิ์สิทธิ์กลางมาที่นี่ได้จริงๆ ข้าก็มิสามารถที่จะพูดได้อย่างมั่นใจว่าข้าสามารถปกป้องเธอได้ต่อไป อย่ากังวลว่าพวกเราจักขอยืมความแข็งแกร่งของเจ้านั้นไปฟรีๆ ตราบเท่าที่พวกเรายังสามารถที่จะกระทำได้ พวกเราก็จักตอบแทนบุญคุณนี้อย่างแน่นอน” ซีหวังกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง

 

ซูหยางยิ้มและกล่าวว่า “ท่านมิจำเป็นต้องจริงจังเช่นนั้น ท่านผู้เฒ่า แค่คนจากทวีปศักดิ์สิทธิ์กลาง ต่อให้คนทั้งทวีปนั้นโจมตีนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัย พวกนั้นก็ยังมิอาจที่จะทำอันตรายแม้แต่เส้นขนของซิงเอ๋อร์ตราบเท่าที่เธออยู่ภายในค่ายกลนี้”

 

“ผ-ผู้เฒ่า…” มุมปากของซีหวังบิดเบี้ยว

 

“ข้ามิสามารถที่จะขอบคุณท่านอย่างไรดีในเรื่องนี้ ซูหยาง” ซีซิงฟางยืนขึ้นคำนับเขา

 

“เจ้าสามารถขอบคุณข้าในภายหลังได้” เขาส่ายหน้า

 

หลังจากนั้น ซีหวังก็พูดพร้อมกับขมวดคิ้วว่า “ตอนนี้เมื่อเหตุผลหลักที่พวกเรามาที่นี่ได้ผ่านพ้นไปแล้ว พวกเรามาพูดถึงพิษที่ยังอยู่ภายในร่างของหลานสาวข้ากันดีกว่า”