ตอนที่ 1837 เจ้ายังขาดลูกศิษย์อยู่รึเปล่า (4)
จวินอู๋เสียตกใจเล็กน้อย นางมองสีหน้าตื่นเต้นกังวลของเยว่เย่ ความตื่นเต้นครั้งนี้เป็นความตื่นเต้นจากใจจริงของนาง
“ข้า……ข้าอาจจะไม่รู้อะไรมากนัก แต่ข้าจะตั้งใจเรียน ข้ารู้ว่าตอนนี้ข้ามันไร้ประโยชน์ และช่วยอะไรเจ้าไม่ได้ แต่……ข้าสาบาน ข้าจะเป็นลูกศิษย์ที่ดี เจ้าสอนข้าได้ไหม?” พอพูดจบเยว่เย่ก็กัดริมฝีปากอย่างอึดอัดใจเล็กน้อย ถึงยังไงนางก็เป็นเด็กผู้หญิงอายุ 12 ปีเท่านั้น แม้ว่าจะพยายามทำตัวให้เข้มแข็ง แต่ในหัวใจก็ยังเป็นเด็กน้อยที่ยังไม่โตอยู่ดี
นางสามารถสวมหน้ากากหลอกลวงผู้อาวุโสเยว่ได้ สามารถหลอกลวงประมุขวิหารเงาจันทราได้ และยังสามารถหลอกพี่ชายของนางได้อีกด้วย แต่……ตอนนี้นางเป็นแค่เด็กโง่เขลาคนหนึ่ง ถึงขนาดที่รู้สึกว่าตัวเองมีปมด้อย
“ข้ารู้ว่าเจ้าอาจจะรังเกียจข้า ถึงข้ามัน……สุดจะทน แต่……ขอร้องล่ะ……” เยว่เย่ร้อนรนเล็กน้อย ความช่วยเหลือที่นางสามารถหาได้นั้นหายากเกินไป ในวิหารเงาจันทราที่ผู้คนกลืนกินกันเองนี้ นางยึดฟางเส้นหนึ่งเอาไว้อย่างเอาเป็นเอาตาย พยายามเรียนรู้อย่างสุดชีวิต แต่ก็ยังไม่เพียงพอ นางอยากหนีไปจากที่นี่ อยากใช้ชีวิตที่สงบสุขกับเยว่อี้ นางแค่อยากมีชีวิตอยู่ต่อไป
จวินอู๋เสียมองสายตาวิงวอนของเยว่เย่ นั่นเป็นการดิ้นรนและความคาดหวังที่จะแสดงออกมาในตอนที่หมดหนทางเท่านั้น
ในที่สุด จวินอู๋เสียก็เอ่ยขึ้นว่า
“ได้”
“จริงหรือ? ขอบคุณ! ขอบคุณ!” สีหน้ากังวลของเยว่เย่เปลี่ยนเป็นรอยยิ้มในทันที นางลนลานเล็กน้อย แต่ก็ไม่สามารถปกปิดความดีใจไว้ได้
“ข้า……ข้ารู้……ข้ารู้……” จู่ๆเยว่เย่ก็ลุกขึ้น ขาของนางชาเล็กน้อยจนเกือบจะล้ม แต่นางก็ไม่สนใจและวิ่งสาวเท้าเข้าไปในห้อง
จวินอู๋เสียลุกขึ้นอย่างช้าๆ และมองไปที่ด้านหลังที่กำลังรีบร้อนของเยว่เย่ แวบหนึ่งที่ดูเหมือนนางจะเห็นตัวเองในอดีต
ท่ามกลางความสิ้นหวัง โหยหาเศษเสี้ยวของแสงแห่งความหวัง
ไม่รู้ทำไม จวินอู๋เสียเห็นเงาของตัวเองในอดีต เจ้าปีศาจที่ใช้ชื่อว่า “ปู่” ควบคุมชีวิตของพวกนาง ทำให้พวกนางติดอยู่ในความสิ้นหวัง
หลังจากนั้นครู่หนึ่ง เยว่เย่ก็วิ่งออกมาพร้อมถ้วยชาในมือ นางรีบวิ่งไปตรงหน้าจวินอู๋เสียและทรุดตัวลงคุกเข่ากับพื้น จากนั้นก็ยกมือที่ถือถ้วยชาซึ่งเย็นแล้วขึ้นมาและเงยหน้าขึ้น ดวงตาสดใสของนางจ้องมองจวินอู๋เสียนิ่ง
“อาจารย์……ท่าน…….เชิญดื่มชา……” เสียงที่ออกจากปากของเยว่เย่สั่นเล็กน้อย
จวินอู๋เสียมองเยว่เย่แล้วก็หัวเราะออกมาทันที
รอยยิ้มบางๆปรากฏขึ้นที่ริมฝีปากของนาง ทำให้ใบหน้าปลอมนั้นดูมีเสน่ห์ขึ้นมา
จวินอู๋เสียรับชาที่เยว่เย่ยกมาคารวะอาจารย์ แล้วแหงนหน้าดื่มรวดเดียวหมด
เยว่เย่ฉีกยิ้มราวกับเด็กทั่วๆไป
นางมองเห็นความหวังแล้ว
ไม่ว่าเยว่เย่จะยอมรับจวินอู๋เสียเป็นอาจารย์ด้วยความจริงใจ หรือแค่อยากไขว่คว้าหาทางออกก็ตาม นั่นคือช่วงเวลาที่มีความสุขสำหรับนาง
“ลุกขึ้นเถอะ” จวินอู๋เสียพูด
“ค่ะ!” เยว่เย่ลุกขึ้นยืนพร้อมรอยยิ้ม ไม่สนใจฝุ่นดินที่เปื้อนเสื้อผ้า รอยยิ้มของนางสดใสเป็นพิเศษ
“เราควรปลูกสมุนไพรพวกนี้ลงดินให้เสร็จก่อน” จวินอู๋เสียกล่าวอย่างไร้ความรู้สึก
เยว่เย่รีบพยักหน้า แล้วทั้งสองร่าง ใหญ่หนึ่งเล็กหนึ่ง ก็กลับไปนั่งยองๆข้างแปลงดอกไม้ พวกนางจัดการกับสมุนไพรทั้งหมดอย่างเงียบๆ ปลูกชีวิตลงในพื้นดิน และความหวังด้วย
จวินอู๋เสียรับศิษย์เป็นครั้งแรก เป็นความรู้สึกที่ดีทีเดียว อย่างน้อยนางก็ไม่ได้ต่อต้านนิสัยของเยว่เย่ และพรสวรรค์ของเยว่เย่ก็ทำให้นางชื่นชมได้
ตอนที่ 1838 ลอยตัว (1)
ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา ชีวิตของเยว่เย่เหมือนไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง แต่ความจริงแล้วเป็นการเปลี่ยนแบบพลิกฟ้าพลิกดินเลยทีเดียว
หลังจากหลุดจากการควบคุมของผู้อาวุโสเยว่ นางก็มีอิสระมากขึ้น แม้ว่าประมุขวิหารเงาจันทราจะมีความคิดที่ไม่เหมาะสมต่อนาง แต่สุขภาพของเขาเพิ่งฟื้นคืนมา ตอนนี้เขาจึงห่วงเรื่องการควบคุมวิหารเงาจันทรามากกว่าและไม่ได้ให้ความสนใจกับเยว่เย่มากนัก
เยว่เย่ดีใจที่ตอนนี้นางมีเวลาให้ตัวเองมากขึ้นและมักจะเชิญจวินอู๋เสียมาที่เรือนเล็กของนางบ่อยๆ
ด้วยความสามารถของจวินอู๋เสีย การจะหลบเลี่ยงการตรวจจับของคนในเรือนเล็กของเยว่เย่ เป็นเรื่องที่ง่ายดายมาก
จวินอู๋เสียจะสอนความรู้พื้นฐานให้กับเยว่เย่ทุกวัน เริ่มตั้งแต่ขั้นพื้นฐานที่สุด การแยกแยะสมุนไพร
เยว่เย่มีพรสวรรค์ในการปรุงยาอย่างมาก จากหนังสือที่ไม่สมบูรณ์อย่างนั้น นางยังสามารถใช้สติปัญญาของตัวเองปรุงยาพิษออกมาได้มากมาย ตอนนี้มีคำแนะนำของจวินอู๋เสียแล้ว การพัฒนาของนางจึงยิ่งก้าวกระโดดไปมาก
จวินอู๋เสียใส่ใจในการสอน เยว่เย่เองก็ตั้งใจเรียน
สองศิษย์อาจารย์เข้ากันได้เป็นอย่างดี
ในขณะเดียวกัน สถานการณ์ทางด้านผู้อาวุโสเยว่กลับไม่ดีเอาซะเลย
ตั้งแต่ประมุขวิหารเงาจันทราเอาเยว่เย่ไปจากผู้อาวุโสเยว่ ผู้อาวุโสเยว่ก็สังเกตเห็นได้อย่างชัดเจนว่าความไว้ใจที่ประมุขมีต่อเขาค่อยๆหายไปทีละนิด วันนั้นเขาตกใจมากเกินไปจึงไม่สามารถตอบสนองได้ แต่หลังจากที่เขาสงบลงในอีกสองวันถัดมา ผู้อาวุโสเยว่ถึงได้รู้ตัวว่าเยว่เย่ทรยศเขาแล้ว!
แต่สถานการณ์ตอนนี้ทำให้เขาไม่สามารถวางแผนการกลับมาตอบโต้ได้ แม้ว่าเขาจะอยากทวงถามความยุติธรรมคืนจากเยว่เย่ แต่หลังจากที่ประมุขเพิ่งจะเล่นงานเขาไป ช่วงนี้เขาเลยไม่กล้าไปหาเรื่องเยว่เย่ ไม่เช่นนั้นโทสะของประมุขในคราวนี้ เขาคงแบกรับไม่ไหวแล้ว
“แม่งเอ๊ย! คิดไม่ถึงว่าจะโดนนังเด็กชั้นต่ำนั่นตลบหลังเอาได้” ผู้อาวุโสเยว่นั่งโกรธเป็นฟืนเป็นไฟอยู่ที่เก้าอี้ อาจกล่าวได้ว่าเขาเห็นเยว่เย่กับเยว่อี้มาตั้งแต่เด็ก สิ่งที่สำคัญที่สุดคือตอนที่เยว่อี้มาที่นี่นั้น เขาโตพอจะรู้เรื่องแล้ว จึงยากจะควบคุม แต่ตอนที่เยว่เย่มา นางยังเป็นเด็กทารกไม่รู้เรื่องอะไร ผู้อาวุโสเยว่จึงเชื่อมั่นมาโดยตลอดว่าเยว่เย่อยู่ในความควบคุมของเขา
ดังนั้น เขาจึงใช้เยว่เย่ควบคุมเยว่อี้ แต่ผู้อาวุโสเยว่ไม่กังวลเกี่ยวกับเยว่เย่เลยสักนิด ไม่เคยคิดว่าวันหนึ่งเยว่เย่จะทรยศเขา
เรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นอย่างกะทันหัน ทำให้เขาไม่ทันระวังตัว
ไม่ว่าเขาจะต้องการกอบกู้สถานการณ์มากแค่ไหน แต่มันก็เป็นไปไม่ได้แล้ว
“มันเริ่มตั้งแต่เมื่อไรกัน? นังเด็กสำส่อนนั่น!” ผู้อาวุโสเยว่ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วยความโกรธ เขาเก็บเยว่เย่ไว้ข้างกายทำเหมือนว่านางเป็นลูกสุนัขตัวเล็กๆที่เชื่อฟังมาโดยตลอด หนึ่งคือเพื่อใช้ควบคุมเยว่อี้ และสองคือเพื่อให้ได้รับความโปรดปรานจากประมุข แต่การทรยศของเยว่เย่ทำให้ผู้อาวุโสเยว่สูญเสียไปมากกว่าที่เขาจินตนาการเอาไว้
โดยตรงเลยก็คือความเชื่อใจที่ประมุขมีต่อเขาลดลง เยว่อี้ตอนนี้ยังอยู่ข้างนอกยังไม่ได้กลับมา แต่ถ้ากลับมาและพบว่าเยว่เย่หลุดจากการควบคุมของเขาแล้ว ดูจากนิสัยของเยว่อี้ก็คง……
“บัดซบ! นังเด็กนั่น ข้าไม่ปล่อยเจ้าเอาไว้แน่ เจ้าคิดว่าหลบไปอยู่กับท่านประมุขแล้วข้าจะทำอะไรเจ้าไม่ได้รึไง?” ผู้อาวุโสเยว่ยิ้มอย่างเย็นชา ดวงตาตอนที่ 1838 ลอยตัว (1)
ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา ชีวิตของเยว่เย่เหมือนไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง แต่ความจริงแล้วเป็นการเปลี่ยนแบบพลิกฟ้าพลิกดินเลยทีเดียว
หลังจากหลุดจากการควบคุมของผู้อาวุโสเยว่ นางก็มีอิสระมากขึ้น แม้ว่าประมุขวิหารเงาจันทราจะมีความคิดที่ไม่เหมาะสมต่อนาง แต่สุขภาพของเขาเพิ่งฟื้นคืนมา ตอนนี้เขาจึงห่วงเรื่องการควบคุมวิหารเงาจันทรามากกว่าและไม่ได้ให้ความสนใจกับเยว่เย่มากนัก
เยว่เย่ดีใจที่ตอนนี้นางมีเวลาให้ตัวเองมากขึ้นและมักจะเชิญจวินอู๋เสียมาที่เรือนเล็กของนางบ่อยๆ
ด้วยความสามารถของจวินอู๋เสีย การจะหลบเลี่ยงการตรวจจับของคนในเรือนเล็กของเยว่เย่ เป็นเรื่องที่ง่ายดายมาก
จวินอู๋เสียจะสอนความรู้พื้นฐานให้กับเยว่เย่ทุกวัน เริ่มตั้งแต่ขั้นพื้นฐานที่สุด การแยกแยะสมุนไพร
เยว่เย่มีพรสวรรค์ในการปรุงยาอย่างมาก จากหนังสือที่ไม่สมบูรณ์อย่างนั้น นางยังสามารถใช้สติปัญญาของตัวเองปรุงยาพิษออกมาได้มากมาย ตอนนี้มีคำแนะนำของจวินอู๋เสียแล้ว การพัฒนาของนางจึงยิ่งก้าวกระโดดไปมาก
จวินอู๋เสียใส่ใจในการสอน เยว่เย่เองก็ตั้งใจเรียน
สองศิษย์อาจารย์เข้ากันได้เป็นอย่างดี
ในขณะเดียวกัน สถานการณ์ทางด้านผู้อาวุโสเยว่กลับไม่ดีเอาซะเลย
ตั้งแต่ประมุขวิหารเงาจันทราเอาเยว่เย่ไปจากผู้อาวุโสเยว่ ผู้อาวุโสเยว่ก็สังเกตเห็นได้อย่างชัดเจนว่าความไว้ใจที่ประมุขมีต่อเขาค่อยๆหายไปทีละนิด วันนั้นเขาตกใจมากเกินไปจึงไม่สามารถตอบสนองได้ แต่หลังจากที่เขาสงบลงในอีกสองวันถัดมา ผู้อาวุโสเยว่ถึงได้รู้ตัวว่าเยว่เย่ทรยศเขาแล้ว!
แต่สถานการณ์ตอนนี้ทำให้เขาไม่สามารถวางแผนการกลับมาตอบโต้ได้ แม้ว่าเขาจะอยากทวงถามความยุติธรรมคืนจากเยว่เย่ แต่หลังจากที่ประมุขเพิ่งจะเล่นงานเขาไป ช่วงนี้เขาเลยไม่กล้าไปหาเรื่องเยว่เย่ ไม่เช่นนั้นโทสะของประมุขในคราวนี้ เขาคงแบกรับไม่ไหวแล้ว
“แม่งเอ๊ย! คิดไม่ถึงว่าจะโดนนังเด็กชั้นต่ำนั่นตลบหลังเอาได้” ผู้อาวุโสเยว่นั่งโกรธเป็นฟืนเป็นไฟอยู่ที่เก้าอี้ อาจกล่าวได้ว่าเขาเห็นเยว่เย่กับเยว่อี้มาตั้งแต่เด็ก สิ่งที่สำคัญที่สุดคือตอนที่เยว่อี้มาที่นี่นั้น เขาโตพอจะรู้เรื่องแล้ว จึงยากจะควบคุม แต่ตอนที่เยว่เย่มา นางยังเป็นเด็กทารกไม่รู้เรื่องอะไร ผู้อาวุโสเยว่จึงเชื่อมั่นมาโดยตลอดว่าเยว่เย่อยู่ในความควบคุมของเขา
ดังนั้น เขาจึงใช้เยว่เย่ควบคุมเยว่อี้ แต่ผู้อาวุโสเยว่ไม่กังวลเกี่ยวกับเยว่เย่เลยสักนิด ไม่เคยคิดว่าวันหนึ่งเยว่เย่จะทรยศเขา
เรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นอย่างกะทันหัน ทำให้เขาไม่ทันระวังตัว
ไม่ว่าเขาจะต้องการกอบกู้สถานการณ์มากแค่ไหน แต่มันก็เป็นไปไม่ได้แล้ว
“มันเริ่มตั้งแต่เมื่อไรกัน? นังเด็กสำส่อนนั่น!” ผู้อาวุโสเยว่ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วยความโกรธ เขาเก็บเยว่เย่ไว้ข้างกายทำเหมือนว่านางเป็นลูกสุนัขตัวเล็กๆที่เชื่อฟังมาโดยตลอด หนึ่งคือเพื่อใช้ควบคุมเยว่อี้ และสองคือเพื่อให้ได้รับความโปรดปรานจากประมุข แต่การทรยศของเยว่เย่ทำให้ผู้อาวุโสเยว่สูญเสียไปมากกว่าที่เขาจินตนาการเอาไว้
โดยตรงเลยก็คือความเชื่อใจที่ประมุขมีต่อเขาลดลง เยว่อี้ตอนนี้ยังอยู่ข้างนอกยังไม่ได้กลับมา แต่ถ้ากลับมาและพบว่าเยว่เย่หลุดจากการควบคุมของเขาแล้ว ดูจากนิสัยของเยว่อี้ก็คง……
“บัดซบ! นังเด็กนั่น ข้าไม่ปล่อยเจ้าเอาไว้แน่ เจ้าคิดว่าหลบไปอยู่กับท่านประมุขแล้วข้าจะทำอะไรเจ้าไม่ได้รึไง?” ผู้อาวุโสเยว่ยิ้มอย่างเย็นชา ดวงตาของเขาฉายแววชั่วร้ายราวกับเคลือบด้วยยาพิษ
สายตาของเขาค่อยๆหันไปมองที่ตู้ด้านข้าง เขาลุกขึ้นอย่างเงียบๆและเดินไปที่ตู้ จากนั้นก็ดึงหนังสือเก่าๆเล่มหนึ่งบนตู้ออกมาอย่างเบามือ ทันใดนั้นตู้ที่ติดอยู่กับผนังอย่างแนบเนียนก็เปิดออก และสิ่งที่อยู่หลังตู้ก็ไม่ใช่กำแพง แต่เป็นห้องลับ!
จากนั้นผู้อาวุโสเยว่ก็เดินเข้าไปข้างในอย่างไร้เสียง
ตอนที่ 1839 ลอยตัว (2)
หลังจากเสร็จงานนอกวิหาร ผู้อาวุโสอิ่งก็รีบกลับวิหารทันที เขาถูกส่งออกไปนอกวิหารครั้งนี้เพราะกลอุบายของผู้อาวุโสเยว่ที่อยู่เบื้องหลัง แต่มันเป็นคำสั่งของประมุข ไม่ว่าผู้อาวุโสเยว่จะไม่เต็มใจแค่ไหน เขาก็ยังต้องไปอยู่ดี
ในช่วงไม่กี่วันที่ผู้อาวุโสอิ่งออกไปข้างนอก ใจเขากระวนกระวายอยู่ตลอด ไม่รู้ว่าในวิหารจะเกิดเรื่องน่ากลัวอะไรขึ้นบ้าง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนนี้ผู้อาวุโสเยว่เล็งจะเล่นงานจวินอู๋เสียอยู่ ใครจะรู้ว่าผู้อาวุโสเยว่จะทำเรื่องอะไรขึ้นมาบ้าง
ในระหว่างทางกลับ ใจที่อยากรีบกลับของผู้อาวุโสอิ่งก็พุ่งดิ่งดั่งลูกธนู ในที่สุดเขาก็กลับมาถึงวิหารเงาจันทรา เมื่อถึงวิหาร เขาก็รีบไปที่เรือนเล็กที่จวินอู๋เสียพักอยู่โดยไม่ทันได้พักผ่อนด้วยซ้ำ
เมื่อเข้ามาในเรือนเล็ก ผู้อาวุโสอิ่งก็ได้พบคนที่ไม่ควรจะอยู่ที่นั่น
“งั้นเปลือกขาวก็ใช้แบบนั้นได้ด้วย น่าทึ่งจริงๆ!” ดวงตาของเยว่เย่เบิกกว้างขณะมองไปที่จานผงสีขาวที่วางอยู่บนโต๊ะหิน จวินอู๋เสียยืนอยู่ข้างๆนางพร้อมกับกาน้ำในมือ นางหยดน้ำเปล่าลงบนผงเปลือกขาวทีละหยด
หลังจากน้ำหยดลงบนผงเปลือกขาวแล้ว ผงนั่นก็เกาะติดกับน้ำทันทีและละลายในน้ำอย่างรวดเร็ว แต่หยดน้ำยังคงรูปร่างและหลอมรวมกับผงเปลือกขาวก่อตัวเป็นไข่มุกเม็ดเล็กสีขาว
เยว่เย่เฝ้ามองด้วยความประหลาดใจ นางอดใจไม่ไหวเอื้อมมือไปจิ้มมัน สิ่งที่ควรจะเป็นหยดน้ำเปียกๆ ตอนนี้กลายเป็นของแข็งแล้ว การกระทำของเยว่เย่ทำให้มันกลิ้งร่วงลงจากจาน
“มันจะไม่ละลายอีกแล้วหรือ?” เยว่เย่หยิบลูกปัดเล็กๆขึ้นมาพลิกไปพลิกมามองดู และคิดว่ามันน่าสนใจมาก
“ใส่ลงไปในเหล้า แล้วมันจะละลาย” จวินอู๋เสียบอก “เปลือกขาวสามารถสลายฤทธิ์เหล้าได้”
“งั้นก็หมายความว่าถ้าข้าแข่งดื่มเหล้ากับคนอื่น ข้าแค่ใส่เจ้านี่ลงไปในเหล้าก็จะสามารถเปลี่ยนให้มันกลายเป็นน้ำเปล่าได้ใช่ไหม? ไม่ว่าจะดื่มไปมากแค่ไหน ข้าก็จะไม่เมาใช่รึเปล่า?” เยว่เย่ถามด้วยดวงตาเป็นประกาย
“ตามทฤษฎีแล้วก็ใช่” จวินอู๋เสียพยักหน้า
ไม่รู้ทำไม จวินอู๋เสียอดรู้สึกไม่ได้ว่าศิษย์ของนางคนนี้มีวิธีคิดที่ค่อนข้างแปลก
“เข้าใจแล้ว!” เยว่เย่หัวเราะร่าและเก็บลูกปัดนั่นแยกไว้โดยเฉพาะ
จวินอู๋เสียตั้งใจจะพูดกับนางต่อ แต่ทันใดนั้นนางก็เห็นผู้อาวุโสอิ่งยืนตะลึงอยู่ที่ทางเข้าลานบ้าน
ไม่มีใครยืนเฝ้าอยู่นอกลานบ้านของนางนอกจากเย่ฉาที่เฝ้าดูแลทุกอย่างอยู่คนเดียว หากใครคิดจะแอบเข้ามา พวกเขาจะตายด้วยมือของเย่ฉาก่อนที่จะทันได้ผ่านประตูเข้ามา คนที่สามารถเข้ามาข้างในได้ภายใต้การเฝ้าของเย่ฉาล้วนเป็นคนที่จวินอู๋เสียอนุญาตแล้วเท่านั้น
ในขณะนั้น ผู้อาวุโสอิ่งยืนเอ๋อไปแล้ว เขายืนมองจวินอู๋เสียคุยกับเยว่เย่อย่างเป็นมิตร ดวงตาฉายแววเหลือเชื่อ
หากกล่าวว่าผู้อาวุโสอิ่งยอมรับความสัมพันธ์ระหว่างจวินอู๋เสียและเยว่อี้ นั่นเป็นเพราะเยว่อี้มีความคิดต่อต้านผู้อาวุโสเยว่อยู่แล้ว ยิ่งกว่านั้น ตอนที่เยว่อี้เข้ามาในวิหารเงาจันทรา เขาก็โตพอที่จะรู้เรื่องแล้ว ผู้อาวุโสเยว่จึงไม่สามารถควบคุมเขาได้อย่างเต็มที่
แต่เยว่เย่นั้นต่างออกไปโดยสิ้นเชิง
เยว่เย่ถูกผู้อาวุโสเยว่เลี้ยงดูมาตั้งแต่เล็ก นางฟังคำพูดของเขาทุกคำ ตีผู้อาวุโสอิ่งให้ตายเขาก็คงไม่คิดว่าภายในเวลาไม่กี่วันที่เขาออกไปข้างนอก จวินอู๋เสียจะกล้าเข้าใกล้เยว่เย่ผู้ซื่อสัตย์จงรักภักดีต่อผู้อาวุโสเยว่จริงๆ!
สมองของผู้อาวุโสอิ่งไม่สามารถตอบสนองได้ไปพักนึงเลยทีเดียว
และสิ่งที่ทำให้เขาประหลาดใจยิ่งขึ้นก็คือ เยว่เย่ที่อยู่จวินอู๋เสียนั้นดูแตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง!