ตอนที่ 1840 -1842

Genius Doctor Black Belly Miss

ตอนที่ 1840 ลอยตัว (3)
  เมื่อก่อนเยว่เย่มักจะทำให้ผู้อาวุโสอิ่งรู้สึกว่านางเป็นคนขี้กลัวมากและมีนิสัยนุ่มนิ่มควบคุมง่าย
  แต่ตอนนี้ สิ่งที่เขาเห็นไม่ใช่เด็กน้อยที่อ่อนแอขี้ขลาด ใบหน้าที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวาและสีหน้าขี้เล่นซุกซนนั้นแตกต่างจากเยว่เย่ที่อยู่ในความทรงจำของเขา
  ทันใดนั้นเขาก็สงสัยขึ้นมาว่าตัวเองเห็นภาพหลอนรึเปล่า และอดไม่ได้ที่จะรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ
  เยว่เย่ก็สังเกตเห็นการปรากฏตัวอย่างกะทันหันของผู้อาวุโสอิ่งเช่นกัน รอยยิ้มบนใบหน้าของนางหายไปอย่างไม่เหลือร่องรอยเมื่อสายตานางเหลือบไปเห็นผู้อาวุโสอิ่ง นางรีบลุกขึ้นจากม้านั่งหิน และมองไปที่จวินอู๋เสียอย่างทำตัวไม่ถูก
  “เจ้ามองอะไร?” จวินอู๋เสียเลิกคิ้วมองผู้อาวุโสอิ่งที่ยืนเอ๋ออยู่
  ในที่สุดผู้อาวุโสอิ่งก็ได้สติ เขามองจวินอู๋เสียแล้วก็มองไปที่เยว่เย่ คิ้วของเขาขมวดเข้าหากันโดยไม่รู้ตัว
  “เจ้ามานี่ซิ” เขาพูดกับจวินอู๋เสีย
  จวินอู๋เสียเดินเข้าไปหา
  โดยไม่รอให้จวินอู๋เสียได้ยืนดีๆ ผู้อาวุโสอิ่งก็ดึงตัวจวินอู๋เสียไปด้านหนึ่งและพูดเสียงเบาว่า “ทำไมเจ้าสนิทกับเยว่เย่ขนาดนี้? ไม่รู้หรือว่านางเป็นเบี้ยของผู้อาวุโสเยว่? ถึงเด็กนี่จะน่าสงสาร แต่เจ้าจะไม่ระวังไม่ได้ ไม่ได้บอกว่าเจ้าต้องระวังนาง แต่ให้ระวังผู้อาวุโสเยว่ที่อยู่เบื้องหลังนาง ไอ้แก่ตัวร้ายนั่นอาจจะวางแผนใช้เยว่เย่เล่นงานเจ้า”
  ผู้อาวุโสอิ่งกระซิบเสียงเบา เขาไม่ได้มีอคติอะไรกับเยว่เย่ แต่ผู้อาวุโสเยว่ที่อยู่เบื้องหลังเยว่เย่นั้นจัดการยากอยู่บ้าง
  “สิ่งที่เจ้ากังวลมันเกิดขึ้นแล้ว” จวินอู๋เสียพูดขึ้นทันควัน
  ผู้อาวุโสอิ่งตกใจ
  “หมายความว่ายังไง?”
  “วันที่เจ้าออกไปจากวิหารเงาจันทรา ผู้อาวุโสเยว่ทำเรื่องที่เจ้ากังวลลงไปแล้ว” จวินอู๋เสียพูดอย่างสงบ
  “อะไรนะ!? แล้ว……เจ้า……นาง……” ดวงตาของผู้อาวุโสอิ่งเบิกกว้าง เขารู้ว่าผู้อาวุโสเยว่จงใจดึงตัวเขาออกไป ย่อมมีเจตนาไม่ดีเป็นแน่ ไม่คิดว่าผู้อาวุโสเยว่จะลงมือรวดเร็วเช่นนี้ เขาจึงอดกังวลไม่ได้
  “ตอนนี้เยว่เย่ไม่ใช่หลานสาวของผู้อาวุโสเยว่อีกต่อไป ประมุขรับนางไปแล้ว” จวินอู๋เสียหย่อนคำพูดที่ทำให้ผู้อาวุโสอิ่งปากอ้าตาค้างออกมาด้วยท่าทางสงบนิ่ง
  “เจ้า……เจ้าว่าอะไรนะ? เกิดอะไรขึ้นกันแน่……ทำไมข้าฟังเจ้าไม่เข้าใจเลย?” ผู้อาวุโสอิ่งมีสีหน้ามึนงง
  จวินอู๋เสียเล่าให้ผู้อาวุโสอิ่งฟังคร่าวๆถึงเรื่องที่นางร่วมมือกับเยว่เย่เล่นงานผู้อาวุโสเยว่จนกระอักเลือดอย่างไร หลังจากผู้อาวุโสอิ่งฟังจบก็สูดหายใจเข้าเฮือกหนึ่ง ดวงตากวาดมองจวินอู๋เสียและเยว่เย่สลับไปมาอย่างสยองขวัญ
  เขาก็กังวลอยู่ว่าจวินอู๋เสียจะเสียเปรียบหรือไม่ คิดไม่ถึงเลยว่าเด็กนี่จะเก่งกล้าสามารถถึงขั้นรุกฆาตผู้อาวุโสเยว่ได้!
  ไม่เพียงบังคับให้ผู้อาวุโสต้องกลืนยาขมของตัวเองเท่านั้น แม้แต่เยว่เย่ก็ยังถูกแย่งไปจากกำมือของเขาอีกด้วย!
  ในตอนนั้นผู้อาวุโสอิ่งรู้สึกสงสารผู้อาวุโสเยว่ที่ถูกจวินอู๋เสียวางแผนเล่นงานขึ้นมาทันที
  คิดดูว่าผู้อาวุโสเยว่เป็นผู้มีอำนาจมากมายในวิหารเงาจันทรามานานหลายปี ใครจะสามารถต่อกรกับเขาได้กัน?
  แต่จวินอู๋เสียมาที่วิหารเงาจันทราได้ไม่ถึงครึ่งเดือน กลับเล่นงานผู้อาวุโสเยว่ได้ซ้ำๆกันถึงสองสามครั้ง ช่างทำให้คนหมดคำพูดได้จริงๆ
  “สิ่งที่เจ้าสองคนทำนี่มัน……พวกเจ้าต้องระวังตัวให้ดี ผู้อาวุโสเยว่ไม่ใช่คนที่จัดการได้ง่ายๆ แม้ว่าครั้งนี้พวกเจ้าสองคนจะบังคับให้เขากลืมยาขมลงไปได้ แต่เขาจะจำหนี้แค้นนี้ไว้และจะแก้แค้นพวกเจ้าอย่างแน่นอน ดังนั้นเจ้าสองคนต้องระวังให้มากขึ้นไม่ว่าจะทำอะไรนับจากนี้ไป” ผู้อาวุโสอิ่งถอนหายใจโล่งอกและเตือนพวกเขาอย่างรอบคอบ
  ผู้อาวุโสอิ่งต่อสู้กับผู้อาวุโสเยว่มานานหลายปี เขาย่อมรู้นิสัยของผู้อาวุโสเยว่เป็นอย่างดี
ตอนที่ 1841 กลยุทธ์ลูกโซ่ (1)
  “ข้ารู้” จวินอู๋เสียเข้าใจความกังวลของผู้อาวุโสเยว่
  ผู้อาวุโสอิ่งพ่นลมหายใจออกมา สายตาที่มองเยว่เย่ก็อ่อนลง ไม่ว่ายังไงเด็กน้อยคนนี้ก็ทุกข์ทรมานมาไม่น้อย ดีแล้วที่นางสามารถหนีออกจากการควบคุมของผู้อาวุโสเยว่ได้
  “ผู้อาวุโสเยว่คงไม่กล้าทำอะไรกับเยว่เย่ในตอนนี้ แต่ทางด้านประมุขนี่ซิ……” ผู้อาวุโสอิ่งมองร่างเล็กๆของเยว่เย่แล้วก็อดรู้สึกเป็นห่วงไม่ได้ เขารู้เกี่ยวกับเรื่องสกปรกในวิหารเงาจันทราอยู่ไม่น้อย และไม่เคยอยากเป็นส่วนหนึ่งของพวกเขา เขาเคยได้ยินเกี่ยวกับสถานการณ์ของเยว่เย่และเยว่อี้มานานแล้ว ถึงเด็กทั้งสองจะน่าสงสารมาก แต่จะไปยุ่งมากเกินไปก็ไม่ดี
  และตอนนี้แม้ว่าเยว่เย่จะหนีออกมาจากการควบคุมของผู้อาวุโสเยว่แล้ว แต่การตกอยู่ในมือของประมุขวิหารเงาจันทราก็ไม่ใช่เรื่องดีเช่นกัน
  เมื่อก่อนนี้เป็นเพราะสุขภาพที่ทรุดโทรมของประมุข เขาจึงยังไม่ได้ทำอะไรที่ไม่เหมาะสมกับเยว่เย่ แต่ตอนนี้สุขภาพของประมุขกำลังฟื้นตัวขึ้นทุกวัน ไม่มีอะไรรับประกันว่าเขาจะไม่ลงมือกับเยว่เย่ในตอนนี้
  “โอสถหิมะละลายใกล้จะหมดฤทธิ์แล้ว” จวินอู๋เสียพูดอย่างไร้อารมณ์
  “หมายความว่ายังไง?” ผู้อาวุโสอิ่งตกใจเล็กน้อย
  จวินอู๋เสียตอบกลับไปอย่างสบายๆว่า “ข้าไม่เคยพูดว่าโอสถหิมะละลายจะรักษาประมุขวิหารเงาจันทราได้อย่างสมบูรณ์เลยนะ ไม่ใช่หรือ?”
  คำพูดของจวินอู๋เสียทำให้ผู้อาวุโสอิ่งสั่นเทิ้มไปทั้งร่าง
  ใช่แล้ว ตอนที่จวินอู๋เสียนำยาไปมอบให้นั้น นางบอกแค่ว่ามันจะช่วยให้อาการของประมุขดีขึ้น แต่หลังจากทุกคนเห็นว่าอาการของประมุขดีขึ้นหลังกินยาโอสถหิมะละลาย ทุกคนก็คิดกันไปเองว่าประมุขกลับมาแข็งแรงดังเดิมแล้ว แต่สิ่งที่จวินอู๋เสียเพิ่งพูดออกมานั้นทำให้ผู้อาวุโสเยว่รู้สึกต่างไปอย่างสิ้นเชิง
  “หรือว่า……ยานั่นไม่ได้รักษาประมุขให้หายดีงั้นรึ?” ผู้อาวุโสอิ่งใจเต้นระรัว ยานั่นมาจากไหนเขาไม่รู้และก็ไม่ได้ถามอะไรจวินอู๋เสียมากนัก ตอนแรกเขารู้สึกว่าการที่จวินอู๋เสียมอบยาให้ประมุขนั้นค่อนข้างเสี่ยง เนื่องจากการที่ประมุขฟื้นตัวกลับมาไม่ใช่เรื่องดีสำหรับพวกเขา
  จวินอู๋เสียเลิกคิ้วมองผู้อาวุโสอิ่งที่มีสีหน้าประหลาดใจ
  “ยานั่นออกฤทธิ์แค่ชั่วคราว ข้าคิดว่ามันใกล้จะหมดฤทธิ์แล้ว”
  นางมียาที่สามารถรักษาอาการของประมุขได้อยู่ด้วย แต่นางไม่ได้โง่ถึงขนาดจะแสดงความใจดีเช่นนั้นกับศัตรู
  ผู้อาวุโสอิ่งจ้องมองจวินอู๋เสียด้วยแววตาตกตะลึง เด็กคนนี้คิดล่วงหน้าไปสามก้าวในทุกๆก้าวของเขา ทุกอย่างอยู่ในการคำนวณของเขามาตั้งแต่ต้นแล้ว นั่นทำให้ผู้อาวุโสอิ่งตกตะลึงมากจริงๆ
  ตอนแรกใช้โอสถหิมะละลายแก้ไขวิกฤตของตัวเอง จากนั้นก็ควบคุมผลของยาอย่างลับๆไม่ให้ฤทธิ์ยาอยู่ถาวร
  ทันใดนั้น ความคิดที่น่ากลัวก็ผุดขึ้นในหัวของผู้อาวุโสอิ่ง สายตาที่จ้องมองจวินอู๋เสียราวกับกำลังมองดูสัตว์ประหลาด
  “เจ้าคงไม่ได้คิดจะใช้โอสถหิมะละลายทำให้ประมุขให้ความสำคัญกับเจ้ามากขึ้นใช่ไหม?”
  ยาที่มีฤทธิ์ชั่วคราวนั่นทำให้ประมุขกลับมามีชีวิตชีวาอย่างที่เขาไม่ได้รู้สึกมานาน เมื่อได้ลิ้มรสแล้ว ประมุขวิหารเงาจันทราจะยอมทิ้งโอกาสเช่นนี้ได้อย่างไร?
  ไม่ต้องคิดก็รู้ หากโอสถหิมะละลายไม่สามารถรักษาประมุขให้หายสนิทได้ แต่ตราบใดที่ยังไม่มียาที่สามารถรักษาเขาให้หายสนิทได้ ประมุขวิหารเงาจันทราก็จะต้องพึ่งพาโอสถหิมะละลายเป็นอย่างมาก
  และจวินอู๋เสียที่สามารถปรุงโอสถหิมะละลายได้นั้น สถานะของนางในวิหารเงาจันทราก็ทะยานสูงขึ้นอีกอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้!
  “ไม่ดีหรอกหรือ?” จวินอู๋เสียถามด้วยน้ำเสียงสบายๆ
  ผู้อาวุโสอิ่งกลืนน้ำลายอย่างเงียบๆ
  [ดีซิ]
  [ทำไมจะไม่ดีล่ะ?]
  [แต่……เจ้าเด็กนี่เริ่มวางแผนทั้งหมดนี้ตั้งแต่เมื่อไรกัน?]
ตอนที่ 1842 กลยุทธ์ลูกโซ่ (2)
  เป็นไปได้ไหมว่าเจ้าเด็กนี่รวมเยว่เย่ไว้ในการคำนวณของตัวเองด้วยแล้ว? คำนวณกระทั่งเวลาที่ถึงแม้เยว่เย่จะตกอยู่ในมือของประมุข แต่โอสถหิมะละลายเริ่มหมดฤทธิ์ ทำให้ประมุขหมดโอกาสที่จะทำเรื่องไม่สมควร?
  พอคิดอย่างนั้น ผู้อาวุโสอิ่งก็อดไม่ได้ต้องปฏิเสธการคาดเดาที่น่าตกใจของตัวเอง
  ถ้าจวินอู๋เสียคำนวณไว้จนถึงขั้นนั้นจริงในตอนที่มอบยาให้กับประมุข เด็กนี่ก็จะยิ่งกว่าสัตว์ประหลาดเลยไม่ใช่หรือ?
  พูดจากมุมมองหนึ่ง ผู้อาวุโสอิ่งก็เห็นความจริงที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้แล้ว
  แต่ความจริงนั้นจวินอู๋เสียไม่ได้พูดอะไรเลยสักคำ ทำให้หัวใจของผู้อาวุโสอิ่งไม่ต้องรับความกดดันมากเกินไป
  “เจ้าหนู เจ้านี่กล้าหาญชาญชัยเหลือเกิน ข้ายอมยกนิ้วให้เลย ถ้ามีอะไรให้ข้าช่วยก็บอกได้เลยนะ” ผู้อาวุโสอิ่งไม่กล้ามองจวินอู๋เสียเป็นเด็กอีกต่อไป ไม่รู้ว่าเด็กคนนี้พัฒนาสติปัญญามาอย่างไร หากเป็นปฏิปักษ์กับเขา เห็นทีจะโดนเล่นงานจนกระอักเลือดแน่
  ไม่ต้องคิดเยอะ ผู้อาวุโสอิ่งก็รู้ว่าผู้อาวุโสเยว่ต้องรู้สึกเจ็บใจมากเพียงใด ถ้าเป็นไปได้ผู้อาวุโสอิ่งเชื่อว่าผู้อาวุโสเยว่คงไม่ต้องการอะไรมากไปกว่าชักดาบออกมาฟันจวินอู๋เสียอย่างบ้าคลั่ง
  “ข้าไม่ได้ต้องการอะไรมากนอกจากสมุนไพรบางอย่างเท่านั้น เจ้าหามาให้ข้าได้ไหม?” จวินอู๋เสียมองผู้อาวุโสอิ่ง ตอนที่นางมาอาณาจักรกลาง นางได้นำสมุนไพรติดตัวมาด้วย แต่ก็ใช้ไปจนเกือบหมดแล้ว แม้ว่านางจะยังมียาอยู่อีกเยอะ แต่นางก็ยังขาดสมุนไพรบางอย่างสำหรับจำนวนยาที่นางจะใช้ในเร็วๆนี้
  “วางใจเถอะ ข้าจะหามาให้เจ้าเอง” ผู้อาวุโสอิ่งตบหน้าอกตัวเอง ทำงานกับพันธมิตรที่ไม่เรื่องมากเช่นนี้ ช่วยลดการปวดหัวของเขาไปได้มากทีเดียว
  “เอาล่ะ งั้นเจ้าก็ไปทำธุระของเจ้าต่อเถอะ ข้าจะไปรายงานกับประมุขก่อน” ในที่สุดผู้อาวุโสอิ่งก็คลายใจลงได้หลังจากได้เจอจวินอู๋เสีย เขาโบกมือให้เยว่เย่ที่ยืนตัวแข็งอยู่พร้อมกับยิ้มให้อย่างอ่อนโยน จากนั้นก็เดินออกจากเรือนเล็กของจวินอู๋เสีย
  เขารีบเร่งกลับมาตลอดทาง แถมยังวิ่งมาหาจวินอู๋เสียก่อนที่จะไปพบกับประมุขซะอีก ถ้ามีใครอยากใช้เรื่องนี้สร้างปัญหา ก็คงเป็นการยากที่เขาจะหาคำอธิบายให้ตัวเอง
  เยว่เย่ไม่ได้พูดอะไรสักคำตั้งแต่ผู้อาวุโสอิ่งปรากฏตัว จนกระทั่งผู้อาวุโสอิ่งจากไปนางจึงกลับเป็นปกติ
  “เจ้ากังวลเรื่องอะไร?” จวินอู๋เสียสังเกตเห็นปฏิกิริยาแปลกๆของเยว่เย่ ตั้งแต่ที่ผู้อาวุโสอิ่งโผล่มา เยว่เย่ก็ตัวแข็งทื่อทันที ท่าทางประหม่าอย่างมาก
  “ผู้อาวุโสอิ่งรู้……” เยว่เย่กัดริมฝีปาก แม้ว่าคนจะไม่ค่อยรู้เรื่องที่ผู้อาวุโสเยว่ใช้นางเพื่อให้ได้รับความโปรดปรานจากประมุขวิหารเงาจันทรา แต่ผู้อาวุโสอิ่งเป็นหนึ่งในคนที่รู้
  “แล้วไง?” จวินอู๋เสียเลิกคิ้วถาม นางสัมผัสได้ถึงความรู้สึกว่าตัวเองมีปมด้อยของเยว่เย่ เป็นความรังเกียจตัวเองที่นางเก็บกดเอาไว้ลึกๆในใจ
  ความเก็บกดนั้นอาจจะดีขึ้นได้จากการทำลายล้างวิหารเงาจันทราให้สิ้น ชำระล้างตัวนางจากทุกอย่างในอดีต
  เช่นเดียวกับไฟที่นางจุดขึ้นเมื่อหลายปีก่อนนั้น
  “แล้วไง……ใช่……แล้วไง……” เยว่เย่พึมพำคำพูดของจวินอู๋เสียซ้ำไปซ้ำมา พยายามอย่างเต็มที่ที่จะเข้าใจความเชื่อที่จวินอู๋เสียพยายามสื่อถึงนาง
  “แทนที่จะเสียเวลาไปกับเรื่องแบบนี้ เจ้าควรคิดถึงแผนการขั้นต่อไปของพวกเราก่อนไม่ใช่หรือ?” จวินอู๋เสียนั่งลงบนม้านั่งหิน นางไม่ได้บอกผู้อาวุโสอิ่งว่ายาพิษที่ประมุขวิหารเงาจันทราได้รับนั้นเป็นฝีมือของเยว่เย่ ความจริงแม้ว่าโอสถหิมะละลายจะมีผลแค่ชั่วคราว แต่การจะควบคุมเวลาให้พิษกำเริบนั้นจะได้ผลและแม่นยำมากขึ้นหากรื้อฟื้นพิษในตัวประมุขอีกครั้ง
  “รับทราบ!” เยว่เย่กระปรี้กระเปร่าขึ้นทันที