ตอนที่ 1843 กลยุทธ์ลูกโซ่ (3)
จวินอู๋เสียและเยว่เย่ได้ปรุงยาชุดใหม่ขึ้นอีกชุด ยาพวกนี้มีฤทธิ์รุนแรงยิ่งกว่าที่เยว่เย่เคยปรุง หลังจากปรุงยาเสร็จ เยว่เย่ก็ถือขวดเล็กๆที่บรรจุยาเอาไว้โดยไม่สามารถวางมันลงได้ เห็นได้ว่าความรักที่นางมีต่อการปรุงยานั้นเป็นสิ่งที่มีมาแต่กำเนิด
“อาจารย์! ข้าจะไปทำร้ายคนแล้วนะ!” หลังจากเยว่เย่เติมขวดยาจนเต็มแล้ว นางก็มองไปที่จวินอู๋เสียอย่างยิ้มแย้ม ช่วงเวลาที่นางได้ใช้กับจวินอู๋เสียในสองสามวันที่ผ่านมานี้ดูเหมือนทำให้นางได้มีชีวิตใหม่ ไม่เพียงได้สัมผัสกับความรู้ที่เมื่อก่อนนางไม่มีทางได้เข้าถึง แต่ยังรู้สึกสบายใจอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อนด้วย
ตอนที่อยู่กับจวินอู๋เสีย เยว่เย่ไม่รู้สึกกดดันเลยแม้แต่น้อย ความเงียบของจวินอู๋เสียทำให้นางสามารถเป็นตัวของตัวเองได้
จวินอู๋เสียมองเยว่เย่ที่เริงร่าสนุกสนานอย่างพูดไม่ออก นางอดรู้สึกไม่ได้ว่านิสัยของยัยเด็กนี่แปลกประหลาดมาก ตื่นเต้นที่จะได้วางยาพิษคนซะขนาดนั้น……
ประมุขวิหารเงาจันทรามีความสุขกับสุขภาพที่แข็งแรงขึ้นในช่วงนี้ สีหน้าของเขาเริ่มอมชมพูมากขึ้น เมื่อสิ่งต่างๆในวิหารมั่นคงขึ้นเรื่อยๆ จิตใจที่กระตือรือร้นก็มากขึ้น เขาเพิ่งอ่านม้วนหนังสือจบก็เห็นเยว่เย่ในชุดสีชมพูถือเหยือกเหล้าชั้นดีกับอาหารว่างยืนอยู่นอกประตู
แสงตะวันสีทองอาบร่างของเยว่เย่ดูกระฉับกระเฉงมีชีวิตชีวา ทำให้ประมุขวิหารเงาจันทราเกิดความปรารถนาขึ้นมา
“ท่านประมุข” เยว่เย่มองประมุขวิหารเงาจันทราอย่างเชื่อฟัง
“เย่เอ๋อร์? เจ้ามาทำไม? เข้ามาเร็ว” ประมุขมองเยว่เย่ด้วยรอยยิ้ม สายตาลามกของเขากวาดมองไปทั่วร่างของเยว่เย่อย่างไม่ปิดบัง ชื่นชมความงามแรกรุ่นที่ราวบุปผายังไม่ผลิบานของนาง
เยว่เย่เดินมาที่ด้านข้างประมุขและวางถาดในมือลงบนโต๊ะ
“ได้ยินว่าหลายวันมานี้ท่านประมุขเหน็ดเหนื่อย เย่เอ๋อร์เลยไม่กล้ารบกวน แต่ได้ยินพวกศิษย์พี่พูดว่าท่านประมุขน่าจะพักผ่อนได้แล้ว เย่เอ๋อร์จึงเตรียมสุราอาหารมา หวังจะให้ท่านประมุขได้ผ่อนคลาย” เย่เอ๋อร์กระพริบตากลมโตและพูดถ้อยคำหวานหูออกมา
ประมุขวิหารเงาจันทรายิ้มกว้าง ยื่นมือออกไปจับมือเล็กๆของเยว่เย่และพูดด้วยความรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งว่า “เย่เอ๋อร์เป็นเด็กดีจริงๆ ไม่เสียแรงที่ข้ารักเอ็นดูเจ้า”
สาวงามตัวน้อยโตขึ้นทุกวัน และเป็นเด็กดีว่านอนสอนง่ายอย่างมาก ทำให้ประมุขวิหารเงาจันทรารู้สึกว่าต้านทานอาการคันยุบยิบในหัวใจได้ยากขึ้น
เยว่เย่หน้าแดงและก้มหัวลง ดวงตาที่หลุบต่ำลงเล็กน้อยนั้นซ่อนความรังเกียจเอาไว้ภายใน
“ท่านประมุขดีกับเย่เอ๋อร์ เย่เอ๋อร์รู้ เย่เอ๋อร์ไม่มีความสามารถอะไร แค่อยากจะรับใช้ท่านประมุขให้ดี” พูดจบเยว่เย่ก็ดึงมือออกอย่างเป็นธรรมชาติและหยิบเหยือกเหล้าขึ้นมาจากถาด รินเหล้าชั้นดีลงไปในจอกเหล้าสองใบ จากนั้นก็หยิบจอกหนึ่งขึ้นมาและมองไปที่ประมุขด้วยความคาดหวัง
“ท่านประมุขดีต่อเย่เอ๋อร์ เย่เอ๋อร์ไม่มีอะไรจะตอบแทนนอกจากดื่มอวยพรแด่ท่านประมุข”
ประมุขวิหารเงาจันทราอารมณ์ดีมาก แม้ว่าเมื่อก่อนเยว่เย่เชื่อฟังเขาอย่างมาก แต่นางก็แสดงความประหม่ากังวลและเว้นระยะห่างอยู่เสมอ แต่เยว่เย่ตอนนี้มีน้ำใจต่อเขาอย่างยิ่ง ทำให้ประมุขรู้สึกพอใจเป็นอย่างมาก เขาคิดว่าเป็นเพราะเขาตัดสินใจเอาตัวเยว่เย่มาจากผู้อาวุโสเยว่ทำให้เยว่เย่รู้สึกขอบคุณเขา ไม่คิดเลยว่าจิตใจของเด็กสาวอายุ 12 ปีจะซับซ้อนถึงเพียงนี้
จากที่ประมุขวิหารเงาจันทราเห็น เยว่เย่เป็นแค่หุ่นเชิดที่ผู้อาวุโสเยว่ใช้เป็นตัวประกันควบคุมเยว่อี้ ไม่เคยเห็นโลกภายนอกมากนักและไม่เคยเรียนรู้ถึงความซับซ้อนในการต่อสู้เพื่ออำนาจของผู้คน ดังนั้นนางจึงบริสุทธิ์และไร้เดียงสาอย่างที่สุด
“ดี เหล้าที่เยว่เย่อวยพรให้ข้า ข้าย่อมรับไว้อยู่แล้ว”
ตอนที่ 1844 กลยุทธ์ลูกโซ่ (4)
“ดี เหล้าที่เยว่เย่อวยพรให้ข้า ข้าย่อมรับไว้อยู่แล้ว”
ประมุขวิหารเงาจันทราแหงนหน้ากระดกเหล้าลงไปทันที
แต่เยว่เย่ยังคงถือจอกเหล้าอยู่ ตอนที่ประมุขไม่ได้สังเกต นางก็หย่อนเม็ดยาสีขาวขนาดเท่าเมล็ดข้าวลงในจอกเหล้าของตัวเอง
ทันทีที่ยาสัมผัสกับเหล้า เม็ดยาสีขาวก็ละลายทันที และกลิ่นหอมของเหล้าก็จางหายไป
เปลือกขาวที่ทำให้ฤทธิ์ของแอลกอฮอล์สลายไป
เยว่เย่ยิ้มอยู่ในใจ นางแสร้งทำเป็นจริงจังและดื่ม “น้ำเปล่า” ที่ฤทธิ์ของแอลกอฮอล์สลายหมดแล้วลงไป
หลังจากดื่มเหล้าจนหมดจอก ประมุขก็อยากดึงเยว่เย่มาสนิทสนมแนบแน่นกับเขาสักหน่อย แต่น่าเสียดายที่เยว่เย่หลบได้อย่างฉลาด และรินเหล้าให้ประมุขจอกแล้วจอกเล่า
เมื่อเห็นว่าเยว่เย่ก็ดื่มเหล้าไปกับเขา ใบหน้าเล็กๆนั้นกลายเป็นสีแดงอย่างน่าหลงใหล ประมุขก็รู้สึกว่าไม่จำเป็นต้องเร่งรีบมากเกินไป เป็นเรื่องยากมากที่เด็กน้อยจะส่งตัวเองมาให้เขาและพยายามเอาใจเขาอย่างเต็มที่เพื่อแสดงความขอบคุณ เขาจำเป็นต้องใจร้อนด้วยหรือ?
เมื่อคิดว่ายังไงซะเยว่เย่ก็คงดื่มไม่เก่ง แค่สองสามจอกคงคอพับคออ่อนแล้ว เขาก็จะได้ดึงนางมาอยู่ในอ้อมกอด และไม่ทำให้เด็กน้อยกลัวด้วย
ในใจเขาเต็มไปด้วยแผนการ ประมุขวิหารเงาจันทราให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี
ใครจะรู้ว่า……
เหล้าที่เยว่เย่นำมานั้นไม่ใช่ของวิหารเงาจันทรา แต่เป็นเหล้าอย่างดีที่นางได้มาจากจวินอู๋เสีย เดิมทีเหล้านี้จวินอู๋เสียเตรียมไว้ให้บัวเมา ด้วยความสามารถในการกินเหล้าของบัวเมา แม้แต่เหล้าที่แรงที่สุดเมื่อเข้าปากเขาก็ยังไร้รสชาติ ดังนั้นเหล้าที่บัวเมาชอบดื่มต้องเป็นเหล้าที่ดีที่สุดแรงที่สุดเท่าที่จะหาได้
ไม่ต้องพูดถึงเหล้าทั้งเหยือกเลย ขนาดคนที่อ้างว่าดื่มพันจอกยังไม่เมา มาดื่มเจ้านี่ไปสองสามจอกยังเวียนหัวเมาหลับไม่ได้สติ
ประมุขวิหารเงาจันทราเพิ่งดื่มไปสามจอกก็รู้สึกมึนงงแล้ว สายตาพร่าเลือนสลับกับชัดเจนเป็นระยะ หน้าแดงก่ำ มือที่ถือจอกเหล้าเริ่มสั่น
“เหล้านี่หอมจริงๆ……” ประมุขสะบัดหัวด้วยความมึน เขาไม่รู้ว่าตัวเองคออ่อนขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไร ดื่มแค่สามจอกก็เมาซะแล้ว
“ในเมื่อท่านประมุขชอบ งั้นก็ดื่มอีกหน่อยนะคะ” เยว่เย่ยิ้มและรินเหล้าให้ประมุข จากนั้นก็รินให้ตัวเองด้วย หลังจากหย่อนเม็ดยาเปลือกขาวลงไปเพื่อกำจัดแอลกอฮอล์แล้ว นางก็กระตุ้นให้ประมุขดื่มร่วมกับนาง
ประมุขค่อนข้างมึนหัวแล้ว เมื่อเห็นเยว่เย่ยิ้มหวานราวดอกไม้เพื่อเกลี้ยกล่อมให้เขาดื่ม ก็ไม่อยากเสียหน้า จึงดื่มเข้าไปอีกสองสามจอก
จอกที่ห้ายังไม่ทันหมด ก็เกิดเสียงดังตุบ หัวของประมุขร่วงกระแทกลงบนโต๊ะ หมดสติอย่างสมบูรณ์
รอยยิ้มบนใบหน้าของเยว่เย่หายไปทันที นางมองประมุขวิหารเงาจันทราด้วยสายตาเย็นชา ความรังเกียจฉายแววอย่ายใน
“ไอ้เฒ่าอุบาทว์ ลูกชายเจ้าอายุน้อยกว่าข้าแค่ไม่กี่ปี เจ้ายังไม่มีความละอายใจเลยจริงๆ” เยว่เย่ย่นจมูก ระบายความเกลียดชังที่เก็บกดไว้ในใจออกมา นางยกมือขึ้นตีหัวประมุขอย่างแรง
โชคดีที่นางอายุยังไม่ถึง 14 ปี ภูติประจำตัวของนางจึงยังไม่ตื่นขึ้นมา นางไม่มีพลังวิญญาณ และด้วยความที่อายุน้อย แม้ว่าจะใช้แรงทั้งหมดตีหัวเขาสักสองสามครั้ง ก็ไม่ได้ทำให้ประมุขเสียชีวิต
แต่การปวดหัวจากอาการเมาค้างเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้อย่างแน่นอน
หลังจากระบายเสร็จแล้ว เยว่เย่ก็ไม่ลืมงานที่ได้รับมอบหมาย นางหยิบขวดยาที่ปรุงร่วมกับจวินอู๋เสียออกมา และเทยาออกมาหนึ่งเม็ด จากนั้นก็ง้างปากของประมุขและยัดยาเข้าไป
ตอนที่ 1845 กับดัก (1)
ประมุขกลืนยาเข้าไปโดยไม่รู้ตัว ขณะที่ถูกจับให้กินยานั้น เขาก็ร้องออกมาทั้งๆที่ยังหลับตาว่า “เย่เอ๋อร์ เย่เอ๋อร์”
ใบหน้าของเยว่เย่ปรากฏรอยยิ้มเย็นชา
ตอนที่ประมุขวิหารเงาจันทราตื่นขึ้นมา เขายังคงมึนหัวอยู่มาก ท้องฟ้าข้างนอกเปลี่ยนเป็นพลบค่ำแล้ว เขาสะบัดหัว ไม่รู้ทำไมถึงได้รู้สึกเจ็บปวดที่หัวอย่างมาก
เนื่องจากสุขภาพที่ทรุดโทรม ประมุขวิหารเงาจันทราจึงแทบจะไม่ดื่มเหล้าเลยในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ถึงจะดื่มก็ดื่มน้อยมาก เขาไม่ได้เมามากมานาน จึงคิดว่ามันเป็นเพราะว่าเขาไม่ได้ดื่มเหล้ามานานทำให้ตอนนี้รู้สึกไม่สบาย
หลังจากสมองปลอดโปร่งขึ้นเล็กน้อย ประมุขก็มองไปรอบๆตัว แล้วเขาก็เห็นเยว่เย่หลับหัวพิงอยู่ที่ข้างโต๊ะของเขา เขามองใบหน้าด้านข้างของเยว่เย่ที่กำลังหลับอยู่ แล้วรู้สึกพอใจเป็นอย่างมาก แต่หัวที่ปวดตุบๆทำให้เขาหมดอารมณ์
“อือ” เยว่เย่ตื่นขึ้นพร้อมกับขยี้ตา นางมองประมุขวิหารเงาจันทราแล้วยิ้มออกมาอย่างน่ารักไร้เดียงสา
“ท่านประมุขตื่นแล้ว”
ประมุขวิหารเงาจันทราพยักหน้า แล้วนวดศีรษะตัวเอง “เย่เอ๋อร์ก็ดื่มมากเหมือนกันหรือ?”
เยว่เย่พยักหน้า
ประมุขยิ้มและพูดว่า “เหล้านี้แรงมาก เย่เอ๋อร์ยังคอไม่แข็งพอ ข้าเห็นเจ้าหลับสนิทก็เลยไม่ได้ปลุก” ประมุขพูดอย่างฉลาด ราวกับเยว่เย่เป็นคนเดียวที่เมา และตัวเขายังมีเรี่ยวแรงเหลือเฟือ
แต่ความจริงมันตรงข้ามกันเลย
เยว่เย่รู้ว่าประมุขคิดอะไรอยู่ในใจ แต่ก็ไม่ได้เปิดโปงเขา แค่แสดงสีหน้าใสซื่อไร้เดียงสาต่อไปทั้งที่ในใจกำลังหัวเราะ
[เอาเลย เสแสร้งต่อไป สมน้ำหน้าโดนตีฟรี!]
“ท่านประมุข ผู้อาวุโสเยว่ขอเข้าพบขอรับ” องครักษ์คนหนึ่งวิ่งเข้ามาจากด้านนอกประตูเพื่อรายงาน
ประมุขขมวดคิ้วเล็กน้อย เมื่อเห็นเยว่เย่หน้าซีด เขาก็พูดอย่างเอาใจทันที “เย่เอ๋อร์ไม่ต้องกังวล มีข้าอยู่ เขาไม่กล้ารังแกเจ้าอีกแน่นอน”
เยว่เย่พยักหน้าอย่างเชื่อฟัง
“ให้เขาเข้ามา” หลังสร้างความมั่นใจให้เยว่เย่แล้ว ประมุขวิหารเงาจันทราก็อนุญาตให้ผู้อาวุโสเยว่เข้าพบ
ไม่นาน ผู้อาวุโสเยว่ก็เดินเข้ามา
ทั้งห้องอบอวลไปด้วยกลิ่นเหล้าชั้นดี ผู้อาวุโสเยว่ได้กลิ่นทันทีที่เดินเข้ามา เขาลอบชำเลืองมองไปยังร่างของเยว่เย่ที่ยืนอยู่ข้างประมุข สายตาเต็มไปด้วยความเกลียดชัง
เขาประเมินเยว่เย่ต่ำไปจริงๆ จึงถูกนางเล่นงานเอา ยัยเด็กนี่ไม่ได้เชื่อฟังเหมือนกับที่แสดงออก ความคิดของนางคาดเดาไม่ได้ ถึงขนาดรู้จักคิดที่จะเกาะต้นไม้ใหญ่อย่างประมุข
ไม่ว่าในใจเขาจะรู้สึกขุ่นเคืองแค่ไหน แต่ผู้อาวุโสเยว่ก็ไม่กล้าเอะอะโวยวาย ได้แต่แสร้งทำเป็นไม่เห็นเยว่เย่
“ข้ามีเรื่องจะรายงานท่านประมุข” ผู้อาวุโสเยว่รู้ว่าประมุขวิหารเงาจันทราไม่ไว้ใจเขาเช่นเมื่อก่อนอีกแล้ว ตอนนี้เขาจึงไม่กล้าทำอะไรที่เป็นการล่วงละเมิดแม้แต่น้อย
“โอ้? ผู้อาวุโสเยว่มีเรื่องอะไรจะพูดล่ะ?” ประมุขยังคงปวดหัวอยู่ แต่ต่อหน้าคนอื่น เขายังต้องแสร้งทำเป็นสบายดี
“ท่านประมุข ดูเหมือนว่าจะมีคนกลุ่มหนึ่งสร้างปัญหาขึ้นในเมืองหลิง พวกเขาไม่เพียงสร้างความเสียหายให้กับสาขาวิหารเงาจันทราของเราในเมืองหลิงเท่านั้น แต่ยังทำร้ายศิษย์ในสาขาของเราบาดเจ็บไปหลายคน” ผู้อาวุโสเยว่รายงาน
“อะไรนะ? มีคนกล้าทำเรื่องอุกอาจในเขตอำนาจของวิหารเงาจันทราเราอย่างนั้นหรือ?” ใบหน้าของประมุขเข้มขึ้นทันที
เมืองหลิงเป็นหนึ่งในเมืองที่อยู่ภายใต้เขตอำนาจของวิหารเงาจันทรา แม้ว่าวิหารเงาจันทราจะไม่ได้อยู่ในอันดับต้นๆของสิบสองวิหาร แต่ในฐานะหนึ่งในสิบสองวิหาร ขอบเขตอำนาจของพวกเขาก็ยังคงกว้างใหญ่ และทุกเมืองที่อยู่ในเขตอิทธิพลของพวกเขาก็เป็นของวิหารเงาจันทราทั้งหมด ทุกๆเมืองเหล่านั้นจะมีสาขาของวิหารเงาจันทราตั้งอยู่เพื่อดูแลจัดการที่นั่นโดยจะส่งศิษย์จากวิหารไปคุ้มกัน