”พวกคุณทำบ้าอะไรกัน?”สีหน้าของหลูปิงเซ่อเป็นอะไรที่อธิบายเป็นคำพูดได้ยาก หัวหน้าชูฮันของเขาเปี่ยมไปด้วยพลังมากมายจนสามารถสร้างคลื่นพลังงานมหาศาลขนาดนี้ได้ แถมยังกักตัววิวัฒนาการระยะ 6 เอาไว้ด้านในอีก แล้วทำไมคนพวกนี้ถึงมาร้องโวยวายอะไรกันอยู่ได้?
”หลูปิงเซ่อ?”ฉางกวนยวีซินจำหลูปิงเซ่อได้ทันที เธอรีบเดินเข้าไปหาเขาทันที “ชูฮันเขา…”
คนที่เหลือเองก็ตะลึงกันหมดโดยเฉพาะเหล่านายพลหนุ่มๆทั้งหลายที่ไม่เคยเห็นความสามารถของชูฮันกับตามาก่อน พวกเขามองมาที่หลูปิงเซ่ออย่างสงสัย ผู้ชายคนนี้คือใครกัน?
ฉางกวนหลงชะงักไปในตอนแรกจากนั้นก็มีท่าทางประหลาดใจ “หลูปิงเซ่อ? ทำไมคุณถึงมาอยู่ที่นี่?!”
ในฐานะกัปตันทีมความลับของพระเจ้าที่พึ่งมาถึงค่ายหนานตู้การแสดงตัวทักทายต่อหน้าอย่างเป็นทางการของหลูปิงเซ่อทำให้ฉางกวนค่อนข้างเกิดความประทับใจต่อตัวหลูปิงเซ่อตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอ
”ผมขอถามหน่อยครับทำไมทุกคนถึงต้องวิ่งกันมา?” น้ำเสียงที่ใช้ของหลูปิงเซ่อค่อนข้างหยาบกระด้าง ในสายตาของเขามีเพียงแค่หัวหน้าชูฮันเท่านั้นที่ควรค่าแก่การให้ความเคารพ คนอื่นๆแค่ไว้หน้าให้นิดหน่อยก็พอแล้ว…เขาไม่สนใจ
แต่คนอื่นไม่ได้คิดเหมือนกับหลูปิงเซ่อเลยสักนิด!
”ไร้มารยาท!”จงคุยต่อว่าหลูปิงเซ่อทันทีอย่างไม่ไว้หน้า
”โอ้แม่แกสิ!” หลูปิงเซ่อตอกกลับทันทีตามสัญชาตญาณ เขาไม่จำเป็นต้องยอมให้ใครมาหาเรื่อง นอกจากหัวหน้าชูฮันที่เขาจะยอมเชื่อฟังและทำตามอย่างเต็มใจ
ทันใดนั้นจงคุยก็เดือดดาลขึ้นมา ในเมื่อมีคนกล้าลองดีกับอำนาจขอองเขา วันนี้เขาจะแสดงให้ไอ้เด็กนี่ได้รู้ว่าอย่ามาลองดีกับคนอย่างเขาเอง!
ขณะคิดจงคุยก็ชักดาบของตัวเองขึ้นมาตะคอกใส่หลูปิงเซ่อ “แกรู้หรือไม่ว่าแกได้ก่ออาชญกรรมที่โทษถึงตาย?”
”หือ?”
หลูปิงเซ่องุนงงโทษถึงตาย? มันเกิดอะไรขึ้น เขาทำอะไรผิดถึงขั้นโทษถึงตายกัน?
คนอื่นๆเองก็ขมวดคิ้วจนหน้ายุ่งโดยเฉพาะอารมณ์ของฉางกวนหลงที่ดีดขึ้นสูง…ไอ้ค่ายจินหยางนี้มันกะจะขโมยค่ายหนานตู้ของเขาจริงๆสินะ ตอนแรกจงไคก็พยายามทำทุกทางเพื่อยั่วอารมณ์ชูฮันให้ได้ และพอรู้ว่าตัวเองจะไม่ได้แต่งงานกับฉางกวนยวีซินแล้ว จงไคก็ไม่คิดจะเคารพเขาที่เป็นผู้นำค่ายอีกต่อไป แถมยังทำตัวผยองขนใส่เขาว่าเหนือกว่า และพ่อของจงไคอย่างจงคุยก็เย่อหยิ่งสุดๆ ตั้งแต่มาถึงค่ายหนานตู้ ไม่ว่าจะไปไหนจงคุยก็พยายามจะทำให้ฉางกวนหลงเสียหน้าอยู่ตลอด ตอนนี้จงคุยดูเหมือนจะไม่คิดปิดบังความทะเยอทะยานที่มีเลย
ในจังหวะที่ฉางกวนหลงอยากจะพูดแทรกขึ้นมาหลูปิงเซ่อที่ทนโมโหไม่ไหวก็มองด้วยสายตาไม่พอใจ “แล้วทำไมฉันต้องตาย? นี่สมองกระทบกระเทือนอะไรมา?”
”ฮือฮา ~”
ทันทีที่หลูปิงเซ่อพูดออกมาทุกคนก็ส่งเสียงอุทานตกใจอออกมา สายตาหลายคู่มองมาที่หลูปิงเซ่ออย่างไม่อยากเชื่อสายตา
หาว่าพลเอกสมองมีปัญหา?
ไอ้หนุ่มนี่มันกล้าดีชะมัด!
”แก!พูดบ้าอะไร?” จงคุยคิดอะไรไม่ออก เขาไม่เคยคิดว่าจะมีคนกล้าพูดจาตบหน้าเขาแบบนี้ ตอนนี้จงคุยโกรธจนหน้าเขียว
ส่วนหลูปิงเซ่อนั้นดูเหมือนจะไม่ได้รู้ตัวเลยด้วยซ้ำว่าได้สร้างหายนะใหญ่หลวงขึ้นมาแล้วเขาแตะปลายจมูกตัวเองและโพล่งขึ้นมา “ถ้าไม่ได้สมองมีปัญหาก็น่าจะหูไม่ดี ลืมไป ฉันไม่สนเรื่องความบกพร่องของร่างกายตาแก่อย่างแก”
”แม่มึงสิ!”จงคุยที่ทนไม่ไหวอีกต่อไป ตะคอกด่าออกมาเพราะสติหลุดไปแล้ว เขากระชากดาบตัวเองขึ้นมาชี้ใส่หลูปิงเซ่ออย่างเอาเรื่อง “มา กุจะสั่งสอนมึงเอง วันนี้พ่อต้องได้หัวมันมาเสียบประจาน!”
”พรึบ!”
ทั้งสองคนที่เข้าข้างจงคุยก็พุ่งตัวเข้าใส่หลูปิงเซ่อทันที
หากหลูปิงเซ่อกลับยืนยิ้มสบายๆไม่ได้กังวลอะไรเลย
”แค่วิวัฒนาการระยะ3 กับระยะ 2 ระดับต่ำกว่าฉันทั้งคู่ยังกล้าคิดจะฆ่าฉัน?” ขณะพูดหลูปิงเซ่อก็หลบการโจมตีของทั้งสองไปด้วยอย่างง่ายดาย ไอลีนโนเวล
หลังจากฆ่าวิวัฒนาการระยะ5 ได้ด้วยตัวเอง ความสามารถในการต่อสู้ของหลูปิงเซ่อก็พัฒนาขึ้นไปเหนือมาก แถมตอนนี้มนุษย์สายพันธุ์ใหม่ทั้งสองคนนี้ยังมีระยะต่ำกว่าเขาอีก แม้ว่าตัวเขาจะด้อยกว่าในด้านสมรรถภาพทางร่างกาย แต่เขากลับสามารถมองเห้นจุดด้อยของสองคนนี้ได้อย่างชัดเจน จึงทำให้หลูปิงเซ่อสามารถหลบหลีกการโจมตีของทั้งคู่ได้อย่างง่ายๆ
ยิ่งเมื่อหลูปิงเซ่อหลบหลีกไปมาอย่างสบายๆมันยิ่งทำให้จงคุยโกรธเข้าไปอีก เขาอยากจะฉีกหลูปิงเซ่อออกเป็นชิ้นๆ มันมีเฟลวไฟลุกฮืออยู่ในนัยน์ตาของจงคุย
คิ้วของเฉินยุนโหลวเลิกขึ้นขณะคอยสังเกตการเคลื่อนไหวของหลูปิงเซ่อเงียบๆจากนั้นก็พยายามเดินเบาๆเข้าไปหาฉางกวนหลงและเอ่ยกระซิบ “คนคนนี้เป็นคนดี เขาเป็นลูกน้องของท่านพลเอกเหรอครับ?”
ฉางกวนหลงชนะในทุกๆด้านเขามีข้อได้เปรียบมากมาย แต่เขาแพ้ชูฮันในเรื่องกำลังพลหนุ่มสาวที่มีความสามารถ น้ำเสียงจึงค่อนข้างกระด้างเมื่อเอ่ยตอบ “เขาเป็นคนของชูฮัน”
เฉินยุนโหลวหรี่ตามองหลูปิงเซ่อด้วยความประหลาดใจไม่ใช่ว่ากลุ่มทหารของชูฮันจากไปแล้วเหรอ? คนคนเดียวที่น่าจะเหลืออยู่น่าจะเป็นพวกผู้ช่วยประจำตัว แต่ทำไมถึงได้กลายเป็นคนมีฝีมือแบบนี้ไปได้?
เฉินยุนโหลวค่อนข้างมีสายตาที่เฉียบแหลมเขาไม่ได้คาบช้อนเงินช้อนทองมาเกิดแบบจงไค แต่เขาร่วมกับลุงของเขาช่วยกันก่อตั้งค่ายขึ้นมาท่ามกลางความยากลำบากในโลกาวินาศ ประสบการณ์กว่าสองปีที่เขามีทำให้เขามองทักษะที่ไม่ธรรมดาของหลูปิงเซ่ออกได้ในทันที แม้ว่าการเคลื่อนไหวแต่ละครั้งจะเป็นแค่ความตั้งใจในการหลีกเลี่ยงที่จะปะทะเพราะดูเหมือนว่าหลูปิงเซ่อไม่ได้ต้องการให้มีการเลือดตกยางออก ทว่าการเคลื่อนไหวอย่างอิสระของเท้าที่ไม่สามารถมองข้ามไปได้ ความมั่นคงในแต่ละการตัดสินของทุกย่างก้าวและความแผ่วเบาของฝีเท้าที่ไร้เสียงหรือไร้ซึ่งร่องรอยใดๆเลย
นั่นคือสัญชาตญาณของการถูกบ่มเพาะฝึกฝนแบบพิเศษมาเป็นเวลานาน!
แน่นอนเลยว่าคนคนนี้จะต้องถูกชูฮันฝึกมาอย่างหนักหน่วง!
ฉางกวนหลงไม่พลาดแววตาประหลาดใจของเฉินยุนโหลว”ชื่อของเขาคือ หลูปิงเซ่อ เป็นกัปตันทีมความลับของพระเจ้าของกองทัพเขี้ยวหมาป่า”
การแนะนำตัวสั้นๆไม่มีการเปรียบเทียบระหว่างทีมนักฆ่าขนนก แต่เฉินยุนโหลวได้ยินถึงความแตกต่างในน้ำเสียงของฉางกวนหลงเป็นครั้งแรก
กัปตันทีมความลับของพระเจ้าแห่งกองทัพเขี้ยวหมาป่า!
ประโยคนี้ก็มากพอแล้วที่จะพิสูจน์ถึงพลังที่หลูปิงเซ่อมี!
เมื่อนึกได้เช่นนั้นเฉินยุนโหลวก็เดินเข้าไปหาฉางกวนยวีซินที่อยู่ไม่ไหล และก็ได้เห็นภาพของฉางกวนยวีซินที่กำลังหัวเราะอยู่ ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้เธอเอาแต่ร้องไห้กลัวชูฮันจะตาย
”นี่…”เฉินยุนโหลวต้องประหลาดใจอีกครั้ง “ทำไม มีอะไรหรือครับคุณยวีซิน?”
แน่นอนว่าฉางกวนหลงสังเกตเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงของลูกสาวเขาในใจรู้สึกดีกับเฉินยุนโหลวที่สมัครเป็นลูกเขยในอนาคคตของเขา
”หลูปิงเซ่อคือทหารที่ภักดีต่อชูฮันไม่ต้องกังวลเรื่องการรับมือกับจงคุย สถานการณ์ในตอนนี้มันหมายความว่าชูฮันปลอดภัยดี” ฉางกวนหลงมีความเอ็นดูต่อเฉินยุนโหลว ไหนจะทัศนคติที่ดีของค่ายซือฉวนที่เฉินยุนโหลวแสดงออกตลอดการมาเยี่ยมในครั้งนี้ ถือว่าอีกฝ่ายเป็นผู้สมัครที่ไม่เลวเลย
ฉางกวนหลงพยายามอย่างดีที่สุดในการสังเกตเหล่านายพลหนุ่มของจีนเพราะเมื่อพายุจบลง ไม่ช้าก็เร็วลูกสาวของเขาจะต้องแต่งงาน…