บทที่ 4 บทที่ 68 คืนเงียบสงัด (2)

สมาคมแลกเปลี่ยนทราฟฟอร์ด

ลูกอมรสนมสตรอว์เบอร์รีเหมือนจะถูกปากลีน่ามากๆ 

 

“พี่ชายเล่านิทานให้หนูฟังหน่อยได้ไหมคะ?” ลีน่าเอ่ยถามทันที 

 

“นิทาน?” 

 

สาวน้อยพยักหน้าพูด “ก่อนนอนทุกคืน คุณแม่จะเล่านิทานกล่อมหนูเข้านอนค่ะ” 

 

ฉับพลันนั้น ลั่วชิวก็นึกถึงพวกปีศาจตัวน้อยในอารามเต๋าของหยางไท่จื่อ ครั้งนั้นเขาก็ถูกขอร้องแบบนี้…เขาจึงเริ่มมีความคิดแปลกๆ ทันที 

 

คงไม่ได้เห็นเขาเป็น…พวกกล่อมเด็กซนด้วยการเล่านิทานหรอกนะ 

 

“เธออยากฟังเรื่องอะไรล่ะ?” 

 

ลีน่าคิดอยู่สักพักก็ตอบว่า “พี่ชาย พี่รู้ตอนจบของเรื่องนั้นไหม? เรื่องที่แม่เล่าให้หนูฟังบนรถไฟเมื่อตอนกลางวัน” 

 

ลั่วชิวตอบ “พ่อเธอเล่าตอนจบไปแล้วไม่ใช่เหรอ?” 

 

“ลีน่าไม่เชื่อตอนจบของพ่อหรอก!” เด็กน้อยเงยหน้า เบ้ปากแล้วพูดว่า “หนูอยากฟังตอนจบที่แท้จริง!” 

 

“งั้นเธอคิดว่าตอนจบที่แท้จริงควรเป็นแบบไหน?” ลั่วชิวถามกลับทันที 

 

สาวน้อยก้มหน้าคิดอยู่สักพักแล้วพูดว่า “อืม…คุณปีศาจน่าสงสารมาก! เขาควรจะได้แต่งงานกับสาวน้อย จากนั้นก็ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขสิคะ!” 

 

“คุณปีศาจอะไร?” ทันใดนั้นเอลลีก็พูดแทรกทั้งสอง…บางทีอาจเป็นเพราะเงียบเกินไป เธอจึงต้องการพูดคุยด้วยและสร้างบรรยากาศคึกคักเล็กน้อย 

 

“ได้ยินมาว่าเป็นปีศาจที่ใจดีแต่อัปลักษณ์มาก” ลั่วชิวมองเอลลี เขาค่อยๆ เล่าเรื่องส่วนแรกที่ได้ยินมาจากคุณนายแม็กกี้ 

 

“ที่แท้ก็เรื่องนี้เองเหรอ!” เอลลีนึกได้ทันที เธอเห็นสาวน้อยปรายตามองมา จึงยิ้มพร้อมพูดว่า “ตอนฉันยังเด็กก็เคยฟังเรื่องนี้…อืม ความจริงก็เป็นเรื่องที่เล่าต่อๆ กันมาในแถบนี้นะ” 

 

ลีน่ารีบหันมาทางเอลลีที่อยู่ข้างกายเจ้าของร้านลั่วทันที 

 

เอลลีลูบหัวของเธอแล้วพูดว่า “แต่ว่านะ ตอนท้ายของเรื่อง คุณปีศาจกับสาวน้อยไม่ได้แต่งงาน และใช้ชีวิตด้วยกันอย่างมีความสุขหรอก” 

 

“เอ๋? ทำไมล่ะคะ?” ลีน่าพูดแบบผิดหวังทันที “หรือว่า คุณปีศาจกินเจ้าสาวของเขาไปแล้วจริงๆ?” 

 

เดี๋ยวก่อน…ทำไมจู่ๆ ก็กระโดดไปถึงตอนเจ้าสาวแล้วล่ะ? ลั่วชิวมองสาวน้อยคนนี้อย่างแปลกใจ…เธอจินตนาการไปถึงขั้นไหนแล้วเนี่ย 

 

“ไม่นะ” เอลลีพูดหน้าตาจริงจังว่า “ตรงกันข้าม ต่อจากนั้นสาวน้อยคนนั้นก็กินหัวใจของคุณปีศาจ!” 

 

“ทำไมเธอต้องกินหัวใจของคุณปีศาจคะ?” สาวน้อยลีน่าแสดงท่าทางเศร้าโศก 

 

เอลลีตอบเฉยเมยว่า “ตอนท้ายของเรื่อง สาวน้อยที่โตแล้วจากคุณปีศาจไป เธอไปอยู่ที่โลกข้างนอก ได้พบคนมากหน้าหลายตา แล้วก็ได้เรียนรู้สิ่งต่างๆ มากมาย ต่อมาเธอก็ไปหลงรักลูกชายของตระกูลสูงศักดิ์คนหนึ่ง แต่ถึงแม้สาวน้อยโตแล้ว แต่หน้าตาก็ไม่ได้สะสวย ลูกชายของตระกูลสูงศักดิ์จึงไม่ได้ชอบเธอ ต่อมาเธอก็บังเอิญพบพ่อมดคนหนึ่ง พ่อมดคนนั้นบอกเธอว่า แค่กินหัวใจของคุณปีศาจ เธอก็จะกลายเป็นสาวสวยทันที จากนั้นทุกคนก็จะตกหลุมรักเธอ” 

 

เอลลีถอนหายใจแล้วพูดว่า “หลังคุณปีศาจรู้เรื่องนี้แล้ว เขาก็เสียใจมาก แต่เขาก็ยังควักหัวใจของตัวเองออกมา เพราะว่าเขารักสาวน้อยคนนี้มาก แม้ว่าสาวน้อยโตแล้วจะไม่ชอบเขา เขาก็ยังอยากให้เธอมีความสุข ดังนั้นคุณปีศาจจึงควักหัวใจของตัวเองออกมา แล้วส่งให้เธอด้วยมือเขาเอง จากนั้นก็จากไปเพียงลำพัง” 

 

“งั้น งั้นสุดท้ายก็แต่งงานกับลูกชายของตระกูลผู้สูงศักดิ์จริงๆ ใช่ไหมคะ?” 

 

“เปล่าหรอก” เอลลีส่ายหน้าพูดว่า “หลังกินหัวใจของคุณปีศาจ เธอก็ไม่ได้สวยขึ้นเลยสักนิด ตรงกันข้าม เธอกลับอัปลักษณ์เหมือนคุณปีศาจ ลูกชายตระกูลสูงศักดิ์ยิ่งไม่ชอบเธอ แม้แต่พ่อแม่ของเธอก็รังเกียจเธอ สุดท้ายเธอก็ทำได้แค่กลับไปใช้ชีวิตในป่า ไม่กล้าพบเจอผู้คน เพียงแต่ครั้งนี้ไม่มีคุณปีศาจอยู่เป็นเพื่อนเธออีกแล้ว” 

 

แล้วลีน่าก็ถามอย่างเศร้าสลดว่า “คุณปีศาจ…เขาตายหรือยังคะ?” 

 

“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน เรื่องจบแค่ตรงนี้ แต่ต่อมาก็มีเรื่องเล่าต่อๆ กันอีกว่า หลังจากคุณปีศาจควักหัวใจตัวเองออกมา ก็วนเวียนอยู่ข้างนอกเพียงลำพัง” 

 

เอลลีพูดช้าๆ “มีคนบอกว่า ปีศาจไม่มีหัวใจและก็ไม่มีความทรงจำ เหลือแค่ร่างกายเหมือนกับซอมบี้ แต่เขาก็อยากหาหัวใจของตัวเองกลับมา เขาจึงจู่โจมสาวน้อยไร้เดียงสาไปทั่ว คิดอยากตามหาหัวใจดวงนั้นที่ตัวเองทำหายไป แม้ว่าเขาจะกินสาวน้อยไปแล้วมากมาย แต่สุดท้ายก็หาไม่เจอ คุณปีศาจจึงระหกระเหินมาถึงริมทะเลสาบ แล้วตัดสินใจกระโดดลงไปในนั้น หลังจากนั้นก็ไม่มีใครเห็นเขาอีกเลย” 

 

“คุณปีศาจน่าสงสารจัง!” ลีน่าโศกเศร้ายิ่งกว่าเดิม 

 

เอลลีทำได้แค่ยื่นมือไปลูบใบหน้าของลีน่า แล้วปลอบเธอเบาๆ 

 

“นี่เป็นตำนานในถิ่นนี้เหรอครับ?” ลั่วชิวถามทันที 

 

เอลลีพยักหน้า แล้วฝืนยิ้มพูดว่า “ฉันไม่รู้ว่าคนแต่งเรื่องนี้ขึ้นมาคิดอะไรอยู่ พอโตขึ้นแล้วนึกย้อนกลับไป ฉันก็คิดว่าไม่ควรเล่าเรื่องนี้ให้เด็กฟังเลย” 

 

แต่เธอก็เล่าไปแล้วไม่ใช่เหรอ? 

 

เจ้าของร้านลั่วไม่รู้ว่าเอลลีคิดแผลงๆ อะไร เขาส่ายหน้า แล้วมองออกไปนอกหน้าต่าง พูดเบาๆ ว่า “ทะเลสาบนั่น…” 

 

“ที่นี่นั่นแหละ ทะเลสาบลาโดกา” 

 

… 

 

… 

 

ทั้งสามคนพากันเปิดหน้าต่างรถ ใช้ไฟฉายในมือส่องไปทางต้นไม้ริมสองข้างถนนเล็กๆ แล้วเรียกชื่อขอสามีคุณนายแม็กกี้ไม่หยุด 

 

แต่เหมือนบนถนนก็ไม่มีอะไรเลยสักอย่าง 

 

“ตามหลักแล้ว ที่ห่างไกลความเจริญขนาดนี้ อย่างน้อยต้องอีกยี่สิบสามสิบโลถึงจะเจอบ้านคนอีกสักหลัง…คงไม่ได้เจอพวกสัตว์ป่าขนาดใหญ่เข้าหรอกนะ?” 

 

จู่ๆ เลห์แมนก็พูดสมมติฐานของตัวเองขึ้นมา ไรอันจึงอดกระทุ้งแขนใส่คนคนนี้ไม่ได้ 

 

“คุณแม็กกี้วางใจได้ครับ ที่นี่ไม่ใช่เขตอันตรายที่มีพวกหมีสีน้ำตาล ถึงจะเป็นสัตว์ป่า แต่ผมว่าน่าจะเป็นหนูเยอะกว่านะครับ” ไรอันรีบพูดปลอบใจ 

 

“ตรงนี้แหละค่ะ เมื่อกี้พวกเราก็จอดรถไว้ตรงนี้” คุณนายแม็กกี้จอดรถตรงที่เดิม 

 

“งั้นพวกเราลงรถไปหาให้ละเอียดก่อน แล้วดูว่าเจออะไรหรือเปล่า” อเล็กซ์พูดเสนอ 

 

คุณนายแม็กกี้พยักหน้าเล็กน้อย แล้วชี้ไปทางหนึ่ง “ฉันเจอมือถือสามีข้างหน้านั้นค่ะ” 

 

ดังนั้นทุกคนจึงมุ่งหน้าเดินเข้าป่าไปทางนี้ รองเท้าเหยียบโดนกิ่งไม้แห้งและใบไม้จนเกิดเสียงดังตลอดทาง 

 

“ฉันเริ่มสัมผัสบางอย่างได้แล้ว” 

 

เลห์แมนเดินอยู่ข้างหลัง 

 

เขาพูดกระซิบกระซาบข้างหูของไรอัน “เดี๋ยวพวกเราจะเจอศพของ…สามีคุณนายแม็กกี้!” 

 

ไรอันอึ้งแล้วตำหนิ “อย่าพูดเหลวไหล!” 

 

แต่เลห์แมนกลับยิ้มแล้วพูดว่า “ไม่รู้สึกว่าตื่นเต้นเหรอ? ตอนที่พวกเราเจอศพ อยู่ๆ ศพก็เด้งขึ้นมา ‘แฮ่!’ ใส่! แล้วก็วิ่งไล่นาย วิ่งไล่นายไปเรื่อยๆ! เป็นอะไรไป? ฉันแค่พูดไปอย่างนั้นเอง นายตกใจจนสติหลุดไปแล้วหรือไง? ขี้ขลาดขนาดนี้ นายจะไปได้ใจเอลลีได้ยังไง?” 

 

“เลห์แมน พวกเราเดินหลงหรือเปล่า?” ไรอันกลืนน้ำลาย แสงไฟฉายส่องไปข้างหน้า 

 

ไม่มีใครเลยสักคน