ส่วนที่ 4 ตอนที่ 63 ได้ยินหยกราชาครั้งแรก

ความลับแห่งจินเหลียน

ฉินเฮ่าถอนหายใจออกมาพร้อมมองจ่านป๋าย “แล้วคุณคิดว่าผมกินข้าวเย็นแล้วเหรอไง”

 

“ให้ตายเถอะ!” จ่านป๋ายอดไม่ได้ที่จะด่าออกมาด้วยความโมโห “นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับคุณกันแน่ ผมก็บอกคุณแล้วไม่ใช่เหรอว่าอย่าเผชิญหน้ากับเขาโดยตรง?”

 

“คุณคิดว่าผมอยากเหรอ?” ฉินเฉ่าพูดพลางมองไปที่ซีเหมินจินเหลียน ก่อนจะกลืนคำพูดที่เหลือลงไป

 

จ่านป๋ายก็มองไปที่ซีเหมินจินเหลียนเช่นกัน ทำให้ซีเหมินจินเหลียนรู้สึกทำตัวไม่ถูก

 

“เขาใช้จินเหลียนมาขู่คุณ?” จ่านป๋ายถาม

 

ฉินเฮ่าพยักหน้า จ่านป๋ายจึงถอนหายใจ ก่อนส่ายหน้าแล้วพูดขึ้นว่า “เห็นไหมล่ะ เมื่อก่อนผมเคยบอกคุณว่าให้ใช้หลิงซูฟางคนนั้นมาแทน ตอนนี้เห็นไหม ผมเตือนคุณแล้ว เรื่องเหม็นเน่าซุบซิบของพวกคุณ ทางที่ดีอย่าลากจินเหลียนเข้าไปเกี่ยวด้วย”

 

“คุณคิดว่าผมอยากเหรอ?” ฉินเฮ่าหันไปมองซีเหมินจินเหลียนพร้อมถอนหายใจออกอย่างแผ่วเบา “ผมก็ไม่อยากเป็นอย่างนี้ แต่ว่าเขาพูดแล้ว ถ้าหากวันนี้ผมปฏิเสธนัดพนันไป พรุ่งนี้เขาจะถือช่อดอกไม้ไปตามจีบซีเหมินจินเหลียน ป่าวประกาศต่อหน้าผู้สื่อข่าวอย่างเป็นทางการ!”

 

“ฉันกลายเป็นคนเนื้อหอมไปตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?” ซีเหมินจินเหลียนวางเปลือกกล้วยที่อยู่ในมือแล้วพูดขึ้น “ทำไมเมื่อก่อนถึงไม่เห็นว่าจะมีใครมาตามจีบฉันเลย”

 

จ่านป๋ายมีบางประโยคที่ไม่กล้าพูดออกมา คุณค่าของผู้หญิง บางทีก็มาจากการที่ผู้ชายจีบ ถ้าหากฉินเฮ่าไม่จีบซีเหมินจินเหลียน ถ้าหากเขาไม่จีบเธอ ถึงซีเหมินจินเหลียนจะสวยขนาดไหน ฉินเฮ่าก็คงไม่ชายตามองเธอ แต่ตอนนี้ในเมื่อเขาจีบเธอแล้ว อีกทั้งเขายังเป็นคนที่พักอยู่ด้วยกันกับเธอ ฉินซินทำเพื่อประโยชน์บางอย่าง ไม่ว่าจะด้วยความสงสัยหรือเพราะว่าอยากจะเอาชนะ การที่ตามจีบเธอเลยเป็นเรื่องธรรมดา

 

ฉินเฮ่าถอนหายใจออกมาอีกครั้ง ฉินซินตามจีบซีเหมินจินเหลียน แน่นอนว่าต้องมีเจตนาที่ไม่ดี ใครๆ ก็รู้ เพราะอย่างนั้นเขาเลยต้องระวังการมาของฉินซิน ทำได้แค่รับปากที่จะเล่นพนันครั้งนี้

 

ฉินซินมั่นใจเป็นอย่างมากว่าเขาจะต้องตอบตกลง เพราะฉะนั้นเลยเชิญคนมีฝีมือมา เอาเรื่องราวยุ่งยากทั้งหมดมาวางไว้ที่โต๊ะพนันเพื่อจัดการเรื่องให้จบสิ้น

 

“เดี๋ยวพี่ชายของคุณก็มาแล้ว คุณอยากจะเปลี่ยนเสื้อสักหน่อยไหม?” ฉินเฮ่ามองจ่านป๋าย

 

“ไม่ต้องหรอก เขาจะมาที่นี่ทำไมกัน” จ่านป๋ายถาม

 

“ฉินซินโทรไปหาเขา เรื่องมันก็ง่ายแค่นี้ล่ะ!” ฉินเฮ่าพูด “หลินเจิ้งไม่รู้ว่าจะพบฉินซินได้ยังไง คิดไม่ถึงเลยว่าจะใช้วิธีนี้”

 

“เรื่องนี้เกี่ยวข้องอะไรกับหลินเจิ้งเหรอคะ?” ซีเหมินจินเหลียนพูดขัดขึ้นมา เรื่องวันนี้เธอยิ่งฟังยิ่งไม่เข้าใจ

 

“จ่านมู่หรง ข้อมูลของคุณผิดพลาด หรือว่าคุณไม่เคยใส่ใจผู้อาวุโสหูคนนี้ คิดว่าเขาไม่มีอำนาจอะไรเลยไม่ได้ใส่ใจสินะ คุณรู้ไหม ตอนนั้นหลินเสวียเหวินขโมยหยกหนึ่งชิ้นของเขาไป แต่นั่นไม่ใช่ประเด็น ผมได้ยินมาว่าผู้อาวุโสต้องการไม่ใช่หยกฮกลกซิ่ว แต่เป็นหยกที่ยังไม่ได้ทำการเปิดหิน” ฉินเฮ่าพูด

 

จ่านป๋ายพยักหน้า “ผมรู้ เพียงแต่ไม่ได้ใส่ใจก็เท่านั้น มันก็แค่หยกก้อนหนึ่งไม่ใช่เหรอ?” เขาไม่ได้ใส่ใจหยกก้อนนั้นจริงๆ ภายในห้องใต้ดินของซีเหมินจินเหลียนมีหยกชั้นดีมากมาย หยกธรรมดาเขาไม่ได้ใส่ใจด้วยซ้ำ

 

เขาไม่เชื่อว่าผู้อาวุโสหูยังจะมีหยกเนื้องามอีก ห้าสี หรือเจ็ดสีอย่างนั้นเหรอ?

 

นั่นแล้วจะทำไม ซีเหมินจินเหลียนมีหยกสีแดงทอง หยกประกายดาว หยกราชางู ไหนจะหยกชั้นดีอีกมากมาย หยิบสุ่มๆ ออกมาสักชิ้นก็น่าจะทำให้คนตกใจจนตะลึงไม่หยุดแล้ว นอกเสียจากผู้อาวุโสหูจะหาหินปิดฟ้าที่หลงเหลืออยู่เจอ เขาจะยังตื่นเต้นสักหน่อย

 

“ได้ยินมาว่านั่นเป็นหยกราชา!” ฉินเฮ่าพูด “หลินเจิ้งก็แค่พูดสิ่งนี้โน้มน้าวฉินซินให้อยู่ฝั่งเดียวกันกับเขา”

 

“หยกสีเหลือง[1]?” ซีเหมินจินเหลียนรู้สึกแปลกใจ หยกสีเหลือง เธอก็มีนี่?

 

“ไม่ใช่ ผมหมายถึงหยกราชา!” ฉินเฮ่าอธิบาย

 

“นั่นเป็นหยกอะไรกันแน่?” จ่านป๋ายชะงักถามด้วยความสนใจ ราชาแห่งหยกอย่างนั้นเหรอ? ถ้าหากตระกูลหลินมีของที่ดีขนาดนี้ แล้วทำไมถึงตกอยู่ในสถานะลำบาก ถอนตัวไม่ขึ้นขนาดนี้ล่ะ? หรือจะพูดว่าของแบบนี้มีแค่ใช้สะสมเป็นมรดกของบ้านเท่านั้น ไม่ได้จะเอาไปขาย เพราะอย่างนั้นถ้าตระกูลหลินไม่ได้ตกที่นั่งลำบากขนาดนั้น คงจะไม่งัดมันออกมา?

 

ตระกูลหลินยังไม่ถึงขั้นขนาดตกอับ เรื่องนี้จ่านป๋ายกับฉินเฮ่าเข้าใจเป็นอย่างดี

 

“รายละเอียดที่ว่าเป็นหยกชนิดอะไร บางทีอาจจะมีแค่ผู้อาวุโสหูกับหลินเสวียเหวินเท่านั้นที่รู้ดีแก่ใจ แต่ฉินซินก็นึกสนุก อยากจะมาทำลายโอกาสของผม ผมไม่ปล่อยผ่านไปแน่ แถมเขายังนัดจ่านมู่ฮวามาอีก ถ้าหากคืนนี้ผมแพ้หมดตัว กลัวว่าชีวิตน้อยๆ ก็คงรักษาไว้ไม่ได้แล้ว แต่คุณกับจ่านมู่ฮวา ตั้งแต่เด็กก็เป็นเหมือนน้ำกับไฟ เขาก็คงไม่อยากปล่อยคุณไปเหมือนกัน ในเมื่อเป็นแบบนี้ อย่าพูดถึงพวกเราร่วมมือกันซื้อหุ้นตระกูลหลินเลย จินเหลียนจะดูแลตัวเองได้ไหมนี่ก็เป็นปัญหา” ฉินเฮ่าพูด

 

ซีเหมินจินเหลียนได้ยินเช่นนั้น ก็ได้แต่ถอนหายใจเบาๆ ดูแลตัวเอง? นั่นจะมีปัญหาอะไรกัน? ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้เธอมีนางพญางูขาว แต่ในเมืองใหญ่โตชอบวัตถุนิยม หัวใจคนดูเหมือนจะซับซ้อนมากกว่าสิ่งอื่นใด

 

แม้ว่าฉินเฮ่าจะพยายามเข้ามาใกล้ตัวเธอ ตอนแรกก็แค่ตั้งใจจะเล่นสนุก แต่เมื่อค้นพบถึงผลประโยชน์ก็ได้มาร่วมมือกัน แม้กระทั่งตามจีบเธอ แต่นั่นมันก็ไร้สาระ เธอไม่เคยคิดเป็นเรื่องจริง

 

“การเดิมพันหยกที่พิเศษกว่าใครของจินเหลียน ทำให้คนมากมายรู้สึกอิจฉา!” จ่านป๋ายพูดความจริงออกมา

 

 ซีเหมินจินเหลียนหลุบตาลง ไม่พูดจาอะไร ตามหลักการแล้ว ถ้าหากมีห้าสิบเปอร์เซ็นต์ของกำไรน่าจะหมดหนทางจนต้องใช้วิธีเสี่ยงอันตราย ถ้ามีร้อยละหนึ่งร้อยของกำไรก็จะใช้วิธีฝ่าฝืนกฎหมายต่างๆ ถ้ามีสามร้อยเปอร์เซ็นต์ของความเสี่ยง อาจจะยอมเสี่ยงจนเอาตัวเองไปแขวนคอ

 

ดังนั้นถ้ามีสามพันเปอร์เซ็นต์ของกำไร นั่นหมายความว่าความโลภของมนุษย์ สามารถทำอะไรที่ไม่สมเหตุสมผลและขัดต่อศีลธรรมของมนุษย์?

 

ส่วนผลกำไรของการเดิมพันหินสายนี้ใหญ่โตนัก เธอได้เห็นอย่างชัดเจนว่า เริ่มจากตอนแรกที่เธอไม่มีชื่อเสียง จนถึงตอนนี้ที่มีมูลค่าถึงหลายร้อยล้าน แต่เพียงไม่กี่เดือนสั้นๆ ใครจะคิดว่าจะเป็นเป้าสายตาขนาดนี้ เรื่องตบตีทะเลาะกันเล็กน้อย แน่นอนย่อมไม่ดึงดูดความสนใจอื่นๆ แต่ถ้าเมื่อต้องการซื้อหุ้นบริษัทเครื่องประดับที่มีโครงร่างต้นแบบอยู่แล้ว ยิ่งดึงดูดความสนใจของทุกฝ่ายและความโลภเป็นปกติ

 

 “ถ้าอย่างนั้นตอนนี้เราจะทำยังไงกันดี?” ซีเหมินจินเหลียนถาม แม้ว่าฉินเฮ่าไม่พูด แต่เธอแอบรู้สึกได้ว่าการพนันวันนี้ต้องมีอะไรเงื่อนงำอยู่ด้านหลังแน่

 

“ในกระดูกของพวกเรามีความกล้าหาญที่จะพนัน เพราะฉะนั้น ผมจะพนัน!” ฉินเฮ่าพูด

 

“คืนนี้พนันอะไร?” จ่านป๋ายถาม

 

 “พวกเราทั้งสองฝ่ายต่างลงเงินหนึ่งร้อยล้านดอลล่า ระหว่างนั้นก็สามารถเพิ่มได้…” ฉินเฮ่าพูด        “ครั้งแรกพนันไพ่นกกระจอก ผมแพ้ไปยี่สิบล้านแล้ว…”

 

“คนที่เล่นไพ่นกกระจอกไม่เป็น ก็แย่น่ะสิ!” ซีเหมินจินเหลียนพึมพำ เธออยู่ในข่ายที่เล่นไพ่นกกระจอกไม่เป็น

 

“รอบที่สองคืออะไร” จ่านป๋ายถาม

 

“ทอยลูกเต๋า!” ฉินเฮ่าพูด “สุดท้ายก็คือเกมไพ่โป๊กเกอร์ พอจบแล้ว รอบที่สองจะเริ่มตอนสี่ทุ่มครึ่ง”

 

 “ฝ่ายตรงข้ามเป็นใคร” จ่านป๋ายถามขึ้นอีกครั้ง ฉินซินไม่สันทัดในการเล่นพนัน การที่เขานัดเล่นพนัน ก็แปลว่าเขาเชิญผู้มีฝีมือมา

 

“ฝ่ายตรงข้ามเป็นคนญี่ปุ่นที่ได้รับฉายาว่าเป็นราชาแห่งการพนัน ผมไม่รู้จักหรอก” ฉินเฮ่าพูด

 

 “ทำไมถึงคิดวิธีแบบนี้ได้?” ซีเหมินจินเหลียนถามขึ้นอย่างสงสัย เธอรู้ว่าฉินเฮ่าและฉินซินแก่งแย่งมรดกกัน แต่คิดไม่ถึงว่าสุดท้ายทั้งคู่จะไม่แข่งเรื่องความสามารถในธุรกิจการค้า แต่เป็นการดวลกันในเรื่องใครจะเป็นที่สุดในการพนัน

 

 “อย่างอื่นยุ่งยากเกินไป ตระกูลพวกเราช่วงนี้วุ่นวายมาก ฉินซินต้องการเงิน เพราะฉะนั้นเขาอยากจะได้เงินจากผม ส่วนจ่านมู่ฮวาอยากจะมาหาเรื่องเขา ยิ่งเพิ่มเชื้อเพลิงเข้าไปอีก อย่างไรก็ตามตอนนี้มันก็ยุ่งเหยิงไปหมด” ฉินเฮ่าอธิบายแต่ที่สำคัญกว่านั้น เขาไม่ได้บอกว่ามันเกี่ยวกับซีเหมินจินเหลียน…

 

“ความหมายของคุณคือ รอบที่สองให้ผมเล่นแทนคุณ?” จ่านป๋ายถาม

 

“ใช่ รอบที่สองคือการฟังลูกเต๋า นี่ก็ไม่ใช่ความสามารถพิเศษของคุณเหรอ?” ฉินเฮ่าพูด

 

เดิมทีเขาก็ไม่ได้รู้สึกหัวร้อนอะไร เลยรับปากการพนันฉินซินไปส่งเดช แต่ตอนฉินซินนำรูปซีเหมินจินเหลียนมาวางไว้ที่ตรงหน้าเขา พร้อมบอกเขาว่าถ้าหากเขาไม่ตบปากรับคำท้าการพนันครั้งนี้ เขาก็ไม่มีคุณสมบัติที่จะไปจีบซีเหมินจินเหลียน และไม่มีคุณสมบัติที่จะสืบทอดตระกูลฉินต่อไป…

 

ซีเหมินจินเหลียนถอนหายใจ เธอไม่เข้าใจการพนัน ทำไมไม่ใช่การเดิมพันหยกนะ ถ้าเป็นการเดิมพันหยก ถ้าอย่างนั้นเธอก็มีแต่ชนะ ไม่มีทางแพ้หรอก

 

พนักงานต้อนรับมาเสิร์ฟอาหารและเครื่องดื่ม จ่านป๋ายเปิดขวดไวน์แดง แล้วถามซีเหมินจินเหลียนว่าเธอจะลองชิมดูไหม ซีเหมินจินเหลียนคิดอยู่ครู่หนึ่งก็พยักหน้าลง

 

“ดื่มไวน์แดงสักจิบ ก็สามารถช่วยเรื่องความงามได้นะครับ” ฉินเฮ่าพูดพลางยิ้มอย่างแผ่วเบา “คุณก็ไม่ต้องกังวลมากเกินไป ความจริงก็เรื่องแค่นี้เอง เรื่องนี้สำหรับผมแล้วไม่ใช่ครั้งแรก เขาก็อยากได้เงินของผม ชีวิตของผมหลายครั้งแล้ว” เขาดูออกว่าซีเหมินจินเหลียนเองก็เครียดกังวล ไม่อย่างนั้นเธอไม่ต้องการไวน์แดงมาผ่อนคลายอารมณ์หรอก

 

ซีเหมินจินเหลียนไม่ได้พูดอะไร เคยได้ยินว่าคุณปู่ของฉินเฮ่าถูกคนอื่นฆ่าที่บ้าน เรื่องที่น่าแปลกเช่นนี้ ถ้าเปลี่ยนเป็นบ้านคนธรรมดาคงทำตัวไม่ถูกวุ่นวายพักใหญ่ แต่ในตระกูลเขากลับเงียบสงบเหลือเกิน จะให้คิดยังไงดีล่ะ?

 

 หรือว่านี่จะเป็นความเลือดเย็นของตระกูลคนรวย? ซีเหมินจินเหลียนหันไปมองจ่านป๋ายแล้วถามว่า “เสี่ยวป๋าย ครั้งก่อนคนที่ทำให้คุณบาดเจ็บ ก็คือพี่ของคุณหรือเปล่า”

 

มือที่เดิมทีถือแก้วไวน์เอาไว้ของจ่ายป๋ายก็อดไม่ได้ที่จะมือสั่นเล็กน้อย เธอแค่ใสซื่อไปหน่อย แต่ไม่ได้หมายความว่าเธอจะโง่ มันก็แค่เรื่องที่เธอไม่เคยได้พบเจอมาก่อนก็เท่านั้น…

 

ซีเหมินจินเหลียนไม่จำเป็นต้องรอให้เขาตอบ นี่ก็เห็นได้อย่างชัดเจนแล้ว เพื่อผลประโยชน์ พี่น้องต่างทำลายความรู้สึกกัน เรื่องแบบนี้ก็มีมาตั้งแต่อดีตแล้ว นี่เป็นเรื่องที่พบเจอได้บ่อย

 

อาหารเต็มโต๊ะนั้น ทั้งสามคนกินไม่ได้รู้รสอะไร ซีเหมินจินเหลียนกำลังคิดว่าถ้าหากเป้าหมายในการมาเมืองเซี่ยงไฮ้ของผู้อาวุโสหูไม่ใช่เพราะว่าเรื่องของหินราชางูอย่างเดียว แต่เป็นเพราะว่าเรื่องที่ก่อนหน้านี้หลินเสวียเหวินขโมยหยกของเขาไป ถ้าอย่างนั้นหยกก้อนนี้ที่เป็นหยกราชา จะมีลักษณะเป็นอย่างไรกันนะ?

 

จากที่ฉินเฮ่าพูดเมื่อสักครู่ หยกก้อนนั้นน่าจะไม่ได้ใหญ่มาก เลยมีคุณสมบัติทำให้ผู้อาวุโสรู้สึกหวงแหนเป็นพิเศษ น่าจะไม่ใช่ของธรรมดา ไม่เช่นนั้นหลินเจิ้งคงไม่ใช้สิ่งนี้พูดกระตุ้นฉินซิน

 

เดิมทีเธอคิดว่าอยากจะเดิมพันหินเพื่อหาเงินเล็กน้อย จากนั้นก็ใช้ชีวิตที่ร่ำรวย แต่ตอนนี้ล่ะ? คุณธรรมของผู้ที่ร่ำเรียนหนังสือมาได้ลดน้อยถอยลงไปเมื่อเทียบกับคนในอดีต

 

เดิมพันหยก เดิมพันชีวิต…เดิมพันไม่รู้จักจบ!

 

 

[1] หยกสีเหลือง ในภาษาจีนคำว่าสีเหลืองกับคำว่าราชาเป็นคำพ้องเสียงกัน