ตอนที่ 19 น่าอัศจรรย์ โดย Ink Stone_Fantasy
ทางด้านเมืองวารีสวรรค์แห่งนี้
ตงป๋อเสวี่ยอิงตื่นเต้นเป็นอย่างมากจริงๆ นี่คือศาสตร์ลับที่จนกระทั่งถึงตอนนี้เขารู้สึกว่าเหมาะสมกับระบบวิถีโลกเทียมของเขาเป็นที่สุด สามารถผ่านชั้นที่หกของเจดีย์ดาวได้ตั้งแต่อยู่ในขั้นรวมเป็นหนึ่ง
ศาสตร์ลับศาสตร์นี้ช่างร้ายกาจเป็นที่สุด ในระดับขั้นเดียวกันก็ใกล้เคียงกับศาสตร์ลับขั้นจักรวาลแล้ว! เหล่าผู้อาวุโสตำหนักในแห่งวังทวีสูญที่ต่างก็ครอบครองศาสตร์ลับขั้นจักรวาลก็ยังไม่มีผู้ใดผ่านชั้นที่หกได้เลยแม้แต่คนเดียว แน่นอนว่านี่คือการตระหนักรู้ของแต่ละบุคคลเป็นเหตุ
อย่างเช่นวิชาสิบสามกระบี่ผลาญโลกา ตามหลักของขั้นรวมเป็นหนึ่งก็สามารถตระหนักรู้กระบี่ที่หกได้ พอตระหนักรู้กระบี่ที่หกแล้วก็มีความมั่นใจเต็มที่ในการผ่านชั้นที่หกของเจดีย์ดาว
น่าเสียดายที่ปัจจุบันบรรดาผู้อาวุโสตำหนักในแห่งยุคนี้ไม่สามารถทำได้!
“สูงกว่านี้มิได้แล้วนะ สูงกว่านี้มิได้แล้ว” ตงป๋อเสวี่ยอิงกระวนกระวายเป็นอย่างยิ่ง เพราะว่าสมบัติล้ำค่าของเขาก่อนหน้านี้ก็มีมูลค่าเพียงสามร้อยแปดสิบห้าก้อนศิลาปฐมโลกาเท่านั้น จำนำแต้มความดีความชอบก็ได้เพียงหนึ่งร้อยหกสิบก้อนศิลาปฐมโลกา ถึงแม้ว่าจะยังมีวัตถุเบ็ดเตล็ดอยู่จำนวนหนึ่ง แต่ก็ใกล้จะถึงขีดจำกัดของตนแล้ว
ยามที่หญิงสาวอาภรณ์ม่วงประกาศในท้ายที่สุด
ตงป๋อเสวี่ยอิงก็เผยสีหน้ายินดี
“ยินดีกับผู้อาวุโสตงป๋อด้วย” ประมุขหออวี่ฉีพูด
“อืม” ตงป๋อเสวี่ยอิงพยักหน้า “เสียดายก็แต่ราคาออกจะสูงไปสักหน่อย”
“ผู้อาวุโสตงป๋อ พอท่านศึกษาเสร็จแล้วก็สามารถขายต้นฉบับวิชาโลกอนธการนี้ทิ้งได้” ประมุขหออวี่ฉีพูด “หรือกระทั่งสามารถลองถามทางวังทวีสูญว่าปรารถนาจะให้ราคาเท่าใด แต่ข้าคาดว่าคงจะไม่สูงไปกว่าราคาขั้นต่ำของครั้งนี้สักเท่าใดนัก”
ตงป๋อเสวี่ยอิงพยักหน้า
ใช่แล้ว
ราคาขั้นต่ำเพียงแค่หนึ่งร้อยห้าสิบก้อนศิลาปฐมโลกา ตนกับบรรพชนเฉวียนโหมวท่านนั้นสู้ราคากันไปจนถึงห้าร้อยเอ็ดก้อนศิลาปฐมโลกา! ราคานี้ช่างสูงลิ่วจริงๆ ถ้าหากมิใช่ว่าได้บุกทำลายฐานที่มั่นของสำนักทิพย์โบราณแห่งนั้นไป ตนก็ย่อมไม่มีปัญญาเสนอราคาที่่สูงลิ่วเช่นนี้ได้เลย
“ผู้อาวุโสตงป๋อ มีข่าวดีข่าวหนึ่งขอรับ” ประมุขหออวี่ฉีเผยสีหน้ายินดีในทันใดแล้วเอ่ยต่อไปว่า “ท่านมิได้รู้สึกว่าซื้อมาแพงไปหรือ บรรพชนเฉวียนโหมวเพิ่งจะติดต่อท่านผ่านหอทะเลสัตตดาราของข้ามา เขาต้องการจ่ายหนึ่งร้อยห้าสิบศิลาปฐมโลกาสำหรับการศึกษาเพียงหนึ่งครั้ง ส่วนต้นฉบับก็เป็นของท่านเช่นเดิม”
“บรรพชนเฉวียนโหมวหรือ” ตงป๋อเสวี่ยอิงสามารถคาดเดาเอาไว้ได้ก่อนแล้วว่าอีกฝั่งอาจจะติดต่อตนมา ก็เหมือนกับที่ตนคิดจะติดต่อเขาก่อนหน้านี้นั่นเอง
เพียงแต่ว่าห้ามติดต่อในขณะประมูล ตอนนี้การประมูลเสร็จสิ้นลงแล้วจึงสามารถติดต่อได้
“บอกเขาไปว่าสามร้อยก้อนศิลาปฐมโลกา” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูด
“สามร้อยก้อนสำหรับการศึกษาครั้งหนึ่งหรือ” ประมุขหออวี่ฉีลิ้นคับปากอยู่บ้าง
“ท่านส่งข่าวออกไปเช่นนี้แหละ” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูด
“ก็ได้” ประมุขหออวี่ฉีพยักหน้า
ตงป๋อเสวี่ยอิงมองเจ้าดาราหมิงอวี๋ที่อยู่บนยกพื้นผู้นั้นอย่างเงียบๆ แล้วขายสมบัติล้ำค่าอื่นๆ ต่อไป เขาเสนอราคาสามร้อยก้อนศิลาปฐมโลกาออกไปอย่างมีมาตรฐานอยู่ ในเมื่อขณะที่ประมูล อีกฝ่ายไปถึงราคาห้าร้อยก้อน บวกกับอ้างอิงจากการคาดการณ์ของตน อีกฝ่ายก็เพียงแค่อยากจะใช้กระตุ้นตนเองเท่านั้น เช่นนั้นศึกษาสักครั้งหนึ่งก็เพียงพอแล้ว ต้นฉบับกลับมิได้มีความสำคัญกับอีกฝ่ายถึงเพียงนั้นเลย
ตัวต้นฉบับเองก็มีมูลค่า แต่มูลค่านั้นมีขีดจำกัด คาดว่าคงราวๆ สองสามร้อยศิลาปฐมโลกากระมัง
ศึกษาครั้งหนึ่ง สามร้อยศิลาปฐมโลกา… คงจะถึงขีดจำกัดที่อีกฝ่ายยอมรับได้ อาจจะสูงกว่านี้ได้อีกเล็กน้อย แต่ว่าการโก่งราคาสูงเสียดฟ้า กดราคาต่ำติดดินก็เพราะศิลาปฐมโลกานี้เป็นที่รักหวงแหนของตนหมดทุกก้อน
“บรรพชนเฉวียนโหมวกลับแล้ว” ประมุขหออวี่ฉีมองตงป๋อเสวี่ยอิง “บอกว่าสูงเกินไปแล้ว เขาให้ได้สูงที่สุดเพียงสองร้อยยี่สิบก้อนศิลาปฐมโลกาเท่านั้น”
“บอกเขาว่าข้าซื้อต้นฉบับมาในราคาสูงยิ่งกว่า อย่างต่ำที่สุดก็คือสองร้อยแปดสิบก้อนศิลาปฐมโลกา” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูด
ทั้งสองฝ่ายเอาแต่พูดว่าสูงสุดต่ำสุด แต่กลับต่อรองราคากันอย่างไม่จบไม่สิ้น
ฝ่ายหนึ่งคือยักษ์ใหญ่ขั้นอลวน ส่วนอีกฝ่ายก็คือผู้อาวุโสตำหนักในแห่งวังทวีสูญ กำลังสู้กันไม่หยุดหย่อนเพราะศิลาปฐมโลกา
เพราะทุกคนต่างก็กระจ่างแจ้งแก่ใจดี!
ต่างก็ทำเพื่อการบำเพ็ญ ในท้ายที่สุดจะต้องมีระดับราคาที่ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องต้องกัน สำหรับตงป๋อเสวี่ยอิงแล้ว ผู้ที่ปรารถนาจะจ่ายเพื่อวิชาโลกอนธการด้วยราคาสูงนั้นมีอยู่ไม่มากนัก เห็นว่าการช่วงชิงสิ่งล้ำค่าในคราวนี้เป็นเขาสู้อยู่กับบรรพชนเฉวียนโหมว ในครั้งอื่นๆ ราคาที่ได้ก็จะยิ่งน้อยกว่านี้ ดังนั้นแม้ว่าจะเป็นแค่การศึกษาเพียงครั้งเดียว แต่คนที่เต็มใจจ่ายด้วยราคาสูงนั้นยากที่จะพบพานสักคนหนึ่ง
พบพานคนผู้นั้นแล้วราคาจะต่ำมิได้!
สองฝ่ายต่อรองกันจนถึงท้ายที่สุด
สองร้อยสามสิบห้าก้อนศิลาปฐมโลกาสำหรับให้บรรพชนเฉวียนโหมวศึกษาครั้งหนึ่ง!
……
ทั้งงานประมูลดำเนินไปเป็นเวลากว่าครึ่งวัน ท้ายที่สุดแล้วสมบัติเลอค่าชิ้นปิดท้าย ‘เชิงฉวิน’ ก็คือกระโปรงหนังอันแปลกประหลาดชิ้นหนึ่ง ราวกับเป็นสิ่งมีชีวิตสักชนิดหนึ่ง คำอธิบายของหญิงสาวอาภรณ์ม่วงก็คลุมเครือยิ่งนัก แต่การประมูลกลับบ้าคลั่งเป็นอย่างยิ่ง ราคาสุดท้ายไปถึงราคาอันน่าหวาดหวั่น สามพันเก้าร้อยแปดสิบสองก้อนศิลาปฐมโลกา! ราคานี้ทำให้ตงป๋อเสวี่ยอิงถึงกับพูดไม่ออก
“ดูท่าทางจะเป็นสิ่งมีชีวิตอะไรสักอย่างหนึ่ง เป็นผิวหนังชั้นนอกของร่างกายหรือ” ตงป๋อเสวี่ยอิงพึมพำ “สามารถขายได้ด้วยราคาสูงถึงเพียงนี้ เป็นผิวหนังชั้นนอกของเทพจักรวาลหรือไร”
ถึงแม้ว่าในใจจะสั่นสะท้าน แต่เขาก็ยังมาถึงโถงตำหนักลับใต้ดินของหอย่อยแห่งหอทะเลสัตตดาราแห่งนี้พร้อมกับประมุขหออวี่ฉีด้วยอารมณ์อันดียิ่ง
ตรงกลางของโถงตำหนักใต้ดินมีค่ายกลขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณร้อยเมตรอยู่แห่งหนึ่ง
ประมุขหออวี่ฉียืนเคียงไหล่ตงป๋อเสวี่ยอิง เขาชี้ค่ายกลที่อยู่ไกลออกไป “ค่ายกลแห่งนี้ก็เพื่อแสดงตำแหน่งที่ตั้งที่แน่นอน อีกไม่นานผู้แกร่งกล้าจากอีกฝั่งหนึ่งก็จะนำต้นฉบับวิชาโลกอนธการมาส่งแล้วขอรับ”
ตงป๋อเสวี่ยอิงพยักหน้า
ส่งผ่านมาจากระยะไกล…
การส่งผ่านสิ่งมีชีวิตนั้นยากเย็นเป็นที่สุด การส่งผ่านสิ่งของนั้นง่ายดายกว่ามากนัก เช่นตนและจอมมารในตอนแรกที่ถูกบรรพชนทรายส่งผ่านโลกทิพย์กิเลนบูรพามาถึงโลกทิพย์ทะเลสัตตดารา บรรพชนทรายก็เพียงแค่ถามจอมมารว่าได้พาลูกน้องคนอื่นมาด้วยหรือไม่ แต่กลับมิได้ถามเลยว่าได้พกพาสิ่งของอันใดมาด้วยบ้าง ก็เพราะเหตุนี้หากเป็นสิ่งของไม่มีชีวิต การส่งผ่านก็จะผ่อนคลายกว่าเป็นอย่างมาก
“ต้นฉบับวิชาโลกอนธการ อ้างอิงจากข้อตกลงระหว่างท่านกับบรรพชนเฉวียนโหมว ได้ให้บรรพชนเฉวียนโหมวศึกษาแล้ว เขาทางนั้นได้จ่ายมาแล้วสองร้อยสามสิบห้าก้อนศิลาปฐมโลกา ท่านทางนี้ยังต้องจ่ายอีกสองร้อยหกสิบหกก้อนศิลาปฐมโลกา” ประมุขหออวี่ฉีพูด
“สมบัติล้ำค่าเหล่านี้ ขายทิ้งให้หมด” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูดแล้วก็ส่งกำไลเก็บวัตถุให้กับประมุขหออวี่ฉีที่อยู่ข้างกาย
ประมุขหออวี่ฉีรับมาแล้วก็ตรวจตราดูคราหนึ่ง “เอาล่ะ รออีกประเดี๋ยวจะมอบศิลาปฐมโลกาหนึ่งร้อยสิบเก้าก้อนให้กับท่านผู้อาวุโสตงป๋อ”
“วิ้ง”
เบื้องหน้ามีทางเชื่อมห้วงที่มิติม้วนพับและบิดตัวอยู่ปรากฏขึ้น
ตำราสีดำเล่มหนึ่งลอยออกมาจากทางเชื่อมแล้วร่อนลงตรงกลางค่ายกลอย่างช้าๆ จากนั้นทางเชื่อมก็สลายตัวไป
ตงป๋อเสวี่ยอิงดวงตาเป็นประกายแล้วก้าวเข้าไปหยิบเอาตำราเล่มนี้มาไว้ในมือ ตำราที่ทำขึ้นจากโลหะสีดำเล่มนี้มีอักษรสัญลักษณ์บิดเบี้ยวหลายตัวอยู่บนปก ซึ่งก็มีความหมายว่า ‘โลกอนธการ’ แต่กลับแฝงไว้ด้วยเขตลวงโดยธรรมชาติ ถึงขนาดที่ตำราทั้งเล่มล้วนมีไอหมอกสีดำม้วนตัวอยู่ เกรงว่าผู้ที่จิตวิญญาณอ่อนแอสักหน่อยอาจถูกดูดกลืนเข้าไปในตำราเล่มนี้
เขาค่อยๆ พลิกเปิดตำราอย่างช้าๆ
“ฟิ้ว!”
ตัวอักษรบนตำราเปลี่ยนแปรกลายเป็นตัวอักษรสัญลักษณ์ตัวแล้วตัวเล่าเหินลอยมาทางตงป๋อเสวี่ยอิงแล้วเจาะเข้าไปในห้วงสมองของตงป๋อเสวี่ยอิงอย่างต่อเนื่อง
โลกอนธการ
นี่คือศาสตร์ลับที่ไม่เสร็จสมบูรณ์เล่มหนึ่ง ‘ประมุขโลกอนธการ’ ผู้แกร่งกล้าขั้นรวมเป็นหนึ่งผู้ล้ำเลิศน่าอัศจรรย์ผู้นั้นได้บันทึกเอาไว้อย่างชัดแจ้งในตอนต้นของตำราเล่มนี้ เขาต้องการจะสร้างท่าไม้ตายสามท่าของวิชาโลกอนธการ กระบวนท่าแรกสามารถผ่านชั้นที่ห้าของเจดีย์ดาว ส่วนกระบวนท่าที่สองนั้นสามารถผ่านชั้นที่หกของเจดีย์ดาวได้ กระบวนท่าที่สามตามแผนนั้นถึงขนาดสามารถบุกผ่านชั้นที่เจ็ดได้!
ด้วยความเย่อหยิ่งของประมุขโลกอนธการ ก็คือจะไปให้ถึงขีดจำกัดของประวัติศาสตร์ขั้นรวมเป็นหนึ่ง… บุกผ่านชั้นที่เจ็ดด้วยระดับขั้นรวมเป็นหนึ่ง!
ถึงแม้ว่าสองกระบวนท่าแรกในตำราจะเสร็จสมบูรณ์แล้ว ทว่ากระบวนท่าที่สามกลับไม่มีบันทึกเอาไว้ ตอนนั้นเขายังมิทันได้สรรสร้างเคล็ดวิชาที่แกร่งยิ่งขึ้นก็มาตายตกไปเสียก่อน
วิชา ‘ฟองอากาศอนธการ’ กระบวนท่าแรกของวิชาโลกอนธการ โลกที่สร้างขึ้นสามารถห่อหุ้มศัตรูเอาไว้แล้วหดเล็กลงโดยฉับพลัน หดเล็กลงจนถึงขีดสุดในทันที โลกขนาดมหึมาแห่งหนึ่งทำให้ศัตรูที่ถูกห่อหุ้มโดยสมบูรณ์ตัวหดเล็กลง ราวกับฟองอากาศที่ห่อหุ้มศัตรูเอาไว้ แต่ทว่าฟองนี้กลับผนวกเอาพละกำลังของโลกใบหนึ่งเอาไว้ โลกที่สร้างขึ้นสำหรับการระเบิดโดยเฉพาะ หลังจากนั้นเพียงชั่วความคิดเดียวโลกก็ระเบิดออก! โลกทั้งใบแตกสลาย สิ่งมีชีวิตทั้งหมดในโลกก็แหลกสลายจนสิ้น พลังคุกคามน่าหวาดหวั่นเป็นที่สุด
กระบวนท่าที่สองของวิชาโลกอนธการ ‘ใบมีดสวรรค์ลงทัณฑ์’ พื้นฐานของโลกใบนี้ก็เพื่อสร้าง ‘ใบมีด’ นี้ขึ้นมาอันหนึ่ง ซึ่งนี่ก็คือใบมีดสวรรค์ลงทัณฑ์ มาจากภาพมายา ซึ่งกะทันหันเป็นที่สุด โดยทั่วไปแล้วศัตรูต่างยากที่จะเข้าใกล้ตัว ก็ถูกมีดแทงปลิดชีพเสียก่อนแล้ว! ประมุขโลกอนธการยืนอยู่ที่เดิมก็มี ‘ใบมีดสวรรค์ลงทัณฑ์’ อันแล้วอันเล่าพุ่งมากลางอากาศ! ศัตรูอยู่รอบด้านทุกทิศทาง อาศัยกระบวนท่านี้ ชื่อเสียงของเขาก็สะท้านสะเทือนไปทั่วมหาโลกทิพย์ทั้งห้า ด้วยพลังยุทธ์ขั้นรวมเป็นหนึ่งก็สามารถเทียบเคียงกับยักษ์ใหญ่ขั้นอลวนได้
น่าเสียดายที่ยังมิทันสรรสร้างกระบวนท่าที่สามออกมา ก็มาตายตกไปเสียแล้ว
……………………………………………..