1808-2 vs 1808-3 โดย Ink Stone_Romance

ตอนที่ 1808-2

พอป๋อจิ่ววางรูปเสร็จ ก็หันไปยิ้มให้ฉินมั่วอย่างเท่ ฉินมั่วหลุบตามองเธอราวกับไม่แยแส ทั้งยังป้อนน้ำให้เธออีก “ต่อให้เธอเป็นคนวางเองก็ไม่แปลก นั่นเป็นเพื่อนรักของเธอเมื่อตอนเป็นเด็กไม่ใช่เหรอ”

ป๋อจิ่วดื่มน้ำขลุกขลัก เมื่อกลืนน้ำลงก็ไอนิดหน่อย “ฉันไม่ได้เป็นคนวางจริงๆ นะ” หนนี้ท่านเทพกล่าวหาเธอของแท้ เธอไม่ว่างมาจัดวางรูปถ่าย หลังจากที่ท่านเทพถูกกระตุ้นฝังคำสั่งทางจิต ป๋อจิ่วก็เอาแต่หาทางให้ตัวเขาอยู่กับเธอ แม้ก่อนหน้านี้ท่านเทพจะชอบเรียกเธอว่าป๋าสายเปย์ แต่เธอรู้ดีถึงความเย้าหยอกที่แฝงในนั้น ราวกับพอเขาไม่สนุกอีกก็จะจากไปเลย

แน่ล่ะ นั่นเป็นสิ่งที่ป๋อจิ่วคิดไปเอง และความคิดไปเองนั้นทำให้ป๋อจิ่วโอ๋ชายหนุ่มสุดวิธี แล้วจะเอารูปมาวางได้อย่างไร แต่คุณตากลับคิดต่าง เพราะหากพิจารณาจากมุมการแพทย์ ไม่ว่าจะโดนฝังคำสั่งทางจิตอย่างไร ในยามปกติก็จะไม่อยากผจญต่ออดีต เพราะไม่อยากเจออดีต จึงก่อให้เกิดความจุดอ่อนทางจิต ทำให้ปิดตายบางส่วนในใจ

ดังนั้นคุณตาจึงลองทุกวิธีที่จะปลุกความทรงจำของเขา

เหตุผลที่ว่า ป๋อจิ่วเข้าใจดี แต่เพราะชายหนุ่มต่อต้าน ‘เหมยเขียวและม้าไม้’ ของเธอมาก เธอที่แบกประวัติดำมืดในเวลานี้ จึงต้องการหลีกเลี่ยงหัวข้อที่ไปแตะเขตฟ้าผ่า

ฉินมั่วย่อมเดาความคิดของคนบางคนออก เรียวปากบางจึงแย้มขึ้น ก่อนจะดึงลิ้นชักออกมา “ทำไม? คิดว่าฉันจะหึงงั้นเหรอ”

“ใครเขาจะคิดอย่างนั้น” ป๋อจิ่วหัวเราะ ก่อนเอ่ยถาม “พี่ไม่หึงเหรอ?”

ฉินมั่วตอบธรรมดามาก “มีอะไรน่าหึง” ซึ่งป๋อจิ่ว…ทำไมฟังแล้วเหมือนปากไม่ตรงกับใจ

นี่ต้องเป็นแผนการเขาอีกแน่นอน เธอไม่หลงกลหรอก อยากจะหาเรื่องคุย พอถึงเวลาที่เหมาะสมจะได้เอามาหยอกเขาบ้าง จึงดันลิ้นชักปิด “พี่มั่ว หลังจากที่พี่พูดในตอนนั้น ฉันมานั่งคิดดู รู้สึกว่าเพื่อนฉันเมื่อตอนเป็นเด็กก็ร้ายลึกเหมือนกันนะ เช่น เขาชอบไม่ให้ฉันไปเล่นกับคนอื่น มาคิดได้ในตอนนี้ เขาน่าจะหึงฉัน แต่ตอนนั้นฉันเด็กไงเลยไม่เข้าใจ”

หลังจากที่พูดจบ ป๋อจิ่วก็รอคอยที่จะเห็นท่านเทพชอบใจในความคิดของตนเอง เพราะในสภาพแบบนี้ หากว่ากันตามนิสัยของเขา นอกจากจะเห็นด้วย ยังสั่งเธอให้ต่อไปอยู่ห่างคนแบบนี้ให้ไกลๆ อีกต่างหาก

แต่? ทำไมถึงเงียบ?

ป๋อจิ่วมองดูนิ้วที่จับลูกอมที่ถูกแกะออกจากห่อเพื่อป้อนเธอ กำลังเกร็งทื่ออยู่ เขาเลิกคิ้วเล็กน้อย เธออุตส่าห์เตรียมกินแล้วนะ อยู่ๆ ท่านเทพก็หยุดไป อะไรกันเนี่ย?

ไม่รอให้ป๋อจิ่วเข้าใจหรอก ฝ่ายฉินมั่วก็นั่งลง แย้มเรียวปากบางนิดๆ ถามเธอ “อยากกินเหรอ?”

“อื้ม” ท่านเทพเริ่มใช้เสน่ห์ยั่วใจเธอแล้ว ป๋อจิ่วคิดอย่างนี้แหละ จึงรอรับการป้อน แต่ที่ไหนได้ ชายหนุ่มแค่ยิ้ม ยกมือขึ้นมานิดๆ แล้วเอาลูกอมที่จะป้อมให้เธอ โยนทิ้งถังขยะเสียอย่างนั้น

ป๋อจิ่ว “…”

“ในเมื่อมีไข้ ก็กินของหวานเลี่ยนให้น้อยลงหน่อย” ฉินมั่วเลิกหางตาเล็กน้อย ให้ความรู้สึกสูงส่งต้องห้าม

จะว่าไปเขาก็มีเหตุผลแฮะ แต่ก่อนหน้านี้เขาป้อนลูกอมให้เธอตั้งเยอะ ป๋อจิ่วไม่เข้าใจว่าเธอไปยั่วโมโหเขาที่ตรงไหน จึงนั่งอยู่ที่เดิมอย่างไม่เข้าใจ มองดูเขาหันมาจัดผ้าห่มให้เธอ แล้วเอ่ยเสียงเรียบ “ว่ากันว่าความรู้สึกที่บริสุทธิ์ที่สุดจะเกิดขึ้นในวัยเด็ก”

ป๋อจิ่วเอ่ยในใจ นั่นไงกำลังแซะเธอเข้าให้แล้ว ต้องเป็นเพราะรูปนั่น เขาถึงอารมณ์ไม่ดี เธอจึงรีบเอ่ยทันที “เด็กจะไปเข้าใจอะไร?”

ฉินมั่วได้ยินแล้ว เคาะข้อมือเธอ “ไม่อยากพูดถึงตอนเป็นเด็ก?”

ก็เพราะพี่ชอบอาแต่หึงไง ป๋อจิ่วพยักหน้า

 ………………………………………..

ตอนที่ 1808-3

ฉินมั่วหัวเราะ นิ้วเรียวขาวผ่องยังคงเคาะลงบนข้อมือเธอราวกับเคารพความเห็นของเธอ เขากำลังคิดพิจารณา แสงจากหลอดไฟฟ้าส่องลงปลายคาง “งั้นพวกเราก็มาคุยกันดีกว่าว่าเธอเคยจีบคนมามากเท่าไร แล้วค่อยคุยเรื่องฉันหลงรักเธอครั้งแรกที่เห็นในความทรงจำของเธอ?”

ป๋อจิ่ว “…” เราพูดเรื่องอื่นบ้างดีกว่า! เธออึ้งไปเลย ก่อนจะทิ้งศีรษะไว้บนอกชายหนุ่ม แววตาไหวระริก “พี่มั่ว ฉันปวดหัว”

“คิดว่าฉันจะเชื่องั้นเหรอ?” ฉินมั่วหัวเราะ ป๋อจิ่วได้แต่เงียบ เพราะแม้ชายหนุ่มจะพูดเช่นนั้น แต่ยังยื่นมือมาลูบศีรษะเธอด้วยความนุ่มนวล ทำให้คนรู้สึกผ่อนคลาย หากไม่เป็นเพราะเสียงที่ลอยเข้าหูว่า “ไม่เอารูปมาโชว์แล้วเหรอ?”

ป๋อจิ่วกะจะซบอกชายหนุ่มชนิดที่ไม่ขยับ “ไม่แล้ว”

“น่ารักดีออก ทำไมไม่เอามาวางแล้วล่ะ” ฉินมั่วพูดธรรมดาจะตายไป เมื่อรับรู้ถึงอุณหภูมิบนร่างเธอ ก็แกะลูกอมให้เม็ดหนึ่ง “คนเราจะระลึกถึงอดีตในเวลาที่เหมาะสมบ้าง ก็ถือเป็นเรื่องดีนะ”

ป๋อจิ่วไม่เขยื้อน…แหม ใจกว้างจัง ฉันเกือบเชื่อแล้วเชียว!

“วางในลิ้นชักก็พอ” ป๋อจิ่วรู้สึกว่าเธอต้องประลองปัญญาอย่างหนักหน่วง จะวางตัวตามสบายไม่ได้แม้แต่นิดเดียว เขาน่าจะให้ลูกอมเธอได้แล้วนะ

ไม่คิดเลยว่าชายหนุ่มจะหัวเราะอีกครั้ง ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยอีกแล้ว แค่ครั้งนี้เขาไม่ได้โยนลูกอมลงถังขยะ แต่กินเอง

ป๋อจิ่ว “…” เดี๋ยวนี้จะกินลูกอมสักเม็ด ก็ยากเย็นแสนเข็ญแล้วรึ? แต่ท่าของเขาเมื่อกี้ เหมือนจะป้อนเธอเลยนะ

ชายหนุ่มกวาดตามองคนบางคน เอ่ยเสียงเรียบ “อยากกินมากเลยเหรอ?” ป๋อจิ่วส่งเสียงยอมรับ เผื่อแกล้งทำตัวน่าสงสารจะมีประโยชน์บ้าง แต่ความเป็นจริงก็พิสูจน์ได้ว่าการแสร้งทำตัวน่าสงสารต่อหน้าท่านเทพไม่มีผลเลยสักนิด

ชายหนุ่มจับหน้าเธอพลางหัวเราะ “งั้นก็ทนหน่อยนะ”

ป๋อจิ่ว “…” โอ้ย น่าอายจัง ต้องเพราะเพราะรูปนั่นแน่เลย ป๋อจิ่วที่มีอาการไข้จนแทบไร้สติ ไม่ได้คิดเลยว่าชายหนุ่มจำได้แล้ว ซึ่งฉินมั่วเองก็ไม่คิดจะบอกต่อเธอ เพราะอยากให้เธอรู้ด้วยตัวเอง แถมพอเขารู้ว่าเจ้าเด็กที่มีแผนมาจีบเธอเป็นตัวเขาเอง ความรู้สึกที่ได้ก็คือ…มันช่าง…

ฉินมั่วหลุงตาลง จับหน้าใครบางคน รอว่าเมื่อไรเธอจะรู้ตัวสักที

ป๋อจิ่วจู่ๆ ก็โดนจับหน้า แต่ความอบอุ่นในก้นบึ้งนัยน์ตาของชายหนุ่มมันท่วมท้น เขาปฏิบัติต่อเธอเหมือนเป็นของล้ำค่า แถมสองตาที่หลุบมอง ทั้งสูงส่งต้องห้ามและยั่วใจคน จู่โจมหัวใจเธอตรงๆ เธอจึงสู้กับกลหนุ่มงามไม่ไหว แถวแววตาดำของเขาช่างน่าหลงใหลและยังจู่โจมหัวใจเธอ

หลังจากที่เห็นสภาพอีกฝ่าย ฉินมั่วก็ชะงัก แววตามองต่ำลง พร้อมก้มตัวหมายจะจูบที่มุมปาก ใครจะรู้ล่ะว่าเขากลับควบคุมตัวเองไม่ไหว ไล้นิ้วยังไปความนุ่มหยุ่นของเธอ แทบจะทำให้คนในอ้อมกอดละลายกลายเป็นน้ำ

ป๋อจิ่วถูกจูบจนมึนศีรษะยิ่งขึ้น อาการไข้กลับไม่สูงเท่าความร้อนที่ท่านเทพมอบให้

แม้จะเป็นเช่นนั้น ฉินมั่วก็ยังรับรู้ถึงความร้อนในกายอีกฝ่ายที่ทวีขึ้นอีกครั้ง จึงชนหน้าผากกับหน้าเธอ เพราะเธอเองก็หมดแรงแล้ว หัวใจเหมือนถูกบีบรัด กระแสเลือดก็ไหลเวียนไม่คล่องตัว เขาจึงอุ้มเธอ และป้อนลูกอมให้ในที่สุด ก่อนจะก้มลงจุ๊บเส้นผมเธอ “ถ้าหิวน้ำก็บอกฉันละกัน”

 ………………………………………….