ตอนที่ 1709

War sovereign Soaring The Heavens

ตอนที่ 1,709 : แล้วยังไง?

 

ขวับ! ขวับ! ขวับ! ขวับ!

 

……

 

เมื่อทหารยามหน้าฮั่วจิน ชี้มือไปทางป๋ายลี่หง และกล่าวว่าป๋ายลี่หงคือผู้ที่สังหารฮั่วฉิว ทุกสายตาไม่เว้นฮั่วจิน ก็หันไปตกที่ร่างของป๋ายลี่หงทันที

 

“มันฆ่าฮั่วฉิว?”

 

“เท่าที่ข้ารู้ป๋ายลี่หงยังเป็นแค่เซียนดั้งเดิมขั้นต้น ทั้งยังทะลวงผ่านมาเมื่อ 3 เดือนที่แล้ว…แต่มิต้องกล่าวถึงเรื่องที่มันพึ่งทะลวงมายังเซียนดั้งเดิมขั้นต้นได้ด้วยซ้ำ ต่อให้ด่านพลังมันมั่นคงดีแล้วก็มิมีทางฆ่าฮั่วฉิวได้!!”

 

“นั่นสิ จะอย่างไรฮั่วฉิวก็บรรลุเซียนดั้งเดิมขั้นกลางมาเป็นปีแล้ว กระทั่งห่างจากเซียนดั้งเดิมขั้นเชี่ยวชาญไม่กี่ก้าว…ต่อให้มีร้อยป๋ายลี่หงก็ฆ่ามิได้หรอก! นับประสาอะไรที่มีมันคนเดียว เรื่องเหลวไหลพรรค์นี้ข้าไม่เชื่อ!”

 

“นั่นสิ เรื่องนี้มิสมเหตุสมผลจริงๆ…ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องที่ป๋ายลี่หงจะฆ่าฮั่วฉิวได้หรือไม่ เอาแค่ปกติมันถูกขังอยู่ในคุกใต้ดิน ทั้งยังถูกบังคับให้กลืนโอสถผนึกแรกกำเนิด นั่นเป็นไปมิได้ด้วยซ้ำที่มันจะใช้ปราณแรกกำเนิด นับประสาอะไรกับฆ่าฮั่วฉิว!”

 

“โอสถผนึกแรกกำเนิด? หากมันกินโอสถนั่นลงไปจริงๆแล้วยังจะเดินออกมาโต้งๆเช่นนี้ได้หรือ?”

 

……

 

เหล่าเซียนดั้งเดิมขั้นต้นที่ขวางป๋ายลี่หงอยู่เริ่มกระซิบกระซาบกัน พวกมันก็เป็นเหมือนๆกับฮั่วฉิว ต่างเป็นคนมีฐานะอาวุโสในตระกูลราชวงศ์

 

อย่างไรก็ตามแม้พวกมันจะมีฐานะและยามไปที่ใดก็ถูกผู้คนเรียกหาว่าใต้เท้า แต่พวกมันก็ไม่กล้าเทียบตัวเองกับฮั่วฉิว

 

นั่นเพราะฮั่วฉิว เป็นหลานชายคนเดียวของฮั่วจิน!

 

แม้ในตระกูลราชวงศ์จะมีเซียนขัดเกลาอยู่บ้าง แต่ตัวตนเหล่านี้มักปลีกวิเวก ไม่ค่อยแยแสเรื่องราวความเป็นไปใดๆ จึงเป็นธรรมดาที่อำนาจปกครองจะตกลงมาอยู่ในมือของผู้ที่เข้มแข็งเป็นลำดับถัดไป

 

ฮั่วจิน ในฐานะยอดฝีมืออันดับ 1 ขอบเขตเซียนดั้งเดิมขั้นสูงสุด มันย่อมกลายเป็น ‘ผู้นำ’ ในสายตาคนทั้งหมด เพราะอย่างไรเสียโลกนี้ก็นับถือผู้คนที่พลังฝีมือ

 

สายตาที่ฮั่วจินใช้มองป๋ายลี่หงตอนนี้ คมยิ่งกว่ามีด!

 

หากแต่ไม่นานมันก็ละสายตาจากป๋ายลี่หงมามองทหารยามที่ลนลานมาแจ้งเหตุอีกครั้ง ค่อยถามออกเสียงเข้ม “ที่แท้มันเกิดเรื่องอันใดขึ้น เล่าสิ่งที่เจ้ารู้มาเสีย!”

 

ทหารยามพอถูกจี้ถาม มันก็พยายามกล่าวเล่าเรื่องราวทั้งหมดออกมาอย่างตื่นกลัว

 

พอได้ยินว่าป๋ายลี่หงพึ่งถูกบังคับให้กลืนโอสถผนึกแรกกำเนิดไปเมื่อ 3 วันที่แล้ว ทั้งหมดก็ชักสีหน้าเคร่งขรึมทันที

 

ป๋ายลี่หงที่พึ่งกลืนโอสถผนึกแรกกำเนิดไปเมื่อ 3 วันที่แล้ว กลับปรากฏกายอยู่ตรงหน้าพวกมัน ที่สำคัญ…ตอนนี้ป๋ายลี่หงดูเหมือนคนที่ถูกผลของโอสถผนึกแรกกำเนิดหรือ?

 

‘เซียนขัดเกลา!’

 

ตอนนี้เองฮั่วจินพลันตระหนักได้ ว่าต้องมีขอบเขตเซียนขัดเกลาช่วยเหลือป๋ายลี่หงอย่างลับๆอยู่แน่! เพราะผู้ที่ขจัดผลของโอสถผนึกแรกกำเนิดในร่างป๋ายลี่หงได้ ต้องมีขอบเขตพลังเซียนขัดเกลาขึ้นไปเท่านั้น!!

 

นอกจากเรื่องนี้ มันไม่อาจคิดถึงความเป็นไปได้อื่นเลย!!

 

ถึงแม้ป๋ายลี่หงอาจจะถูกบังคับให้กลืนโอสถผนึกแรกกำเนิดระดับต่ำสุด แต่นั่นมันก็มีฤทธิ์สะกดยับยั้งปราณแรกกำเนิดของผู้ที่อยู่ในขอบเขตเซียนดั้งเดิมขั้นสูงสุด แล้วยังจะนับประสาอะไรกับเซียนดั้งเดิมขั้นต้น!

 

เซียนดั้งเดิมขั้นต้นต้องใช้เวลากว่า 20 วัน กว่าผลขอโอสถผนึกแรกกำเนิดจะเริ่มเสื่อมถอยและจางหายไป

 

ต่อให้เป็นเซียนดั้งเดิมขั้นกลาง แม้จะไม่นานเท่า แต่ก็ต้องใช้เกือบๆ 15 วันกว่าจะขับฤทธิ์โอสถออกจากร่างได้หมด

 

เช่นนั้นฮั่วจินจึงไม่คิดว่าป๋ายลี่หงที่มีพลังฝึกปรือแค่เซียนดั้งเดิมขั้นต้นจะหลุดพ้นจากฤทธิ์โอสถที่ได้รับไป 3 วันก่อน กระทั่งต่อให้อีกฝ่ายเป็นเซียนดั้งเดิมขั้นกลางแล้วก็ยังเป็นไปไม่ได้

 

นอกจากนั้น ไม่เพียงแต่ฤทธิ์โอสถผนึกแรกกำเนิดในร่างป๋ายลี่หงจะถูกขจัดออกไปหมดสิ้น ฮั่วฉิว หลานมันยังตกตายอีก!

 

หากมียอดฝีมือขอบเขตเซียนขัดเกลาช่วยเหลือป๋ายลี่หงจริงๆ เรื่องราวทั้งหมดเป็นอันลงตัว เพราะไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ที่อีกฝ่ายจะฆ่าหลานมันทิ้งด้วย!

 

พอตระหนักได้ถึงเรื่องนี้ ฮั่วจินพลันหันรีหันขวางเป็นการใหญ่ ใบหน้ายังเผยความหวาดกลัวขึ้นมา

 

ล้อกันเล่นหรือไร!

 

นั่นมันยอดฝีมือขอบเขตเซียนขัดเกลา!

 

คิดฆ่ามันยังง่ายดายเหมือนบี้มด!

 

ตอนนี้คำตอบของคำถามที่มันลืมนึกถึงเริ่มปรากฏในหัวเป็นฉากๆ

 

ไฉนป๋ายลี่หงถึงกล้าเดินทอดน่องออกมาโต้งๆแบบนี้?

 

ฮั่วจินลองคิดว่าหากเป็นมันตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกันกับป๋ายลี่หง มันจะต้องเร่งหลบหนีออกจากสถานที่แห่งนี้ทันที หากไม่มีใครช่วยเหลือ…ยังจะกล้ามาเดินเฉิดฉายแบบนี้?

 

รนหาที่ตายหรือ!

 

พอคิดได้แล้ว ฮั่วจินก็อ้าปากค้าง ทั่วร่างเริ่มปรากฏเหงื่อเย็นชุ่มโชก

 

จังหวะนี้มันถึงกับหลงลืมเรื่องราวการตายของหลานชายมัน เพราะกระทั่งตัวเองยังเอาตัวไม่รอด ยังจะไปห่วงหลานได้อย่างไร?

 

พอคิดถึงเรื่องที่ตอนนี้สมควรมียอดฝีมือขอบเขตเซียนขัดเกลาจับตาดูอยู่ในความมืด ใจมันอดไม่ได้ที่จะตื่นกลัว

 

ฮั่วจินสามารถฉุกคิดเรื่องนี้ได้หลังจากฟังเรื่องราวจากปากทหารยาม แล้วอาวุโสคนอื่นไหนเลยยังคิดไม่ได้?

 

ครู่ต่อมา ผู้อาวุโสทั้งหลายก็เริ่มกระทำตามฮั่วจิน เร่งหันมองไปรอบๆอย่างหวาดกลัว

 

ยอดฝีมือขอบเขตเซียนขัดเกลา!

 

ตัวตนระดับนั้นกระทั่งคนอย่างฮั่วจินยังฆ่าได้ง่ายๆ แล้วนับประสาอะไรกับพวกมันที่เทียบฮั่วจินไม่ได้!

 

“พวกเจ้าว่า…ยอดฝีมือเซียนขัดเกลาผู้นั้น จะใช่ประมุขสื่ออวิ๋นหรือไม่?”

 

สุดท้ายอาวุโสที่หวาดกลัวอยู่คนหนึ่ง ก็อดไม่ได้ที่จะกล่าวถามสหายออกมา

 

“เป็นไปมิได้ ไม่นานมานี้มิใช่สื่ออวิ๋นพึ่งถูกแขกกิตติมศักดิ์ของตระกูลราชวงศ์เราซัดจนบาดเจ็บหรอกหรือ ข้ามั่นใจว่านางยังมิหายดี…ทั้งนางยังจะกล้าหวนกลับมาวังหลวงอีกหรือไร? เพราะอาจารย์อวิ๋นได้กล่าวไว้แล้วว่าหากนางก้าวมาเหยียบวังหลวงอีกครั้ง อาจารย์ก็มิรังเกียจที่จะฆ่านาง!”

 

“นั่นสิ เว้นแต่นางจะไม่กลัวตาย หาไม่แล้วไหนเลยยังจะกล้ากลับมา”

 

“เช่นนั้นหากมิใช่สื่ออวิ๋น ประมุขนิกายอัคคีล่องลอยแล้วจะเป็นผู้ใดที่สามารถขจัดผลของโอสถผนึกแรกกำเนิดได้อีก ในประเทศฝูเฟิงเรามีเซียนขัดเกลาน้อยคนนัก อีกทั้งคนที่พอมีสัมพันธ์กับป๋ายลี่หงก็มีแต่นาง”

 

“ข้าก็คิดไม่ออก”

 

……

 

เหล่าอาวุโสของตระกูลราชวงศ์กระซิบกระซาบกัน แม้เสียงของพวกมันจะไม่ได้ดังอะไร แต่ป๋ายลี่หงเองก็ได้ยิน และยังตกตะลึงไปเช่นกัน

 

ครู่ต่อมาป๋ายลี่หงเองก็อดไม่ได้ที่จะสะท้านในใจ

 

มาตอนนี้มันพึ่งนึกได้ ว่าผลของโอสถผนึกแรกกำเนิดได้หายไปแล้ว

 

โอสถผนึกแรกกำเนิดมันเองก็เคยได้ยินมาก่อนแล้ว ทั้งยังประสบเข้ากับตัวจึงรู้ดีว่าผลของโอสถยากจะขจัดออก

 

ยิ่งไปกว่านั้นแม้ขุมพลังชั้น 6 อย่างตระกูลราชวงศ์ประเทศฝูเฟิงอาจจะมีโอสถผนึกแรกกำเนิดระดับสูง แต่โอสถผนึกแรกกำเนิดที่มันถูกบังคับให้กลืนก็ไม่ได้มีระดับสูงอะไร เพราะแค่ระดับต่ำก็มากพอจะผนึกปราณแรกกำเนิดในร่างของมันได้แล้ว

 

ทว่าแค่โอสถผนึกแรกกำเนิดระดับต่ำ ก็จำต้องใช้ขอบเขตเซียนขัดเกลาในการขับฤทธิ์ยา!

 

‘หรือศิษย์น้องจะมีผู้ช่วย?’

 

ป๋ายลี่หงได้แต่คาดเดาไปแบบนี้

 

แม้การที่ต้วนหลิงเทียนสามารถฆ่าเซียนดั้งเดิมขั้นกลางได้จะน่าตกใจ แต่มันก็ไม่ได้แปลกใจ เพราะรู้ดีว่าพรสวรรค์ของศิษย์น้องผู้นี้ร้ายกาจปานใด

 

บางทีแค่เวลาผ่านไปปีเดียว คงเป็นเรื่องยากสำหรับผู้อื่นที่จะบังเกิดความก้าวหน้า แต่ศิษย์น้องของมันไม่อาจใช้สามัญสำนึกหยั่งวัด!

 

อย่างไรก็ตามเรื่องที่ต้วนหลิงเทียนทะลวงถึงขอบเขตเซียนขัดเกลาได้นั้น มันไม่กล้าคิดฝัน!

 

ด้วยเหตุนี้ มันจึงคิดว่าต้วนหลิงเทียนสมควรมีผู้ช่วย!

 

มันเองก็รู้สึกแปลกใจแต่แรก ว่าไฉนศิษย์น้องถึงให้มันก้าวเดินออกมาโต้งๆไม่ต้องสนใจผู้ใดแบบนี้ พอคนของราชวงศ์ฝูเฟิงกล่าวออกมาจึงเป็นการ ‘เฉลย’ ข้อสงสัยให้มันทันที

 

‘ไม่ทราบว่าผู้ช่วยเหลือที่ศิษย์น้องพามาจะเทียบกับอาจารย์อวิ๋นผู้นั้นได้หรือไม่?’

 

ป๋ายลี่หงลอบกล่าว

 

อาจารย์อวิ๋นที่ว่า ถูกตระกูลราชวงศ์ยอมรับเป็นแขกกิตติมศักดิ์ เพียงเวลาไม่นานอีกฝ่ายก็ทำราวกับวังหลวงเป็นบ้านของตัว

 

แน่นอนว่าการมาถึงของอีกฝ่าย เป็นอะไรที่ป๋ายลี่หงรู้ชัด อีกฝ่ายเสมือนมาเฝ้ากระต่ายอยู่หน้าโพรง รอจับตัวศิษย์น้องของมัน และชิงตราผนึกมารไปครอบครอง!

 

ฟึ่บ!

 

ทันใดนั้นเสียงกระบี่แหวกฝ่าอากาศพลันดังขึ้นก่อนที่จะดับลงอย่างรวดเร็ว ทุกผู้คนรวมถึงป๋ายลี่หงอดไม่ได้ที่จะตื่นตระหนก

 

และพอทุกคนมองไป ไม่ทราบตั้งแต่เมื่อไหร่แต่มีอาวุโสคนหนึ่งของตระกูลราชวงศ์กำลังวิ่งหนี อนิจจาก่อนที่มันจะทันได้ไปไหนไกลร่างของมันพลันชะงักค้าง…หว่างคิ้วปรากฏหลุมโลหิตอันน่าสยดสยองหลุมหนึ่ง

 

ซูด! ฟืด!

 

……

 

ครู่ต่อมาเสียงสูดลมหายใจเข้าพลันดังขึ้นอย่างพร้อมเพรียง

 

“เร็วนัก!”

 

ในบรรดาคนทั้งหมด มีเพียงฮั่วจินเท่านั้น ที่พอมองเห็นได้รางๆว่าเมื่อครู่ มีรังสีกระบี่สายหนึ่งปรากฏขึ้นในเสี้ยวพริบตาก่อนที่จะดับหายไป รังสีกระบี่ดังกล่าวยังรวดเร็วถึงขั้นทำให้มันหนาวจับไขสันหลัง ความเร็วนั่นเหนือกว่าขอบเขตเซียนดั้งเดิม!

 

เซียนขัดเกลา!

 

ตอนนี้ฮั่วจินสามารถยืนยันข้อสันนิษฐานก่อนหน้าได้แน่ชัดแล้ว

 

ขณะเดียวกันอาวุโสคนอื่นๆของตระกูลราชวงศ์ก็ได้แต่หันมองสบตากัน ไม่มีใครกล้าขยับเขยื้อนเคลื่อนไหว นิ่งเสียจนทำราวกับมีรากงอกเงยออกจากเท้า!

 

บทเรียนเมื่อครู่มีให้เห็นเป็นตัวอย่างแล้ว ไม่มีใครอยากประสบชะตาตกตายเช่นนั้น!

 

“ใต้เท้าผู้ยิ่งใหญ่ มิทราบว่าป๋ายลี่หงเกี่ยวข้องกับใต้เท้าผู้ยิ่งใหญ่เช่นท่านได้อย่างไร?”

 

สูดลมหายใจเข้าลึกๆคราหนึ่ง ฮั่วจินพลันประสานมือหันไปกล่าวกับความว่างเปล่าโดยรอบ น้ำเสียงยังสุภาพนัก แม้มันจะเป็นฝ่ายถามแต่แลดูประจบประแจงนัก

 

“เจ้าน่ะเหรอ ที่พาป๋ายลี่หงมาวังหลวง?”

 

แทบจะพร้อมกันกับที่เสียงฮั่วจินดังจบคำ เสียงแหบแห้งหนึ่งพลันดังขึ้น เสียงนี้ยังกึกก้องคล้ายจะถูกส่งออกมาทุกทิศทาง ดังเข้าหูทุกผู้คนชัดเจน ยังพาลให้สีหน้าฮั่วจินเปลี่ยนไปทันใด

 

อาวุโสคนอื่นๆของตระกูลราชวงศ์ได้แต่หันไปมองฮั่วจินด้วยสายตาสงสาร

 

ฟังจากเสียงของยอดฝีมือนั่น ท่าทางอีกฝ่ายจะไม่พอใจฮั่วจิน!

 

“ใต้เท้าผู้ยิ่งใหญ่ ข้าน้อยฮั่วจินเพียงกระทำตามคำสั่งที่ได้รับมาจากฝ่าบาทเท่านั้น”

 

ฮั่วจินเองก็ย่อมได้ยินความไม่พอใจในน้ำเสียงของยอดฝีมือที่ซ่อนตัวอยู่ในความมืดชัดเจนเช่นกัน และตอนนี้สิ่งที่มันทำได้ก็คือรอคอยให้ยอดฝีมือขอบเขตเซียนขัดเกลาของราชวงศ์รู้ตัวและมาช่วยเหลือ!

 

แน่นอนว่ายังมีอาจารย์อวิ๋น ที่มีพลังฝีมือแกร่งกล้าน่าเลื่อมไส!

 

“แล้วยังไง?”

 

เสียงพลันดังก้องมาจากทุกทิศทางอีกครั้ง น้ำเสียงยังเปี่ยมล้นไปด้วยความไร้แยแส ราวกับไม่นับฮั่วจินเป็นตัวอะไร พาลให้สีหน้าฮั่วจินแปรเปลี่ยนไปมหันต์ ปราณแรกกำเนิดพลันโคจรไหลเชี่ยว แผ่พุ่งออกมาคุ้มกันทั่วร่างสุดชีวิต!