ตอนที่ 1,710 : ฮ่องเต้ฝูเฟิง!
“ใต้เท้า…”
ถึงแม้ฮั่วจินจะเร่งเร้าปราณแรกกำเนิดออกมาสุดตัวหมายคุ้มกันชีวิตตัวเอง แต่มันก็ไม่ได้รู้สึกปลอดภัยขึ้นแม้แต่น้อย… ยามกล่าวกับอากาศว่างเปล่า มือเท้ายังสั่นระริกไม่รู้ตัว ใจกลัวนัก!
เมื่อด่านพลังฝึกปรือบรรลุถึงขีดขั้นหนึ่ง คิดก้าวหน้าสักครายังยากเย็นแสนเข็ญ ด้วยเหตุนี้ความต่างของพลังฝีมือแต่ละขอบเขตจึงเหลื่อมล้ำกันมาก
แม้จะเป็นแค่ขีดขั้นเล็กๆในขอบเขตพลังเดียวกันแต่ความต่างก็มากมายแล้ว
เซียนดั้งเดิมขั้นสูงสุด กับเซียนขัดเกลาขั้นต้น แม้จะขวางกั้นด้วยก้าวเล็กๆก้าวหนึ่ง แต่ช่องว่างของพลังต่างกันปานนรกสวรรค์!
เช่นนั้นเมื่อเผชิญหน้ากับยอดฝีมือขอบเขตเซียนขัดเกลาที่ซุ่มซ่อนในเงามืด ฮั่วจินไม่อาจไม่กังวล เพราะเห็นชัดว่าอีกฝ่ายไม่คล้ายพึงพอใจมันสักเท่าไหร่!
“เหอะ!”
เสียงแค่นสบถเย็นเยือกหนึ่ง ดังขึ้นขัดคำของฮั่วจิน
หลังจากนั้นเสียงแหบแห้งพลันก้องดังมาจากทั่วสารทิศอีกรอบ “มิคิดว่าพวกเจ้าจักโง่เขลาสมองกลับได้ถึงเพียงนี้! ป๋ายลี่หงเป็นศิษย์พี่ของต้วนหลิงเทียน หากมันถูกพวกเจ้าทรมานจนตายตก ต้วนหลิงเทียนมิพ้นต้องระวังตัวมากกว่าเดิม กระทั่งอาจจะเลือกหลบซ่อนตัวปิดด่านฝึกปรือนับสิบปี เลวร้ายเข้าหน่อยก็อาจมิหวนกลับมาเมืองหลวงฝูเฟิงอีกเลย…”
“แต่ข้าต้องการตราผนึกมาร! การกระทำอุบาทว์ของพวกเจ้าตระกูลราชวงศ์ครั้งนี้นับว่าทำให้ข้าขัดใจนัก!!”
เสียงแหบแห้งดังขึ้นคราวนี้ ทุกผู้คนพลันกระจ่างแจ้งทันที
ที่แท้ยอดฝีมือที่ซ่อนตัวอยู่ในความมืดผู้นี้ไม่ใช่สหายของป๋ายลี่หง หากแต่เป็นยอดฝีมือที่ต้องการครอบครองตราผนึกมาร เหตุผลที่อีกฝ่ายช่วยเหลือป๋ายลี่หง เพราะความสัมพันธ์ระหว่างป๋ายลี่หงกับต้วนหลิงเทียนที่หายตัวไปพร้อมตราผนึกมาร!
“ใต้เท้าพลังฝีมือท่านยอดเยี่ยมร้ายกาจ วันหน้าท่านต้องได้ครอบครองตราผนึกมารเป็นแน่!”
ฮั่วจินเร่งกล่าววาจาประจบสอพลอออกมา ด้วยหวังว่ายอดฝีมือในความมืดผู้นี้จะคิดเปลี่ยนใจ
น่าเสียดายที่มันถูกลิขิตให้ผิดหวังตั้งแต่ในมุ้ง..
หากยอดฝีมือที่ซ่อนตัวในความมืดนี้เป็นดั่งที่ว่าจริงๆมันคงรอดตัว
ทว่าผู้ที่ซ่อนตัวอยู่ตอนนี้ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากต้วนหลิงเทียน!
ต้วนหลิงเทียนไม่เพียงเป็นศิษย์น้องของป๋ายลี่หง เขายังเห็นคุณชายใหญ่ของตระกูลซือถูและผู้นำตระกูลเป็นดั่งสหายคนหนึ่ง พอพบว่าวันที่ป๋ายลี่หงถูกจับตัวไป ทั้งคู่ถูกซัดแทบปางตาย ในใจเขาก็พิพากษาโทษตายให้ฮั่วจินแต่แรกแล้ว
เช่นนั้นให้ฮั่วจินกล่าววาจาชักแม่น้ำทั้ง 5 มาประจบก็ไร้ประโยชน์
แน่นอนว่าทั้งหมดนี้ ฮั่วจิน ไม่ได้รู้เลย
หากมันรู้แต่แรกมันคงไม่มากล่าววาจาดั่งผายลมเช่นนี้ คงจะรีบรุดหลบหนีไปให้ไกลแสนไกลถึงแม้มันไม่คิดว่าจะมีสามารถหลบหนีพ้นเงื้อมมือต้วนหลิงเทียนที่ซ่อนตัวในความมืดได้ก็ตามที
หากแต่เนื่องจากนั่นอาจจะเป็นฟางเส้นสุดท้ายที่ช่วยชีวิตมันได้ มันก็จำต้องไขว่คว้าฟางเส้นสุดท้ายนั่นเอาไว้
“เจ้า ฮั่วจิน เป็นเพียงจุดเริ่มต้น!”
เสียงแหบห้าวที่ต้วนหลิงเทียนปลอมแปลงดังขึ้นอีกครั้ง พาลให้ทุกคนที่อยู่ในทางเดินอดไม่ได้ที่จะหน้าเสีย โดยเฉพาะฮั่วจิน ถึงกับหน้ามืดคล้ำเป็นน้ำหมึก มันพยายามเร่งเร้าปราณแรกกำเนิดทั่วร่าง หมายเปิดกางเขตแดนเพื่อรักษาชีวิตอีกทาง
อนิจจาเขตแดนของมันยังมิทันได้ควบรวมก่อเกิด รังสีพลังกระบี่สีทองที่รวดเร็วกว่ารังสีกระบี่พลังสีทองก่อนหน้าพลันปรากฏขึ้นจากอากาศว่างเปล่า!
ซัวะ!!
ไม่ทันที่ฮั่วจินจะได้ตอบสนองอะไร หว่างคิ้วมันก็ถูกทะลวง! ดวงจิตแตกสลาย วิญญาณกระจัดกระจายหายไปในสวรรค์และโลก!!
ต่อหน้าต่อตาทุกผู้คน ร่างฮั่วจิน ที่ยังคงมีใบหน้าหวาดผวาพรั่นกลัว ทรุดล้มลงดั่งหุ่นกระบอกด้ายขาด
ฮั่วจิน ยอดฝีมืออันดับ 1 ในขอบเขตเซียนดั้งเดิมขั้นสูงสุด…ตกตายง่ายดายเพียงเท่านี้
ตอนนี้แม้อาวุโสทั้งหลายของตระกูลราชวงศ์จะไม่รู้สึกเสียใจอะไรกับการตายของฮั่วจิน แต่พวกมันอดไม่ได้ที่จะรู้สึกอาลัยในชีวิตและไม่อยากตาย
ฮั่วจินที่มีพลังฝีมือกล้าแข็งกว่าพวกมัน กลับตกตายง่ายดายเช่นนี้ แล้วพวกมันจะไปมีปัญญาต่อต้านอะไรยอดฝีมือที่น่ากลัวขนาดนี้ได้?
“หนีเถอะ! หากมิหนีอยู่ไปพวกเราก็ตาย!!”
ในขณะที่ทุกคนยังเสียขวัญทำอะไรไม่ถูกกับการตายของฮั่วจิน ไม่ทราบเป็นผู้ใดที่ร้องตะโกนออกมาคนแรก เสียงตะโกนยังเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและสิ้นหวังนัก
หลังจากเสียงดังกล่าวดังจบลง ใจทุกผู้คนล้วนถูกความสิ้นหวังหวาดกลัวกัดกินทันที
และครู่ต่อมาก็ไม่ทราบว่าใครเป็นผู้นำในการวิ่งหนีออกไปคนแรก แต่กลุ่มอาวุโสของตระกูลราชวงศ์เริ่มแยกย้ายปานผึ้งแตกรัง แน่นอนว่าไม่ใช่ทุกคนที่จะหนีไป
อาวุโสบางส่วนนั้นยืนขาตายอยู่กับที่เพราะถูกความกลัวครอบงำเกินกว่าจะมีเรี่ยวแรงทำอะไรได้ไหว เพราะมันรู้ดีว่าไร้ประโยชน์ที่จะหนีภายใต้สายตาของยอดฝีมือที่ซ่อนตัวในความมืดคนนี้
พวกมันนับเป็นกลุ่มคนที่มีความคิดและฉลาดเฉลียว รู้ดีว่าการหนีไป ก็แค่การเร่งเวลาตายให้เร็วกว่าเดิมเท่านั้น…
อย่างไรก็ตามพอพวกมันเห็นว่าผู้คนที่แยกย้ายกันหลบหนี กลับไม่มีใครถูกฆ่าตายสักคน พวกมันก็เริ่มบังเกิดความคิดอื่นในใจ หลังจากนั้นพวกมันก็กระทำเหมือนคนอื่น เร่งรีบแยกย้ายกันหลบหนีเช่นกัน
เพียงเวลาแค่ไม่ถึงลมหายใจ เหล่าอาวุโสของตระกูลราชวงศ์ก็แยกย้ายกันหลบหนีไปหมด คงเหลือก็แต่เพียงทหารที่มีพลังฝึกปรือต้อยต่ำเท่านั้น พวกมันได้แต่หันหน้ามองตากันเอง แต่ไม่มีใครกล้าลงมือทำอะไร
จนเมื่อมีทหารยศสูงกว่าออกนำ ทั้งหมดจึงค่อยวิ่งไล่ตามกันไปจนหมด
เพียงเวลาแค่ไม่นาน ก็หลงเหลือแต่ป๋ายลี่หงที่ยืนอยู่บนทางเดินเพียงลำพัง
กล่าวให้ชัดหลงเหลืออยู่ 2 คน หากนับรวมต้วนหลิงเทียนที่ซ่อนตัวในความมืดเข้าไปด้วย
“ศิษย์พี่ ไปต่อเถอะ”
ในขณะที่ป๋ายลี่หงไม่รู้จะทำอย่างไร ต้วนหลิงเทียนพลันส่งเสียงมาบอกพอดิบพอดี
บรรดากลุ่มคนที่หลบหนีไปทั้งหมดก่อนหน้า หากต้วนหลิงเทียนคิดฆ่าก็ลำบากเพียงแค่ยกมือเท่านั้น ด้วยพลังฝีมือของเขายากที่จะมีใครรอดพ้นความตาย
ที่พวกมันสามารถหลบหนีไปได้ เป็นเพราะต้วนหลิงเทียนไม่แยแสชีวิตไร้ค่าของพวกมันเท่านั้น
สำหรับเขาแล้วคนพวกนั้นเป็นได้แค่ ‘เหยื่อ’ ที่จะล่อปลาตัวใหญ่ให้มาติดกับ!
“อ่า”
จนเมื่อได้ยินเสียงต้วนหลิงเทียนส่งมา ป๋ายลี่หงค่อยได้สติกลับคืนปานตื่นจากความฝัน
ฉากสังหารฮั่วจินยังคงตราตรึงอยู่ในใจ
สองเดือนที่แล้วฮั่วจินยกพวกบุกมาตระกูลซือถูเพื่อจับตัวมันไปอย่างที่มันไร้ซึ่งหนทางต่อต้าน อีกฝ่ายอาศัยพลังฝึกปรือที่เหนือกว่าทำราวกับเป็นจ้าวผู้ยิ่งใหญ่…
อนิจจาวันนี้ฮั่วจินกลับเป็นคนที่ถูกฆ่าในพริบตา ตกตายลงอย่างที่ไม่อาจแข็งขืนใดๆ
‘ศิษย์น้องไปหาผู้ช่วยที่ร้ายกาจขนาดนี้มาจากที่ใดกัน!?’
ใจป๋ายลี่หงสะท้านไปอย่างแรง มันไม่คิดเลยว่าศิษย์น้องของมันจะมีสัมพันธ์กับยอดฝีมือขอบเขตเซียนขัดเกลาได้
หลังจากได้เห็นพลังฝีมืออันร้ายกาจของยอดฝีมือที่น่าจะบรรลุขอบเขตเซียนขัดเกลาที่ลอบคุ้มครองในความมืด ป๋ายลี่หงพลันบังเกิดความมั่นใจขึ้นหลายส่วน ก้าวอาดๆไปตามทางมุ่งหน้าสู่ประตูใหญ่ของวังหลวงอย่างสง่าผ่าเผยไม่หวาดกลัวผู้ใดอีก
แต่มันรู้ดีว่าวาจาที่อีกฝ่ายกล่าวออกมานั้นเป็นแค่เรื่องที่ปั้นแต่งขึ้นเท่านั้น หากอีกฝ่ายคิดอยากได้ตราผนึกมารในมือศิษย์น้องของมันจริงๆ ไฉนต้องลำบากเสียเวลามาช่วยมัน ไม่เอาไปจากศิษย์น้องมันแต่แรก?
แต่จะอย่างไรก็แล้วแต่ ด้วยตระหนักว่ามียอดฝีมือร้ายกาจระดับนี้คอยคุ้มกัน คราวนี้ป๋ายลี่หงยิ่งมายิ่งเต็มไปด้วยความมั่นใจขณะเดินไปประตูใหญ่ของวังหลวง!
ยังดีที่ป๋ายลี่หงไม่ทราบว่าศิษย์น้องของมันเป็นคนฆ่าฮั่วจินเอง ไม่งั้นไม่รู้มันจะตกใจตายหรือไม่..
ป๋ายลี่หงแม้จะพอรู้ถึงความร้ายกาจของต้วนหลิงเทียนมาแล้ว แต่มันก็ไม่เคยคิดว่าพลังฝีมือในปัจจุบันของต้วนหลิงเทียนจะเทียบกับขอบเขตเซียนขัดเกลาได้ และยิ่งไม่คิดไม่ฝันว่าต้วนหลิงเทียนจะไม่กลัวแม้แต่ยอดฝีมือขอบเขตเซียนขัดเกลาที่แข็งแกร่งที่สุดในตระกูลราชวงศ์ กระทั่งผู้ที่บรรลุเซียนขัดเกลาขั้นสูงสุดอย่างอาจารย์อวิ๋นอะไรนั่น
ในขณะที่ป๋ายลี่หงก้าวอาดๆไปยังประตูใหญ่ ในที่สุดข่าวการตายของฮั่วจินก็ล่วงรู้ไปถึงหูของฮ่องเต้ฝูเฟิง!
ฮ่องเต้ฝูเฟิงเป็นชายวัยกลางคนในชุดคลุมลายปักมังกร แลดูสง่างามน่าเกรงขาม มากบารมี
“ฮั่วจินตายแล้ว?”
ทันทีที่ได้ยินข่าวการตกตายของฮั่วจิน สีหน้าของฮ่องเต้ฝูเฟิง จูหยวน ถึงกับมืดดำลงทันใด จิตสังหารยังแผ่พุ่งออกมาจากลูกตา กล่าวถามออกมาเสียงเข้ม “เป็นฝีมือของผู้ใด!?”
ฮั่วจินไม่เพียงแต่จะเป็นอาวุโสทรงคุณวุฒิของตระกูลราชวงศ์ ยังเป็นดั่งมือขวาของจูหยวน!
มีหลายสิ่งหลายอย่างที่มันต้องให้ฮั่วจินเป็นธุระจัดการ
การฆ่าฮั่วจิน ก็แทบไม่ต่างอะไรจากตัดแขนซ้ายแขนขวาของมัน จะไม่ให้มันมีโทสะได้อย่างไรไหว!
ในขณะที่ความโกรธปะทุขึ้นในใจของจูหยวน ชุดคลุมมังกรของมันก็เริ่มโบกสะบัด ลายปักมังกรยังคล้ายกลายเป็นมีชีวิต ราวกับมันกำลังแยกเขี้ยวควั่นกรงเล็บด้วยความเกรี้ยวกราด!
ทันทีที่จูหยวนปะทุพลังอันน่าเกรงขามออกมา อาวุโสที่เร่งรุดมาแจ้งข่าวถึงกับต้องผงะถอยไปหลายก้าว ด้วยไม่อาจทานทนรับแรงกดดันในสนามพลังรอบกายจูหยวนได้ไหว
อย่างไรก็ตามอาวุโสที่ว่าก็เป็นถึงเซียนดั้งเดิมขั้นต้นแล้ว การที่มันต้องล่าถอยออกไปเพราะแรงกดดันพลังของจูหยวน ก็เผยให้รู้ว่าพลังฝึกปรือของจูหยวนกล้าแข็งเพียงใด!
ประเทศฝูเฟิงเป็นขุมพลังชั้น 6 ในดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า…และยังเป็นประเทศของเซียนอีกด้วย
ประเทศเช่นนี้แตกต่างจากอาณาจักรและเมืองในทวีปมนุษย์มากมายนัก คนที่จะเป็นฮ่องเต้หรือผู้นำได้ต้องเป็นคนที่โดดเด่นที่สุดจริงๆ
ในฐานะที่เป็นฮ่องเต้ของประเทศฝูเฟิง จูหยวนคือสุดยอดอัจฉริยะในรุ่น และยังเป็นถึงตัวตนขอบเขตเซียนขัดเกลาที่มีน้อยคนในประเทศฝูเฟิง ยังเป็นผู้ที่อายุน้อยที่สุดที่บรรลุเซียนขัดเกลาในประเทศฝูเฟิง!
“เป็นยอดฝีมือลึกลับผู้หนึ่งฝ่าบาท ยามมันสังหารใต้เท้าฮั่วจิน มันไม่แม้แต่จะเปิดเผยตัวออกมา!”
อาวุโสที่ล่าถอยไปเร่งตอบจูหยวนออกมาอย่างไม่กล้าชักช้า
“ไม่แม้แต่จะเปิดเผยตัว แต่กลับฆ่าฮั่วจินได้?”
พอได้ยินเรื่องนี้สีหน้าที่เคร่งขรึมอยู่แล้วของจูหยวน พลั่นคร่ำเคร่งขึ้นอีกส่วน
“ใช่ขอรับ คนผู้นั้นสมควรเป็นยอดฝีมือขอบเขตเซียนขัดเกลาเป็นอย่างน้อย หรือต้องมิใช่ยอดฝีมือขอบเขตเซียนขัดเกลาทั่วๆไปเป็นแน่ เพราะมันไม้แม้แต่จะเปิดเผยตัวออกมาขณะฆ่าใต้เท้าฮั่วจิน…ทั้งยังสังหารได้ในกระบวนท่าเดียว!”
ฉากการตายของฮั่วจินอดทำให้อาวุโสที่กล่าวรายงานหวาดผวาเสียไม่ได้
“ว่าอะไร!?”
พอได้ยินวาจารายงานรอบนี้ สีหน้าจูหยวนเปลี่ยนไปมหันต์
หากให้ฆ่าฮั่วจินโดยที่ไม่ต้องเปิดเผยตัวเอง จูหยวนลองถามตัวเองแล้วพบว่ามันสามารถทำได้ แต่หากไม่เปิดเผยตัวตนและฆ่าฮั่วจินได้ในการลงมือครั้งเดียว…เรื่องนี้จูหยวนไม่กล้าพูดว่ามันมีพลังฝีมือถึงขั้นนั้น!
‘พลังฝีมือที่กล้าแข็งนัก…สมควรบรรลุเซียนขัดเกลาขั้นกลางเป็นอย่างต่ำ!’
คิดถึงจุดนี้จูหยวนก็สะท้านไปทันใด
ต้องทราบด้วยว่าแม้พวกมันจะเป็นตระกูลราชวงศ์ของประเทศฝูเฟิง แต่ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดก็เพียงมีพลังฝึกปรือแค่เซียนขัดเกลาขั้นกลางเท่านั้น!
“แล้วยอดฝีมือลึกลับที่ว่ามันลงมืออย่างไร? เป็นไปได้หรือไม่ที่จะเป็นประมุขสื่ออวิ๋น?”
จูหยวนกล่าวถามเสียงเข้ม
สื่ออวิ๋นประมุขนิกายอัคคีล่องลอย เป็นเพียงคนเดียวในประเทศฝูเฟิงที่มีพลังฝีมือต้านทานยอดฝีมืออันดับ 1 ของตระกูลราชวงศ์
“มิสมควรเป็นประมุขสื่ออวิ๋น..เพราะยามยอดฝีมือลึกลับผู้นั้นลงมือ คล้ายจะใช้รังสีกระบี่..”
“มือกระบี่งั้นเหรอ?”
“สมควรเป็นเช่นนั้นฝ่าบาท”
“แล้วมันกล่าวว่าอันใดบ้าง”
……
ไม่นานจูหยวนก็ได้รับรู้คำที่ต้วนหลิงเทียนกล่าวออก และคิดว่าต้วนหลิงเทียนสมควรเป็นยอดฝีมือเร้นกายที่หมายปองตราผนึกมาร…