ยู่ยี่จ้องมองถุงเหล่านั้นด้วยความสงสัย ไม่รู้ว่าด้านในมีอะไรอยู่
อยู่ตรงหน้าเธอแล้ว ฉันทัชเอาของที่อยู่ในถุงมา มีอาหาร ไวน์ และเค้ก
“คุณรู้ได้ยังไงคะว่าวันนี้วันเกิดฉัน?”ยู่ยี่รู้สึกประหลาดใจมาก
ฉันทัชกลับยิ้มออกมา : “คุณบอกโก๋ไงครับ….”
หลังจากนั้นโก๋ก็บอกเขา โก๋นี่…..
“อยากทานอะไรครับ? สเต๊ก เป็นไงครับ?”ระหว่างพูดไปนั้น มือใหญ่ที่มีข้อนิ้วชัดเจนของฉันทัชก็ขยับเล็กน้อย พันแขนเสื้อเชิ้ตขึ้น
เห็นแบบนี้แล้ว เขาตั้งใจจะทำเองสินะ ยู่ยี่รู้สึกตกตะลึง : “คุณทำเองเหรอคะ?”
“ใช่ครับ…..”ริมฝีปากบางของฉันทัชยกขึ้นเล็กน้อย น้ำเสียงอ่อนโยน ครึ่งแขนที่โผล่ออกมาจากเสื้อเชิ้ตนั้นมีลายเส้นที่ลึกซึ้ง สวยงามมาก : “ตกใจมากเลยสิครับ สิ่งที่ผมทำได้ยังมีอีกเยอะเลยนะ….”
“มีอะไรบ้างคะ?”ยู่ยี่กะพริบตาลงเบาๆ ก้นบึ้งหัวใจของเธอนั้นรู้สึกสงสัยอยู่จริงๆ
“ผสมไวน์ เคยเป็นนายแบบ เคยเป็นพิธีกรรายการข่าว เคยเรียนการทำอาหาร……”น้ำเสียงของเขาทุ้มต่ำผิดปกติ และยืนอยู่ในห้องครัวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ยู่ยี่รู้สึกอึ้งไปอีกครั้ง เธอไม่เคยคิดเลยว่าประสบการณ์ของเขานั้นจะมากมายแบบนี้ มิน่าล่ะเสียงของเขาถึงได้น่าฟังและน่าหลงใหลขนาดนั้น แท้ที่จริงแล้วก็เคยเป็นพิธีกรรายการข่าวนี่เอง
“ทำไมคุณถึงมีประสบการณ์มากมายขนาดนั้นล่ะคะ?”เธอเอ่ยถามขึ้น
ได้ยินแล้ว ฉันทัชก็รู้สึกอึ้งไปเล็กน้อยอย่างที่ไม่ค่อยได้เห็นนัก แต่เป็นเพียงแค่ช่วงเวลาพักหนึ่ง จากนั้นก็กลับสู่สภาพปกติ : “มีเหตุผลให้ต้องทำแบบนั้นครับ…..”
ยู่ยี่ไม่ได้เอ่ยถามอีก และเอ่ยถามขึ้นด้วยความสนใจขึ้นมาทันที : “มีอะไรที่ฉันสามารถช่วยได้ไหมคะ? เป็นลูกมือก็ได้ อย่างน้อยฉันก็ไม่ต้องรีบไปหาวิธีทำจากคอมพิวเตอร์”
เขายิ้ม ริมฝีปากฉันทัชยิ้มออกมาด้วยความอ่อนโยน : “สิ่งที่คุณสามารถทำได้ก็คือรอครับ อดทนหน่อย……”
ดังนั้นครั้งนี้เปลี่ยนบทบาทกัน เธอพิงประตูห้องครัวอยู่ ส่วนเขาก็กำลังวุ่นอยู่ในครัวด้วยท่าทางที่สง่างาม
เขาอายุสามสิบสี่แล้ว สามารถมองเห็นความใจเย็นสุขุม สง่างาม เงียบขรึม มีเพียงกลิ่นอายที่รุนแรงของผู้ชายที่มีความเป็นผู้ใหญ่นี้ ยืนอยู่ตรงนั้น เป็นแนวทัศนียภาพหนึ่งได้เลย
เธอมองดูอย่างตกตะลึง และยิ่งใจลอยมากขึ้นด้วย ไม่อยากจะเชื่อว่าเธอจะคบกับผู้ชายแบบนี้!
ผู้ชายคนนี้ ในใจของนาโนเรียกเขาว่าเทพบุตร สำหรับผู้ชาย นาโนจะเป็นคนเรื่องมากมาโดยตลอด ผู้ชายที่สามารถทำให้เธอเรียกว่าเทพบุตรได้นั้นแทบจะไม่มีเลย
แต่เธอกลับมาคบกับผู้ชายที่ถูกนาโนเรียกว่าเทพบุตร เธอรู้สึกเหมือนกับกำลังฝันอยู่เลยอย่างไรอย่างนั้น
การเคลื่อนไหวของเขารวดเร็วมาก หลังจากนั้นพักหนึ่ง สเต๊กก็ทำเสร็จเรียบร้อยแล้ว เธอปูผ้าปูโต๊ะ และยังมีไวน์หนึ่งขวด เค้กรสผลไม้ เป็นรสกีวี
เขาและเธอนั่งตรงข้ามกัน ตรงหน้าทั้งสองคนมีสเต๊กวางอยู่ และยังมีไวน์ที่ส่งกลิ่นหอมออกมาอีกด้วย
สเต๊กที่เขาทำนั้นอร่อยมาก ไม่สุกเกินไป และไม่คาวเกินไปด้วยเช่นกัน กำลังเข้ากันได้ดีกับไวน์ที่มีรสชาติกลมกล่อม รสชาติดีมาก
หลังจากที่ทานสเต๊กแล้วนั้น ฉันทัชก็เสนอให้เต้นรำ เธอส่ายหน้า เธอเต้นไม่เป็น
แต่เขากลับเปิดเพลงขึ้นมา ดนตรีช้าๆแต่กลับดูหรูหรา ให้ความรู้สึกที่แตกต่างออกไป เธอยังยืนอยู่ตรงนั้น มือข้างหนึ่งของฉันทัช คว้ามืออีกข้างหนึ่งของเธอมา แล้วยกขึ้น มือขวาที่เรียวยาวของชายหนุ่มวางอยู่ตรงช่วงเอวของเธอ แล้วดึงเอวเธอเอาไว้
ตรงนั้นดูเหมือนกับมีไฟกำลังลุกไหม้ ยู่ยี่รู้สึกร้อนมาก
เธอไม่เคยเต้นรำมาก่อน นับดูอย่างละเอียดแล้วนี่เป็นครั้งแรก อีกทั้งอีกฝ่ายยังเป็นเขาอีกด้วย ไม่มีทางที่จะไม่รู้สึกตื่นเต้นได้เลย
น้ำเสียงของเขาเบาบาง ลมหายใจร้อนผ่าวรดลงบนศีรษะของเธอ : “ไปตามจังหวะของผม ง่ายมากครับ ผู้หญิงก็ควรจะเต้นได้อย่างสง่างาม……”
หัวใจของยู่ยี่เต้นเร็วมาก : “เต้นให้สง่างามตอนนี้คงยังทำไม่ได้ ฉันจะพยายามไม่สะดุดล้มให้น่าอายก็แล้วกันนะคะ…..”
“ไม่มั่นใจในตัวเองขนาดนี้เลยหรือครับ?”เขาหัวเราะเบาๆ
“นี่ไม่ใช่ความไม่มั่นใจค่ะ แต่รู้ข้อบกพร่องของตัวเองมากกว่าค่ะ”เท้าของเขาเริ่มก้าวไปแล้ว ยู่ยี่ก็มือไม้อ่อนจนทำอะไรไม่ถูก
มือที่วางอยู่บนเอวร้อนระอุราวกับเตารีด ลมหายใจที่แรงเกินไป ขาของเธอนั้นพันกันมั่วไปหมด เหยียบเท้าของเขาอยู่ตลอด
ชายหนุ่มใส่รองเท้าหนังสีดำ มีความแวววาว มีรูปแบบที่แปลกไปนั้น กลับถูกเธอเหยียบเสียจนสกปรก เธอรู้สึกผิด : “ถ้าไม่อย่างนั้น ฉันไม่เรียนแล้วดีกว่าค่ะ”
“คุณจะรู้สึกผิดอะไรกันครับ?”แววตาของฉันทัชลึกซึ้ง ริมฝีปากบางยกขึ้นเล็กน้อย
“ฉันเหยียบรองเท้าคุณสกปรก”
“คุณค่อยใช้คืนให้ผมคู่นึงก็ได้แล้วนี่ครับ….”เขาตอบรับ ด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนอย่างเป็นไปตามเหตุตามผล
“……”
เต้นไปเต้นมานั้นก็ค่อยๆดีขึ้น เธอไม่ได้เหยียบเท้าเขาอีกแล้ว แล้วก็สามารถเต้นได้อย่างอิสระอีกด้วย ในใจนั้นอดที่จะรู้สึกพอใจขึ้นมาไม่ได้ มุมปากยกขึ้น
ท้องฟ้าด้านนอกหน้าต่างมืดลง ดวงจันทร์กลมเหมือนจาน ภายในห้องเสียงเพลงเบาๆ กลิ่นหอมของไวน์คละคลุ้ง ดวงตาของฉันทัชลดลงมาอยู่แนวเดียวกับริมฝีปากอมชมพูของเธอ ดวงตาเป็นประกายสว่างสดใส
ยู่ยี่เงยหน้าขึ้นมา แววตาทั้งสองคนมองสบตากัน ฉันทัชก้มตัวลงมาแล้วครอบครองริมฝีปากของเธอ พลิกไปพลิกมากันอย่างตามอำเภอใจ
ร่างกายของเธออ่อนยวบ ร้อนผ่าว ยืนไม่อยู่ แรงทั้งร่างกายของเธอนั้นยึดติดอยู่กับร่างของเขา จูบของฉันทัชร้อนแรงมาตลอด อีกทั้งสามารถทำให้จมดิ่งลงไปด้วยความหลงใหลได้อีกด้วย
ระหว่างอารมณ์ที่พลุ่งพล่าน แก้มของยู่ยี่แดงก่ำ เธอผลักเขาออก : “ฉันอยากพักผ่อนแล้วค่ะ…..”
ฉันทัชหลับตาลง แล้วลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง เสียงที่แหบพร่าเหมือนกับทรายหยาบ เพียงแต่ได้ยินแล้วทำให้คนรู้สึกหน้าแดงและใจเต้น เป็นสุภาพบุรุษที่สง่างาม : “โอเคครับ อย่าลืมทานเค้กนะ แล้วก็ สุขสันต์วันเกิดนะครับ….”
สิ้นเสียงแล้ว ขาที่แข็งแรงในชุดสูทนั้นก็ขยับก้าวเดินไป เขาเดินไปนอกห้อง
แผ่นหลังที่กว้างและแข็งแรง สามารถทำให้คนรู้สึกหลงใหลกับเสน่ห์ที่ลึกซึ้งนี้ได้ มองเบื้องหลังนั้น ยู่ยี่หน้าแดง ใจเต้น กลัวว่าเขาจะหันกลับมา
เดินออกจากประตูห้องไปแล้ว และในที่สุดฉันทัชก็หันกลับมาอีกครั้ง ดวงตาดำสนิทราวกับถูกปกคลุมด้วยหมึกดำ : “อยากให้ผมอยู่ด้วยไหมครับ?”
เมื่อเขาหันกลับมา ยู่ยี่ก็รู้สึกว่าหัวใจของตัวเองนั้นกำลังสั่นระรัว ดวงตาที่เร่าร้อนของเขา เธอหลบเลี่ยงไป อยากจะเอ่ยขึ้นมา แต่ปากกลับดูเหมือนถูกปิดเอาไว้อย่างไรอย่างนั้น
“ถ้าหากไม่พูด ผมจะถือว่าคุณอนุญาตไปโดยปริยายนะ…..”เขาเอ่ยขึ้นมาอีกครั้ง
เธอก็ยังคงไม่สามารถเอ่ยพูดออกมาได้ เธอเป็นผู้ใหญ่ แววตาของเขาเธอเข้าใจ แล้วก็เข้าใจด้วยว่าอยู่ต่อนี้หมายถึงอะไร…..
แต่หลังจากที่เขาทำให้เธอใจเต้นแล้ว คืนนี้ เธอไม่อยากผลักความอบอุ่นและความรุ่มร้อนนี้ไป ถึงแม้จะถูกไฟกลืนกินไปก็ตาม
แต่ฉันทัชกลับหันกลับมา ขายาวที่น่าหลงใหลนั้นเดินไปทางด้านหน้า มือใหญ่ดึงเธอเข้ามากอดไว้ ริมฝีปากที่แยกกันก็กลับมาแนบชิดกันอีกครั้ง
เสื้อเชิ้ตและกางเกงสแล็คถูกถอดออก ร่างกายของเขา ได้สัดส่วนและแข็งแรง ลายเส้นของกล้ามเนื้อที่ชัดเจนทำให้ร่างกายของชายหนุ่มยิ่งทำให้ดูเปล่งปลั่ง กล้ามอกยื่นออกมาและแข็งแรง กล้ามเนื้อเป็นสีแทน ยิ่งเป็นที่ดึงดูด ลายเส้นทั่วร่างกายนั้นเรียบเนียน แข็งแรงและปราดเปรียว เข่าทั้งสองข้างคุกเข่าอยู่บนเตียง ไม่มีไขมันส่วนเกิน สมบูรณ์แบบเสียจนทำให้คนปากแห้งเสียจนรู้สึกกระหาย
ใบหน้าของยู่ยี่ยิ่งแดงขึ้นไปอีก ฉันทัชที่สวมใส่เสื้อผ้านั้นอ่อนโยน เป็นสุภาพบุรุษ รอบคอบ บุคลิกท่าทางสง่างาม นุ่มนวลและยิ่งไม่มีช่องโหว่ แต่เขาที่ถอดเสื้อผ้าออกแล้วนั้นแข็งแรงมีพลังเหมือนกับสิงโต ให้ความรู้สึกที่แตกต่างออกไปจากปกติ
เขาจ้องมองเธออย่างลึกซึ้ง เธอหน้าแดงเหมือนกับไฟที่กำลังลุกไหม้ ร้อนระอุ แทบจะไม่กล้ามองหน้าเขาตรงๆ
ฉันทัชเข้าไปใกล้เธอ ลมหายใจของผู้ชายที่ดูคลุมเครือปะทะเข้าหน้าเธอ…ทำให้เธอต้องถอยหลังไป แล้วมองเขาด้วยความรู้สึกกลัว แล้วเอ่ยพูดตามความจริง : “ฉันกลัว….”
“กลัวอะไรครับ…..”
เธอยังอยู่ในความหวาดกลัว ฉันทัชกอดเธอเอาไว้ การเคลื่อนไหวอ่อนโยนเหมือนกับสายลม
เป็นเวลานานหลังจากนั้น กิ่งไม้ที่โหมซัดสาดนั้นก็หยุดลง ภายในห้องเงียบลงแล้ว
หลังจากนั้น ทั้งสองคนโอบกอดกัน บรรยากาศภายในห้องอบอุ่นและหวานชื่น
โทรศัพท์มือถือสั่นขึ้นมา ยู่ยี่หยิบมาเป็นนาโนนั่นเอง เธอจึงกดรับสาย
“ตอนนี้ฉันมาถึงหน้าประตูบ้านเธอแล้วนะ รีบมาเปิดประตูเร็วเข้า!”
ยู่ยี่รู้สึกตกตะลึง มองไปยังชายหนุ่มที่ไม่ได้ใส่เสื้อผ้า แล้วอดที่จะหน้าแดงขึ้นมาไม่ได้ : “เพื่อนฉันค่ะ คุณเคยเจอ…..”
“ให้ผมไปเปิดประตูให้ไหมครับ?”เสียงของเขาอ่อนโยนเหมือนกับหยดน้ำ
ได้ยินแล้วนั้น ยู่ยี่ก็ไอออกมาเบาๆ รีบโบกมือขึ้น และไตร่ตรองอยู่พักหนึ่ง : “คุณจะหลบก่อนไหมคะ?”
ฉันทัชไม่ได้พูดออกมา แล้วจ้องมองเธออย่างเคร่งขรึมอยู่แบบนั้น อย่างใจจดใจจ่อมาก
คำพูดที่เหลือเหล่านั้นก็พูดไม่ออกแล้วเช่นกัน ยู่ยี่ละสายตาออกมา แล้วหยิบชุดนอนขึ้นมาใส่ ตอนที่จะเดินออกมาจากห้อง เธอชะงักขาตัวเอง ยื่นมือออกมาเอาผมทัดหู : “ถ้าอย่างนั้นคุณไม่ต้องออกมา แล้วก็อย่าส่งเสียงนะคะ….”
สีหน้าท่าทางของเขาอ่อนโยน ร่างกายที่แข็งแรงและน่าหลงใหลนั้นนั่งพิงอยู่ตรงหัวเตียง ผ้าห่มสีดำคลุมอยู่ตรงช่วงเอวของเขา ดูไม่ได้สนใจใยดีเท่าไหร่นัก
ยู่ยี่ไปเปิดประตู หน้าประตูนั้นมีเชอร์รีนและนาโนยืนอยู่ ในมือทั้งสองคนนั้นถือของอยู่เป็นจำนวนไม่น้อย
“ที่รักสุขสันต์วันเกิด!”เสียงของนาโนดังขึ้นมา : “แต่ว่านี่เธอเป็นอะไรกัน หน้าแดงขนาดนั้น แล้วที่หน้าผากก็มีเหงื่อออกด้วย?”
ยู่ยี่แสร้งทำเป็นนิ่ง : “ฉันเพิ่งเล่นโยคะเสร็จน่ะ…..”
นาโนมองเธอแวบหนึ่ง แล้วรู้สึกว่าการเล่นโยคะตอนกลางคืนนั้นเป็นเรื่องที่ลำบากแบบหนึ่ง ทั้งเหนื่อยทั้งลำบาก แล้วยังเหงื่อออกทั้งตัวอีก
กล่องเค้กที่วางอยู่บนโต๊ะนั้นยังไม่ได้เก็บไป และยังมีแก้วไวน์อีกด้วย เชอร์รีนเห็นแล้ว นาโนก็เห็นแล้วด้วยเช่นกัน : “ใครซื้อมาน่ะ? ดูมีระดับมากเลยนะ รสชาติต้องไม่เลวเลยใช่ไหม”
ยู่ยี่สีหน้าไม่เปลี่ยน : “ฉันซื้อมาเองน่ะ”
อยู่ต่อหน้าเพื่อนสนิทแล้วพูดโกหก เธอไม่เคยเปลี่ยนสีหน้าเลย เป็นเพราะว่าอยู่ต่อหน้าเพื่อนที่สนิทที่สุด เพราะฉะนั้นเธอพูดโกหกถึงได้มีท่าทางสงบแบบนี้
และก็ทำได้เพียงแค่ต้องพยายามให้ตัวเองมีท่าทางที่สงบเท่านั้น มิเช่นนั้นแล้วก็จะมีพิรุธได้
และวินาทีถัดมานั้น สายตาของนาโนก็เปลี่ยนเป็นความรู้สึกสงสารขึ้นมา แล้วกอดเธอเอาไว้ : “ขอโทษนะที่รัก ฉันมาช้าไปแล้ว”