กลยุทธ์ว่องไว

เสียงมู่เฉินที่บรรจุไอเย็นเยือกสะท้อนในหอหลงเฟิ่ง

ทำให้หอที่ครื้นเครงเงียบสงัดลง ทันใดนั้นสายตาทุกคนก็เริ่มฉายแววสนุกสนาน

สายตาบางส่วนเหลือบมองร่างท่าทีไม่แยแสที่ชั้นบน หลิ่วเหยียนมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกันดีในหมู่จอมยุทธ์รุ่นใหม่แห่งภูมิภาคทางเหนือ มิหนำซ้ำยังอยู่ในอันดับสี่ของบันทึกมังกรหงส์ที่พิสูจน์สถานะได้

แม้ว่าจอมยุทธ์ที่มารวมตัวกันในหอหลงเฟิ่งจะนับว่าเป็นชนชั้นสูงในหมู่จอมยุทธ์รุ่นใหม่แห่งภูมิภาคทางเหนือ แต่พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะเกิดความหวาดกลัวขึ้นมาเมื่อต้องเผชิญหน้ากับหลิ่วเหยียน

คนประเภทนี้เป็นคู่แข่งที่ทรงพลังที่สุดในศึกมังกรหงส์แน่นอน ไม่มีใครกล้าดูถูกเขาแม้แต่น้อย ดังนั้นเมื่อผู้คนเห็นคนกล้าเอ่ยชื่อของหลิ่วเหยียนแบบนี้ แต่ละคนก็มีท่าทางสนอกสนใจทันที

ที่ชั้นบน เมื่อหลิ่วเหยียนได้ยิน บนใบหน้าก็ยังไม่เกิดระลอกคลื่นอะไร เขาทำเพียงหัวเราะเบาๆ ด้วยท่าทีเหนือกว่า ในสถานที่แห่งนี้เขาไม่ใช่คนที่จอมยุทธ์ไร้ชื่ออย่างมู่เฉินจะมาเทียบได้

หากเขาไปทุกข์ร้อนกับเรื่องมู่เฉินมากนัก ก็จะทำให้สถานะของเขาตกต่ำลง

รอบกายหลิ่วเหยียน จอมยุทธ์ที่มีความสัมพันธ์อันดีกับเขาก็แค่นเสียงต่ำ สายตาแค้นเคืองบางส่วนก็เริ่มเบนไปยังชายหนุ่มด้านล่าง

หญิงสาวชุดแดงที่เป็นจุดสนใจก็หัวเราะออกมาเบาๆ ด้วยความสนใจเช่นกัน

เมื่อทุกสายตาในหอหลงเฟิ่งพุ่งตรงมา จอมยุทธ์หนุ่มที่คว้าไหล่มู่เฉินไม้ก็มีใบหน้ามืดครึ้มลง เขาไม่คิดว่าจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นสามจะกล้าเมินใส่กันได้

แต่เขาก็มีไหวพริบไม่ดันทุรังต่อ เขาก้าวถอยหลังประสานมือด้วยรอยยิ้มบาง “ข้าชื่อหลู่หยางแห่งภูเขามังกรหิมะ สหายผู้นี้ชื่ออะไรหรือ?”

ภูเขามังกรหิมะนับว่าเป็นขั้วอำนาจใหญ่ในภูมิภาคทางเหนือ เทียบได้กับแดนร้อยสงครามเลยทีเดียว หลู่หยางเป็นจอมยุทธ์รุ่นใหม่ที่โดดเด่นของภูเขามังกรหิมะ มิหนำซ้ำยังมีพลังไม่ได้ด้อยกว่าฉิงเปยแห่งแดนร้อยสงครามอีกด้วย

แม้จะมีช่องว่างพลังระหว่างหลู่หยางกับหลิ่วเหยียน แต่เขาก็มีอิทธิพลอยู่บ้างในหอหลงเฟิ่ง ดังนั้นคนจำนวนมากจึงเคยได้ยินชื่อเสียงของเขาเช่นกัน

มู่เฉินหันหลังให้หลู่หยาง ใบหน้าหล่อเหล่าเย็นเยือกลงหลายส่วน เขาไม่คิดว่าจะพบกับหลิ่วเหยียนที่นี่ ยิ่งกว่านั้นเขายังไม่คาดคิดด้วยว่าหลิ่วเหยียนจะใจร้อนต้องการลงมือกับเขาก่อนที่ที่นั่งจะอุ่นเสียอีก

แต่ชายคนนั้นเหมือนจะโอหังไม่น้อย เขาไม่ได้ลงมือกับมู่เฉินด้วยตัวเอง คงคิดว่ามู่เฉินไม่มีคุณสมบัติพอที่จะให้ทำเช่นนั้น ดังนั้นภายใต้คำใบ้ สหายอันธพาลของเขาจึงเป็นฝ่ายออกรับหน้าแทน

ไฉ่เซียวที่นั่งข้างมู่เฉินก็เท้าคางมองภาพเบื้องหน้าก่อนจะยิ้มบาง “ดูเหมือนความสามารถในการดึงดูดปัญหาของเจ้าจะไม่ด้อยไปกว่าข้าเลยเนอะ พวกเขาเข้ามาตบหน้าเจ้าถึงที่เลยเนี่ย”

สีหน้าของมู่เฉินไม่เปลี่ยนแปลง เขาไม่ได้หันไปมองหลู่หยางแห่งภูเขามังกรหิมะเลยสักนิด ไม่ว่าอย่างไรอาณาเขตกงเวทสวรรค์ก็เป็นขั้วอำนาจชั้นยอดของภูมิภาคทางเหนือ หากเป็นยามปกติภูเขามังกรหิมะไม่กล้าแม้แต่จะผายลมด้วยซ้ำ ตอนนี้หลู่หยางมาทำตัวกร่างต่อหน้าเขา หากเขาตอบสนองคนประเภทนี้ก็จะไม่สมสถานะของอาณาเขตกงเวทสวรรค์

หลิ่วเหยียนหยิ่งผยองจองขนจริงๆ แต่เขาไม่รู้หรอกว่าศักดิ์ศรีของชายหนุ่มหล่อเหลาและอ่อนโยนคนนี้สูงกว่าเขามากเท่าไร

เมื่อเอ่ยชื่อออกไปแต่ไม่ได้รับการตอบสนองจากมู่เฉิน หางตาของหลู่หยางก็กระตุกอย่างหยุดไม่ได้ ขณะที่ความเกลียดชังวูบไหวในดวงตา ตั้งแต่เมื่อไรกันที่จอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นสามกล้าทำตัวแบบนี้ต่อหน้าเขา? มันคิดว่าที่นี่คืออาณาเขตกงเวทสวรรค์รึไง?

“ดูเหมือนสหายคนนี้จะดูถูกภูเขามังกรหิมะของข้าที่ไม่ยิ่งใหญ่พอสินะ… ฮ่าๆ ด้วยพลังของอาณาเขตกงเวทสวรรค์ก็มีสิทธิ์ที่จะทำเช่นนั้นจริงๆ” หลู่หยางยิ้มพร้อมกับแววเยาะเย้ยฉายในดวงตาขณะเอ่ยต่อ “แต่เจ้าคิดว่าตัวเองมีสิทธิ์ทำเช่นนี้หรือ?”

ตู้ม!

เมื่อหลู่หยางพูดจบ ดวงตาก็เปลี่ยนเป็นเย็นเยือกลงหลายส่วนขณะที่คลื่นหลิงไร้ขอบเขตระเบิดจากร่างของเขาราวกับพายุ ความแข็งแกร่งของคลื่นหลิงนั้นทำให้จอมยุทธ์จำนวนมากในหอหลงเฟิ่งถึงกับเลิกคิ้ว

พลังของหลู่หยางใกล้จะแตะระดับจื้อจุนขั้นสี่แล้ว ด้วยพลังเช่นนี้ต่อให้ไม่นับว่าเป็นยอดฝีมือในจอมยุทธ์รุ่นใหม่ ก็อยู่ในระดับรองลงมา

“ตึง!”

ใบหน้าของหลู่หยางเปลี่ยนเป็นเย็นชา เขากระทืบเท้า ร่างก็พุ่งออกไป คลื่นหลิงไร้ขอบเขตราวมหาสมุทรก็รวมตัวกัน ความผันผวนพล่านในฝ่ามือ จากนั้นก็ซัดไปที่มู่เฉินอย่างเกรี้ยวกราดโดยไม่มีความปรานีแม้แต่น้อย

เขาตั้งใจใช้พลังสั่งสอนไอ้หนูจากอาณาเขตกงเวทสวรรค์ ให้มันรู้ว่าแม้แต่อาณาเขตกงเวทสวรรค์ก็ไม่สามารถปกป้องเกียรติน่าขันของมันที่นี่ได้

ในสถานที่แห่งนี้ ไม่มีใครสนใจว่าเจ้าจะมาจากไหน ตราบใดที่พลังไม่พอ ก็ทำได้เพียงไสหัวออกจากหอหลงเฟิ่ง!

“ฝ่ามือมังกรหิมะ!”

เขาตะเบ็งเสียงต่ำลึกพร้อมกับอากาศเย็นเยือกราวกับธารน้ำแข็งกวาดออกจากฝ่ามือของหลู่หยาง มังกรหิมะขนาดใหญ่บินฉวัดเฉวียนออกมา จุดที่มู่เฉินนั่งอยู่มีแต่เกล็ดหิมะ

ในหอหลงเฟิ่ง ดวงตาจำนวนมากหดลงกับภาพนี้ หลู่หยางดุดันจริงๆ เขาปลดปล่อยไพ่ตายในการโจมตีตั้งแต่เริ่ม หากใครโดนไอเย็นเยือกของภูเขามังกรหิมะที่รวมตัวกันในฝ่ามือมังกรหิมะซัดเข้า แม้แต่คลื่นหลิงในร่างกายก็จะถูกแช่แข็ง ต่อให้สามารถขับออกมาได้ เส้นสายลมปราณก็จะเสียหาย ซึ่งหมายความว่าชายหนุ่มจากอาณาเขตกงเวทสวรรค์จะไม่สามารถเข้าร่วมศึกมังกรหงส์ได้อีกต่อไป…

ขณะที่เกล็ดหิมะกวาดตัวทางด้านหลัง มู่เฉินก็ยังคงนั่งนิ่งไม่ไหวติง ทว่าไฉ่เซียวที่นั่งตรงข้ามเขากลับดวงตาหดเกร็งลงทันที

เพราะนางเห็นว่าม่านตาสีดำของมู่เฉินเปลี่ยนเป็นสีดำสนิท พริบตาสีหน้าก็เรียบเฉยลง ไม่มีความแจ่มใสเหมือนเมื่อก่อนแล้ว

นอกจากนี้หากคลื่นหลิงรอบตัวมู่เฉินก่อนหน้าแสดงสัญญาณพลุ่งพล่าน ตอนนี้คลื่นหลิงรอบกายเขากลับหดหายอย่างรวดเร็ว

นั่นไม่ได้หมายความว่าคลื่นหลิงของมู่เฉินอ่อนกำลังลง แต่หมายความว่าตอนนี้เขาเข้าควบคุมคลื่นหลิงได้อย่างสมบูรณ์ยิ่งขึ้น

มือเรียวของมู่เฉินยกถ้วยชาขึ้นจิบเพียงเล็กน้อย ขณะที่ไอเย็นเยือกน่ากลัวกวาดทางด้านหลัง แม้แต่บนเส้นผมยังมีเกล็ดหิมะเกาะอยู่

ในหอหลงเฟิ่ง จอมยุทธ์จำนวนมากมีสายตาประหลาดใจเมื่อเห็นว่าตอนนี้มู่เฉินสงบนิ่งเพียงใด เขาไม่รู้หรือว่าการโจมตีถึงชีวิตที่มาจากทางด้านหลังกำลังจะถึงตัวอยู่แล้ว?

แต่ดูจากคลื่นหลิงรอบกายมู่เฉิน ดูเหมือนเขาจะไม่มีเจตนาป้องกันตัวเองเลย

“เจ้านั่นคิดทำอะไรน่ะ? เรียกร้องความตายงั้นหรือ?” บางคนถึงกับพึมพำอย่างงุนงง

ฉากผิดปกตินี้ดึงดูดเสียงซุบซิบน่าสงสัย มากจนแม้แต่ได้ยินเสียงอุทานเบาบางมาจากคนจำนวนหนึ่งที่อยู่มุมมืดบนชั้นสูงขึ้นไป

“ในเมื่อรนหาที่ตายเอง แกก็โทษข้าไม่ได้!”

การโจมตีของหลู่หยางมาถึงราวกับสายฟ้าแลบขณะที่แสยะยิ้มน่าขนลุกที่มุมปาก ตอนนี้สายไปแล้วที่มู่เฉินจะปกป้องตัวเอง

ไม่คิดว่าจอมยุทธ์หนุ่มตัวแทนอาณาเขตกงเวทสวรรค์จะโง่เง่าเช่นนี้! ดูเหมือนครั้งนี้อาณาเขตกงเวทสวรรค์ก็จะกลายเป็นตัวตลกอีกรอบแล้ว

ตู้ม!

ทว่าจังหวะที่เส้นโค้งผุดบนมุมปากของหลู่หยาง มิติตรงหน้าเขาก็บิดเบี้ยว เสียงฟ้าร้องเขย่าประสาทฉีกผ่านปราการป้องกันไปอย่างน่าประหลาด ระเบิดขึ้นที่ส่วนลึกของหัวใจ

การปรากฏของเสียงฟ้าคำรนที่ดังขึ้นช่างผิดแผก หลู่หยางไม่ทันได้เตรียมตัวแม้แต่น้อย ทันใดนั้นเขาก็สูญเสียการควบคุมคลื่นหลิงในร่าง ไร้การควบคุมสติก็พลันว่างเปล่า

พรูด!

เลือดคำหนึ่งพ่นออกจากปากหลู่หยางโดยไม่มีสัญญาณเตือนล่วงหน้า ขณะฝ่ามือมังกรหิมะแตกสลายกลายเป็นเกล็ดหิมะกระจายในอากาศ ทวารทั้งเจ็ดยังปรากฏรอยเลือดไหลซึม

ในที่สุดมู่เฉินก็หันหน้ามาเผชิญกับเกล็ดหิมะที่พัดใส่ เขาก้าวไปก้าวหนึ่งปรากฏตัวต่อหน้าหลู่หยางราวกับภูตผี ก่อนจะตบฝ่ามือบนหน้าอกอีกฝ่ายเบาๆ

บึ้ม!

คลื่นหลิงไร้ขอบเขตระเบิดออก ร่างหลู่หยางก็ลอยละลิ่ว เลือดสดพุ่งออกมาอย่างรุนแรงเป็นทางยาวบนพื้นหอ ก่อนที่ตัวเขาจะทะลุหน้าต่างกระเด็นออกไปนอกหอด้วยเสียงดังสนั่น

ทั้งหอเงียบกริบทันที

สายตาตกตะลึงพุ่งตรงมาที่ร่างสูงโปร่ง ภาพเมื่อครู่ช่างผิดปกตินัก มู่เฉินเหมือนจะไม่ได้ทำอะไรเลยแต่การโจมตีของหลู่หยางกลับทำลายด้วยตัวเอง มิหนำซ้ำเขายังมีเลือดออกจากทวารทั้งเจ็ดอีกด้วย

“เขาทำอะไรไปน่ะ?” จอมยุทธ์จำนวนมากอึ้งตะลึงไปพร้อมกับสีหน้าค่อยๆ เปลี่ยนเป็นเคร่งเครียดลง การเอาชนะหลู่หยางได้ในกระบวนท่าเดียวเป็นสิ่งที่มีคนไม่มากนักในหอหลงเฟิ่งทำได้

จอมยุทธ์รุ่นใหม่ที่มาจากอาณาเขตกงเวทสวรรค์คนนี้ ไม่ใช่ท้าได้ง่ายๆ

บางคนแลกเปลี่ยนสายตากัน จากนั้นดวงตาที่มองไปยังร่างนั้นก็มีแววหวาดกลัวเพิ่มเข้ามา

ชั้นบนก็เงียบกริบลงเช่นกัน ขณะที่หลิ่วเหยียนสายตามืดครึ้ม หญิงสาวชุดแดงกลับมีดวงตาเป็นประกายก่อนจะมองมู่เฉินด้วยแววครุ่นคิด มิหนำซ้ำยังมีสายตาประหลาดใจหลายคู่จากชั้นบนมองลงมาอีกด้วย

“น่าสนใจ” บางคนเอ่ยความเห็นเบาๆ

ขณะที่หอหลงเฟิ่งตกอยู่ในความเงียบ ดวงตาสีดำประหลาดของมู่เฉินก็ค่อยๆ กลับสู่สภาพปกติ จากนั้นเขาก็เงยหน้าขึ้นจ้องมองไปที่หลิ่วเหยียนด้วยแววเย็นเยือก เสียงเรียบเฉยกระจายออกมา

“ตอนนี้ แกจะลงมือเองได้หรือยัง?”

รอยร้าวพล่านบนถ้วยชาในมือของหลิ่วเหยียนเงียบๆ ก่อนจะแตกกระจายเป็นผุยผงร่วงกราวลงมา เขาสะบัดมือไร้ซึ่งอารมณ์ใดๆ ค่อยๆ ลุกขึ้นยืน

เมื่อร่างเขาลุกขึ้น บรรยากาศในหอหลงเฟิ่งก็ตึงเครียดลงทันที

จอมยุทธ์น่าสะพรึงอันดับสี่ของบันทึกมังกรหงส์กำลังจะลงมือเองแล้วหรือ?