ภาค 5 ผู้ขี่มังกรสู่ฟากฟ้า บทที่ 436 ข้อความที่กระเรียนหิมะทิ้งไว้

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

“ปรมาจารย์ขั้นจิตราชั้นนอกระยะต้น? เด็กน้อยอายุแค่สิบกว่าปีคนนั้นน่ะหรือ!”

เมื่อได้ยินคำพูดของฉางเอิน จอมยุทธ์สำนักกระเรียนหิมะคนอื่นต่างสูดลมหายใจ

จอมยุทธ์สำนักกระเรียนหิมะแตกต่างกับคนอื่นในโลกลอยน้ำ ต่างเข้าใจดีว่าระดับปรมาจารย์จิตราขั้นชั้นนอกหมายถึงอะไร

สำหรับจอมยุทธ์ที่ฝึกฝนลมปราณในโลกลอยน้ำ ปรมาจารย์ขั้นที่สี่ ขั้นจิตราชั้นนอกระยะต้นเป็นเป้าหมายสุดท้ายของคนส่วนใหญ่

อีกทั้งยังมีไม่กี่คนเท่านั้นที่ไปถึง

แต่ว่าอิงหลงถูที่มีอายุแค่สิบกว่าปีในตอนนี้กลับเป็นปรมาจารย์จิตราชั้นนอกระยะสูงสุด นี่จะไม่ทำให้ทุกคนเกิดความงุนงงได้อย่างไร

ถึงแม้ว่าจะเป็นตัวฉางเอินเอง หลังจากพบข้อเท็จจริงนี้ ก็ตกตะลึงพรึงเพริด ครู่ต่อมาจึงค่อยตั้งสติได้

เทียบกับสถานะของเยี่ยนจ้าวเกอแล้ว การค้นพบนี้ทำให้ฉางเอินตื่นตระหนกยิ่งกว่า

ไม่ทันไร เขาก็ใช้พลังฝึกปรือของอิงหลงถูเชื่อมโยงกับพวกเยี่ยนจ้าวเกอและสวีเฟย รู้สึกเหงื่อเย็นเยียบผุดขึ้นที่ด้านหลัง

ตอนแรกที่ได้ยินว่าพวกเยี่ยนจ้าวเกออาละวาดที่เมืองสินธุเสถียร จอมยุทธ์สำนักกระเรียนหิมะเช่นพวกฉางเอินยังไม่ค่อยสนใจนัก

ถึงอย่างไรประเทศฟู่หรานก็เป็นแค่หนึ่งในสามสิบหกประเทศที่อยู่ใต้การปกครองของสำนักเมฆาโลหิต เทียบกันแล้ว สำนักเมฆาโลหิต สำนักเขามังกรเขียว หรือแม้แต่สำนักกระเรียนหิมะมีความแข็งแกร่งมากกว่า

แต่ว่าตอนนี้ ฉางเอินรู้สึกได้ลึกๆ ว่าตอนนั้นพวกเยี่ยนจ้าวเกออาจจะไม่ได้เอาจริงด้วยซ้ำ ไม่เช่นนั้นประเทศฟู่หรานน่าจะถูกทำลายไปแล้ว

จอมยุทธ์สำนักกระเรียนหิมะที่อยู่รอบๆ ตัวเขาสติหลุดอยู่นานทีเดียว ก่อนจะมีคนถามขึ้นอย่างระมัดระวัง “ศิษย์พี่ใหญ่ ข้า…ข้าไม่ได้สงสัยท่าน แต่เรื่องนี้น่าเหลือเชื่อจริงๆ

“ท่านคงไม่ได้ดูผิดกระมัง?”

ฉานเอินถอนใจเฮือกหนึ่ง เขาไม่โทษศิษย์น้องของตัวเอง ตอนแรกเขาก็คิดว่าตนเข้าใจผิดเช่นกัน ต้องยืนยันอยู่หลายครั้งถึงจะกล้าแน่ใจ

“พวกเจ้าไม่เชื่อข้าก็ไม่โทษพวกเจ้า เพราะว่าพวกเจ้าส่วนใหญ่มีพลังฝึกปรือไม่พอ”

เขากล่าวอย่างเชื่องช้า “เสียงชีพจรและเลือดของเด็กน้อยนั้นเชื่องช้ายิ่ง จนแทบจะไม่ได้ยินก็ว่าได้ แต่ไม่ใช่เพราะว่าเขาอ่อนแอ แต่เป็นเพราะเกาะตัวกันหนาและลื่นไหลต่างหาก”

“ยังจำได้หรือไม่ นี่คือสิ่งที่เรียกว่าเลือดเป็นดั่งตะกั่วปรอทที่อาจารย์เคยพูดถึง เป็นเอกลักษณ์ที่หลังจากจอมยุทธ์ปรมาจารย์จิตราขั้นชั้นนอกระยะต้นผลัดขนเปลี่ยนกระดูกเป็นรอบที่สองถึงจะมีได้”

ในขณะที่ฉางเอินพูด จอมยุทธ์สำนักกระเรียนหิมะที่มีพลังฝึกปรือค่อนข้างสูงที่เหลืออยู่ ต่างคำนับพวกเยี่ยนจ้าวเกอพร้อมกัน

จอมยุทธ์สำนักกระเรียนหิมะคนอื่นเห็นดังนั้น ในใจก็ไร้ข้อสงสัยอีกต่อไป รีบคารวะบ้าง “พวกเราไร้ความความสามารถ ขอคารวะคุณชายเยี่ยน”

มีบางคนเกิดความรู้สึกหนึ่งอยู่รางๆ

อาจารย์ผู้เป็นต้นกำเนิดสำนักกระเรียนหิมะ ยอดฝีมือผู้อาวุโสที่ได้รับความเคารพจากเจ้าสำนักซูอวิ๋นราวกับเทพเจ้า ถ้าหากมีผู้สืบทอด ก็สมควรมีบุคลิกและพลังเช่นนี้…

เยี่ยนจ้าวเกอพยักหน้าด้วยรอยยิ้มเล็กน้อย ทักทายทุกคน แต่ว่าก็ละความสนใจอย่างรวดเร็ว แล้วมองซูอวิ๋นใหม่อีกครั้ง

“ท่านน้าซู ก่อนหน้านี้ประมาณยี่สิบปี มารดาข้าได้กลับมายังโลกลอยน้ำหรือไม่ แล้วท่านได้เจอนางหรือไม่?”

ซูอวิ๋นกวักมือ “นายน้อยขอเชิญทางนี้ มาที่สำนักกระเรียนหิมะของข้า พวกเราพูดกันระหว่างเดินทางได้”

ชายหนุ่มพยักหน้า ก่อนจะเรียกพวกเฟิงอวิ๋นเซิงกับสวีเฟย หลังจากทุกคนทำความรู้จักกับซูอวิ๋นแล้ว ทุกคนก็ร่วมทางกัน

หลังจากรับคนแล้ว จอมยุทธิ์สำนักกระเรียนหิมะก็ไม่จำเป็นต้องอยู่รอบนอกภูเขาหิมะต่อ ต่างร่วมทางกลับสำนัก

ระหว่างทาง ซูอวิ๋นถอนใจพลางกล่าวว่า “ถึงแม้ว่านายหญิงจะไม่เคยพูดถึงเลย แต่ข้าพอจะเดาออกว่านางมิใช่คนที่อาศัยอยู่ในโลกลอยน้ำ แต่มาจากสถานที่อื่น

“ต้องขอบคุณนายหญิง ข้าจึงไม่แข็งตายอยู่ข้างทาง ทั้งยังรับข้าให้อยู่ข้างตัวนาง ถ่ายทอดกระบวนท่าวรยุทธ์ให้ข้า”

“เป็นตามที่นายน้อยว่า นายหญิงไม่เคยมองข้าเป็นคนรับใช้ เป็นข้าคิดปรนนิบัตินาง ไม่เช่นนั้นข้าก็ไม่รู้จริงๆ ว่าสมควรตอบแทนบุญคุณของนางอย่างไร”

ซูอวิ๋นรู้สึกเศร้าเล็กน้อย “เพียงแต่นายหญิงมิใช่คนบนโลกใบนี้ ในที่สุดนางก็ต้องจากไป นางไปเมื่อสามสิบปีก่อน ข้าเองก็ไม่รู้ว่านางไปที่ใด ข้าอยากถามแต่ไม่กล้า”

“นายหญิงรู้ถึงความคิดในใจข้า นางเพียงกล่าวด้วยรอยยิ้ม ถึงจะเคยคิดว่าจะพาข้าไปด้วย แต่เกรงว่าจะทำให้ข้าเจออันตราย ข้าอยู่ที่โลกลอยน้ำ กลับปลอดภัยและมีความสุขมากกว่า”

“ข้าเชื่อว่านายหญิงไม่ได้หลอกลวง จึงอยู่ต่อด้วยเชื่อฟังนาง อธิษฐานให้นางทุกคืน”

เยี่ยนจ้าวเกอฟังถึงตรงนี้ เขาก็หรี่ตาลงเล็กน้อย ‘เจออันตรายหรือ…’

ในใจของชายหนุ่มเกิดความคิดมากมาย แต่เขาไม่ได้พูดออกมา ยังคงฟังซูอวิ๋นเล่าต่อ

เจ้าสำนักกระเรียนหิมะกล่าวต่อว่า “นายน้อยถามข้าว่านายหญิงจากไปแล้วได้กลับมาอีกหรือไม่ คำถามนี้ข้าไม่กล้ายืนยัน เพราะหลังจากนางจากไปเมื่อสามสิบปีก่อน ข้าก็ไม่ได้เจอนางอีกเลย แต่ข้ารู้สึกว่านายหญิงเคยกลับมา”

ชายหนุ่มเลิกคิ้วเล็กน้อย “เป็นยี่สิบปีก่อนใช่หรือไม่”

“ข้าไม่กล้ายืนยันเวลาอย่างแน่ชัด ประมาณสิบหกปีก่อน ข้าเดินทางอยู่บนแดนใต้ และได้เห็นสิ่งของส่วนหนึ่งในป่าดึกดำบรรพ์ของแดนใต้ รู้สึกเหมือนเป็นสิ่งที่นายหญิงทิ้งไว้” ซูอวิ๋นตอบ

เยี่ยนจ้าวเกอตื่นเต้นขึ้นมา

การเรียนภาษาในหลายวันมานี้ของพวกเฟิงอวิ๋นเซิงกับสวีเฟยที่อยู่ด้านข้าง แม้จะยังไม่คล่องนัก แต่ว่าก็พอจะเข้าใจภาษาของโลกลอยน้ำคร่าวๆ แล้ว

เมื่อได้ยินดังนั้น ทุกคนอดมองหน้ากันเองไม่ได้ ต่างคิดถึงรูปสลักหินที่ถูกขุดไปครึ่งหนึ่ง

ซูอวิ๋นพูดขึ้น “นั่นเป็นรูปสลักหินที่อยู่บนหน้าผา

“เพราะข้าเคยไปยังสถานที่นั้นเมื่อยยี่สิบกว่าปีก่อน จึงรู้ว่าตอนนายหญิงจากไปเมื่อสามสิบปีก่อน ไม่มีรูปสลักหินนั่น ข้าถึงเดาว่านางเคยกลับมายังโลกลอยน้ำ”

“ความหมายของรูปสลักหินยากจะเข้าใจ คล้ายกับมีความลี้ลับนับไม่ถ้วน ข้าไม่เข้าใจแม้แต่น้อย ตอนนี้พอนึกถึง บางทีอาจจะเป็นสิ่งที่นายหญิงทิ้งไว้ให้นายน้อย ข้าคิดไม่รอบคอบจึงแบ่งครึ่งมันมา ทำให้นายน้อยต้องเสียเรื่อง ขอนายน้อยโปรดลงโทษด้วย”

เยี่ยนจ้าวเกอส่ายหน้า “ถึงจะทำให้ข้าเสียเวลาไปบ้าง แต่เพราะท่านคิดถึงมารดาข้าสุดบรรยาย ตอนนั้นยังไม่ทราบเรื่อง ข้าจะโทษท่านได้อย่างไร”

“ตอนนี้รูปสลักหินยังอยู่ที่ท่านน้าซูใช่หรือไม่”

ซูอวิ๋นตอบ “ถูกบูชาอยู่ในศาลบรรพบุรุษ เมื่อนายน้อยตามข้ากลับถึงสำนัก จะเห็นในทันที”

ทุกคนเดินทางอยู่ระหว่างภูเขาหิมะสะพานหยก สุดท้ายก็มาถึงยอดเขา

สำนักกระเรียนหิมะตั้งอยู่ที่นี่

สำนักไม่ได้ใหญ่มากนัก ถึงอย่างไรวรยุทธ์ที่ใช้ฝึกปราณและฝึกร่างกายในโลกลอยน้ำไม่ได้แพร่หลาย คนที่ทวนกระแสเฉกเช่นซูอวิ๋นได้มีอยู่น้อยยิ่งกว่าน้อย

“นี่คือสามีของข้า เฉินนั่ว” เมื่อมาถึงสำนัก ซูอวิ๋นก็พาพวกเยี่ยนจ้าวเกอไปพบบุรุษวัยกลางคนที่มีสีหน้าทรหดผู้หนึ่ง

เฉินนั่วผู้นี้เป็นจอมยุทธ์เลือดปีศาจ เมื่อเขาเห็นเยี่ยนจ้าวเกอ ก็คารวะอย่างไม่ลังเล “คุณชายเยี่ยน”

เยี่ยนจ้าวเกอพยักหน้า “ท่านเฉิน”

ซูอวิ๋นกล่าวกับสามี “ข้าจะพานายน้อยเข้าไปดูของที่นายหญิงเหลือไว้ที่ศาลบรรพบุรุษ ถ้าหากมีคนมา รบกวนท่านต้อนรับไปก่อน”

เฉินนั่วมีนิสัยใจเย็น เขาพยักหน้า “วางใจเถอะ”

“นายน้อย โปรดตามข้ามา” ซูอวิ๋นพาพวกเยี่ยนจ้าวเกอเข้าไปในศาลบรรพบุรุษ

เยี่ยนจ้าวเกอเงยหน้าไปมอง สิ่งที่เขาเห็นก็คือรูปสลักน้ำแข็ง สลักรูปกระเรียนหิมะตัวหนึ่งต้องการกระพือปีกบิน