หลินฮองเฮาสวมใส่อาภรณ์ลวดลายดอกบัว สีสันอ่อนนุ่ม ที่บนศีรษะมิได้สวมเครื่องประดับเลยสักชิ้น นางแต่งองค์ทรงเครื่องอย่างเรียบง่าย บนใบหน้าแม้แต่แป้งก็มิได้แตะต้อง เมื่อหลินฮองเฮาเดินเข้ามาพบกับมู่หรวกวานเย่ว์ก็คุกเข่าลงทันที
“เสด็จแม่…”
เสียงเรียกของหลินฮองเอาสะอึกสะอื้น นางนับวันรอคอยให้เฉินมั่วฉือกลับมา นางมีข่าวดีเตรียมที่จะบอกกับเฉินมั่วฉือ แต่นึกไม่ถึงเลยว่าสิ่งที่ได้รับกลับมากลับเป็นข่าวการตายของเขา
“ลุกขึ้นเถอะ!”
มู่หรงกวานเย่ว์มีท่าทีสงบยิ่งนัก มองไม่เห็นความโศกเศร้าเลยแม้แต่น้อย
ไห่ถังประคองหลินฮองเฮาให้ชันกายลุกขึ้น มู่หรงกวานเย่ว์มองมายังหลินฮองเฮาทันใดนั้นพระนางก็กล่าวขึ้นว่า
“ฮองเฮาย่อมรู้ข่าวการสวรรคตของฮ่องเต้แล้ว อีกไม่นานหีบพระศพของฮ่องเต้ก็จะถูกส่งกลับมาถึงยังเมืองหลวง ฮ่องเต้ไม่อยู่แล้ว เจ้าในฐานะที่เป็นเมียก็ควรที่จะติดตามไปรับใช้เขาในปรโลก”
“อีกไม่นานเซียวเหยี่ยนก็จะยกทัพยึดครองเมืองหลวง หากเจ้าไม่ปลิดชีพตนเองก็ต้องตกอยู่ในน้ำมือของเขา ถึงตอนนั้นก็ไม่รู้ว่าจะต้องถูกลบหลู่ดูหมิ่นอย่างไรบ้าง มิสู้ปลิดชีพตนเองเสียตอนนี้เพื่อคงไว้ซึ่งเกียรติยศของตนเอง”
ไม่เพียงแค่หลินฮองเฮาเท่านั้น มู่หรงกวานเย่ว์ยังคิดที่จะให้สนมทั้งหมดของวังหลวงปลิดชีพตนเองไปพร้อมกับเฉินมั่วฉือด้วย เพราะพระนางคิดว่าพวกนางไม่มีความจำเป็นที่จะอยู่ต่อไปอีกแล้ว เมื่อเฉินมั่วฉือจากไป ซีเว้ยก็ล่มสลาย พวกนางจึงไม่ควรจะมีชีวิตต่อไปอีก
“หม่อมฉันคือฮองเฮาของฝ่าบาท เดิมทีก็ควรที่จะร่วมเป็นร่วมตาย ตามเสด็จไปปรนนิบัติรับใช้ฝ่าบาทในปรโลกด้วย เพียงแต่ว่าตอนนี้หม่อมฉันมีเลือดเนื้อเชื้อไขของฝ่าบาทอยู่ในครรภ์ นี่คือสายเลือดเพียงหนึ่งเดียวของฝ่าบาท หม่อมฉันจึงอยากจะเก็บลูกคนนี้เอาไว้ ขอไทเฮา ทรงช่วยเหลือหม่อมฉันด้วยเพคะ”
หลินฮองเฮากล่าวจบก็โขกศีรษะลงกับพื้นหนึ่งครั้ง สีหน้าเรียบเฉยของมู่หรงกวานเย่ว์กลับกลายเป็นปิติยินดี พระนางถลาลุกขึ้นจากเก้าอี้ เดินเข้าไปหาหลินฮองเฮาทันที
เจ้าพูดจริงหรือ?”
“หม่อมฉันมิกล้าบิดบังแม้แต่ครึ่งคำ ตอนนี้หม่อมฉันตั้งครรภ์ร่วมสองเดือนแล้วเพคะ
“ดีๆ ดีจริงๆ เลย”
มู่หรงกวานเย่ว์ถึงกับเอ่ยกล่าวว่า ดี ถึงสามครั้งติดต่อกัน เฉินมั่วฉือไร้ซึ่งทายาท เดิมทีพระนางยังคิดว่าคงจะหมดสิ้นลูกหลานเสียแล้ว นึกไม่ถึงว่าในช่วงเวลาที่สำคัญเช่นนี้หลินฮองจะตั้งครรภ์
จะว่าไปหลินฮองเฮาก็แต่งงานกับเฉินมั่วฉือมาร่วมสองปี ในสองปีนี้ไม่มีวี่แววว่าจะมีข่าวดีเลยแม้แต่น้อย ไม่เพียงแค่หลินฮองเฮาแม้แต่สนมคนอื่นๆ ก็ไม่มีทีท่าว่าตั้งครรภ์เลยสักคน
ทำให้มู่หรงกวานเย่ว์ร้อนใจยิ่งแต่ก็ไม่อาจเร่งรัดซึ่งหน้าได้ ในใจก็ครุ่นคิดไปว่าเฉินมั่วฉือยังหนุ่มแน่น รออีกสักสองสามปีก็ไม่เป็นไร นึกไม่ถึงว่าเฉินมั่วฉือกลับได้พบกับหลิงอวี้จื้อเข้า
มู่หรงกวานเย่ว์ประคองหลินฮองเฮาลุกขึ้นด้วยตัวเอง ทั้งยังทาบฝ่ามือลงบนหน้าท้องที่ยังแบนราบของหลินฮองเฮาเอ่ยว่า
“มั่วฉือ เจ้าจะเป็นพ่อคนแล้ว”
ทันใดนั้นวาจาของมู่หรงกวานเย่ว์ก็แปรเปลี่ยนไปในเชิงอื่น
“ฮองเฮาแต่งงานกับฮ่องเต้มาสองปีกว่า กลับมาตั้งครรภ์เอาในเวลาเช่นนี้ทำให้ข้ายินดีปรีดายิ่งนัก สวรรค์เมตตาโดยแท้”
แม้ว่าปากจะกล่าวเช่นนี้ ทว่าแต่ละประโยคที่กล่าวออกมากลับสื่อความหมายในเชิงซักไซ้ไล่เรียง เพราะในเวลาเช่นนี้จู่ๆ หลินฮองเฮาก็ตั้งครรภ์ ทำให้มู่หรงกวานเย่ว์สงสัยในความเป็นมาของเด็กคนนี้ ด้วยเกรงว่าหลินฮองเฮาจะกระทำเรื่องที่ผิดต่อเฉินมั่วฉือเพราะต้องการรักษาชีวิตตน
ซึ่งหลินฮองเฮาไหนเลยจะฟังความนัยเชิงซักไซ้ไล่เรียงจากวาจาของมู่หรงกวานเย่ว์ไม่ออก นางไม่สนใจหน้าตาอันใดอีกต่อไปแล้ว ก้มหน้าลงตอบกลับว่า
“ลูกคนนี้ฮ่องเต้ทรงประทานให้กับหม่อมฉันอย่างแท้จริง เกรงว่าเสด็จแม่จะหัวเราะเยาะ แม้ว่าฝ่าบาทจะทรงโปรดให้หม่อมฉันถวายตัว แต่ทุกครั้งฝ่าบาทก็จะทรงมีรับสั่งให้หม่อมฉันกินยาคุมกำเนิด สนมคนอื่นๆ ก็เช่นกัน”
“เจ้าว่าอะไรนะ?”
มู่หรงกวานเย่ว์จ้องมองมายังหลินฮองเฮาด้วยสายตาตื่นตะลึง
“หม่อมฉันไหนเลยจะกล้าปิดบังเสด็จแม่ สิ่งที่หม่อมฉันทูลเป็นความจริงทุกคำ ฝ่าบาททรงเคยตรัสกับหม่อมฉัน ว่าทรงยังไม่พร้อมที่จะเป็นพ่อคน ดังนั้นจึงทรงอยากจะประวิงเวลาสักสองสามปีค่อยเป็นพ่อคน ครั้งนี้ก่อนที่ฝ่าบาทจะทรงเสด็จไปเจี้ยนอันมิได้ทรงมีรับสั่งให้พวกเรากินยาคุมกำเนิด ดังนั้นหม่อมฉันจึงตั้งครรภ์มังกรได้สำเร็จ”
ตอนที่ 735 รอดพ้นวิกฤตครานี้ไปได้
ความหมายจากวาจาของฮองเฮาก็ชัดเจนอยู่แล้วว่านางนั้นโชคดี เพราะในบรรดาสนมทั้งหลายมีนางตั้งครรภ์สำเร็จเพียงคนเดียว บัดนี้เมื่อได้ข่าวการตายของเฉินมั่วฉือ หลินฮองเฮาก็เข้าใจเจตนาของเฉินมั่วฉือได้ในทันที
เขาได้เตรียมใจทุกอย่างเอาไว้ตั้งแต่แรก เขาถึงได้เหลือลูกเอาไว้ให้ คงเพราะต้องการปลอบโยนพระทัยไทเฮานั่นเอง
มู่หรงกวานเย่ว์เชื่อในคำพูดของฮองเฮา พระนางรู้ดีว่าเฉินมั่วฉือสามารถกระเรื่องเช่นนี้ได้จริงๆ
‘เหลวไหลสิ้นดี มิน่าเล่าเขาถึงเคยบอกเอาไว้ว่าไม่อยากเป็นฮ่องเต้’
พระนางไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดเฉินมั่วฉือถึงไม่ต้องการเป็นพ่อคน และไม่ต้องการจะคาดเดาสาเหตุของเรื่องนี้ด้วย เฉินมั่วฉือเหลือลูกเอาไว้ให้อย่างน้อยก็ยังเหลือตัวแทนให้นางได้ระลึกถึง
มู่หรงกวานเย่ว์หันไปพยักหน้าให้กับจื่ออี ซึ่งจื่ออีก็เข้าใจควาหมายของมู่หรงกวานเย่ว์ทันที นางรีบออกไปเชิญหมอหลวงเข้ามาด้วยตัวเอง
“ข้าจะจัดการให้เจ้าหนีออกจากวัง ฮองเฮา หลังจากที่เจ้าออกจากวังไปได้แล้ว เจ้าก็จะไม่ใช่ฮองเฮาอีกต่อไป เจ้าจะต้องลืมเรื่องราวทั้งหมดที่นี่ ปกปิดชื่อแซ่ เลี้ยงดูลูกเฉกเช่นคนธรรมดาทั่วไป อย่าบอกเรื่องเหล่านี้ให้เขารู้ ให้เขาได้ใช้ชีวิตอย่างอิสระเสรี”
มู่หรงกวานเย่ว์มิอาจให้ชีวิตในแบบที่เฉินมั่วฉือต้องการได้ บัดนี้นางจะมอบมันให้กับหลานชายแทน หากเป็นพระนางคนก่อนละก็ พระนางจะต้องทุ่มเทแรงกายแรงใจอบรมเลี้ยงดูเด็กคนนี้ เพื่อให้เขากลับมากอบกู้ซีเว่ยในภายภาคหน้าเป็นแน่
แต่ตอนนี้พระนางไม่มีความคิดเช่นนั้นอีกแล้ว พระนางเหนื่อยเต็มที และไม่อยากเห็นเฉินมั่วฉือคนที่สอง หลินฮองเฮาสมถะรักสงบ เด็กคนนี้เติบโตภายใต้การเลี้ยงดูของนางจะต้องมีความสุขเป็นแน่
“หม่อมฉันเข้าใจดีเพคะ เสด็จแม่ ทรงเสด็จหนีไปพร้อมกันกับหม่อมฉันเถิด พวกเราช่วยกันเลี้ยงดูอุ้มชูเด็กคนนี้ให้เติบใหญ่นะเพคะ”
มู่หรงกวานเย่ว์ส่ายหน้า
“ข้าไม่ไป ข้าใช้ชีวิตอยู่ในวังมายี่สิบกว่าปี ลืมเลือนไปจนหมดสิ้นแล้วว่าชีวิตภายนอกเป็นอย่างไร และก็คงใช้ชีวิตเฉกเช่นคนธรรดมาไม่ได้ ที่นี่คือหลักสุดท้ายในบั้นปลายของข้าแล้ว”
“ฮองเฮา หลานชายของข้า ข้าขอมอบให้เป็นหน้าที่ของเจ้าแล้ว เจ้าจะต้องดูแลเขาให้ดี ขอเพียงแค่ให้เขาดำรงชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ได้ก็เพียงพอ ไม่จำเป็นต้องวางแผนอนาคตแทนเขา เขาอยากเดินไปในทิศทางใดก็ให้เขาเดินไปตามทางที่เขาต้องการ อย่าเป็นเหมือนกับข้า ในท้ายที่สุดก็ได้แต่คำบ่นว่ากลับมาเป็นการตอบแทน”
ความสัมพันธ์ฉันท์แม่ลูกระหว่างเฉินมั่วฉือและมู่หรงกวานเย่ว์หลินฮองเฮาประจักษ์ชัดแก่สายตามาโดยตลอด ด้วยเหตุนี้นางจึงเข้าใจในความหมายของมู่หรงกวานเย่ว์ดังนั้นจึงได้คุกเข่าลงอีกครั้ง แล้วกล่าวอย่างหนักแน่นว่า
“เสด็จแม่วางพระทัย หม่อมฉันจะดูแลลูกอย่างดีที่สุด จะไม่ทำให้เสด็จแม้ทรงผิดหวัง”
ในตอนนั้นเองหมอหลวงก็เข้ามา มู่หรงกวานเย่ว์สั่งการให้หมอหลวงจับชีพจรตรวจสุขภาพให้กับหลินฮองเฮา หลังจากนั้นหมอหลวงก็เงยหน้าขึ้นด้วยสีหน้าปิติยินดี
“ทูลไทเฮา ฮองเฮาทรงตั้งพระครรภ์ได้สองเดือนกว่าแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
มู่หรงกวานเย่ว์วางใจได้ในที่สุด พระนางพยักหน้าเอ่ยว่า
“รบกวนท่านหมอหลวงแล้ว”
จากนั้นพระนางก็หันไปหาหลินฮองเฮาเอ่ยว่า
“เจ้ากลับไปก่อนเถอะ ห้ามมิให้ใครเอ่ยถึงเรื่องนี้โดยเด็ดขาด ที่เหลือข้าจะเป็นคนจัดการเอง”
“เพคะ หม่อมฉันทูลลา”
หลินฮองเฮารับคำแล้วถอยออกไป มู่หรงกวานเย่ว์พยักหน้าให้กับจื่ออี จื่ออีก็เข้าใจความหมายของพระนาง เมื่อครู่มู่หรงกวานเย่ว์สั่งการให้จื่ออีสังหารหมอหลวงจางเสีย
เพราะแม้ว่าหมอหลวงจางจะเป็นคนของมู่หรงกวานเย่ว์แต่มู่หรงกวานเย่ว์ก็ยังเชื่อว่าคนตายต่างหากที่เชื่อถือได้มากที่สุด ด้วยเหตุนี้จื่ออีจึงลงมือสังหารหมอหลวงจางทันที
จื่ออี้ลากหมอหลวงจางออกไป ไม่นานก็กลับเข้ามารายงาน
“ไทเฮา จัดการเรียบร้อยแล้วเพคะ”
มู่หรงกวานเย่ว์พยักหน้า กระตุกยิ้มที่มุมปาก
“จื่ออี เจ้าเองก็เห็นแล้ว มั่วฉือมีลูก”
จื่ออีเผยรอยยิ้มออกมา
“ขอแสดงความยินดีกับไทเฮา จะทรงเป็นเสด็จย่าแล้วเพคะ”
“ข้าแก่แล้ว คงถึงเวลาที่จะต้องเป็นย่าเขาแล้วสินะ จื่ออี เจ้าจะต้องมั่นใจว่าฮองเฮาจะออกจากวังอย่างปลอดภัย เรื่องนี้เจ้าจะต้องจัดการด้วยตัวเอง”
“หม่อมฉันเข้าใจเพคะ”
จื่ออี้รับคำแล้วยังขอพระราชวินิฉัยจากมู่หรงกวานเย่ว์อีกเรื่อง
“ไทเฮา เสิ่นปี้ยังคงอยู่ที่ฉางเล่อกง จะทรงจัดการอย่างไรดีเพคะ?”
“เก็บเอาไว้ก็ไม่มีประโยชน์ ฆ่าเสียเถอะ!”
จื่ออีพยักหน้า
“เพคะ”
นางตอบรับหนึ่งคำแล้วล่าถอยออกไป