ตอนที่ 736 ไทเฮาสิ้นพระชนม์ / ตอนที่ 737 จับตัวหรูเยียน

ชายาหยุดเย้าข้าเสียทีเถิด

ตอนที่ 736 ไทเฮาสิ้นพระชนม์

 

 

มู่หรงกวานเย่ว์ฉีกยิ้มที่มุมปาก เสมือนกับว่าเฉินมั่วฉือฟื้นกลับคืนมามีชีวิตอีกครั้ง พระนางจะต้องส่งหลินฮองเฮาไปจากเมืองหลวง หาสถานที่สงบร่มเย็นมีสายน้ำและขุนเขาสักที่ให้กับนาง ตระเตรียมเสื้อผ้าอาหารให้พร้อมสรรพเพียงพอที่จะทำให้เด็กที่เกิดมาเติบโตขึ้นได้อย่างอิสระเสรี

 

 

ต่อให้เฉินมั่วฉือจะไม่ชอบนางก็ตามที เช่นนั้นก็ให้เป็นหน้าที่ของมารดาเช่นนางทำเพื่อบุตรชายเป็นครั้งสุดท้ายก็แล้วกัน

 

 

ชั่วครู่หนึ่ง จื่ออีก็กลับเข้ามารายงาน

 

 

“ไทเฮา เสิ่นปี้หายไปเพคะ’

 

 

“หนีไป?”

 

 

“หม่อมฉันหาจนทั่วทั้งตำหนักฉางเล่อแล้วเพคะ แต่ก็ไม่พบแม้แต่เงาของเสิ่นปี้เลย จากคำบอกเล่าของนางกำนัลที่เฝ้าดูนางบอกว่าวันนี้ตั้งแต่ช่วงกลางวันก็ไม่เห็นนางแล้ว นางคงจะเตรียมการเอาไว้ตั้งแต่แรกแล้วเพคะ”

 

 

“หนีไปแล้วก็หนีไปเถอะ ไม่ต้องไปตามหาอีกแล้ว หากว่านางมีชีวิตรอดไปจกาที่นี่ได้ เป็นไปได้มากว่านางจะกลับไปหาหลิงอวี้จื้อ แล้วพวกเราจะต้องสนใจอีกทำไมกัน”

 

 

มู่หรงกวานเย่ว์โบกไม้โบกมือห้ามปรามเป็นเชิงให้จื่ออีไม่ต้องสนใจเรื่องนี้อีก จื่ออีเข้าใจความหายของมู่หรงกวานเย่ว์จึงพยักหน้ารับคำสั่ง

 

 

เดิมทีมู่หรงกวานเย่ว์เก็บเสิ่นปี้เอาไว้ก็เพื่อจะใช้นางรับมือกับหลิงอวี้จื้อ

 

 

บัดนี้เฉินมั่วฉือพ่ายแพ้แล้ว มู่หรงกวานเย่ว์จึงเองก็เลิกล้มความคิดนี้ไป จึงสั่งการให้จื่ออีสังหารเสิ่นปี้เสีย บัดนี้เสิ่นปี้หลบหนีไปได้ แน่นอนว่ามู่หรงกวานเย่ว์คงจะไม่ไปเสียเวลาตามจับกุมตัวเสิ่นปี้กลับมาอีก เพราะไม่ว่านางจะหลบหนีไปซ่อนตัวที่ใดก็ตาม ขอเพียงแต่นางคิดแก้แค้นหลิงอวื้จื้ออยู่ก็เพียงพอ ถือว่าเป็นการสั่งสอนหลิงอวี้จื้อก็แล้วกัน

 

 

ส่วนเซียวเหยี่ยนและหลิงอวี้จื้อในตอนนี้ยังคงพำนักอยู่ที่เมืองเจี้ยนอัน

 

 

พวกเขาเตรียมที่จะเดินทางออกจากเมืองเจี้ยนอันมุ่งหน้าสู่เมืองหลวงในวันรุ่งขึ้น หลิงอวี้จื้อแทบจะไม่มีอาการเริ่มต้นของคนตั้งครรภ์เลย นอกจากอาการง่วงหงาวหาวนอนแล้ว ก็สามารถกินนอนได้เป็นปกติ ซึ่งเซียวเหยี่ยนจะหาเวลามาอยู่เป็นเพื่อนนางหลังจากที่เสร็จสิ้นจากภารกิจในทุกวัน ถือว่าเขาได้ปลีกเวลาอันยุ่งเหยิงของเขามาอยู่เป็นเพื่อนหลิงอวี้จื้อนั่นเอง

 

 

ซึ่งทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ในสายตาของหรูเยียนทั้งสิ้น แม้ว่าที่ผ่านมานางเองก็เคยเห็นยามเมื่อเซียวเหยี่ยนปฏิบัติเช่นนี้ต่อหลิงอวี้จื้อมาแล้ว แต่ว่าในตอนนั้นนางยังไม่รู้สึกหวั่นไหวต่อเซียวเหยี่ยน ดังนั้นเมื่อได้เห็นนางจึงไม่มีความรู้สึกอะไร

 

 

บัดนี้หัวใจของนางมีเซียวเหยี่ยน และหลิงอวี้จื้อหายไปจากชีวิตของนางถึงห้าปี นางจึงเคยชินกับการที่ไม่มีหลิงอวี้จื้อเสียแล้ว เมื่อได้มาเห็นเหตุการณ์ตรงหน้านางจึงมีแต่ความรู้สึกว่าบาดตายิ่งนัก หัวใจกำลังริษยาจนแทบทนไม่ไหว ถึงขนาดที่ว่าเกือบจะควบคุมตนเองไม่ได้ ทว่าก็ตัดใจไปจากเซียวเหยี่ยนมิได้

 

 

ในขณะที่หลิงอวี้จื้อกำลังกินปี่แป่ [1] อยู่ในห้อง ทันใดนั้นมั่วชิงก็เข้ามารายงาน

 

 

“พระชายา ไทเฮาสิ้นพระชนม์แล้วเจ้าค่ะ”

 

 

หลิงอวี้จื้อพ่นเม็ดปี่แป่ออกมา ซักไซ้ว่า

 

 

“เรื่องตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?”

 

 

“เมื่อช่วงบ่ายเจ้าค่ะ ทรงดื่มยาพิษปลิดพระชนม์ชีพตนเองเช่นกัน นอกจากไทเฮา จื่ออีเองก็ฆ่าตัวตายตามนายไปแล้วเจ้าค่ะ พระตำหนักของฮองเฮาเกิดเพลิงไหม้ หลังจากนั้นพบเพียงแค่ศพสองศพที่ถูกไหม้จนดำเป็นตอตะโก หนึ่งในสองศพนั้นสวมใส่กำลังทองคำของฮองเฮา คนผู้นั้นจึงน่าจะเป็นฮองเฮา ส่วนสนมคนอื่นในวังต่างก็ปิดชีพตนเองทั้งหมดแล้วเจ้าค่ะ”

 

 

เมื่อได้ฟังรายงานข่าวนี้แล้ว หลิงอวี้จื้อก็ไม่มีกระจิตกระใจที่จะกินปี่แป่อีกต่อไป เดิมทีนางตั้งใจเอาไว้ว่าจะไม่ทำอะไรกับคนเหล่านั้นทั้งสิ้น นึกไม่ถึงว่าพวกเขากลับต้องมาตายหมด ไม่รู้ว่าเป็นฝีมือของมู่หรงกวานเย่ว์หรือว่าพวกนางยินยอมพร้อมใจ

 

 

แต่หลิงอวี้จื้อค่อนข้างเอนเอียงไปทางที่ว่าทุกอย่างนี้เป็นฝีมือของมู่หรงกวานเย่ว์มากกว่า บรรดานาสนมเหล่านั้นคงจะมิได้รักใคร่เฉินมั่วฉืออย่างลึกซึ้งเท่าไรนัก เฉินมั่วฉือเองก็มิได้ดีกับพวกนางมากเท่าไหร่

 

 

เพียงแต่เพราะอะไรหลินฮองเฮาถึงต้องวางเพลิง ใช้วิธีการที่โหดร้ายเช่นนั้นจบชีวิตตนด้วยนะ เรื่องนี้จะมีอะไรแอบแฝงอยู่เบื้องหลังหรือไม่ หลิงอวี้จื้อได้แต่สงสัยแต่กลับไม่มีหลักฐาน และนางก็มิได้สนใจที่จะไปสืบเสาะเรื่องราวเหล่านี้อีกด้วย ต่อให้หลินฮองเฮายังมีชีวิตอยู่ก็ไม่มีผลอะไรต่อนางอยู่แล้ว

 

 

“รู้ตั้งแต่แรกแล้ววว่าไทเฮาจะทรงเลือกเส้นทางนี้ ในตอนที่ทรงไปจากเมืองเจี้ยนอันก็ได้ตระเตรียมทุกอย่างเอาไว้เป็นที่เรียบร้อย น่าเสียดายฮองเฮาและสนมคนอื่นๆ ที่เหลือ ทำพิธีศพตามที่สมควรก็แล้วกัน!”

 

 

“ไทเฮาครุ่นคิดวางแผนการมาชั่วชีวิต สุดท้ายกลับต้องมามีจุดจบเช่นนี้”

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 737 จับตัวหรูเยียน

 

 

“ชีวิตนี้ ไทเฮาก็คงมิได้อยากจะเป็นเช่นนี้หรอก สุดท้ายแล้วแม่ลูกก็ยังคงไม่ได้ปรับความเข้าใจกัน แต่อย่างไรก็เป็นแม่ลูก ฝ่าบาทก็ยังทรงคิดถึงไทเฮาอยู่ ไม่พูดเรื่องนี้แล้วดีกว่า มั่วชิง เจ้าออกไปเดินเล่นเป็นเพื่อนข้าที ข้าอุดอู้เหลือเกิน”

 

 

มั่วชิงรู้ว่าหลิงอวี้จื้อสภาพจิตใจมิสู้ดีเท่าไรนัก ดังนั้นจึงพยักหน้า ออกไปเดินเล่นนอกห้องเป็นเพื่อนหลิงอวี้จื้อ

 

 

คฤหาสน์ที่เจี้ยนอันมีทะเลสาบขนาดใหญ่อยู่ที่หนึ่ง ที่ริมทะเลสาบปลูกต้นหลิวเอาไว้จำนวนไม่น้อย หลิงอวี้จื้อกับมั่วชิงพากันออกไปเดินเล่น เมื่อครุ่นคิดถึงเรื่องราวถึงคนที่สมควรตายและไม่สมควรตายต่างก็ตายแล้วทั้งสิ้นก็ทำให้หลิงอวี้จื้อรู้สึกหดหู่อยู่ไม่น้อย

 

 

นับไปนับมานางใช้ชีวิตอยู่ที่มิติแห่งนี้มาเพียงแค่ปีกว่าเท่านั้นอทว่ากลับเกิดเรื่องราวขึ้นมากมาย มากมายเสียจนคิดว่าผ่านไปทั้งชีวิต ซึ่งมันก็ทำให้นางเริ่มที่จะคุ้นชินกับการใช้ชีวิตอยู่ที่นี่บ้างแล้ว

 

 

นางและเซียวเหยี่ยนกลายเป็นผู้ชนะในท้ายที่สุด สิ่งที่เซียวเหยี่ยนต้องการอยู่ตรงหน้าแล้ว นางเองก็ดีใจแทนเซียวเหยี่ยน แต่เมื่อนึกถึงว่ามีผู้คนจำนวนมากต้องจากไปและบางคนที่ต้องทุกข์ระทม จนข้างกายของนางแทบจะไม่เหลือใครอยู่แล้ว เหลือเพียงเซียวเหยี่ยนและมั่วชิง ส่วนคนอื่นๆ มีทั้งตายไปและมีทั้งจากไป

 

 

ยังดีที่อีกไม่นานกำลังจะมีชีวิตใหม่เข้ามาเพิ่มเติมเข้ามาในชีวิตของนาง ซึ่งหลิงอวี้จื้อเองก็เตรียมพร้อมที่จะเป็นแม่คนเอาไว้แล้ว

 

 

“มั่วชิง ท่านอ๋องต้องการพบเจ้า ท่านให้เจ้าไปพบที่ห้องหนังสือ”

 

 

หลิงอวี้จื้อกำลังคิดอะไรอยู่เพลินๆ จู่ๆ เสียงของหรูเยียนก็ดังแว่วเข้ามา มั่วชิงไม่ได้กล่าวอะไรมากถอยออกไปมุ่งหน้าห้องหนังสือทันที

 

 

หรูเยียนเดินเข้ามาที่ด้านหลังของหลิงอวี้จื้อ ซึ่งบัดนี้หลิงอวี้จื้อเย็นชากับหรูเยียนยิ่งนัก นางสั่งการว่า

 

 

“หรูเยียน เจ้าถอยไปเถอะ ข้าอยากอยู่คนเดียวสักครู่”

 

 

“เจ้าค่ะ พระชายา”

 

 

หรูเยียนตอยรับหนึ่งคำทว่ากลับแอบย่องเข้าใกล้หลิงอวี้จื้อมากยิ่งขึ้น คิดที่จะเอื้อมมือไปผลักหลิงอวี้จื้อ แต่หลิงอวี้จื้อยังไว คว้าข้อมือของหรูเยียนได้อย่างรวดเร็ว แววตาของหลิงอวี้จื้อแปรเปลี่ยนเป็นดุดันคมกริบ

 

 

“ทหาร จับนางเอาไว้”

 

 

ทันใดนั้นองค์รักษ์ก็เข้ามาจับกุมหรูเยียนเอาไว้ทันที พวกเขากดหรูเยียนให้คุกเข่าลงบนพื้นที่เบื้องหน้าหลิงอวี้จื้อ

 

 

“ดีนี่หรูเยียน นี่สินะคือสาเหตุที่เจ้าดึงดันที่จะอยู่ที่นี่?”

 

 

โชคดีที่นางระแวดระวังหรูเยียนโดยตลอดอยู่แล้ว เมื่อครู่ที่สั่งการให้นางถอยออกไปนั้น หลิงอวี้จื้อได้ยินเสียงว่าหรูเยียนกลับเข้าใกล้ตนเองมากยิ่งขึ้นอย่างชัดเจน นางถึงได้คว้าข้อมมือของหรูเยียนเอาไว้ได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งหลิงอวี้จื้อเองก็เกรงว่าตนเองจะคาดเดาผิด จึงต้องรอให้หรูเยียนลงมือนางถึงได้แสดงตัว

 

 

หรูเยียนคุกเข่าอยู่ที่พื้น นางกัดริมฝีปากแน่นแต่ก็มิได้ปฏิเสธ

 

 

“เจ้าค่ะ ที่สองสามวันมานี้บ่าวพยายามปรนนิบัติรับใช้อย่างแข็งขันก็เพื่อต้องการให้พระชายาคลายความหวาดระแวงในตัวบ่าว”

 

 

“ช่างลำบากเจ้าเสียจริงๆ นะ”

 

 

“ข้ายังเห็นแก่ความสัมพันธ์ของเราที่ผ่านมาถึงตัดสินใจที่จะไว้ชีวิตเจ้า แต่เจ้ากลับไม่ต้องการ ชัดเจนว่าข้าคิดไปเองฝ่ายเดียวสินะ”

 

 

“หรูเยียน สมองเจ้ามีปัญหาหรือเปล่า รู้ทั้งรู้ว่าที่นี่มิใช่ที่ๆ เจ้าสมควรจะมา แต่เจ้าก็ยังดึงดันที่จะมา เจ้าคิดหรือว่าเจ้าจะสังหารข้าได้จริงๆ? ต่อให้เจ้าสังหารข้าได้สำเร็จสมดั่งใจปรารถนา เจ้าจะได้มีชีวิตอยู่ต่อไป?”

 

 

ระหว่างเจ้าและข้าไม่มีบุญคุณความแค้นต่อกัน แต่เจ้ากลับใช้วิธีการยอมตายพร้อมกันกับข้าเพื่อที่จะสังหารข้าให้จงได้ เจ้าเป็นบ้าไปแล้วหรืออย่างไรกัน

 

 

“บ่าวเพียงแค่ต้องการที่จะอยู่เคียงข้างท่านอ๋อง พระชายาต่างหากที่ไม่ยินยอมให้โอกาสนี้แก่บ่าว พระชายาต่างหากที่บีบบังคับบ่าวจนอับจนหนทาง”

 

 

วูบหนึ่งที่ในดวงตาของหรูเยียนฉายแววสิ้นหวังและไม่ยินยอม

 

 

จนหลิงอวี้จื้อต้องหัวเราะออกมาอย่างอดไม่ได้ นางชี้นิ้วมายังตนเองราวกับได้ฟังเรื่องขำขันอย่างไรอย่างนั้น

 

 

“เจ้าบอกว่าข้าบีบบังคับเจ้า?”

 

 

“ข้าไว้หน้าเจ้าตลอดมา แต่ในเมื่อเจ้าไม่ต้องการ เช่นนั้นข้าก็ไม่จำเป็นที่จะต้องไว้หน้าเจ้าอีกต่อไป”

 

 

“นี่คือบ้านของข้า ข้าให้เจ้าอยู่ เจ้าก็สามารถอยู่ที่นี่ได้ หากข้าไม่ต้องการให้เจ้าอยู่ แน่นอนว่าเจ้าย่อมอยู่ที่นี่ไม่ได้ เจ้ามีเหตุผลอะไรที่ทำให้เจ้าต้องดันทุรังจะอยู่ที่นี่อยู่ได้อีก นี่จับถึงกับโทษว่าข้าบีบบังคับเจ้า เจ้าคิดจะลักกินขโมยกินของๆ ข้า ข้ายังต้องใส่พานประเคนให้กับเจ้าอย่างนั้นหรือ?”

 

 

“ข้าเคยเห็นคนหน้าไม่อายมาบ้าง แต่ไม่เคยเห็นใครที่หน้าไม่อายมากเท่าเจ้ามาก่อน ชิวจวี่แสร้งทำตัวน่าสงสาร แต่เจ้าเก่งกาจกว่านางมากนัก อย่างน้อยที่สุดนางยังรู้ฐานะของตนเอง แต่เจ้าไม่รู้แม้กระทั่งฐานะของตนเอง”

 

 

 

 

 

 

——

 

 

[1] ปี่แป่ หรือ ปี่แปะ (ชื่อวิทยาศาสตร์: Eriobotrya japonica) เป็นพืชในวงศ์ Rosaceae เป็นไม้พุ่มหรือไม้ยืนต้น ลำต้นตรง ขอบใบจักเป็นฟันเลื่อยห่างๆ ผลรูปกลมหรือรูปไข่สีเหลืองอ่อนหรือสีส้ม มีขนปกคลุม เปลือกผลฉ่ำน้ำ เมล็ดยาว สีน้ำตาลดำ มีรสหวานอมเปรี้ยว กินสด ผลมีเพกติน มีโพแทสเซียมสูง มีวิตามินซีต่ำ ในตำรายาจีนเรียกชื่อสมุนไพร ‘ผีผาเย่’ (ในภาษาจีนกลาง – ใบปี่แป่) หรือปีแปะเฮียะ (ในภาษาจีนแต้จิ๋ว) ใบใช้เป็นยาแก้ไอ ละลายเสมหะ