ตอนที่ 738 สั่งตายหรูเยียน
“บ่าวรู้ฐานะของตนเองดี และไม่เคยคิดจะต้องการอะไร เพียงแค่ต้องการอยู่เคียงข้างท่านอ๋องไปจนแก่เฒ่า เพราะอะไรพระชายาถึงไม่ยอมเชื่อหม่อมฉัน”
“เจ้ามันเปรียบกับระเบิดเวลาที่สามารถระเบิดออกมาได้ทุกเมื่อ ข้าเก็บเจ้าไว้ข้างกาย ข้ามิได้เบื่อชีวิตนี่นะ หรูเยียน จนถึงตอนนี้เจ้าก็ยังไม่เข้าใจ ข้าพูดมากไปกว่านี้เจ้าก็คงไม่เข้าใจอยู่ดี ในเมื่อเจ้ารู้สึกว่ามีชีวิตอยู่มันเจ็บปวดมากนัก เช่นนั้นข้าก็จะส่งเจ้าส่งเสริมเจ้า ทหาร ประทานเหล้าพิษ”
อย่างไรเสียนางก็เป็นข้าวเก่าเต่าเลี้ยงเคยติดตามรับใช้กันมา หลิงอวี้จื้อจึงไม่อยากที่จะให้นางต้องตายอย่างทรมาน ดังนั้นจึงเลือกใช้วิธีการประทานเหล้าพิษจบชีวิตหรูเยียนเสีย
หรูเหยียนกลับเป็นฝ่ายหัวเราะออกมา นางโขกศีรษะคำนับหลิงอวี้จื้อหนึ่งครั้ง
“ขอบพระทัยพระชายาที่ส่งเสริม บ่าวไม่เข้าใจก็จริง และเกรงว่าชั่วชีวิตนี้คงจะไม่มีทางเข้าใจได้ มิใช่ว่าบ่าวไม่ต้องการที่จะไป เพียงแต่บ่าวไปไม่ได้แล้ว พระชายา ขออภัยด้วย บ่าวไม่เคยคิดที่จะทรยศหักหลังพระชายาเลย บ่าวเพียงแต่ควบคุมตัวเองไม่ได้เท่านั้น”
โขกศีรษะคำนับแล้วหรูเยียนก็ตามองค์รักษ์ถอยออกไป หลิงอวี้จื้อปิดเปลือกตาลง ในใจของนางมิได้รู้สึกมีความสุขเลยแม้แต้น้อย ไม่นานเซียวเหยี่ยนก็รีบพากันมาพร้อมกับมั่วชิง เมื่อเห็นว่าหลิงอวี้จื้อยังปลอดภัยสบายดี เซียวเหยี่ยนถึงได้ทอดถอนใจออกมาอย่างโล่งอก
“หรูเยียนล่ะ?”
“ข้าลงโทษตายแก่นางแล้ว”
“ข้ายังกลัวว่าเจ้าจะทำไม่ลง”
เมื่อได้ยินว่าหลิงอวี้จื้อสั่งลงโทษตายแก่หรูเยียน เซียวเหยี่ยนก็ประหลาดใจไม่น้อย หลิงอวี้จื้อที่เขารู้จัก นางมักจะใจอ่อนกับคนใกล้ตัวเสมอ
“หากว่านางยังมีชีวิตอยู่ต่อไปก็รังแต่จะเกาะแกะวุ่นวายต่อไปไม่เลิก อาเหยี่ยน ผ่านเรื่องราวมามากมาย ข้ารู้แล้วว่าบางทีความเมตตานับเป็นเรื่องที่โง่เขลา ไม่เพียงแต่ทำร้ายตนเองยังอาจทำร้ายคนใกล้ตัว เมื่อครู่หากมิใช่ว่าข้าระแวดระวังตัวตั้งแต่แรก ลูกของเราอาจจะไม่มีชีวิตรอดแล้วก็เป็นได้ ต่อไปข้าจะละทิ้งสิ่งที่เรียกว่าเมตตาไปเสีย”
หลิงอวี้จื้ออิงซบอ้อมอกของเซียวเหยี่ยน เซียวเหยี่ยนเองก็โอบบ่าของนางเอาไว้
“เรื่องมือเปื้อนเลือดเช่นนี้ให้ข้าไปจัดการก็เพียงพอ”
“ข้าไม่กลัวหรอกน่า?”
“ข้าจะไม่เป็นไข่ในหินเด็ดขาด เพราะหากเป็นเช่นนั้นจะนำพาซึ่งความยุ่งยากมาสู่เจ้า”
“ขอเพียงเจ้าสบายใจ จะอย่างไรข้าก็ยอม”
เซียวเหยี่ยนกระซิบแผ่วเบาที่ข้างหูหลิงอวี้จื้อ ในดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความรักใคร่
“จริงหรือ? ท่านกล่าวเองนะ แล้วอย่าบิดพลิ้วละ อาเหยี่ยน ข้าตั้งชื่อให้ลูกของเราเอาไว้แล้ว ท่านจะลองฟังสักหน่อยสิ”
“ชื่ออะไรหรือ?”
เซียวเหยี่ยนกล่าวถามขึ้นอย่างสนใจใคร่รู้
“หากเป็นผู้ชายให้ชื่อเซียวจี้ แต่หากว่าเป็นเด็กผู้หญิงให้ชื่อเซียวหนิง เป็นอย่างไร?”
เซียวเหยี่ยนย่นคิ้วน้อยๆ แสดงออกชัดเจนว่าไม่พึงพอใจ เห็นสีหน้าท่าทางของเซียวเหยี่ยนเช่นนั้นหลิงอวี้จื้อก็หัวเราะออกมาอย่างร่าเริง
“เมื่อครู่ท่านบอกเองมิใช่หรือว่า ขอเพียงข้ามีความสุข อย่างไรท่านก็ยอมได้ จำไม่ได้เสียแล้วหรือ!”
“เหตุใดเจ้าจึงตั้งชื่อถึงสองชื่อนี้?”
“เซียวอวี่ เซียวหนิง ทั้งสองชื่อนี้เมื่อนำอักษรชื่อมารวมกันก็จะเป็นคำว่าอวี่หนิง ซึ่งหมายถึงมอบความสงบร่มเย็น นี่ก็คือสิ่งที่เจ้ามอบให้กับข้า จะอย่างไรพวกเราก็มิได้มีลูกเพียงคนเดียวอยู่แล้ว ชื่อสองชื่ออย่างไรก็ได้ใช้อยู่ดี”
เซียวเหยี่ยนลูบไล้ดวงหน้าหลิงอวี้จื้อ เดิมทีเขาไม่พึงพอใจกับชื่อสองชื่อนี้เท่าไหร่นัก เพราะรู้สึกว่าออกจะธรรมดาไปสักหน่อย แต่เมื่อเห็นใบหน้าที่เปี่ยมสุขของหลิงอวี้จื้อแล้ว เขาจึงไม่ไปคิดมากกับเรื่องเหล่านี้อีกต่อไป เอื้อนเอ่ยตอบรับหลิงอวี้จื้อด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลอ่อนโยนประหนึ่งสายน้ำว่า
“ก็ได้ ตามใจเจ้า”
หลิงอวี้จื้อได้ยินดังนั้นก็จรดปลายจมูกลงบนแก้มของเซียวเหยียนหนึ่งที
“ท่านพี่ ท่านดีจริงๆ เลย”
นั่นทำให้เซียวเหยี่ยนยิ้มกว้างมากยิ่งขึ้ย หลิงอวี้จื้อมักจะเป็นเช่นนี้เสมอ ดีใจกับอะไรง่ายๆ รอยยิ้มของนางดุจดั่งหวานล้ำเฉกเช่นที่ผ่านเสมอและทำให้ผู้ที่พบเห็นอดที่จะสดชื่นอารมณ์ดีขึ้นมาไม่ได้
มองไปยังมั่วชิงที่อยู่ข้างกาย หลิงอวี้จื้อค่อยเก็บอาการและรอยยิ้มแล้วสั่งการว่า
“ฝังหรูเยียนให้เรียบร้อยก็แล้วกัน นำนางกลับไปที่บ้านเกิด”
“เรื่องนี้ให้เป็นหน้าที่ของข้าน้อยจัดการเองเจ้าค่ะ”
อย่างไรก็รู้จักกันมาตั้งหลายปี แม้ว่ามั่วชิงจะไม่ชอบในการกระทำของหรูเยียน แต่หรูเยียนก็ได้ตายไปแล้ว นางจึงหวังที่จะให้หรูเยียนกลับสู่ผืนดินอย่างสงบ
ตอนที่ 739 ครองราชย์เป็นฮ่องเต้
เรื่องราวหลังจากนั้นก็ดำเนินไปอย่างราบรื่น หลิงอวี้จื้อเดินทางกลับเมืองหลวงพร้อมกับเซียวเหยี่ยน ซึ่งกองทัพของเซียวเหยี่ยนสามารถพิชิตเมืองหลวงได้อย่างราบรื่น เมื่อมีราชโองการสละราชบัลลังก์ของเฉินมั่วฉือ บรรดาขุนนางทั้งหลายก็ต้องยอมศิโรราบ เซียวเหยี่ยนจึงสามารถขึ้นครองราชย์เป็นฮ่องเต้ได้อย่างราบรื่น เขาแต่งตั้งหลิงอวี้จื้อเป็นฮองเฮา เปลี่ยนชื่อราชวงศ์เป็นหยวน รายพระนามที่จารึกในประวัติศาสตร์คือเทียนหยวนตี้ นับตั้งแต่นี้ตระกูลเฉินแห่งราชวงศ์ซีเว่ยก็สูญสิ้นไปจากแผ่นดินโดยสมบูรณ์ เซียวเหยี่ยนกลายเป็นฮ่องเต้แห่งราชวงศ์ใหม่
แลเนื่องจากหลิงอวี้จื้อเปลี่ยนร่าง เซียวเหยี่ยนจึงต้องจัดเตรียมฐานะใหม่ให้กับนาง เพื่อให้นางขึ้นเป็นฮองเฮาได้อย่างถูกต้องสมบูรณ์
หลิงอวี้จื้อพำนักอยู่ในวังหลัง และเพราะก่อนหน้านี้ตำหนักจาวหยางถูกเผาจนวอด นางจึงพำนักอยู่ที่ตำหนักเฟิงเสียง ตำหนักเฟิงเสียงปล่อยว่างมานานซึ่งแต่ก่อนเคยเป็นตำหนักที่พำนักของกุ้ยเฟยนั่นเอง
หลังจากที่ขึ้นครองราชย์เซียวเหยี่ยนก็มีราชกิจมากมายในทุกวัน เขาต้องเข้ามาจัดการดูแลราชสำนักให้มั่นคง กวาดล้างพวกก๊กของราชวงศ์ก่อนที่ยังหลงเหลืออยู่ให้สิ้นซาก ส่วนหลิงอวี้จื้อเองก็ต้องรับหน้าที่ดูแลวังหลังซึ่งก็ยุ่งเหยิงไม่แพ้กัน จวนอ๋องเทียบไม่ได้เลยกับวังหลัง แม้ว่าเซียวเหยี่ยนจะไม่มีนางสนม แต่ผู้คนที่อาศัยอยู่ในวังหลังก็มีจำนวนมาก ต้องดูแลจัดการวังหลังให้เป็นระเบียบเรียบร้อยนับเป็นงานที่ไม่ง่ายเลยทีเดียว
คนสองทั้งต่างก็ยุ่งหยิงกับภารกิจของตน และหลิงอวี้จื้อในเวลานี้ตั้งครรภ์ย่างเข้าสู่เดือนที่แปดแล้ว ท้องของนางจึงนูนขยายขึ้นเป็นอย่างมาก หลังจากที่อ่านรายชื่อทั้งหมดจนครบแล้วหลิงอวี้จื้อก็วางฎีกาในมือลง มั่วชิงเห็นดังนั้นก็รีบวางหมอนหนุนลงที่หลังเอวของหลิงอวี้จื้อทันทีเพื่อให้นางได้เอนพิง บัดนี้มั่วชิงมิต้องออกไปทำภารกิจเฉกเช่นเมื่อก่อนอีกแล้วดังนั้นจึงต้องเรียนรู้ที่จะปฏิบัติเรื่องเหล่านี้เอาไว้
“วังหลังเรื่องให้ต้องจัดการมากมายถึงเพียงนี้ เป็นฮองเฮาก็ไม่ง่ายเหมือนกันนะนี่”
หลิงอวี้จื้อรำพึงรำพัน
“ฮองเฮาเพคะ หากว่าพระองค์ทรงเหน็ดเหนื่อยละก็ ทรงสามารถเลือกสรรคนสักสองสามมาเพื่อช่วยดูแลจัดการแทนพระองค์ได้ บัดนี้ฮองเฮาทรงพระครรภ์แก่แล้ว มิควรที่จะเหน็ดเหนื่อยมากเกินไปนักนะเพคะ”
“ต่อให้มีคนมาช่วยดูแลจัดการ แต่ข้าก็ควรจะตรวจสอบด้วยตัวเองด้วย อาเหยี่ยนเพิ่งครองราชย์ ท้องพระคลั่งยังร่อยหรอ อะไรที่สามารถประหยัดได้ก็ควรที่จะประหยัด ข้าต้องดูแลเรื่องพวกนี้แทนเขา”
แม้ว่าจะขึ้นเป็นฮองเฮาแล้ว แต่หลิงอวี้จื้อกลับไม่คุ้นชินที่จะใช้คำเรียกแทนตัวเองที่แสดงถึงฐานะเท่าไรนัก ดังนั้นเมื่ออยู่ต่อหน้านางกำนัลคนสนิทจึงมักจะเรียกแทนตนเองว่า ‘ข้า’ ธรรดมดาอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งเซียวเหยี่ยนก็มิได้มีกฎเกณฑ์อะไรสำหรับหลิงอวี้จื้ออยู่แล้ว จึงอนุญาตให้นางกระทำเช่นนี้ได้
“โอ๊ย เจ้าตัวแสบถีบท้องข้าอีกแล้ว ไม่อยู่สุขเช่นนี้ เป็นไปได้มากว่าจะเป็นเด็กผู้ชาย”
หลิงอวี้จื้อมือลูบท้องของตนเองเบาๆ พร้อมกับรอยยิ้มขณะที่พูดกับเจ้าตัวน้อยไปด้วย
มั่วชิงสีหน้ายินดีปรีดา รีบเสริมขึ้นอีกว่า
“จะต้องเป็นองค์ชายน้อยแน่เพคะ”
“มั่วชิง เจ้าประคองข้าที อีกเพียงแค่เดือนเดียวข้าก็จะคลอดแล้ว ในหนึ่งเดือนนี้ข้าจะต้องเดินเหินให้มากๆ จะได้คลอดง่าย”
เมื่อนึกถึงว่าตนเองจะต้องคลอดลูก ทำให้หลิงอวี้จื้ออดที่จะตื่นกลัวไม่ได้ อย่างไรเสียที่นี่ก็เป็นยุคสมัยโบราณ ต่อให้เป็นในวังหลวงก็ตามแต่ก็คงไม่มีเครื่องไม้เครื่องมืออันทันสมัยเหมือนอย่างเช่นยุคปัจจุบัน การคลอดบุตรจึงนับเป็นเรื่องที่อันตรายเป็นอย่างมาก แน่อนอนว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดนั่นก็คือความเจ็บปวด
ที่ผ่านมานางเองก็เคยแสดงละครเป็นหญิงท้อง ทั้งยังเคยมีฉากที่จะต้องคลอดลูกมาบ้าง แต่นั่นก็เป็นเพียงแค่การแสดง ขนาดเป็นเพียงแค่การแสดงยังต้องกรีดร้องเจ็บปวดจวนเจียนจะขาดใจ ละครหนึ่งเรื่องกรีดร้องจนคอแหบเสียงแห้งไปหมด
ทว่านางกลับไม่รู้ว่าความเจ็บอยู่ในระดับไหน ทุกวันนางจึงอดไม่ได้ที่จะต้องเป็นกังวลโดยเฉพาะเมื่อใกล้คลอดเข้าไปทุกที ทั้งตื่นเต้นทั้งดีใจ จิตใจสับสนยิ่งนัก
มั่วชิงค่อยๆ ประคองหลิงอวี้จื้อลุกขึ้นยืนอย่างระมัดระวัง ยิ่งในช่วงท้ายทุกคนต่างก็ระมัดระวังเป็นอย่างมาก
ด้วยเกรงว่าจะเกิดความผิดพลาดขึ้นมาได้ ดูอย่างเซียวเหยี่ยน แม้เขาจะยุ่งกับราชกิจมากเพียงใด แต่ก็ยังต้องมาหาหลิงอวี้จื้อด้วยตัวเอง รับเครื่องเสวยเป็นเพื่อนนางทุกวัน เซียวเหยี่ยนให้ความสำคัญกับหลิงอวี้จื้อถึงเพียงนี้ ทุกคนในวังจึงไม่มีใครกล้าเมินเฉย
“มั่วชิง พี่ใหญ่ของข้ากลับมาแล้วหรือยัง?”
หลิงอวี้จื้อเอ่ยถาม
ทะลุมิติกลับมาอีกครั้งคราวนี้ หลิงไจ้เทียนได้จากโลกนี้ไปแล้วเพราะอาการเจ็บป่วย จวนเสนาบดีจึงมอบให้เป็นหน้าที่ของหลิงจื่อเซิ้งรับช่วงต่อ เพียงแต่ว่ามันไม่เหมาะกับหลิงจื่อเซิ้งเลยสักนิด นอกจากตำแหน่งอ๋องนี้แล้ว ในราชสำนัก หลิงจื่อเซิ้งยังต้องดำรงตำแหน่งเป็นขุนนางที่แสนจะว่างเว้นคนหนึ่งอีกด้วย ซึ่งตำแหน่งของเขาไม่มีความสลักสำคัญอะไรต่อราชสำนักเลยสักนิด ทำให้เขาถดถอยลงไปมาก แต่เฉินมั่วฉือก็ยังคงดูแลเขาเป็นอย่างดี ทั้งยังไม่เคยกลั่นแกล้งให้เขาต้องตกที่นั่งลำบากเลยสักครั้ง