ตอนที่ 740 แค้นของเสิ่นปี้
ต่อมาหลิงจื่อเซิ้งได้พาลู่ชิงชิงไปจากเมืองหลวง จากนั้นเขาก็หายสาบสูญไป สรุปก็คือเขามิได้กลับมาเหยียบเมืองหลวงอีกเลย
เดิมทีหลิงอวี้จื้อยังคิดไปว่าพวกเขาแอบหลบหลีกไปปลีกวิเวกเสียอีก ต่อมาเซียวเหยี่ยนถึงเพิ่งจะบอกกับนางว่าเขาส่งคนไปรับคนทั้งสองแล้วพาหลบหนี เพราะหากว่าเกิดการต่อสู้กันขึ้นมาจริงๆ พวกเขาจะได้ไม่ติดร่างแหไปด้วย
บัดนี้เซียวเหยี่ยนขึ้นครองราชย์เป็นฮ่องเต้ หลิงจื่อเซิ้งจึงพาลู่ชิงชิงกลับมา ต่อไปพวกเขาก็จะพำนักอยู่ที่เมืองหลวง นับๆ เวลาดูแล้ว พวกเขาคงจะเดินทางใกล้ถึงแล้ว ดังนั้นหลิงอวี้จื้อจึงได้เอ่ยถามขึ้น
“ฮองเฮาไม่ต้องทรงเป็นกังวลนะเพคะ วันพรุ่งนี้คุณชายใหญ่ก็จะเดินทางถึงเมืองหลวง”
“ไม่ได้พบชิงชิงตั้งนาน ข้าชักจะคิดถึงพวกเขาเสียแล้วสิ ได้ยินว่าพวกเขามีลูกด้วยกันสองคน เวลาช่างผ่านไปรวดเร็วเหลือเกิน พวกเขามีลูกถึงสองคนแล้วและอีกไม่นานเจ้าตัวแสบในท้องข้านี่ก็จะออกมาลืมตาดูโลกแล้วเช่นกัน”
“หากว่าเหนียงเนียงคิดถึงฮูหยิน ก็สามารถพำนักอยู่ในตำหนักเดียวกันกับฮูหยินสักระยะได้นะเจ้าคะ”
“นั่นมันแน่นอนอยู่แล้ว”
มั่วชิงประคองหลิงอวี้จื้อเดินเล่นอย่างช้าๆ อยู่ภายในอุทยาน ซึ่งหลิงอวี้จื้อจะต้องมาเดินเล่นที่นี่เกือบทุกวัน บัดนี้สู่ฤดูหนาวเต็มตัว ดังนั้นอากาศจึงหนาวเย็น มั่วชิงเกรงว่าหลิงอวี้จื้อจะหนาวจนไม่สบายไป ดังนั้นจึงเอ่ยเตือนว่า
“เหนียงเหนียง ด้านนอกหนาวเย็นนัก พวกเรารีบกลับเถอะเพคะ!”
“คนท้องไม่กลัวหรอกนะความหนาว ข้านั่งนานเกินไปแล้ว เจ้าเดินเล่นเป็นเพื่อนข้าอีกสักหน่อยเถอะนะ”
หลิงอวี้จื้อเดินไปโดยมีมั่วชิงประคองแขนไปด้วย
เมื่อเห็นมั่วชิงมีสีหน้าเป็นกังวลนางก็อดที่จะหัวเราะขึ้นมาไม่ได้
“พวกเราไปพักที่เรือนด้านหน้าตรงนั้นสักเดี๋ยวก็แล้วกัน เจ้าจะได้ไม่ต้องเป็นกังวลมากอีก”
“เป็นรับสั่งของฝ่าบาท ข้าน้อยมิกล้าละเลย”
“อาเหยียนทำให้พวกเจ้ากลัวได้ แต่ข้าไม่กลัวเขาเลยสักนิด”
หลิงอวี้จื้อนั่งพักที่ศาลา สายลมเย็นที่พัดพาเข้ามากระทบทำให้นางถึงกับขมวดคิ้วน้อยๆ เอาแต่นั่งอยู่ในตำหนักอันอบอุ่นทุกวัน นี่นางไม่รู้เลยว่าด้านนอกหนาวเย็นถึงเพียงนี้
ทันใดนั้นเกิดเสียงสวบสาบดังแว่วเข้ามา มั่วชิงรับรู้ได้จึงกระโดดเข้าไปตรวจตราในพุ่มไม้ ทว่านางกลับเห็นเพียงแค่แมวสีดำตัวหนึ่งเท่านั้น ทันใดนั้นเมื่อมั่วชิงหันหน้ากลับมาภาพที่เห็นตรงหน้าก็ทำให้นางต้องตกใจเป็นอย่างมาก
หญิงคนหนึ่งที่สวมใส่ชุดนางกำนัลในมือถือปิ่นปักผมอันแหลมคมจ่ออยู่ที่ลำคอของหลิงอวี้จื้อ แมวสีดำเมื่อครู่เบี่ยงเบนความสนใจของนางออกไป
“เสิ่นปี้ เป็นเจ้า”
แม้ว่านางกำนัลผู้นี้จะเอาแต่ก้มหน้าตลอดเวลา แต่หลิงอวี้จื้อเห็นเพียงปราดเดียวก็จดจำได้ในทันทีว่านางคือเสิ่นปี้
นัยน์ตาของเสิ่นปี้สว่างวาบด้วยความเคียดแค้น ครึ่งปีที่ผ่านมานางหลบซ่อนตัวอยู่ภายในตำหนักเย็น เพื่อแอบจับตาดูทุกการเคลื่อนไหวของหลิงอวี้จื้ออย่างลับๆ จึงรู้ว่าหลิงอวี้จื้อชื่นชอบมาเดินเล่นที่นี่เป็นประจำ อีกทั้งจะพามั่วชิงมาด้วยทุกครั้ง นางถึงได้ใช้แมวดำเพื่อล่อให้มั่วชิงออกไป เพื่ออาศัยโอกาสนี้ในการลงมือ นางรอคอยโอกาสนี้มานานเหลือเกิน
นางต้องตกอยู่ในสภาพดั่งเช่นวันนี้ แต่หลิงอวี้จื้อกลับก้าวขึ้นเป็นฮองเฮาอย่างสง่างาม ทั้งยังมีครรภ์มังกร และอีกไม่นานก็จะให้กำเนิดเด็กคนนี้ออกมา
แล้วจะให้นางยอมได้อย่างไรกัน หลิงอวี้จื้อร้ายนางจนตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ ทำให้นางกลายเป็นคนใบ้ วินาทีที่กระบี่เล่มนั้นตวัดอักษรว่า ‘อัปลักษณ์’ นั้นลงไป นางไม่มีวนลืมเลือน
หลิงอวี้จื้อรู้ดีว่าเสิ่นปี้เคียดแค้นตนเองมากเพียงใด นางและเสิ่นปี้คือศัตรูคู่แค้นที่ต้องตายกันไปข้างหนึ่ง และบัดนี้นางก็กำลังตั้งครรภ์ ทั้งอีกไม่นานก็จะให้กำเนิดลูก หลิงอวี้จึงมิกล้าผลีผลามขยับตัว มิเช่นนั้นอาจเป็นอันตรายต่อลูกในท้อง เพราะเสิ่นปี้ในตอนนี้ก็เปรียบเสมือนคนบ้าคลั่ง นางไม่กลัวตายอยู่แล้ว
“ปล่อยเหนียงเนียงเดี๋ยวนี้นะ”
เสิ่นปี้ไม่พูดจาได้แต่จ้องมองมั่วชิงกลับด้วยสายตาเหี้ยมเกรีมเคียดแค้น นางกำลังใช้สายตาบอกกับมั่วชิงว่านางไม่ทางปล่อยหลิงอวี้จื้อไป ที่นางมีชีวิตอยู่ตอนนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับตาย เพียงแต่ว่านางไม่ยอมที่จะตายไปเช่นนี้เพียงลำพัง นางจะลากเอาลิงอวี้จื้อไปตายด้วยกัน
“เสิ่นปี้ เจ้าอยากออกจากวังมิใช่หรือ ขอเพียงเจ้าปล่อยข้า ข้าจะปล่อยเจ้าออกจากวังให้เจ้าได้มีชีวิตใหม่ที่ดี”
สิ้นคำของหลิงอวี้จื้อ มือที่กำปิ่นปักผมเอาไว้ของเสิ่นปี้ก็เพิ่มแรงกดมากยิ่งขึ้น จนหลิงอวี้จื้อรับรู้ได้ถึงความเจ็บปวดที่เกิดขึ้น
นางไม่พูดอะไรเลยจะดีกว่า จะได้ไม่เป็นการไปกระตุ้นหญิงวิปริตผู้นี้ด้วย
ตอนที่ 741 ประหารเฉินปี้
องครักษ์โดยรอบต่างเข้ามาล้อมเฉินปี้ไว้อย่างแน่นหนา นอกจากองครักษ์แล้ว ผู้ที่เร่งรุดเข้ามาอีกคนก็คือเซียวเหยี่ยน
เซียวเหยี่ยนคิดไม่ถึงว่าเฉินปี้จะยังมีชีวิตอยู่ ทั้งยังหาโอกาสจับตัวหลิงอวี้จื้อไว้จนได้ เขากวาดสายตามองเฉินปี้ด้วยแววเย็นเยียบ “ปล่อยนาง”
เฉินปี้พูดไม่ได้ เพียงยิ้ม คอของหลิงอวี้จื้อมีรอยเลือดสีแดงปรากฏขึ้นแล้ว
“เฉินปี้ หากเจ้ากล้าแตะต้องนาง ตระกูลเฉินเก้าชั่วโคตรต้องถูกประหารทั้งหมด เราจะไม่ละเว้นแม้เพียงสักคน”
เซียวเหยี่ยนพูดเน้นย้ำทีละคำ เฉินปี้เบิกตากว้างขึ้น นัยน์ตาหดเล็กลง มือที่กำปิ่นปักผมอยู่สั่นระริกเล็กน้อย
ตระกูลเฉินพังทลายไปสิ้นแล้ว นางไม่มีที่พึ่งมาตั้งนานแล้ว คิดไม่ถึงว่าเซียวเหยี่ยนจะเอาตระกูลเฉินเก้าชั่วโคตรมาขู่นาง คนพวกนั้นมีความเกี่ยวข้องอันใดกับนางหรือ เซียวเหยี่ยนทำเช่นนี้ก็รังแต่จะทำให้ตนเองถูกจารึกเป็นฮ่องเต้จิตใจโหดเหี้ยม เขาใช้เรื่องนี้มาข่มขู่นางไม่ได้หรอก
เมื่อคิดถึงตรงนี้ เฉินปี้ก็กำปิ่นในมือแน่นขึ้นอีกครา แล้วใช้แรงกดลงไปบนลำคอของหลิงอวี้จื้อ ความเจ็บปวดแล่นผ่านเข้ามา เลือดสดๆ ไหลออกมา
“เฉินปี้ เจ้าคิดให้ดีๆ ฆ่าข้าแล้วเจ้าก็จะไม่มีแม้โอกาสจะฆ่าตัวตาย ฝ่าบาทไม่มีทางฆ่าเจ้าแน่ แต่จะให้เจ้าอยู่ไม่สู้ตาย ถึงตอนนั้นก็จะกลายเป็นคนพิการ ตายไม่ได้ อยู่ก็ทรมาน มีชีวิตผ่านไปวันๆ นับสิบๆ ปี รสชาติเช่นนั้นช่างทรมานยิ่ง เจ้าแน่ใจว่าจะทนได้ ทั้งยังมีตระกูลเฉินของเจ้าอีก ต่อให้เป็นญาติห่างๆ ไม่ได้สนิทชิดใกล้อันใดกับเจ้า แต่หากพวกเขาตายทั้งตระกูลเพราะเจ้าเพียงคนเดียว เมื่อไปปรโลกเจ้าจะมีหน้าไปพบบรรพบุรุษหรือ คนคนเดียวทำลายคนทั้งตระกูล เจ้าจะเป็นคนบาปของตระกูลทันที ความผิดนี้เจ้าแบกรับไว้ได้จริงๆ หรือ”
เซียวเหยี่ยนฉวยโอกาสตอนที่เฉินปี้กำลังเสียสมาธิขว้างมีดสั้นเล่มหนึ่งออกไป มีดสั้นนั้นไปปักที่หลังมือของเฉินปี้พอดี เฉินปี้เจ็บจนต้องปล่อยมือ เซียวเหยี่ยนจึงพุ่งเข้าไปเตะเฉินปี้แล้วดึงหลิงอวี้จื้อเข้ามาไว้ในอก
หลังจากที่เซียวเหยี่ยนถีบเฉินปี้กระเด็นไปแล้ว มั่วชิงก็เข้าไปจับตัวเฉินปี้ไว้ทันที
เฉินปี้รู้ว่าตนทำอะไรไม่ได้แล้ว ร่างทั้งร่างจึงอ่อนระทวยลงคล้ายโคลนเหลวก้อนหนึ่ง
เซียวเหยี่ยนเอ่ยด้วยสีหน้าโกรธเกลียดว่า “ลากตัวไปประหารเดี๋ยวนี้”
เฉินปี้หัวเราะออกมา แต่การหัวเราะนั้นกลับไม่มีเสียงเลยสักแอะ มีเพียงน้ำตาที่ไหลออกมา ไม่ง่ายเลยที่นางจะมีโอกาสนี้ แต่กลับยังฆ่าหลิงอวี้จื้อไม่ได้ ทั้งสุดท้ายก็ต้องมาตายเพราะหลิงอวี้จื้อ หรือนี่คือโชคชะตา
ช่วงสุดท้ายในชีวิตของนาง ไม่เหลืออะไรเลย แต่หลิงอวี้จื้อกลับได้ทุกอย่าง นางไม่ยอม แม้ตายนางก็ไม่ยอม ทว่าชะตาชีวิตเช่นนี้ถึงนางไม่อยากจะยอมรับก็คงต้องยอมรับ
เซียวเหยี่ยนกอดหลิงอวี้จื้อไว้ในอกแน่น แล้วถามด้วยความเป็นห่วงว่า “อวี้จื้อ บาดเจ็บที่ใดหรือไม่”
“สบายมาก” หลิงอวี้จื้อยิ้มออกมา “อาเหยี่ยน ฝีมือท่านช่างแม่นยำจริงๆ ตอนเห็นมีดสั้นลอยมา ใจข้าเต้นแรงยิ่ง กลัวว่ามันจะโดนข้า”
“จะโดนเจ้าได้อย่างไร ไม่เชื่อใจข้าเพียงนั้นเชียวหรือ”
“เมื่อครู่ท่านอารมณ์ไม่มั่นคง ข้าก็เลยไม่ค่อยมั่นใจเท่าไร” หลิงอวี้จื้อเอ่ยเย้าเขาด้วยรอยยิ้ม ความจริงแล้วเมื่อครู่เธอตกใจมากจริงๆ กลัวว่าเฉินปี้จะทำร้ายเธอจนกระทบกระเทือนถึงเด็กในท้อง
“ข้าจะพาเจ้ากลับไปรักษาแผลเดี๋ยวนี้”
หลิงอวี้จื้อจึงนึกขึ้นได้ว่าบนคอตนมีเลือดออก นี่เป็นครั้งที่เท่าไรไม่รู้ที่ถูกปิ่นแทงที่ลำคอ เธอจำไม่ได้เสียแล้ว คงพูดได้เพียงว่าเธอช่างมีวาสนากับปิ่นปักผมเหลือเกิน
เซียวเหยี่ยนอุ้มหลิงอวี้จื้อขึ้นแล้วเดินไปที่ตำหนักบรรทม เขาเดินเร็วยิ่ง หลิงอวี้จื้อซบลงที่อกเขาแล้วเอ่ยเสียงแผ่วว่า “อาเหยี่ยน เด็กดื้อในท้องข้า ถีบข้าอีกแล้ว เมื่อครู่เขาคงตกใจมากเป็นแน่”
“ต่อไปถ้าไม่มีข้าอยู่ด้วย ห้ามเจ้าออกมาข้างนอกเด็ดขาด”
“ไม่นะ” หลิงอวี้จื้อทำปากจู๋อย่างไม่ยินยอม