บทที่ 426 มาช้าไปหนึ่งก้าว

รักหวานอมเปรี้ยว

มายมิ้นท์ไม่กล้าขยับแล้ว

เมื่อเห็นว่าเธอเชื่อฟังมาก ชายร่างใหญ่ก็เลิกทำให้เธอลำบากใจ คลายความแรงของมือลง

ในเวลาต่อมา มายมิ้นท์รู้สึกว่าร่างกายส่วนบนของเธอถูกยกขึ้นอย่างมาก

เธอรู้สึกคลุมเครือ ว่าทั้งสองคนนั้นดูเหมือนกำลังจะยัดเธอเข้าไปในรถ

เป็นจริงอย่างที่คาดไว้ มือเท้าของมายมิ้นท์ถูกคลายออกในเวลาเดียวกัน ร่างกายของเธอลอยกลางอากาศ ถูกโยนลงบนสิ่งที่ไม่นุ่มและก็ไม่แข็งเกินไป

เธอสัมผัสสิ่งของที่อยู่บนร่างกายของเธอ และรับรู้ได้ว่ามันคือเบาะรถ หัวใจเต้นแรงกะทันหัน

ได้พาเธอขึ้นไปบนรถจริงๆด้วย

คนพวกนี้ จะลักพาตัวเธอไป!

เมื่อตระหนักถึงสิ่งนี้ ร่างกายของมายมิ้นท์ ก็สั่นระริกขึ้นมา

ไม่ได้ เธอต้องไม่ถูกลักพาตัวไป ไม่มีใครรู้เลย ว่าสองคนนี้จะพาเธอไปที่ไหน

ถ้าเธอถูกพาไปที่ภูเขาที่รกร้างว่างเปล่า ชะตากรรมของเธอสามารถจินตนาการได้เลย

ต้องวิ่ง!

ในหัวสมองนั้นลอยมาด้วยคำสองคำนี้ มายมิ้นท์รีบลุกขึ้นนั่งทันที

แต่ในความเป็นจริงมักโหดร้าย

เธอพึ่งลุกขึ้นนั่ง ก็มีชายร่างใหญ่จับแขนของเธอไว้อีกครั้ง และเอาแขนของเธอไขว้หลังทันที จากนั้นก็ได้จับเธอนั่งที่เบาะรถอย่างหนัก

ใบหน้าของมายมิ้นท์ถูกเบาะรถที่มีผิวหยาบกระด้างนั้นถูไถจนเจ็บ ทนไม่ไหวและกรีดร้องออกมา“โอ๊ยเจ็บ ปล่อยนะ!”

ชายร่างใหญ่ที่คุมมายมิ้นท์ไว้จะปล่อยเธอไปได้อย่างไร แถมยังจะเอาอะไรมาปิดปากเธอทันที

มันเป็นเทป

คราวนี้ มายมิ้นท์ก็เหมือนเมื่อสักครู่ ไม่สามารถส่งเสียงได้เลย

ชายร่างใหญ่คนนั้นได้พูดอีกว่า:“พอได้แล้ว เอาเชือกมามัดเธอให้เรียบร้อย พวกเราก็ควรไปได้แล้ว อยู่ที่นี่นานเกินไปมันจะเป็นปัญหาเอา หากว่าตำรวจมาก็แย่กันหมดเลย”

“ผมรู้”ชายร่างใหญ่อีกคนได้ตอบกลับ จากนั้นมายมิ้นท์ก็รู้สึกว่าขาตัวเอง ถูกเชือกมัดไว้แล้ว

ข้างนอกนั้น ป้าทิพย์เห็นว่ามายมิ้นท์ถูกจับเข้าไปในรถตู้ รีบร้อนจนไม่สนความเจ็บปวดของตัวเองเลย เธอพยายามจะลุกขึ้น ไปช่วยมายมิ้นท์ออกมา

แต่เธอยังคงประเมินอาการบาดเจ็บของเธอสูงเกินไป ที่ล้มเมื่อสักครู่ ทำให้เอวเธอกระแทกอย่างแรง

ฉะนั้นพอลุกขึ้นได้ ก็ล้มลงพื้นอย่างหนักอีกครั้ง กระดูกสันหลังได้รับบาดเจ็บทันที และความเจ็บปวดก็ยิ่งหนักขึ้นไปอีก

ป้าทิพย์รู้ว่าตัวเองลุกไม่ขึ้นแล้ว ด้วยแรงของตัวเองนั้น ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะช่วยมายมิ้นท์ออกมา

ดังนั้น เธอหันไปมองผู้คนที่สัญจรไปมารอบๆ ตัว อ้อนวอนอย่างเร่งรีบว่า:“ขอร้องล่ะทุกคน ได้โปรดช่วยคุณหนูของฉันหน่อย หากว่าพวกคุณช่วยคุณหนูของฉัน คุณชายใหญ่ต้องตอบแทนพวกคุณอย่างแน่นอน ขอร้องล่ะทุกคน”

ชายร่างใหญ่ที่อยู่ในรถตู้นั้นมีเพียงแค่สองคน แต่ผู้คนที่สัญจรไปมามีตั้งเยอะ หากพวกเขาเข้าไปช่วย คุณมายมิ้นท์ต้องได้รับความช่วยเหลือแน่ๆ

แต่ป้าทิพย์กลับมองข้ามความขี้ขลาดและความเฉยเมยในจิตใจของผู้คนไป

เจตนาที่แท้จริงของผู้คนที่สัญจรไปมานั้นแค่มารับชม

พอในตอนนี้ได้ยินเสียงป้าทิพย์เรียกร้องให้พวกเขามาช่วยคน พวกเขาก็รีบถอยหลังทันที และบางคนถึงกับแยกย้ายกันไปและจากไปที่นี่ ท่าทีที่จะไม่ช่วยเหลือก็แสดงออกมาอย่างชัดเจน

พวกเขาเห็นใจผู้หญิงที่ถูกพาขึ้นรถไป แต่ความเห็นอกเห็นใจไม่ได้แปลว่าต้องกล้ายืนหยัดเพื่อสิ่งที่ถูกต้อง ถ้าบาดเจ็บขึ้นมาล่ะจะเป็นยังไง?

ผู้คนนั้นแสนจะเห็นแก่ตัวกันทั้งนั้น และพวกเขาต้องการปกป้องตนเองมากกว่าการไปช่วยเหลือผู้อื่น

เมื่อป้าทิพย์เห็นผู้คนที่สัญจรไปมาเหล่านี้ไม่มีใครที่เต็มใจจะก้าวเข้าไปช่วยเลย ในใจนั้นเย็นเยือกไปหมด ความสิ้นหวังเต็มไปหมดทั้งบนใบหน้าและดวงตาของเธอ

เธอชี้ไปที่คนเหล่านี้ด้วยนิ้วที่สั่นเทา“พวกคุณ……พวกคุณ……”

ผู้คนที่ถูกเธอชี้ไป ก็หันศีรษะ และได้มองไปทางอื่นกันหมด เนื่องด้วยความละอายใจจึงไม่กล้าสบตาเธอ

เพราะพวกเขาเองก็รู้ถึงความเฉยเมยของตัวเอง

ในท้ายที่สุด ป้าทิพย์มองดูรถตู้ที่ขับจากไปโดยทำอะไรไม่ได้เลย นั่งเสียใจร้องไห้อยู่บนพื้น ในใจเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด

รู้สึกผิดที่ตัวเองดูแลคุณมายมิ้นท์ได้ไม่ดีพอ ไม่ได้ช่วยคุณมายมิ้นท์เอาไว้

“ประธานเปปเปอร์ ดูเหมือนว่าข้างหน้าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น มีคนไปล้อมรอบมากมาย”ไม่ไกลนัก มีรถไมบัคที่กำลังมุ่งหน้ามาที่นี่ ผู้ช่วยเหมันตร์มองเห็นผู้คนที่อยู่ข้างหน้าและอดไม่ได้ที่จะพูดออกมา

เดิมทีแล้วเปปเปอร์นั้นไม่ได้สนใจอะไรที่มันครึกครื้นทั้งนั้น แต่ครั้งนี้ไม่รู้ว่าทำไม มองดูกลุ่มคนที่อยู่ข้างหน้าแล้ว รู้สึกไม่สบายใจอย่างมาก

รถจอดอยู่ในที่จอดรถไม่ห่างจากฝูงชนมากนัก ผู้ช่วยเหมันตร์เปิดประตูรถลงไป จริงๆจะไปเปิดประตูหลังรถ แต่เปปเปอร์กลับเปิดลงมาเอง

เปปเปอร์หรี่ตาลงเล็กน้อยพร้อมจ้องไปที่ผู้คนเหล่านั้น “คุณไปดูหน่อย ว่าเกิดอะไรขึ้น”

“เอ๋?”ผู้ช่วยเหมันตร์ตกตะลึงเล็กน้อยกับคำสั่งของเขา

เพราะว่าผู้ช่วยเหมันตร์รู้ดีว่าเปปเปอร์เป็นคนที่ไม่ชอบความครึกครื้นอยู่แล้ว

ดังนั้นนั่นเป็นเหตุผลที่เมื่อได้ยินคำพูดของเปปเปอร์แล้ว จึงมีปฏิกิริยาตอบสนองอย่างมาก

แต่ทว่าผู้ช่วยเหมันตร์ไม่ได้ถามเปปเปอร์ว่าทำไมจู่ๆ ถึงอยากไปดูว่าความครึกครื้นนั่น หันหลังเดินตรงไปทางกลุ่มคน

เมื่อเขามาถึงบริเวรรอบๆ ของกลุ่มคน ผู้ช่วยเหมันตร์ได้ยินคำพูดต่างๆ เช่น รถตู้ ชายร่างใหญ่ การลักพาตัว และอื่นๆ

จากคำพูดเหล่านี้ เขาสรุปได้อย่างรวดเร็วในใจว่าเกิดอะไรขึ้น

มีคนถูกชายร่างใหญ่ที่ขับรถตู้ลักพาตัวไป

กลางวันแสกๆ ยังมาลักพาตัวกันตรงหน้าประตูโรงพยาบาลนิวเวอร์ ช่างกล้าเหลือเกิน

เมื่อผู้ช่วยเหมันตร์ต้องการกลับไปที่เปปเปอร์ และรายงานกับเปปเปอร์ว่าเกิดอะไรขึ้น ทันใดนั้นเสียงร้องไห้ที่คุ้นเคยก็ดังขึ้น

เสียงร้องไห้นี้ ทำให้สีหน้าของผู้ช่วยเหมันตร์นั้นเปลี่ยนทันที

นี่มัน……เสียงของป้าทิพย์!

หรือว่า……

ผู้ช่วยเหมันตร์ไม่กล้าคิดอีกต่อไป และรีบผลักกลุ่มคนเบียดเข้าไป เพื่อดูว่าคนที่ร้องไห้อยู่ใจกลางกลุ่มคนคือป้าทิพย์หรือไม่

ไม่ไกลนัก เปปเปอร์เห็นใบหน้าของผู้ช่วยเหมันตร์เปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน และเห็นผู้ช่วยเหมันตร์จู่ๆก็เร่งรีบเข้าไปในกลุ่มคนอีก ความวิตกกังวลในใจของเขาก็รุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ

เขายืนรอไม่ไหว ก็ได้ก้าวเท้ายาวตามไปด้วย

ที่ตรงนั้น ผู้ช่วยเหมันตร์สามารถเบียดตัวเข้าไปท่ามกลางกลุ่มคนได้สำเร็จ และเห็นป้าทิพย์ที่นั่งอยู่บนพื้น ท่าทางของเธอบิดเบี้ยว และเธอก็หยุดร้องไห้ไม่ได้

ผู้ช่วยเหมันตร์เหมือนตกลงไปในห้องใต้ดินน้ำแข็ง ตกตะลึงไปชั่วขณะ

ป้าทิพย์ถูกล้อมรอบไปด้วยกลุ่มคน ร้องไห้อย่างไร้ซึ่งความหวังเช่นนี้ แต่กลุ่มคนยังคงชี้ที่ป้าทิพย์ พูดเรื่องอะไรลักพาตัวกันอยู่

ฉะนั้นแล้วเรื่องมันได้ชัดเจนพอแล้ว ว่าคุณมายมิ้นท์ถูกลักพาตัวไป

เพราะว่าป้าทิพย์เป็นคนที่มาตรวจดวงตาเป็นเพื่อนคุณมายมิ้นท์น่ะสิ และตอนนี้มีแค่ป้าทิพย์ที่อยู่ ไม่เห็นแม้แต่เงาของคุณมายมิ้นท์ ดังนั้นคนที่ถูกลักพาตัวนั้น มีแค่เพียงคุณมายมิ้นท์เท่านั้น

“ป้าทิพย์!”ผู้ช่วยเหมันตร์ได้ตะโกนเรียก

พอป้าทิพย์ได้ยินเสียงของเขา หยุดร้องไห้ไปชั่วขณะ จากนั้นก็รีบเงยหน้าขึ้นมา หันไปมอง

คนที่มองเห็นนั้นผู้ช่วยเหมันตร์จริงๆ ป้าทิพย์รีบตะโกนตอบกลับ:“เหมันตร์ให้ไว รีบไปช่วยคุณมายมิ้นท์เร็ว คุณมายมิ้นท์ถูกคนลักพาตัวไปแล้ว!”

เป็นอย่างที่คิดไว้ไม่มีผิด!

การคาดเดาได้รับการยืนยันแล้ว ผู้ช่วยเหมันตร์กลับสูดหายใจเข้าลึกๆ และขณะที่กำลังจะพูด

บนทางที่แสนจะเย็นยะเยือกนั้น น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความโกรธเคืองได้ดังขึ้น“คุณพูดอะไรนะ?มายมิ้นท์ถูกคนลักพาตัวไปแล้ว?”

คือเปปเปอร์

เขาไม่รู้ว่าเขาแทรกเข้ามาในกลุ่มคนนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ และเขาได้ยินคำพูดของป้าทิพย์พอดี นัยน์ตาสีเหล็กเหมือนมีกองไฟลุกโชน

ไม่น่าแปลกใจที่เขารู้สึกไม่สบายใจเมื่อเห็นกลุ่มคนเหล่านั้น

ที่แท้ก็เป็นมายมิ้นท์นั่นเองที่ถูกคนลักพาตัวไป!

“คุณชายใหญ่……”ป้าทิพย์ไม่กล้าที่จะเผชิญหน้ากับเปปเปอร์เล็กน้อย

อย่างไรเสียก็เป็นเปปเปอร์ที่ฝากมายมิ้นท์ให้กับเธอ ให้เธอดูแลเธอให้ดี

และเธอไม่เพียงแต่ดูแลไม่ดี แต่กลับทำมายมิ้นท์หาย ดังนั้นเธอรู้สึกผิดต่อความไว้วางใจของเปปเปอร์

เปปเปอร์ไม่รู้ว่าป้าทิพย์กำลังคิดอะไรอยู่ และไม่อยากรับรู้ เขาเดินมาอย่างเร่งรีบมาถึงตรงหน้าของป้าทิพย์ ถามด้วยน้ำเสียงที่แสนจะเย็นเยือกว่า“เมื่อกี้คุณพูดว่าอะไรนะ มายมิ้นท์ถูกคนลักพาตัวไปหรือ ใครเป็นคนพาไป?”

“ฉันไม่รู้” ป้าทิพย์พยักหน้าเร็วไว“ฉันรู้เพียงแค่เป็นชายร่างใหญ่สองคน และชายร่างใหญ่สองคนนั้นแลดูเป็นคนดุร้ายมาก น่าจะเป็นอันธพาลที่คนอื่นจ้างมา พวกเขาจับคุณมายมิ้นท์เข้าไปในรถตู้ทันทีแล้วก็จากไปเลย”

“รถตู้?”น้ำเสียงของเปปเปอร์เย็นเยือกกว่าเดิม และสายตามองไปทางถนน “รถตู้คันนั้นขับไปทางไหนแล้ว?ป้ายทะเบียนรถล่ะ?”

“ได้ขับไปข้างหน้าแล้ว ไม่ทราบป้ายทะเบียนรถ รถตู้คันนั้นไม่ได้ใส่ป้ายทะเบียนรถไว้เลย” ป้าทิพย์ได้ตอบกลับ

“โอเค เข้าใจแล้ว”เปปเปอร์พูดด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึมอยู่ไม่กี่คำ หันกลับแล้วแทรกออกจากกลุ่มคน เดินกลับไปที่รถอย่างเร่งรีบ ขับรถตามที่ป้าทิพย์ชี้ให้ไปทันที