“ประธานเปปเปอร์……”ผู้ช่วยเหมันตร์ยื่นมือออกไป อยากจะเรียกเปปเปอร์ก็ไม่ทัน ทำได้เพียงมองดูเขาที่หายไปจากสุดขอบถนน
ช่วยไม่ได้ ผู้ช่วยเหมันตร์ทำได้เพียงวางมือลง มองไปทางป้าทิพย์“ป้าทิพย์ ประธานเปปเปอร์น่าจะไปไล่ตามรถตู้คันนั้นไปแล้ว”
“ถ้างั้นก็ดีๆ” ป้าทิพย์ถอนหายใจอย่างโล่งอกขึ้นมาทันที พยักหน้ารัวๆ และรีบปาดน้ำตาไม่ร้องไห้แล้ว
สำหรับเธอมองว่า เพียงแค่คุณชายใหญ่ออกโรง เรื่องทุกอย่างก็จะแก้ได้หมด
“จะว่าไปป้าทิพย์ ทำไมคุณถึงนั่งอยู่บนพื้นนี้ล่ะ?”ผู้ช่วยเหมันตร์พึ่งนึกขึ้นมาได้ ว่าตอนที่ตัวเองเห็นป้าทิพย์ ป้าทิพย์ก็นั่งอยู่บนพื้นอยู่แล้ว ไม่ได้ลุกขึ้นมาเลย และอีกอย่างท่าทางก็แปลกประหลาดมาก
ป้าทิพย์เอามือนวดไปตรงเอวของตัวเอง ยิ้มแห้งและกล่าวว่า:“ตอนที่คุณมายมิ้นท์ถูกจับไป เดิมทีฉันต้องการเข้าไปดึงเธอออกมา แต่สุดท้ายกลับถูกคนผลักลงบนพื้น เอวได้รับบาดเจ็บ ตอนนี้ลุกไม่ขึ้นเลย”
“อะไรนะ?”ผู้ช่วยเหมันตร์เสียงสูง
ถึงว่าทำไมป้าทิพย์ไม่ลุกขึ้นสักที
ที่แท้ก็เพราะได้รับบาดเจ็บนั่นเอง!
แถมยังสาหัสหนักอีกด้วย!
“ไม่ได้การละ ผมต้องส่งคุณไปที่โรงพยาบาล”ขณะที่พูด ผู้ช่วยเหมันตร์ได้เดินตรงไปหา อุ้มป้าทิพย์ทันที และรีบวิ่งตรงไปที่โรงพยาบาลนิวเวอร์
ในไม่ช้า ป้าทิพย์ก็ถูกส่งไปที่ห้อง CT ของแผนกกระดูก
ผู้ช่วยเหมันตร์ยืนรออยู่ที่หน้าห้อง CT และระหว่างที่รอ เขาหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาโทรไปหาเปปเปอร์
เปปเปอร์จับพวงมาลัยรถอย่างแน่น เขามองไปยังทางสี่แยกข้างหน้าด้วยดวงตาที่เย็นเฉียบจนชวนให้หนาวสะท้าน รอบกายแผ่รังสีอำมหิตคุกคามออกมาได้ลดลง
ทางสี่แยก……
ในตอนนี้เขาไม่รู้เลยว่าควรขับไปทางไหนต่อแล้ว
เพราะว่าเขาไม่รู้ รถตู้ของคนที่ลักพาตัวมายมิ้นท์ไปนั้น ขับไปทางไหน!
“ให้ตายเถอะ!”เปปเปอร์กำหมัด ใบหน้าเคร่งขรึมนั้นได้ก้มลงบนพวงมาลัยรถ
ในขณะนั้น โทรศัพท์มือถือในกระเป๋าก็ดังขึ้น
เปปเปอร์หายใจเข้าลึกๆ และสงบสติอารมณ์ จากนั้นเขาก็ขับรถไปจอดข้างถนน จึงถึงจะหยิบโทรศัพท์มาดู รับโทรศัพท์พร้อมพูดว่า“ว่ายังไง!”
“ประธานเปปเปอร์ครับ เรื่องของคุณมายมิ้นท์นั้น ผมได้แจ้งตำรวจไปแล้วครับ และผมได้โทรบอกฝ่ายควบคุมการจราจร เพื่อขอให้ฝ่ายควบคุมการจราจรตรวจสอบและเฝ้าติดตามส่วนถนนทั้งหมดในเมือง ในไม่ช้านักอาจจะเจอรถตู้คันนั้นแล้วครับ”ผู้ช้วยเหมันตร์พูดด้วยความเร่งรีบ
พอได้ยินคำนี้ สีหน้าของเปปเปอร์ก็ดีขึ้นมาก“ดีมาก หากทางนั้นได้รับเบาะแสว่าเจอรถตู้คันนั้นแล้ว รีบส่งเข้ามาโทรศัพท์ของผม”
“เข้าใจแล้วครับ”ผู้ช่วยเหมันตร์พยักหน้า
เปปเปอร์จับโทรศัพท์อย่างแน่นและพูดขึ้นมาอีกว่า:“อีกอย่าง ส่งบอดี้การ์ดกลุ่มหนึ่งมาทางผมที พอได้รับเบาะแสของรถตู้เมื่อไหร่ ก็รีบตามผมไปช่วยคน”
ป้าทิพย์พูดว่า คนที่ลักพาตัวมายมิ้นท์ไป เป็นชายร่างใหญ่สองคน และชายร่างใหญ่สองคนนั้น เป็นพวกอันธพาล คนที่ลักพาตัวมายมิ้นท์ไปจริงๆ คือคนที่อยู่เบื้องหลังของชายร่างใหญ่สองคนนั้นแน่ๆ คนนั้นยังมีอันธพาลอื่นอีกไหม ไม่สามารถรู้ได้เลย
ดังนั้น เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับสิ่งที่ไม่คาดฝัน เพื่อสามารถช่วยมายมิ้นท์ออกมาอย่างราบรื่น จำเป็นต้องหาคนไปเพิ่ม
“ครับ”ผู้ช่วยเหมันตร์ตอบกลับ
เปปเปอร์วางโทรศัพท์ลง และนั่งอยู่ในรถ บังคับตัวเองให้รออย่างใจเย็นและอดทนรอ รอผลจากฝ่ายควบคุมการจราจร และรอการมาถึงของบอดี้การ์ด
และอีกอย่างในตอนนี้นอกจากรอแล้ว ก็ไม่มีวิธีอื่นอีกแล้ว
เขาได้เพียงแต่ปรารถนา ให้มายมิ้นท์ไม่เกิดเรื่องอะไรเด็ดขาด
เปปเปอร์หลับตาลง เพื่อปกปิดความรู้สึกที่แสดงออกมาทางสายตา มือของเขาเอาแต่เคาะพวงมาลัยรถโดยไม่มีจังหวะอย่างไม่หยุด เสียงเคาะนั้นยุ่งเหยิงเป็นพิเศษ แสดงถึงความหงุดหงิดและความยุ่งเหยิงในใจของเขา
เขากำลังคิดว่า ใครกันแน่ที่เป็นคนลักพาตัวมายมิ้นท์ไป
เยี่ยมบุญ?
หรือเป็นคนที่ทำให้เขาเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์?
เปปเปอร์หรี่ตาลงเล็กน้อย
สองคนนี้ มีสิทธิ์เป็นไปได้หมด แต่ระหว่างเขา เยี่ยมบุญมีแนวโน้มเป็นไปได้สูงที่สุด
เนื่องจากความเกลียดชังระหว่างเยี่ยมบุญและมายมิ้นท์เป็นสิ่งที่เกิดโดยตรงมากที่สุด และเรื่องก็พึ่งเกิดขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้ จึงเป็นสิ่งที่สมเหตุสมผลที่สุดที่จะลงมือทำร้ายมายมิ้นท์
และแน่นอน คนที่ทำให้เขาเกิดอุบัติเหตุก็มีสิทธิ์เป็นได้เช่นกัน เพราะว่าช่วงที่ผ่านมา เขากับมายมิ้นท์ได้ใกล้ชิดกันบ่อยขึ้น คนคนนั้นอาจจะด้วยเหตุนี้ จึงได้ลงมือทำร้ายมายมิ้นท์ มีวัตถุประสงค์เพื่อทำให้เขาทุกข์ทรมาน
แต่ไม่ว่าจะเป็นใคร เขาก็จะไม่ยอมปล่อยไว้แน่นอน!
อีกด้านหนึ่ง ตรงทางเข้าของทางด่วนนอกเมืองในเมืองเดอะซี รถตู้ที่ไม่มีป้ายทะเบียนรถจอดที่ข้างถนน
ในเวลาเดียวกัน รถอเนกประสงค์สีดำอีกคันก็ตามเข้ามาจอด
ประตูรถทั้งสองคันเปิดพร้อมกัน
ชายร่างใหญ่สองคนนั้นได้เดินลงจากรถตู้ จากนั้นก็ยืนรออยู่ตรงหน้ารถตู้นั้น
ตรงหน้านั้น ก็มีคนเดินลงมาจากรถอเนกประสงค์นั่น และเป็นชายร่างใหญ่เช่นกัน กับผู้ชายในชุดสูทผมยาว และรูปลักษณ์ที่เย้ายวนเหมือนผู้หญิงเป็นพิเศษ
ผู้ชายคนนั้นจ้องมองที่รถตู้ชั่วขณะ จากนั้นก็เดินตรงไป ไปหยุดอยู่ตรงหน้าของชายร่างใหญ่สองคนนั้น
ชายร่างใหญ่สองคนนั้นได้โค้งคำนับเขาด้วยความเคารพ“คุณชายสี่”
“คนล่ะ?”ผู้ชายที่ถูกเรียกว่าคุณชายสี่นั้นหมุนแหวนหยกปานจื่อบนนิ้วหัวแม่มือ และถามด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง
ชายร่างใหญ่ทั้งสองชี้ไปข้างในรถตู้ที่เปิดประตูไว้พร้อมกัน “คนอยู่ข้างในนั้นครับ”
องอาจก้าวไปข้างหน้า และเงยหน้าเข้าไปดูข้างในรถตู้นั้น
พอดูเข้าไป ก็บังเอิญสบตากับมายมิ้นท์พอดี
มายมิ้นท์แค่โดนมัดแขนมัดขา และโดนปิดปากไว้ ทั้งตัวถูกเหวี่ยงนั่งเบาะหลังขยับไม่ได้ แต่ชายร่างใหญ่ทั้งสองก็ไม่ได้ทำให้เธอสลบแต่อย่างใด
ฉะนั้นการสนทนานอกรถเมื่อสักครู่นั้น เธอจึงได้ยินอย่างชัดเจนหมด
พอได้ยินชายร่างใหญ่สองคนนั้นเรียก‘คุณชายสี่’ เธอก็รู้ทันที ว่าคนที่ลักพาตัวเธอนั้น ก็คือคนที่เรียกว่าคุณชายสี่นั่นเอง
เธอสงสัยอย่างมาก ตัวเธอเองนั้นไม่ได้รู้จักคุณชายสี่อะไรนั่นเลย คนรอบกาย ก็ไม่มีใครที่ถูกเรียกว่าคุณชายสี่เลย
ดังนั้นเธอไม่รู้อะไรเลย ว่าคุณชายสี่อะไรนี่ ทำไมถึงต้องจับเธอมา
มายมิ้นท์มองไปตรงนอกประตูรถ
ในตอนนี้สายตาเธอก็เริ่มหายดีขึ้นมาหน่อยแล้ว ไม่เหมือนตอนเช้า ที่มองเห็นเพียงโครงร่างของคนเท่านั้น แต่เป็นการมองเห็นสิ่งของแบบเบลอๆ ความรู้สึกนี้ ก็เหมือนกับคนที่สายตาสั้นมากๆ และไม่ใส่แว่นประมาณนั้น
เหมือนกับตอนนี้ เธอสามารถเห็นผู้ชายผมยาวเรียบๆ ที่ดูเหมือนผู้หญิงยืนอยู่นอกประตูรถ
และแน่นอน สำหรับรูปร่างหน้าตาของผู้ชายคนนี้ เธอยังคงมองไม่ชัดมาก
แต่มายมิ้นท์เข้าใจ ผู้ชายคนนี้ ก็คือคุณชายสี่ที่ชายร่างใหญ่สองคนนั้นพูดกัน
และผู้ชายคนนี้ เธอไม่เคยเจอมาก่อน และไม่มีความคุ้นตาเลยแม้แต่น้อย
“อือออ!”มายมิ้นท์ถลึงตา ร่างกายขยับได้เล็กน้อย และมีเสียงออกจากปาก ต้องการที่จะพูดอะไร
มุมปากขององอาจยกขึ้นเล็กน้อยอย่างเย็นยะเยือก จากนั้นได้โบกมือพร้อมสั่งการว่า:“นำเทปที่ติดบนปากของเธอออก”
“ครับ”ชายร่างใหญ่คนหนึ่งได้ตอบกลับ และได้ขึ้นไปบนรถ คว้าปกคอเสื้อของมายมิ้นท์ และยกร่างกายส่วนบนของมายมิ้นท์ขึ้น แล้วดึงเทปที่ปากของเธอออกโดยทันที
หลังจากที่ดึงมันออกแล้ว ชายร่างใหญ่ก็เหวี่ยงมายมิ้นท์ลงบนเบาะนั่งอย่างแรง
หลังของมายมิ้นท์กระแทกกับพนักพิงที่ค่อนข้างแข็ง มันเจ็บปวดมากจนเธอขมวดคิ้ว และคร่ำครวญออกมา เสื้อผ้าหน้าผมของเธอก็ยุ่งเหยิงไปหมด
นอกจากนี้ ยังมีที่ปากอีกด้วย เนื่องจากแรงที่ชายร่างใหญ่ใช้ดึงเทปนั้นดึงแรงเกินไป เธอไม่เพียงแต่รู้สึกเจ็บที่รอบปาก แต่ยังทิ้งรอยแดงที่รอบๆ ปากอีกด้วย และสภาพแย่จนดูไม่ได้เลย
แต่มายมิ้นท์ก็ไม่สนใจอะไรมากนัก เธอใช้แรงเยอะมากในการนั่งให้ตรง จ้องมองไปทางผู้ชายที่อยู่นอกประตูรถ ถามด้วยน้ำเสียงที่สั่นระริกว่า“คุณเป็นใคร ทำไมต้องจับฉัน!”
“ผมเป็นใครนั้นไม่สำคัญ สิ่งที่สำคัญคือ ผมจับคุณมาจะสามารถบรรลุเป้าหมายที่ผมต้องการได้” องอาจหัวเราะเสียงเบาๆออกมา
เสียงหัวเราะนี้เข้ามาในหูของมายมิ้นท์ ทำให้ร่างกายของเธอรู้สึกตึงเครียดขึ้นมาทันที และรู้สึกเสียวซ่าหนังศีรษะ
เพราะรอยยิ้มนั่น มันช่างน่ากลัวจริงๆ และซ่อนความชั่วร้ายไว้ในนั้น ทำให้คนรู้สึกหวาดกลัว
“เป้าหมาย……”มายมิ้นท์หายใจเข้าลึกๆ พยายามทำให้ตัวเองสงบสติอารมณ์ลง แล้วถามต่อว่า“เป้าหมายอะไร?ถ้าหากว่าฉันจำไม่ผิดละก็ พวกเราไม่ได้รู้จักกันเลย ฉันก็ไม่เคยเจอคุณ ดังนั้นฉันไม่คิดว่าฉันจะสามารถทำอะไรให้คุณบรรลุเป้าหมายได้”
“ไม่ คุณทำได้!”ชายคนนั้นโน้มตัวเข้ามาใกล้เธอ เสียงของเขาต่ำลง และแหบแห้งไม่น่าฟังยิ่งกว่าเดิมอีก“ใครสั่งให้เธอนั้นเป็นผู้หญิงที่ธิติสนใจละ”
“ธิติ?”มายมิ้นท์ขมวดคิ้ว
คือใคร?