สมองของมายมิ้นท์นึกแล้วรอบหนึ่ง ก็นึกไม่ออกว่าตัวเองไปรู้จักคนที่ชื่อธิติอีกตั้งแต่เมื่อไหร่
แต่จะว่าไปแล้วธิติชื่อนี้ ก็ทำให้เธอรู้สึกว่าคุ้นๆอย่างประหลาดใจ เหมือนว่าเคยได้ยินที่ไหนมาก่อน
ที่ไหนกันแน่นะ……
“ใช่แล้ว!” องอาจได้โน้มตัวออกห่าง หลังจากที่แววตาสาดประกายอำมหิตนั้น หมุนปานจื่อพร้อมพูดอีกว่า:“ผมได้หาธิติมานานหลายปี และในที่สุดก็หาเขาเจอ แต่ฝีมือเขาช่างไม่เบานัก ทำให้ผมไม่สามารถลงมือทำอะไรต่อเขาได้เลย ดังนั้นผมจึงต้องหันความสนใจมาที่ตัวคุณเท่านั้น”
ขณะที่พูดอยู่ เขาก็ยื่นมือมา จับคางของเธอขึ้น
มือที่เย็นเฉียบของเขา ราวกับไม่มีความอบอุ่นหลงเหลืออยู่เลยแม้แต่น้อย เย็นจนทำให้ร่างกายของเธอสั่นสะท้านโดยไม่ได้ตั้งใจ แววตานั้นก็มีความหวาดกลัวปรากฏออกมา
ใช่แล้ว ความหวาดกลัว
ความรู้สึกในใจของเธอได้บอกเธอ
ผู้ชายคนนี้ ช่างน่ากลัวเหลือ
“หันความสนใจมาที่ตัวฉัน……”มายมิ้นท์กลืนน้ำลายลง ถามพร้อมกับริมฝีปากสีแดงที่สั่นเทา“ทำไมถึงเป็นฉัน?”
“ผมพูดไปแล้ว ว่าคุณคือผู้หญิงที่ธิติสนใจ ดังนั้นถ้าผมต้องการที่จะจัดการเขา ก็ทำได้แค่ลงมือจากตัวคุณเท่านั้น ตราบใดที่ผมจับคุณไว้ได้แล้ว เขาต้องตามมาเพื่อช่วยคุณแน่ๆ พอถึงเวลานั้น ผมก็จะสามารถฆ่าเขาตายได้เลย” องอาจยิ้มอย่างมีเล่ห์เหลี่ยม
มายมิ้นท์ตัวสั่นระริกอีกครั้ง“คุณ……คุณต้องการฆ่าคน?”
“ไม่ฆ่าเขาทิ้ง ใจผมนั้นอยู่ที่สุข!” องอาจยอมรับโดยตรง ว่าเขาอยากฆ่าคนจริงๆ
เขาเป็นลูกชายคนที่สี่ของไอ้ตาแก่ไอศูรย์นั่น และเป็นลูกนอกสมรสคนที่สี่เช่นกัน
ไอ้ตาแก่ในตอนที่ยังเป็นหนุ่มนั้น เที่ยวผู้หญิงเก่งมาก ดังนั้นจึงมีลูกนอกสมรสคนต่อคนเกิดไล่เลี่ยกัน และยังมีแต่ลูกชายทั้งนั้น คนก่อนหน้าเขานั้นมีอยู่สามคน คนหลังจากเขายังมีอีกหลายคนเลย
ลูกนอกสมรสอย่างพวกเขา ต่างก็อยากเป็นทายาทผู้สืบทอดของตระกูลอัคคเดชโภคิน ได้มรดกของตระกูลอัคคเดชโภคินมาทั้งหมด ฉะนั้นแล้วต่อสู้ทั้งต่อหน้าและลับหลังนั้นไม่เคยได้หยุดนิ่งเลยสักครั้ง ไอศูรย์ก็รับรู้ และไม่เคยเข้าไปห้ามเลยสักครั้ง ดังนั้นลูกนอกสมรสอย่างพวกเขาก็ไม่เก็บกดอีกต่อไป ทำร้ายกันปานจะฆ่ากันตาย
มันไม่ง่ายเลย ที่ลูกนอกสมรสสิบกว่าคนนั้น มีทั้งส่วนของคนที่ตาย แล้วก็ส่วนของคนพิการ และถูกเนรเทศไปต่างประเทศก็มี ท้ายสุดจึงเหลือเพียงเขาและอีกสี่คนเท่านั้น
และแล้วในขณะที่พวกเขาทั้งห้าคนนึกว่าทายาทผู้สืบทอดนั้นจะเกิดขึ้นระหว่างพวกเขานั้น แต่กลับนึกไม่ถึง ว่าไอ้ตาแก่ไอศูรย์ ไม่เคยมีแผนที่จะให้ลูกนอกสมรสอย่างพวกเขาได้มาสืบทอดตระกูลอัคคเดชโภคินแต่แรกอยู่แล้ว แต่คอยสืบหาลูกชายที่คลอดโดยภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายอย่างลับๆ คนนั้นคือสายเลือดที่แท้จริงเพียงคนเดียวคุณชายของตระกูลอัคคเดชโภคิน
เพียงแต่ว่าคุณชายน้อยสายเลือดที่แท้จริงของตระกูลอัคคเดชโภคินนั้น เมื่อตอนที่เขาอายุได้ห้าขวบ เขาถูกไอศูรย์ไล่ออกจากคตระกูลอัคคเดชโภคินพร้อมกับแม่ของเขาเอง ดังนั้นลูกนอกสมรสอย่างพวกเขา ไม่เคยคิดว่าธิติจะเป็นคู่แข่งได้เลย แต่โดยไม่คาดคิด ไม่รู้ว่าไอศูรย์เป็นเพราะเขาแก่และป่วยหรือเปล่า เขาเริ่มคิดถึงภรรยาและลูกชายคนสุดท้อง ดังนั้นเขาจึงให้คนไปตามหาลูกชายคนสุดท้อง กลับมาแย่งตำแหน่งผู้สืบทอดกับพวกเขา
พวกเขาได้โค่นล้มพี่น้องพวกเขามากมาย และพยายามอย่างหนัก เพื่อที่จะได้เป็นทายาทผู้สืบทอด สืบทอดตระกูลอัคคเดชโภคิน ดังนั้นเหตุใดที่คุณชายน้อยสายเลือดที่แท้จริงที่เติบโตมาจากข้างนอกนั้น ปรากฏขึ้นมากะทันหัน และอยากที่จะมาแย่งกับพวกเขา
ดังนั้นพวกเขาทั้งห้าคนก็ได้ปล่อยความแค้นที่มีต่อกันไปชั่วคราวก่อน ตัดสินใจรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน จัดการธิติก่อน ใครสั่งให้ธิติเป็นลูกชายที่ถูกต้องตามกฎหมาย และมีคุณสมบัติเหมาะสมที่สุดในการเป็นทายาทผู้สืบทอดล่ะ
และเขา ได้ที่อยู่ของธิติเร็วกว่าอีกสี่คนนั้น และหลังจากยืนยันว่าธิติเป็นใครแล้ว ได้ส่งคนไปสร้างปัญหาให้กับธิติอยู่ไม่น้อยนัก ให้ธิติเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ แต่ก็ถูกธิติแก้ไขได้และหลีกเลี่ยงไปหมด
ฉะนั้นเขาทนไม่ไหวอีกต่อไป จากนั้นจึงไปหามันด้วยตัวเอง ตัดสินใจจัดการธิติ แต่ก็ไม่สำเร็จสักที และแล้วในขณะนั้น ก็พบเจอว่าธิติได้ใกล้ชิดกับผู้หญิงคนหนึ่งอย่างมาก เขาจึงได้ให้คนไปตรวจสอบผู้หญิงคนนี้ เขาวางแผนที่จะใช้ผู้หญิงคนนี้ เพื่อล่อธิติออกมาติดกับดักที่เขาวางไว้ จากนั้นจึงฆ่าธิติในคราวเดียว
มายมิ้นท์ไม่รู้ว่าในใจขององอาจกำลังคิดอะไรอยู่ เธอได้แต่มองดูคนคนนี้ด้วยความหวาดกลัว“คุณช่างน่ากลัวเหลือเกิน”
ไม่ว่าจะเป็นชายที่อยู่ตรงหน้า หรือส้มเปรี้ยวและเยี่ยมบุญ
คนพวกนี้ไม่มีหัวใจกันหรือไง?
เอะอะอะไรก็จะฆ่าคนให้ตาย
“ผมน่ากลัว?” องอาจฟังสิ่งที่มายมิ้นท์บรรยายเกี่ยวกับตัวเอง ไม่เพียงแต่ไม่โกรธ ตรงกันข้ามเขากลับหัวเราะอย่างดีอกดีใจขึ้นมา แต่เสียงหัวเราะนั้นไม่น่าฟังเลยสักนิด “คุณพูดถูกแล้ว ผมนั้นน่ากลัวจริงๆ และผมก็ชอบความรู้สึกที่ทำให้คนอื่นรู้สึกหวาดกลัวนี้ ทำให้คนอื่นหวาดกลัว จึงจะแสดงถึงความยิ่งใหญ่ของผม!”
เขากางแขนทั้งสองของเขาออก ศีรษะเอียงเล็กน้อย ทำเหมือนนอกจากเขาแล้วจะมีใครอีก
มายมิ้นท์กระตุกมุมปากเล็กน้อย ไม่มีคำพูดอะไรที่จะสื่อเลย
คนคนนี้ เป็นจูนิเบียวหรือเปล่าเนี่ย!
“คุณชายสี่!”ทันใดนั้น ชายร่างใหญ่คนหนึ่งได้เรียกองอาจออกเสียง
องอาจขมวดคิ้วพร้อมหันไป“เรื่องอะไร?”
ชายร่างใหญ่ที่จับโทรศัพท์ไว้ “ผมได้ส่งข่าวสารที่พวกเราจับตัวมายมิ้นท์ไปนั้นส่งให้กับธิติแล้วครับ”
“เขาได้ตอบกลับอะไรมาไหม?” องอาจถาม
“มีครับ”ชายร่างใหญ่พยักหน้า “ได้ตอบกลับมาสามคำ บอกพวกเราว่า‘พวกคุณกล้า!’”
ชายร่างใหญ่หยิบโทรศัพท์ให้เขาดู
พอองอาจเห็นสามคำนั้น ฮัมด้วยน้ำเสียงที่เย็นเยือก“ดูเหมือนว่าเขาโกรธแล้วจริงๆ นี่เป็นเรื่องที่ดีเลย รีบตอบกลับเขา บอกว่าหากอยากช่วยมายมิ้นท์ละก็ ก็ไปที่เขาคาวน์มิด”
“ครับ!”ชายร่างใหญ่ได้ตอบกลับ จากนั้นก็ไปยืนข้างเพื่อตอบข้อความกลับไป
มายมิ้นท์ได้เอ่ยปากพูด“คุณคิดมากไปแล้ว คนคนนั้นเป็นไปไม่ได้ที่จะมาช่วยฉันหรอก”
“หืม?” องอาจหันกลับมาแล้วพูดว่า“คุณบอกว่าเขาไม่มีทางมาช่วยคุณ?”
“ใช่แล้ว คนคนนั้นไม่มีทางมาเด็ดขาด เพราะว่าฉันไม่รู้จักธิติอะไรนั่นด้วยซ้ำ ถ้าเช่นนั้นก็แสดงว่าเขาก็ต้องไม่ค่อยรู้จักฉันอย่างแน่นอน สิ่งที่คุณบอกว่าเขาสนใจฉัน นั่นมันเป็นเรื่องเท็จโดยสิ้นเชิง เพราะอย่างนี้แล้ว เขาจะมาช่วยฉันได้ยังไง ดังนั้นฉันแนะนำคุณอย่าเสียแรงโดยเปล่าประโยชน์ดีดลูกคิดหมายเล่นงานเลย ปล่อยฉันไปแต่โดยดีดีกว่านะ”มายมิ้นท์มองดูเขาอย่างอกสั่นขวัญแขวน
เธอหวังว่าเขาสามารถฟังคำพูดของเธอเข้าหัวสมอง
เพราะว่าเธอไม่คิดจริงๆ ว่าธิติอะไรนั่นจะรู้จักเธอ คนคนนี้ต้องเข้าใจผิดแน่ๆ
ดังนั้นถ้าสุดท้ายได้รับการยืนยัน ว่าธิติอะไรนั่นไม่รู้จักเธอละก็ บางครั้งคนคนนี้ ก็อาจมีสิทธิ์ปล่อยเธอไป
“คุณไม่รู้จักเขา?” องอาจแลดูเหมือนกับว่าได้ยินเรื่องตลกเช่นนั้น ถึงขนาดหัวเราะเสียงดังออกมา
พอได้ยินเสียงหัวเราะของเขา มายมิ้นท์ขนหัวลุกไปหมด “คุณหัวเราะอะไร?”
องอาจเอาแขนแนบลำต้ว“คาดไม่ถึงว่าธิติไม่ได้บอกเธอ ตัวตนที่แท้จริงของเขาเหรอ แต่ก็ไม่เป็นอะไร มันก็ไม่สำคัญมาก สิ่งที่สำคัญคือ คุณรู้จักธิติ และธิติเองก็สนใจคุณนั้นเป็นเรื่องจริง ดังนั้นเขาต้องมาช่วยคุณอย่างแน่นอน เชื่อมั่นในเสน่ห์ตัวเองหน่อย”
องอาจเลิกจับคางของเธอ และลูบหน้าของเธอ
มายมิ้นท์รู้สึกบนใบหน้าของตัวเอง ราวกับมีงูพิษตัวหนึ่งกำลังเลื้อยอยู่เช่นนั้น มันทำให้เธอขนลุกไปทั้งตัว และคอของเธอก็เอนไปข้างหลัง พยายามหลีกเลี่ยงเขา
องอาจปล่อยเธอตามๆกัน “ดีละ อยู่นิ่งๆ เชื่อฟังให้ดีเถอะ เพียงแค่คุณเชื่อฟังดีๆ รอผมฆ่าธิติเรียบร้อยเมื่อไหร่ บางทีผมอาจจะเกิดความเมตตาขึ้นมา แล้วไว้ชีวิตคุณก็ได้ แต่ถ้าหากคุณไม่เชื่อฟังให้ดี หลังจากที่ธิติมาแล้ว ผมจะฆ่าพวกคุณทิ้งพร้อมกันให้หมด ไม่ว่ายังไง ธิติรักคุณ ผมก็ถือซะว่าได้บรรลุผลสมความปรารถนาที่เขาอยากอยู่ร่วมกับคุณ ไม่แน่พอถึงเวลานั้นเขาอาจจะมาขอบคุณพี่สี่คนนี้ก็ได้”
พอพูดจบ เขาเก็บมือกลับ และได้ไปจากรถตู้
ร่างกายของมายมิ้นท์สั่นไปหมดทั้งตัว ใบหน้าของเธอขาวซีด และดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความกลัว
คนคนนี้ ก็อยากจะฆ่าเธอเหมือนกัน!
ความเมตตาอะไรนั่น ไว้ชีวิตเธอ ก็แค่พูดไปอย่างนั้นก็เท่านั้น
เพราะว่าเธอได้เห็นใบหน้าของคนคนนี้หมดแล้ว ดังนั้นคนคนนี้ จะปล่อยเธอไปได้อย่างไง?
และอีกอย่าง ถึงแม้ว่าปล่อยเธอไปจริงๆ ไว้ชีวิตเธอไว้ ก็คงไม่ปล่อยให้เธอกลับไปอย่างสมบูรณ์แน่นอน หรือบางทีอาจจะควักลูกตาของเธอออกมา ตัดลิ้นของเธอ และหักแขนขาของเธอ อย่างไรก็ตามคือไม่มีทางให้เธอได้ออกไปพูดเบาะแสอะไรของเขาเด็ดขาด
เมื่อคิดถึง เรื่องนี้มายมิ้นท์รู้สึกถึงความเหน็บหนาวในหัวใจ และดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง
เพราะว่าเธอรู้สึกว่าตัวเองมีความเป็นไปได้สูงมากที่จะจบลงเช่นนี้ แม้ว่าเต้พวกเขาต้องหาทางมาช่วยเธอแน่นอน แต่บางทียังรอไม่ถึงให้พวกเขาหาเธอเจอ เธออาจจะถูกคนนี้ฆ่าตายก่อนแล้วก็ได้
ทำยังไงดี?
มายมิ้นท์กัดริมปาก หยาดน้ำตาคลอเบ้า