ตอนที่ 619 ทะลวงเข้าสู่ระดับจักรพรรดิ

ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ

เมื่อมู่เฉียนซีลงมือ ทักษะเทียนซวนแข็งแกร่งกว่าแต่ก่อนมาก

นี่เป็นพลังอันทรงอานุภาพ!

— ปัง! —

ร่างของพยัคฆ์สะท้านฟ้ากระเด็นออกไปราวกับลูกกระสุนปืนใหญ่ มันตกลงไปในหลุมใหญ่บนพื้น เกิดเสียงกร๊อบดังลั่นแสดงว่ากระดูกในร่างของมันดูเหมือนหักเกือบหมดแล้ว

อันตรายของมู่เฉียนซีถูกจัดการไปเช่นนี้ เหล่าอาจารย์ที่ซุ่มดูอยู่และเตรียมลงมือพลันอ้าปากค้าง

“ศิษย์หญิงผู้นี้วิปริตดีแท้ อาจารย์คนไหนเป็นคนพามา ใครเป็นคนสอนทักษะวิญญาณให้นาง ?”

การมีตัวตนอยู่ในฐานะอาจารย์สอนมู่เฉียนซีของจิ่วเยี่ย มีอาจารย์เพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ได้รู้

ใบหน้าอาจารย์ใหญ่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม ศิษย์หญิงที่ท่านผู้ยิ่งใหญ่จิ่วเยี่ยสอนจะอ่อนแอได้อย่างไรกัน ?

หลังจากจัดการกับอุปสรรคนี้แล้ว มู่เฉียนซีก็รีบพุ่งไปที่ยอดเขา

หวังชวนฝ่าวงล้อมออกไป มือยื่นเหยียดเตรียมคว้าธงนั้นไว้ เขาคิดว่าตัวเองทำสำเร็จแล้ว ทว่าทันใดนั้น ร่างสีม่วงพุ่งผ่านมาราวกับสายฟ้าฟาด พริบตาเดียวธงก็ตกไปอยู่ในมือของนาง

หวังชวนมองมู่เฉียนซีด้วยดวงตาเคืองแค้นอย่างที่สุด เขาตะเบ็งเสียงกล่าวอย่างเหี้ยมโหด “มู่เฉียนซี เจ้านี่มันมาได้ถูกเวลาจริง ๆ!”

มู่เฉียนซีกล่าวอย่างเฉยเมย “อืม ข้ามาไม่เร็วไม่ช้ากำลังพอดี ธงนี้เป็นของข้าแล้ว”

หวังชวนขมวดคิ้ว “ฝันไปเถอะ ข้าจะคว้ามันกลับมาจากมือเจ้าประเดี๋ยวนี้นี่แหละ”

ไม่พูดเปล่า หวังชวนพุ่งตรงเข้าใส่มู่เฉียนซี หากแต่สิ่งที่มือต้องการจับไม่ใช่ธงนั้น กลับเป็นจุดตายร้ายแรงของนาง

ความแข็งแกร่งระดับจักรพรรดิของเขาทําให้ผู้คนรู้สึกกดดันอย่างมาก

มู่เฉียนซีพุ่งขึ้นไปกลางอากาศ ริมฝีปากบางได้รูปยกยิ้มเยาะไร้วี่แววความหวาดหวั่น “เหอะๆ เจ้าคิดว่าข้ากลัวเจ้ารึ ? น่ากลัวตายล่ะ”

— ตูม! —

พลังของทั้งคนสองคนระเบิดขึ้นบนยอดเขา

ทุกคนมองไปยังสนามรบเบื้องหน้า มู่เฉียนซีที่มีระดับอ่อนแอกว่า เห็นได้ชัดว่าไม่มีข้อได้เปรียบในการต่อสู้แม้แต่น้อย แล้วนางจะชนะได้อย่างไร

“มังกรวารีพิฆาต!”

“ทักษะเทียนซวน!”

หวังชวนเป็นคนระมัดระวังตัว หลังจากทราบผลการประลองจัดอันดับของมู่เฉียนซี เขาเร่งศึกษาทักษะวิญญาณของนางและคิดหาวิธีรับมือกับนางไว้แล้ว

‘หึ ๆ มู่เฉียนซีเอ๋ย… สตรีตัวเล็ก ๆ เยี่ยงเจ้าจะทําอันตรายอะไรกับข้าได้ ?’ เขาคิดอย่างลำพองใจ

หวังชวนกล่าวเหยียดหยาม “มู่เฉียนซี ถ้าเจ้ามีแค่กระบวนท่าเดียวก็ยอมแพ้อย่างว่าง่ายซะ คุกเข่าลงขอโทษข้าและส่งธงมาให้ข้า ข้าอาจจะใจดีไม่ทําร้ายเจ้า”

“ฝันไปเถอะ!”

กระบี่มังกรเพลิงถูกมู่เฉียนซีหยิบออกมา นางตั้งท่าโจมตีไม่เกรงกลัว

หวังชวนนิ่งอึ้งไป “กระบี่ที่หักนั่น เจ้าซ่อมมันแล้วรึ ?”

ในตอนนั้นที่นางเอาชนะจูเก๋อเทียนอี้ได้ เป็นเพราะใช้กระบวนท่ากระบี่นั่น ขนแขนหวังชวนเริ่มลุกซู่

“มังกรเพลิงสังหาร!” มู่เฉียนซีโจมตีต่อ นางจะมัวเสียเวลาทำไมล่ะ

มังกรเพลิงสีแดงเข้มพุ่งออกไป หวังชวนหรี่ตาลง การโจมตีในครั้งนี้ช่างยุ่งยากเหลือเกิน

— ปัง! —

หวังชวนไม่เก็บซ่อนความแข็งแกร่งของตนเองอีกต่อไป เขาสวมชุดคลุมตัวเองด้วยพลังลมปราณอันเข้มข้น ท่วงท่าเขาสง่างามยิ่ง

“จักรพรรดิแห่งภูตระดับสี่ นั่นเขาทะลวงพลังเข้าสู่ระดับสี่แล้ว” ศิษย์คนหนึ่งที่ดูอยู่พูดอย่างตื่นตระหนก

“นี่คือความแข็งแกร่งที่แท้จริงของหวังชวน เขาซ่อนมันไว้ลึกมาก”

“ระดับสี่รึ ? ดูเหมือนว่าเขาจะได้อันดับหนึ่งในการทดสอบประจำเดือนนี้แน่แล้ว ข้าคิดว่าอย่างนั้น”

หวังชวนใช้พลังวิญญาณของจักรพรรดิแห่งภูตระดับสี่ห่อหุ้มร่างตัวเองเอาไว้เพื่อสกัดกั้นการโจมตีจากมังกรเพลิงของมู่เฉียนซี ชั่วอึดใจนั้นเอง สิ่งที่ทุกคนนอกจากมู่เฉียนซีไม่รู้ก็เกิดขึ้น

— แกร๊ก! —

กระบี่มังกรเพลิงของมู่เฉียนซีหักอีกครั้ง

หวังชวนหัวเราะสะใจทันที “ฮ่า ๆ ๆ กระบี่ของเจ้าหักอีกแล้ว กระบี่นั่นห่วยแตกใช้ไม่ได้ เสียใจด้วย ตอนนี้เจ้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้า!”

หวังชวนเริ่มไล่ตามมู่เฉียนซีอย่างดุเดือด มู่เฉียนซีเข้าสู่ภาวะเสียเปรียบอย่างที่สุด

ระดับสามนางยังพอต้านทานได้ แต่ตอนนี้ช่องว่างระหว่างพวกเขาต่างกันถึงสี่ระดับ ทุกคนส่ายหน้าอย่างจนปัญญา “ดูเหมือนว่ามู่เฉียนซีจะพ่ายแพ้”

“เดิมทีด้วยความแข็งแกร่งเข้าขั้นวิปริตของนาง การได้ธงมาไม่ใช่เรื่องยาก แต่ไม่รู้ว่านางทําให้ชายที่ระวังตัวอย่างหวังชวนไม่พอใจได้อย่างไร ตอนนี้คงต้องลําบากแล้ว”

“หวังชวนผู้นี้ก็ไม่รู้จักอ่อนโยนกับสตรีเอาเสียเลย ศิษย์น้องมู่ได้รับบาดเจ็บแล้วนั่น”

การโจมตีของหวังชวนทําให้มู่เฉียนซีได้รับบาดเจ็บจริง ทว่าแรงกดดันอันทรงพลังกลับทําให้มู่เฉียนซีมีความสุขมากขึ้น นางรู้สึกว่ากําแพงของระดับจักรพรรดิกําลังจะแตกสลายแล้ว

นางต้องยืนหยัดรอจนได้เลื่อนขั้นเป็นระดับจักรพรรดิสําเร็จ เช่นนั้นนางอาจสามารถพลิกจากแพ้กลายเป็นชนะได้

— ปัง! ปัง! ปัง! —

ภายใต้การโจมตีอย่างต่อเนื่องของหวังชวน อาการบาดเจ็บของมู่เฉียนซีเริ่มแย่ลงเรื่อย ๆ หวังชวนกล่าว “ยอมแพ้เถอะแม่นาง เจ้าต่อสู้ดิ้นรนไปเช่นนี้จะมีประโยชน์อะไร ?”

ทันทีที่เขาพูดจบ พลังวิญญาณรอบกายของมู่เฉียนซีเปลี่ยนไปในทันใด

— ชิ้ง! —

ในที่สุดม่านพลังขั้นจักรพรรดิก็ถูกทะลวงผ่านจนได้ พลังวิญญาณภายในเส้นลมปราณของนางเปลี่ยนกลายเป็นเข้มข้นและแข็งแกร่งอย่างไร้ที่เปรียบ

นี่คือพลังระดับจักรพรรดิ

“มู่เฉียนซี… นางทะลวงพลังเลื่อนขั้นแล้ว!”

“สู้กันนานจนทะลวงผ่านระดับของตัวเองไปได้ สุดยอดมาก”

“จักรพรรดิแห่งภูตระดับหนึ่ง!”

หวังชวนไม่สนใจ เขาดูแคลนนาง “ก็แค่ทะลวงพลังเข้าสู่ขั้นจักรพรรดิเท่านั้น เจ้าคิดว่าตัวเองเปลี่ยนแพ้เป็นชนะได้รึ ? ฝันไปเถอะ!”

ครั้งนี้หวังชวนใช้พลังวิญญาณทั้งหมดของเขาโจมตีมา การโจมตีนี้ทําให้มู่เฉียนซีพิการได้เลย

มู่เฉียนซีเหลือบมองเขาอย่างเฉยเมย “เจ้าคิดผิดถนัด ข้าจะบอกให้ว่านี่ไม่ใช่ความฝัน แต่เป็นความจริง”

ครั้งนี้มู่เฉียนซีไม่ได้หลบหลีก นางพุ่งตรงเข้าไปหาหวังชวนอย่างมุ่งมั่น

“บ้าแล้ว! มู่เฉียนซีนางบ้าไปแล้ว”

“การปะทะกันอย่างแข็งชนแข็งเช่นนี้ นางตายได้เลยนะนั่น”

“อาจารย์ใหญ่!” อาจารย์ที่ซุ่มดูอยู่กังวลมากจนโพล่งขึ้น

อาจารย์ใหญ่กล่าวว่า “เจ้าลืมไปแล้วรึว่าเจ้าพยัคฆ์สะท้านฟ้านั่นพ่ายแพ้อย่างไร?”

“แต่การโจมตีเมื่อครู่นั้นจะใช้เป็นครั้งที่สองได้หรือ ?”

“เมื่อครู่ไม่ได้ แต่ตอนนี้สาวน้อยผู้นี้ทะลวงผ่านไปยังระดับจักรพรรดิแห่งภูตแล้ว” อาจารย์ใหญ่กล่าวเสียงขรึม

“ทักษะเทียนซวน!” เมื่อมู่เฉียนซีโจมตีออกไป หวังชวนหรี่ตาลง

กระบวนท่านี้ต่างจากการโจมตีก่อนหน้านี้ของนางมาก เหตุใดจู่ ๆ ถึงได้แข็งแกร่งขึ้น นี่เขาต้อง… หลบ หลบเร็ว ๆ เลย!

เขารู้สึกถึงอันตรายจึงไม่สนใจโจมตีมู่เฉียนซี แต่เลือกที่จะหลบหลีกการโจมตีนี้

มุมปากมู่เฉียนซียกขึ้นเล็กน้อย นี่คืออานุภาพอันทรงพลังของทักษะเทียนซวน ไม่เลวเลยจริง ๆ

— ปัง! —

แม้ว่าหวังชวนจะพยายามหลบหลีกอย่างสุดชีวิต แต่ท้ายที่สุดเขาก็ได้รับบาดเจ็บจากกระบวนท่าอันโหดร้ายนี้

ร่างทั้งร่างลอยกระเด็นออกไปกระแทกหินก้อนใหญ่ก้อนหนึ่ง

“พรวด!” เขากระอักเลือด จ้องมองมู่เฉียนซีอย่างตกตะลึง

ทั้ง ๆ ที่นางเพิ่งเลื่อนขั้นหนึ่งระดับ พลังการต่อสู้ของนางดูเหมือนจะเพิ่มขึ้นราวกับเลื่อนขั้นขึ้นสามระดับ มันยากเกินไปที่จะต่อกรกับนาง

มู่เฉียนซีกล่าว “เจอแบบนี้แล้ว ว่าไงล่ะ เจ้าจะยอมแพ้หรือสู้ต่อ ?”

หวังชวนลุกขึ้นมาอย่างยากลําบาก “ข้าจะยอมแพ้ได้ยังไง คนที่ควรยอมแพ้คือเจ้า เจ้าทําให้ข้าโกรธถึงขีดสุดแล้ว”

“โอ้! ดูเหมือนว่าเจ้าจะยังมีไพ่ตายเหลืออยู่ ถ้าเช่นนั้นก็รีบ ๆ หยิบเอาไพ่ตายของเจ้าออกมาสิ”

“ขวางป้า ออกมา!” หวังชวนคํารามอย่างเกรี้ยวกราด ทันใดนั้นแสงสีดําส่องประกายให้เห็นงูเหลือมขนาดมหึมา เกล็ดเหมือนหินสีดําของมันดูข่มขวัญ มันปรากฏตัวขึ้นตรงหน้ามู่เฉียนซีประหนึ่งเพชฌฆาตที่พร้อมปลิดชีวิตนางได้ทุกเมื่อ

“สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับสอง งูเหลือมหินดํา!”

“หวังชวนอัญเชิญสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ที่เขาได้ทําพันธสัญญาออกมา น่าทึ่งนัก”

“การทดสอบประจำเดือนนี้ สามารถใช้สัตว์พันธสัญญาได้ด้วยรึ ?”

“ดูเหมือนว่าจะไม่ได้บอกว่าใช้ไม่ได้”

มู่เฉียนซีมองไปยังมุมหนึ่งแล้วกล่าวว่า “อาจารย์ใหญ่ การทดสอบประจําเดือนนี้สามารถใช้สัตว์พันธสัญญาได้หรือ ?”

อาจารย์ใหญ่ตะลึงงัน เขาว่าเขาแนบเนียนแล้ว แต่สาวน้อยนางนี้สามารถค้นพบตําแหน่งของเขาได้ซะอย่างนั้น

ในเมื่อถูกพบ เขาจึงเดินออกมาแล้วเอ่ยปากกล่าวว่า “การทดสอบประจำเดือน คือการทดสอบความสามารถในการรับมือที่ครอบคลุมของเหล่าศิษย์ทั้งหลายเมื่อต้องเผชิญหน้ากับแต่ละสถานการณ์ ดังนั้นอนุญาตให้ใช้สัตว์พันธสัญญาได้”