ตอนที่ 620 สาวสวยชวนคุย

ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ

ตอนนี้หวังชวนคิดว่ามู่เฉียนซีนั้นต้องพ่ายแพ้อย่างไม่ต้องสงสัยแล้ว ถึงแม้ว่านางจะวิปริต แต่การเผชิญหน้ากับเขา และสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ของเขาเช่นนี้ มู่เฉียนซีต้องพ่ายแพ้อย่างแน่นอน

มู่เฉียนซีกล่าว “อู๋ตี้ ได้เวลาออกมาลิ้มรสอาหารแล้ว!”

“มีของกินแล้ว!” อู๋ตี้ตื่นเต้นขึ้น แสงสีขาวเปล่งประกายวาบ แมวน้อยสีขาวตัวหนึ่งปรากฏตัวในอ้อมกอดของมู่เฉียนซี

มันแบะปากก่อนจะกล่าวขึ้นว่า “ไม่สนุกเลย ก็แค่สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับสองตัวเดียว!”

สัตว์น้อยผู้น่ารักที่ดูเหมือนจะไร้ซึ่งระดับตัวหนึ่งกลับกล่าววาจาหยาบคายออกมา ทำให้งูเหลือมหินดำโกรธเกรี้ยวถึงขีดสุด

“เจ้าแมวบัดซบ เจ้ารนหาที่ตาย!”

งูเหลือมหินดำพุ่งเข้าหามู่เฉียนซี อู๋ตี้ก็โกรธถึงขีดสุดเช่นกัน

“เจ้าปลาไหลดำ ผู้ที่รนหาที่ตายก็คือเจ้าสิถึงจะถูก!”

ร่างสีขาวพุ่งออกไปราวกับสายฟ้าฟาด จากนั้นเสียง ฉึก! ก็ดังขึ้น เกล็ดที่แข็งอย่างไร้ที่เปรียบของงูเหลือมหินดำก็ถูกฉีกออกแล้ว

ฉึก! เสียงดังขึ้นอีกครั้ง และครั้งนี้คือเสียงที่อู๋ตี้กำลังแทะกินแกนวิญญาณ

ปัง! งูเหลือมหินดำถูกอู๋ตี้เตะกระเด็นไปราวกับเศษผ้าขี้ริ้วก็มิปาน

ตอนนี้ทุกคนต่างก็ตกตะลึงจนตาค้าง นึกไม่ถึงว่าแมวน้อยที่ดูเหมือนไร้พิษภัยตัวนี้จะเก่งกาจได้ถึงเพียงนี้ นึกไม่ถึงว่ามันจะเป็นถึงสัตว์ศักดิ์ระดับสาม

มู่เฉียนซีกล่าว “หวังชวน เจ้ายังคิดที่จะสู้ต่อหรือไม่ ?”

ตอนนี้หวังชวนตกใจจนนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง มองดูงูเหลือมหินดำตัวนั้นแล้ว เขาก็โกรธเกรี้ยวจนตัวสั่น และเมื่อได้ยินคำพูดนี้ของมู่เฉียนซี สีหน้าของเขาก็ซีดเผือด รีบออกห่างไปให้ไกลจากนางเตรียมไปแย่งชิงธงอื่น

เขารู้ดีไม่ว่าจะต่อสู้เช่นไรก็ไม่สามารถเอาชนะมู่เฉียนซีได้ จึงไม่กล้ารีรอและต้องทำการทดสอบในเดือนนี้ให้สำเร็จ ครั้งนี้เขาจะต้องเข้าห้องเรียนระดับกลางให้ได้

“ล่วงเกินนายท่านข้าแล้วคิดจะหนี ฝันไปเถอะ!” อู๋ตี้กลับไม่ได้ใจดีปล่อยเขาไป กรงเล็บอันแหลมคมข่วนลงไป ไม่นานนักหวังชวนก็มีเลือดกระซิกออกมา

“อ๊า!” หวังชวนส่งเสียงกรีดร้องขึ้น และล้มลงไปกับพื้นไม่อาจลุกยืนขึ้นได้

จัดการคู่ต่อสู้ได้แล้ว ธงก็คว้ามาได้แล้ว และมู่เฉียนซีก็เดินลงมาจากยอดเขาทันที

ตอนนี้คนจำนวนไม่น้อยมองนางด้วยความประหลาดใจ อู๋ตี้ที่ยืนอยู่บนไหล่มู่เฉียนซียกอุ้งเท้าหน้าขึ้นและกล่าวว่า “ทำไม หรือว่าพวกเจ้าคิดอยากจะแย่งชิงธงของนายท่านข้า ?”

คนอื่นต่างพากันส่ายหน้าไปมา ต่อให้พวกเขาจะมีความกล้าหาญมากเพียงใด แต่ก็ไม่กล้าแย่งชิงธงแน่นอน!

มู่เฉียนซีลงมาจากยอดเขาได้อย่างราบรื่น มอบธงให้กับอาจารย์ใหญ่ อาจารย์ใหญ่ยิ้มพลางกล่าวว่า “เยี่ยม! เยี่ยมมาก นักเรียนมู่เฉียนซี เจ้าได้อันดับหนึ่งในการทดสอบประจำเดือนในเดือนแรกนี้”

มู่เฉียนซีเดินลงเขามาแล้ว แต่การต่อสู้อย่างดุเดือดที่เขาหมอกแดงตอนนี้ยังคงเป็นไปอย่างต่อเนื่อง และเป็นการต่อสู้ที่รุนแรงเป็นอย่างมาก

หลังจากที่มู่เฉียนซีทำภารกิจสำเร็จได้อย่างราบรื่น ก็ถูกร่างชุดดำนำตัวไป

“ซีอยากจะไปไหน ?”

“หอตำราของสำนักศึกษา ขอบเขตอำนาจของเจ้าสามารถเข้าไปได้กี่ชั้น!” หอตำราของสำนักนอกมีตำราอันล้ำค่าที่เก็บสะสมเอาไว้ไม่มากนัก แต่ในเมื่อมาถึงสำนักศึกษาซวนเสียแล้วก็ค้นหาสักหน่อยก็แล้วกัน วันนี้สอบเสร็จพอดี อีกอย่างก็ว่างด้วย

เป้าหมายของนางคือหอตำราลับของสำนักใน ที่นั่นถึงจะเป็นสถานที่รวบรวมตำราอันล้ำค่าตำราที่ซ่อนอยู่ไม่น้อย ไม่แพ้กับจวนซางไห่เลย

จิ่วเยี่ยกล่าว “น่าจะเข้าไปได้ทั้งหมด”

ครั้นแล้วมู่เฉียนซีกับจิ่วเยี่ยก็เข้ามาในหอตำรา พวกเขาดึงดูดความสนใจของผู้คนเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะหน้ากากปีศาจของจิ่วเยี่ยนั้น ช่างน่าสะดุดตาเสียจริง

ผู้ดูแลของที่นี่ยังไม่ทันได้เอ่ยปากกล่าวสิ่งใด จิ่วเยี่ยก็โยนป้ายคำสั่งออกมา ชั่วครู่หนึ่งผู้ดูแลก็ตกใจนิ่งอึ้งไป

“นี่เป็นป้ายคำสั่งของอาจารย์ใหญ่ฉู่ ป้ายคำสั่งนี้สามารถเข้าออกสำนักนอกได้ทั่วทุกแห่ง แม้กระทั่งอำนาจในการโยกย้ายผู้อาวุโส!” เขากล่าวด้วยความตกใจ

ไม่อยากจะเชื่อจริง ๆ ว่าอาจารย์ใหญ่ฉู่จะมอบป้ายคำสั่งให้นอื่นเช่นนี้

มู่เฉียนซีกล่าวถามว่า “เช่นนั้นพาอีกคนไปด้วยคงไม่มีปัญหาใช่หรือไม่ ?”

“ไม่มีปัญหาแน่นอน!”

ห้องเรียนระดับต่ำกำลังทำการทดสอบประจำเดือนอยู่ ดังนั้นสามชั้นล่างก็น่าจะไม่มีผู้ใดอยู่

มู่เฉียนซีกล่าว “ถึงแม้ว่าข้างล่างจะมีแต่ตำราธรรมดาทั่วไป แต่เพื่อความแน่ใจ เริ่มหากันเถอะ!”

“เจ้าก็ช่วยหาด้วยหล่ะ!” มู่เฉียนซีกล่าวพลางมองจิ่วเยี่ย

“ได้!”

พลังวิญญาณแข็งแกร่งหาตำราก็สะดวก เพียงแค่พลังแผ่ซ่านไปก็เหมือนกับอ่านตำราไปแถวหนึ่งก็มิปาน

ชั้นที่หนึ่ง ชั้นที่สอง ชั้นที่สามก็หาไม่เจอ

ในฐานะที่เป็นนักเรียนชั้นเรียนระดับต่ำ มู่เฉียนซีไม่สามารถขึ้นไปชั้นสามได้ แต่ป้ายคำสั่งของอาจารย์ใหญ่ฉู่นั้นช่างมีประโยชน์ยิ่งนัก

นักเรียนชั้นเรียนระดับกลางส่วนมากกำลังฝึกฝนอยู่ในค่ายกลรวมวิญญาณ ส่วนผู้ที่มาอ่านตำรานั้นมีน้อยมาก

หลังจากที่ค้นหาถึงชั้นที่หก จิ่วเยี่ยจับมู่เฉียนซีและกล่าวว่า “เหนื่อยแล้วเหรอ!”

“ไม่หนิ่!”

ทว่า จิ่วเยี่ยยังคงพามู่เฉียนซีไปที่เก้าอี้ข้าง ๆ ให้นางนั่งบนตักเขา

“ไม่ต้องรีบร้อน!” จิ่วเยี่ยกล่าวเสียงขรึม

“จะไม่รีบร้อนได้ยังไง ?” มู่เฉียนซีจ้องมองเขา

“ร่างกายของเจ้าเองเจ้าไม่เป็นกังวลเลย อยู่ในสำนักศึกษาข้าปลอดภัยมาก เจ้าให้สุ่ยจิ๋งอิ๋งส่งเจ้ากลับไปเถอะ ส่วนข้าจะอยู่ในดินแดนสี่ทิศตามหาคัมภีร์หมื่นคำสาปต่อ” มู่เฉียนซีกล่าว

ดวงตาของจิ่วเยี่ยเคร่งขรึมลง โอบกอดมู่เฉียนซีแน่น “ซีทำใจได้เหรอ ?”

“เจ้าคิดจะไล่ข้างั้นเหรอ ?”

ดวงตาสีฟ้าเย็นยะเยือกประกายความอันตรายอย่างมิอาจเปรียบได้

ทันทีที่ซู่ซินเซี่ยขึ้นไปชั้นหกก็ได้เห็นชายหญิงคู่หนึ่งกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ริมหน้าต่าง หญิงสาวผู้นั้นถูกชายหนุ่มจับมือถือแขนอย่างแนบแน่น

แค่มองจากด้านหลัง ความแข็งแกร่งของชายผู้นั้นทำให้หัวใจของซู่ซินเซี่ยเต้นเร็วขึ้น

เมื่อนางเห็นใบหน้าของทั้งสองก็ตกตะลึงขึ้น ใบหน้าของชายหนุ่มถูกบดบังด้วยหน้ากากปีศาจอันน่ากลัว ทำให้นางรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย

ใบหน้าอาจบดบังได้ แต่เสน่ห์ของเขานั้นมิอาจบดบังเอาไว้ได้

หญิงสาวในอ้อมกอดของเขา รูปร่างหน้าตาที่ไม่เป็นสองรองใครนั้นทำให้นางรู้สึกถูกคุกคาม

งดงาม สมบูรณ์แบบอย่างไร้ที่ติ อารมณ์ที่สงบและดูสูงส่งนั้นทำให้นางรู้สึกราวกับว่าสาวรับใช้ได้เจอกับราชินีก็มิปาน

ตอนนี้ในใจนางรู้สึกอิจฉาริษยาอย่างมิอาจเทียบได้ คิดอยากจะดึงหญิงสาวผู้นั้นออกมาจากชายผู้นั้นยิ่งนัก

นางเดินตรงไปที่จิ่วเยี่ยอย่างสง่างาม “สหายผู้นี้ ทางด้านนั้นมีตำราที่ข้าต้องการแต่ข้าเอาไม่ถึง เจ้าช่วยข้าหน่อยจะได้หรือไม่”

ดวงตาที่สดใสราวกับหยดน้ำค้างมองไปที่จิ่วเยี่ย ทำลายความสุขของจิ่วเยี่ยกับมู่เฉียนซี

ถึงแม้ว่าซู่ซินเซี่ยจะมาไม่ดี แต่กลับทำให้มู่เฉียนซีโล่งอกไปเปลาะหนึ่ง คำถามของจิ่วเยี่ยที่ถามนางนั้นทำให้ความคิดนางสับสน ไม่รู้ว่าจะตอบเช่นไรดี

หากนางกล่าวอย่างโหดเหี้ยมว่าต้องการขับไล่เขาไป นางคิดว่าจิ่วเยี่ยต้องกอดนางและพาตัวนางไปแน่ ถึงอย่างไรเขาก็เป็นคนที่ไร้เหตุผลอยู่แล้ว

“ไสหัวไป!” จิ่วเยี่ยไม่แม้แต่จะมองหน้าซู่ซินเซี่ย พ่นคำสามคำออกมาด้วยความเย็นชา

ซู่ซินเซี่ยกล้ำกลืนใจจนดวงตาแดงก่ำ “ขะ ข้า ข้าไม่ได้ตั้งใจจะรบกวนพวกเจ้าทั้งสอง เพียงแค่ว่าตำราเล่มนั้นมันสำคัญต่อข้ามาก เจ้าอย่าโกรธข้าเลยจะได้หรือไม่ ข้าขอโทษ!”

กลิ่นอายแห่งจิตสังหารอันเย็นยะเยือกทำให้ซู่ซินเซี่ยหวาดกลัวจนตัวสั่น นางเหลือบมองมู่เฉียนซีอย่างไม่พอใจ เป็นเพราะนังผู้หญิงคนนี้ หากไม่ใช่เพราะนาง สหายผู้นี้จะเย็นชาต่อนางถึงเพียงนี้ได้เช่นไร ไม่แม้แต่จะมองหน้านาง นางเป็นถึงสาวสวยอันดับหนึ่งในชั้นเรียนระดับกลางเชียวนะ