AST
บทที่1728 – ร้อนรุ่ม
”น้องชายชิงสุ่ยข้าติดหนี้เจ้า บุญคุณครั้งนี้มหาศาลยิ่งนัก ข้า สุ่ยหยุนเฟิงแม้ข้าจะไม่กล้าพูดว่าะ ข้าเป็นคนดี แต่ข้ารู้ว่าอะไรควรอะไรไม่ควร ข้าขอรับรองได้เลยว่าใครก็ตามที่ปฏิบัติดีต่อข้า ข้าจะตอบแทนกลับให้ดียิ่งกว่า”
”ถ้าหากพวกเราเป็นเพื่อนกันแล้ว เจ้าก็ไม่จำเป็นต้องมีพิธีรีตองใดๆทั้งสิ้น ขอแค่พวกเราเอาใจแลกใจกันก็พอ”ชิงสุ่ยพยายามไม่พูดอะไรเป็นพิเศษ
สุ่ยหยุนเฟิงย่อมต้องเข้าใจสิ่งที่เขาหมายถึง เขาจึงพยักหน้าและกล่าวว่า “เอาล่ะ ข้าเข้าใจแล้ว น้องชาย หากมีสิ่งใดที่เจ้าต้องการให้ข้าช่วยเหลือ ข้าจะไม่ปฏิเสธแน่นอน”
หลังจาก2 เดือนผ่านไป ชิงสุ่ยก็กลับมารักษาเขาเป็นครั้งที่ 2 โดยในครั้งนี้สุ่ยหยุนเฟิงได้ออกปากเชิญชิงสุ่ยให้ไปเยี่ยมชมถ้ำวารีจันทรา แต่ชิงสุ่ยก็ได้ตอบปฏิเสธเพราะเนื่องจากติดธุระที่เขาจำเป็นต้องทำ แต่เขาก็ให้สัญญาว่าเขาจะออกเดินทางไปเยี่ยมเยียนในครั้งต่อไป
ชิงสุ่ยเองก็ได้ลงมือสังหารยอดยุทธแห่งถ้ำวารีจันทราไปมากมายหลายคนจึงทำให้การมีตัวตนของเขานั้นเรื่องที่ค่อนข้างอึดอัด และต่อให้เขาสามารถแก้ปัญหาความไม่พอใจที่เกิดขึ้นได้ เขาเองก็ยังไม่อยากเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับถ้ำวารีจันทราในตอนนี้
ความสัมพันธ์รูปแบบเพื่อนพองบางครั้งก็เป็นสิ่งที่ไม่มั่นคงแต่บางครั้งก็สามารถพึ่งพากันได้โดยไม่น่าเชื่อ มันคือการแบ่งปันผลประโยชน์สู่กันและกัน แต่อย่างไรบนโลกใบนี้มันคือสิ่งจำเป็น ยิ่งเราแข็งแกร่งมากขึ้นเท่า ผู้คนก็ยังอยากคบหาสมาคมกับเรามากขึ้นเท่านั้น
ตอนนี้ก็เป็นเวลาบ่ายโมงกว่าๆชิงห่านอี้เดินออกมาจากที่พักหลังจากที่สุ่ยหยุนเฟิงจากไป สีหน้าของเธอคือสีหน้าที่เป็นธรรมชาติ หลังจากที่เห็นรอยยิ้มบนใบหน้าชิงสุ่ย มันยิ่งทำให้เธอรู้ว่าปัญหาของเธอได้คลี่คลายลงแล้ว
”ในเมื่อท่านผู้อาวุโสได้จากไปแล้วมันคงถึงเวลาที่เจ้าของต้องรับผิดชอบทุกอย่างแล้ว”ในที่สุดชิงสุ่ยก็ตัดสินใจพูดคุยถึงปัญหานี้ ไอลีนโนเวล
และเมื่อได้ยินชิงสุ่ยกล่าวถึงอาจารย์ของเธอมันทำให้เธอรู้สึกเศร้าลงอีกเล็กน้อย จากนั้นเธอก็ตอบกลับมาว่า “แต่ข้ายังมีเจ้า!!”
ในตอนนี้ชิงสุ่ยเป็นแรงผลักดันที่ทำให้เธอสามารถใช้ชีวิตดำเนินต่อไปได้ เขาคือความหวังเดียว หากโลกนี้มีเขาอยู่ ทุกอย่างจะยังคงสดใส แต่ถ้าหากเขาจากไปทุกอย่างจะกลับสู่ความมืดมน
แท้จริงแล้วถ้าหากชิงสุ่ยต้องจากไป คงไม่ใช่มีเพียงแค่เธอคนเดียวที่เห็นโลกนี้มืดมน เพราะมีคนหมู่มากที่ยังมีความรู้สึกเช่นเดียวกัน
”เจ้าคือผู้หญิงของข้าไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็จะคอยอยู่เคียงข้างเจ้า ข้าจะไม่ยอมให้ใครมาแกล้งเจ้า และข้าจะไม่ยอมให้เจ้าจากข้าไป”ชิงสุ่ยสวมกอดเธอยังอ่อนโยน
ในตอนนี้หัวใจของชิงห่านอี้อยู่ในสภาพเปราะบางไม่มีอะไรหลงเหลือนอกจากความว่างเปล่า เธอค่อยๆสวมกอดชิงสุ่ยด้วยมือทั้งสองข้างก่อนจะแน่นขึ้นเรื่อยๆ เหมือนว่าเธอกำลังกลัวว่าเขาจะหายไปเช่นกัน
ชิงสุ่ยลูบหัวของเธอด้วยความรักชิงห่านอี้เงยหน้าขึ้นมองก่อนจะประคบปากบนปากของชิงสุ่ย
ริมฝีปากให้ชุ่มชื้นปลุกเร้าเปลวเพลิงในหัวใจชิงสุ่ย กายา 9 หยางและกายา 9 หยินกำลังเรียกหากันเหมือนเสียงจากสวรรค์
ชิงสุ่ยจูบปากของชิงห่านอี้อย่างบ้าคลั่งและมือทั้งสองข้างของเขาก็กำลังลูบไล้ไปตามรูปร่างที่ผอมเพรียว และในไม่ช้ามือทั้งสองข้างก็เข้าไปอยู่ภายใต้อาภรณ์เครื่องนุ่งห่มของชิงห่านอี้
ร่างกายของคนทั้งสองคนกำลังร้อนรุ่มมากขึ้นความรู้สึกที่ชิงสุ่ยสัมผัสทำให้เขาลังเลที่จะปล่อยมือ เสียงของลมหายใจทั้งสองใกล้ชิดกันจนได้ยิน เหมือนทั้งคู่กำลังสูญเสียการควบคุม
”ชิงสุ่ยอย่า อย่า…….”
ชิงห่านอี้จับมือของชิงสุ่ยที่ล้วงลึกลงไปในร่างกายของเธอดวงตาคู่งามของเธอเต็มไปด้วยความสับสนแต่ก็แฝงไปด้วยเสน่ห์ดึงดูดที่ไม่มีใครสามารถต้านทานได้
ในตอนนี้ร่างกายของชิงห่านอี้กำลังสั่นเครือหัวใจของเธอเต้นเร็วขึ้นผิดปกติ ชิงสุ่ยเองก็เช่นกัน ชิงห่านอี้ยังคงบริสุทธิ์เธอจึงรู้สึกประหม่าเป็นเรื่องธรรมดา ตลอดหลายปีที่ผ่านมาเธอใช้เวลาอยู่กับตัวเองเพียงคนเดียว แน่นอนว่าเด็กสาวย่อมต้องการความรัก แต่เธอก็ไม่เคยมีประสบการณ์เกี่ยวกับผู้ชายมาก่อน อย่างน้อยที่สุดเธอก็เคยได้ยินเรื่องเหล่านี้ผ่านหูมาบ้าง
”เจ้ารู้สึกเช่นไรบ้าง?”ชิงสุ่ยถามพร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้า ชิงห่านอี้แสดงความเขิลอายออกมาทันทีใบหน้านี้คือใบหน้าที่เธอสามารถแสดงได้ต่อหน้าชิงสุ่ยเพียงคนเดียวเท่านั้น เธอมองดูชิงสุ่ยด้วยสายตาที่ทรงเสน่ห์ขณะกล่าวว่า “เจ้าก็รู้ว่าร่างกายของข้านั้นไม่ปกติ ฉะนั้นพวกเราคง…….”
”เคล็ดวิชาทวิบ่มเพาะ”
”ข้าทำไม่เป็น”
”ข้าสามารถสอนเจ้าได้ข้าเชื่อว่าเจ้าจะต้องเรียนรู้มันได้อย่างรวดเร็ว”ชิงสุ่ยกล่าวพร้อมยิ้มอย่างมีเลศนัย
”ข้าจะเรียนรู้เฉพาะเคล็ดวิชาทวิบ่มเพาะชิงสุ่ยโปรดเบามือด้วย ข้าไม่เคยเรียนรู้มาก่อน ข้าจึงกลัวว่าข้าจะทำได้ไม่ดี”ชิงห่านอี้กล่าวด้วยท่าทางเขินอาย
ชิงสุ่ยเองก็ถึงกับพูดไม่ออกเขายื่นมือออกมาดึงเธอเข้ามากอดอีกครั้ง จากนั้นก็เริ่มรูปริมฝีปากของเธออย่างดูดดื่ม เขาไม่อาจยับยั้งชั่งใจร่างกายตัวเองได้อีกต่อไป ซึ่งมันจะเป็นการดีหากเธอเลือกที่จะไม่เล่นกับไฟ หลังจากทานอาหารเย็นชิงสุ่ยได้กล่าวอำลาชิงห่านอี้ก่อนจะจากไป เขาบอกนะว่าหลังจากที่เธอทำภารกิจส่วนของเธอเสร็จสิ้น เธอค่อยออกมาหาเขา
……………………….
ชิงสุ่ยกลับไปที่พระราชวังอาทิตย์อัสดงซึ่งก็เป็นเวลาเกือบเที่ยงคืน อี้เย่เจี้ยนยังคงตื่นนอนอยู่แต่สำหรับ ชิงซิ่ว เธอหลับไปเรียบร้อยแล้ว
ชิงสุ่ยโอบกอดอีเย่เจี้ยนเก้อจากทางด้านหลังซึ่งมันทำให้เธอตกใจเป็นอย่างมาก แต่ไม่ได้กลิ่นที่แสนคุ้นเคยทุกอย่างก็กลับสู่ความปกติ “ปัญหาทุกอย่างแก้ไขหมดแล้วอย่างนั้นหรือ?”
”ใช่แล้วล่ะ”
ขณะที่ชิงสุ่ยสวมกอดเขาก็เริ่มจูบอีเย่เจี้ยนเก้อขณะพาเธอเดินออกไปที่เบาะนุ่มด้านนอก
อี้เย่เจี่ยนเก้อที่เคยไปประหนึ่งดุจนางฟ้าได้ถูกลากเข้าสู่โลกแห่งปุตุชนและดูเหมือนว่านี่จะเป็นหนึ่งในความภาคภูมิใจเป็นพิเศษของชิงสุ่ย
หลังจากผ่านจุดลุกเร้าอีเย่เจี้ยนเก้อนอนตัวแนบอิงหน้าอกชิงสุ่ย ก่อนที่เธอจะเงยหน้าขึ้นและกล่าวถามว่า “อี้เอ๋อคงเสร็จเจ้าแล้วสินะ?”