ดาบศักสิทธิ์ทั้งสาม

เมื่ออีเลียดี้พูดจบ เธอก็หลับตาและรอคำตอบจากซือเฟิงอย่างเงียบๆ เธอไม่ได้แสดงเจตนาที่จะพูดอะไรเพิ่มเติมอีกต่อไป

ผู้เล่นนั้นมีโอกาสจะได้รับคำแนะนำเรื่องมรดกในประตูระดับทองจริงๆงั้นหรอ ? คำอธิบายของเทพธิดานั้นทำให้ซือเฟิงตกตะลึง

จากสิ่งที่เขารู้มาในชีวิตที่ผ่านมาของเขานั้น ผู้สร้างประตูมรดกจัดเป็นสิ่งทีมีชิวตที่สูงส่งมากๆ และสิ่งเหล่านี้จะปรากฎตัวต่อหน้าผู้เล่นในช่วงเริ่มการทดสอบเพื่ออธิบายกฎเท่านั้น ผู้เล่นไม่ควรจะได้พบสิ่งมีชีวิตแบบนี้อีกหลังจากนั้น

ซือเฟิงนั้นไม่คิดเลยว่าอีเลี้ยดี้จะปรากฎตัวต่อหน้าเขาอีกครั้ง หลังจากเขามาถึงศาลเจ้าแห่งแรกของภูเขาศักสิทธิ์ แถมเธอยังมาเสนอทางเลือกสองทางให้กับเขา ยิ่งไปกว่านั้นหนึ่งในสองทางเลือกนี้ยังจะมีโอกาสทำให้เขาได้รับคำแนะนำเรื่องมรดกด้วย หากผู้เชี่ยวชาญในชีวิตที่ผ่านมาของเขารู้เรื่องนี้ พวกเขาจะได้ไล่ฆ่าซือเฟิงด้วยความอิจฉาแน่นอน

ผู้เล่นนั้นจะไม่ได้รับคำแนะนำใดๆเลยหลังจากมาถึงขั้นสามใน God domain พวกเขาต้องพึ่งพาความสามารถของตัวเองเท่านั้นในการจะเติบโตขึ้นให้แข็งแกร่งมากกว่านี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพวกเขาพยายามจะปลดล๊อคศักยภาพที่แท้จริงทั้งหมดของร่างมานาของตัวเอง

แม้ในการทดสอบของมรดกแบบนี้ ผู้เล่นจะสามารถพึ่งพาการสังเกตเพื่อเรียนรู้ และปรับเรียนรู้และปรับปรุงตัวเองได้ แต่พวกเขาก็จะไม่ได้รับคำแนะนำอะไรแบบนี้แน่นอน

ดังนั้นการได้รับคำแนะนำเรื่องมรดกจึงนับเป็นความฝันสูงสุดของผู้เชี่ยวชาญทุกคน

หากผู้เล่นสามารถปลดล๊อคศักยภาพด้านต่างๆของร่างมานาได้มากขึ้น มันก็จะยิ่งทำให้พวกเขาได้รับประโยชน์มากขึ้น

อย่างไรก็ตามการจะปลดล๊อคศักยภาพด้านต่างๆของร่างมานาออกมาให้ได้ทั้งหมดนั้นเป็นเรื่องยากมาก หากผู้เล่นไปผิดทางในช่วงแรกๆ พวกเขาก็แทบจะไม่มีโอกาสที่จะใช้ร่างมานาได้อย่างเต็มศักยภาพร้อยเปอเซ็นต์เลย นอกจากว่าผู้เล่นจะตัดสินจจะเริ่มต้นใหม่

หากผู้เล่นทุกคนได้รับคำแนะนำจากมรดกโบราณ มันคงจะมีผู้เชี่ยวชาญชั้นยอดในชีวิตที่ผ่านมาของซือเฟิงมากกว่านี้ที่สามารถจะไปถึงขั้นห้าได้ เพราะร่างมานายิ่งแข็งแกร่งมากเท่าไหร่ มันก็จะยิ่งทำให้ผู้เล่นทำเควสเลื่อนขั้นในอนาคตของพวกเขาได้ง่ายขึ้นเท่านั้น นี่คือสาเหตุที่ผู้เชี่ยวชาญบางคนที่มีร่างมานาระดับเงินสามารถไปถึงขั้นห้าได้ ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญที่มีร่างมานาระดับทองบางคนติดอยู่ที่ขั้นสี่

เมื่ออีเลียดี้ได้นำเสนอตัวเลือกแบบนี้นั้น ซือเฟิงจึงรู้สึกราวกับว่าเขากำลังฝันเลย

“ท่านหญิงอีเลี้ยดี้ ฉันขอเลือกความท้าทายของคุณ !!!” ซือเฟิงตัดสินใจทันที

การท้าทายของอีเลี้ยดี้นั้นเป็นสิ่งที่ไม่สามารถประมาทได้เลยอย่างไม่ต้องสงสัย แต่อย่างไรก็ตามถ้าซือเฟิงพลาดโอกาสแบบนี้ เขาจะต้องเสียใจไปตลอดชีวิต

แม้ว่าเขาจะไม่สามารถเข้ายึดและควบคุมคฤหาสถ์ของลอร์ดผู้ปกครองป้อมปราการได้ในตอนนี้ แต่เขาก็สามารถจะกลับมาลองได้อีกครั้ง หลังจากคูลดาวน์ของโทเค่นเสร็จสิ้น อย่างไรก็ตามหากเขาพลาดโอกาสที่อีเลียดี้เสนอมา เขาอาจไม่มีโอกาสได้รับมันอีกในอนาคต

เขามีร่างมานาระดับอีปิค และการจะปลดล๊อคศักยภาพทั้งหมดของมันให้ได้นั้นก็ยากกว่าร่างมานาระดับทองมาก และการพยายามจะปลดล๊อคมันให้ได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์ยิ่งนับเป็นความท้าทายอย่างมาก ไม่ต้องพูดถึงการจะปลดล๊อคให้ได้มากกว่านั้นเลย

“ยอดเยี่ยม คุณตัดสินใจได้อย่างชาญฉลาด คุณจะไม่ได้รับโอกาสอีกครั้งในการท้าทายฉัน ไม่ต้องพูดถึงการได้รับคำแนะนำเรื่องมรดกเลย ไม่ว่าคุณจะมาที่นี่อีกกี่ครั้งก็ตาม” อีเลียดี้พูดขณะที่เธอลืมตาขึ้น และเธอก็มองไปยังซือเฟิงด้วยดวงตาที่พึงพอใจ “อย่างไรก็ตามอย่าคิดว่าคุณจะสามารถต้านการโจมตีของฉันสามครั้งได้ง่ายๆ แม้ว่าฉันจะจำกัดความแข็งแกร่งของตัวเอง แม้ว่าฉันจะจำกัดความแข็งแกร่งของตัวเองไว้ที่ขั้นสาม แต่คุณก็มีโอกาสน้อยกว่าสิบเปอเซ็นต์ที่จะผ่านการทดสอบของฉันได้ด้วยร่างมานาระดับอีปิคที่ยังคงปลดล๊อคศักยภาพได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น”

จากนั้นอีเลียดี้ก็ดึงดาบใหญ่สีน้ำเงินซึ่งปลายแหลมนั้นฝังอยู่ในพื้นที่ตรงหน้าของเธอขึ้น และยกมันขึ้นเหนือหัวของเธอ
ทันใดนั้นมานาที่น่ากลัวก็เข้ามาล้อมรอบตัวเธอ และพายุมานาก็ปรากฎขึ้นรอบๆดาบของอีเลียดี้ โดยพายุนี้มันทรงพลังมากซะจนสามารถฉีกพื้นที่บางส่วนออกจากกันได้

ซือเฟิงนั้นสามารถสัมผัสได้อย่างชัดเจนเลยว่า ปรากฎการณ์ดังกล่าวนี้ไม่ได้เกิดจากสกิลหรือเวทย์ แต่มันเป็นเพียงการโจมตีปกติของอีเลียดี้เท่านั้น “ตอนนี้มาดูกันเลย ดาบแรก ไลท์ชาโด้ว !!!”

ขณะที่เธอพูดจบ อีเลียดี้ ก็เหวี่ยงดาบใหญ่ของเธอเข้าใส่ซือเฟิงซึ่งยืนอยู่ห่างออกไปราวสี่สิบหลา

ใบดาบขนาดมหึมาปรากฎขึ้นในมือของเทพธิดาก่อนที่มันจะพุ่งเข้าหาซือเฟิงอย่างรวดเร็ว

ดังนั้นนี่คือวิธีการใช้งานร่างมานาที่แท้จริงงั้นหรอ ? ซือเฟิงตกตะลึงเมื่อเห็นใบดาบกำลังใกล้เข้ามา

เขาเคยได้พบกับ NPC ขั้นห้ามามากมาย แต่เขาไม่เคยเห็นใครที่มีความเชี่ยวชาญในการใช้ร่างมานามากขนาดนี้เลย

แม้ว่าอีเลียดี้จะจำกัดความแข็งแกร่งของตัวเองไว้ที่ขั้นสาม แต่การโจมตีปกติของเธอก็ยังมีพลังเทียบเท่ากับขั้นสี่เลย ….

ซือเฟิงได้รีบเปิดใช้งานสกิล Heavenly Dragon’s Power อย่างไม่ลังเล

การทดสอบของมรดกนั้นตั้งอยู่ในพื้นที่อื่นที่แยกออกมาจากหุบเขาดาว แม้ว่าผู้เล่นจะไม่ได้รับอนุญาติให้ใช้สกิลอมตะ แต่พวกเขาก็สามารถใช้สกิลและเวทย์อื่นๆที่พวกเขามีได้ นี่คือเหตุผลที่ซือเฟิงกล้าจะยอมรับคำท้าทายของอีเลียดี้

อักษรรูนศักสิทธิ์นั้นปรากฎขึ้นรอบตัวของซือเฟิง และมันก็ช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งของเขาขึ้นอย่างมาก จากนั้นเขาก็เหวี่ยงดาบของเขาเข้าใส่ใบดาบมานาที่กำลังเข้ามา

เทคนิคลับ ไลท์นิ่งแฟลช !!!

ตู้ม !!
เมื่ออาวุธของทั้งสองฝ่ายปะทะกันมันก็ทำให้เกิดคลื่นกระแทกที่สั่นสะเทือนไปทั่วพื้นที่โดยรอบ และก็มีเสียงระเบิดดังก้องไปทั่วภูเขาศักสิทธิ์

จากนั้นร่างหนึ่งก็พุ่งออกมาจากฝุ่นควันที่ห้อมล้อมสนามรบ ซึ่งร่างนี้ก็ไม่ใช่ใครอื่นอกจากซือเฟิง

ซือเฟิงนั้นยังไม่ตาย หากแต่ว่าเขาก็สูญเสีย HP ไปหนึ่งในห้า และมีสภาพที่น่าสังเวชพอตัว

อย่างไรก็ตามก่อนที่ซือเฟิงจะตั้งตัวได้อย่างมั่นคงอีกครั้งเทพธิดาผู้นี้ก็ได้พร้อมโจมตีอีกครั้งแล้ว อย่างไรก็ตามครั้งนี้เธอเหวี่ยงดาบโจมตีออกมาเป็นแนวนอน

“ดาบที่สอง โฮลี่ดีวอร์ !!!”

พายุมานาอีกลูกก่อตัวขึ้นรอบตัวเธอ และมันดูเหมือนว่าแทบจะกลืนกินทุกสิ่งที่ขวางหน้าได้เลย คราวนี้ซือเฟิงรู้สึกตกตะลึงมากจริงๆ เพราะพายุนี้ดูดมานาในตัวของเขาออกไป และแรงกดดันของมันก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆจนทำให้เขาเคลื่อนไหวได้ยากมาก

ซือเฟิงนั้นไม่ได้มีเวลาที่จะตอบสนองอะไรอย่างเหมาะสมเลยก่อนที่อีเลียดี้จะเหวี่ยงดาบใหญ่ของเธอ

ตอนนี้เปลวไฟที่ลุกโชนก็ได้พุ่งเข้ามาหาซือเฟิง และมันก็ดูเหมือนกับว่ามันพร้อมจะกลืนกินทุกอย่างที่ขวางหน้า

เปลวไฟเหล่านี้นั้นมีพลังมากกว่าใบดาบมานาก่อนหน้านี้สองเท่า ….

นี่ล้อกันเล่นรึไง ? ความตกตะลึงของซือเฟิงพุ่งขึ้นสูงอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ในขณะที่เขามองดูเปลวไฟเหล่านี้กำลังพุ่งเข้ามาหาเขา

โดยปกติแล้ว แม้แต่ฮีโร่ก็ไม่สามารถจะแสดงพลังของขั้นสี่ออกมาได้ในการโจมตีปกติที่ตัวเองจำกัดความแข็งแกร่งของตัวเองไว้ที่ขั้นสาม แต่ตอนนี้การโจมตีปกติครั้งนี้ของเทพธิดาผู้นี้กับมีพลังอยู่ในขั้นกลาง ของขั้นสี่ หากเขานำเรื่องนี้ไปเล่าให้ใครฟัง ก็จะไม่มีใครเชื่อเขาแน่นอน

อย่างไรก็ตาม แม้จะรู้สึกตกตะลึง แต่ซือเฟิงก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องสู้ต่อ เขาได้รีบเปิดใช้งานสกิล Blade Liberation อีกสกิล และใช้ไลท์นิ่งแฟลชอีกครั้งทันที

ตู้ม !!

เสียงระเบิดดังก้องไปทั่วเมื่อการโจมตีของทั้งสองปะทะกัน

ซึ่งครั้งนี้นั้นอีเลียดี้ก็ทำให้ซือเฟิงปลิวกระเด็นไปได้ พร้อมกันนั้นก็ทำให้ HP ของเขาลดลงเหลือน้อยกว่าห้าสิบเปอเซ็นต์แล้ว อย่างไรก็ตามก่อนที่ซือเฟิงจะทันได้ลุกขึ้นยืนและตั้งตัวได้ เขาก็ได้ยินเสียงอีเลียดี้อีกครั้ง

“ดาบที่สาม การทำลายล้างศักสิทธิ์ !!!”

อีเลียดี้นั้นไม่ได้แสดงเจตนาที่จะชะลอการโจมตีของตัวเองเลย เธอกระโดดขึ้นไปในอากาศและเหวี่ยงดาบใหญ่ของเธอมายังซือเฟิงอีกครั้ง

คราวนี้การโจมตีของเทพธิดาผู้นี้ทำให้ซือเฟิงรู้สึกเลยว่าไม่ว่าเขาจะหลบหรือพยายามยังไง เขาก็จะไม่สามารถทำอะไรกับมันได้

การโจมตีนี้มันรุนแรงกว่าการโจมตีครั้งที่สองของเธอหลายเท่า …. “พลังสึกกร่อน เปิดใช้งาน !!!”