ตอนที่ 21 รวมเป็นหนึ่ง โดย Ink Stone_Fantasy
ภายในห้องเงียบไม้หอมชีหยา หลังจากตงป๋อเสวี่ยอิงที่นั่งขัดสมาธิอยู่กัดผลปัดจิตวิญญาณคำแรกลงไปแล้วก็รู้สึกว่าความเย็นเฉียบราวน้ำแข็งขุมหนึ่งไหลผ่านคอหอยแล้วแผ่ไปทั่วทั้งร่างกายอย่างรวดเร็ว ทั้งยังแผ่ซ่านไปถึงจิตวิญญาณ ทำให้จิตวิญญาณก็พลอยเย็นเฉียบไปด้วย แม้กระทั่งความสับสนเกี่ยวกับวิถีโลกเทียมในห้วงสมองจำนวนหนึ่งก็พลันมีรัศมีสายแล้วสายเล่าเปล่งประกายออกมา มีแนวคิดจำนวนมากที่ืทะลุจุดคอขวดได้
นี่ทำให้เขาปิติยินดียิ่งในทันใด แล้วกินผลปัดจิตวิญญาณต่อไปจนหมดเกลี้ยง ร่างกายและจิตใจทั้งหมดไปหยั่งรู้วิถีโลกเทียม
จิตวิญญาณที่เย็นเฉียบในขณะนี้กลับมีความคิดที่รวดเร็วเป็นที่สุด อีกทั้งแสงทิพย์วิญญาณ์สายแล้วสายเล่าก็ปรากฏขึ้นโดยฉับพลัน…
เดิมทีการบำเพ็ญมาถึงจุดคอขวดนั้นน่าเบื่อหน่ายอย่างยิ่ง เพราะยามที่ค้างอยู่ที่จุดคอขวดก็รู้สึกเพียงแค่ว่าถูกมัดมืออย่างไร้ทางแก้ หัวสมองขาวโพลนไปหมด ย่อมไม่มีทางรู้ได้เลยว่าจะขบให้แตกได้อย่างไร ดังนั้นบรรดาผู้บำเพ็ญจึงได้แต่เลือกที่จะออกไปผจญภัย ออกไปต่อสู้ บำเพ็ญศาสตร์ลับอื่นๆ เป็นต้น หมายจะเริ่มต้นกลั่นกรองแนวคิดใหม่ๆ ออกมาท่ามกลางการสั่งสมอันยาวนาน!
แสงทิพย์วิญญาณ์ช่างเป็นสิ่งล้ำค่ายิ่งนัก
‘วิถีโลกเทียม’ ของตงป๋อเสวี่ยอิงเพียงแค่ใช้เป็นเคล็ดร่างแปรเท่านั้น ที่ผ่านมาก็ไม่เคยสำแดงออกมาอย่างจริงจังเลย ยามที่พบเข้ากับศาสตร์ลับวิชาโลกอนธการ แสงทิพย์วิญญาณ์ก็พวยพุ่งราวกับน้ำพุ ดังนั้นเขาจึงปลีกวิเวกบำเพ็ญอย่างฉับพลัน ถึงขนาดเลือกใช้ห้องลับที่ล้ำค่าที่สุดแห่งหอทะเลสัตตดารา ‘ห้องเงียบไม้หอมชีหยา’ อย่างฟุ่มเฟือย ปลีกวิเวกเจ็ดหมื่นกว่าปีเขาก็ได้รับผลสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ หยั่งรู้ ‘ฟองอากาศอนธการ’ กระบวนท่าแรกของวิชาโลกอนธการจนไปถึงขั้นสูงสุด แม้กระทั่งวิถีโลกเทียมก็ไปถึงจุดคอขวดอันสูงสุดของขั้นกำเนิดแล้ว
แต่ผ่านไปเจ็ดหมื่นกว่าปี แสงทิพย์วิญญาณ์ก็ค่อยๆ ลดน้อยลง หลังจากเข้าสู่จุดคอขวดแล้วก็ยิ่งขาดแคลนมากขึ้นไปอีก
ต่อไปหากอ้างอิงจากกฎเกณฑ์โดยทั่วไปแล้ว หากไม่อาศัยเวลาเข้าว่า อย่างเช่นบำเพ็ญอยู่ภายใน ‘ตำหนักกาลเวลา’ เป็นร้อยสองร้อยล้านปี บางทีอาจสามารถบรรลุจุดคอขวดแล้วเหยียบย่างเข้าสู่ขั้นรวมเป็นหนึ่งได้ นี่ก็นับได้ว่าล้ำเลิศเป็นที่สุดแล้ว
หรือไม่ก็ออกไปต่อสู้เสาะหาโอกาส
นอกจากนี้แล้วก็มีวิธีการที่ฟุ่มเฟือยเป็นอย่างยิ่งอยู่อีกวิธีหนึ่ง! ก็คือการใช้วัตถุที่ช่วยส่งเสริมการบำเพ็ญ!
แต่ไหนแต่ไรตงป๋อเสวี่ยอิงก็ไม่เคยใช้ของจำพวก ‘ผลปัดจิตวิญญาณ’ มาก่อนเลย การใช้เป็นครั้งแรกนี้ หนึ่งก็เพื่อการบำเพ็ญของตนเอง ส่วนอีกทางหนึ่งก็คิดอยากจะให้ตัวเองได้ลองรับผลที่เกิดขึ้นดูก่อนที่จะให้จิ้งชิวภรรยาและอวี้เอ๋อร์บุตรชายได้ใช้!
ผลลัพธ์นี้ช่างยอดเยี่ยมเป็นที่สุด!
“ระบบกฎเกณฑ์โลกเทียม ต้องรวมเป็นหนึ่ง ทั้งหมดทั้งมวลรวมเป็นหนึ่งเดียว” ห้วงสมองของตงป๋อเสวี่ยอิงมีแสงทิพย์วิญญาณ์พุ่งขึ้นมามากมายแล้วเริ่มต้นหยั่งรู้ไตร่ตรอง ประสิทธิภาพการหยั่งรู้ในขณะนี้ก็รวดเร็วเป็นที่สุดเช่นกัน…
ขั้นรวมเป็นหนึ่ง
ก็นับได้ว่าเป็นชั้นผู้แกร่งกล้าที่แท้จริงในมหาโลกทิพย์ทั้งห้าและอากาศอันสับสนอลหม่านเช่นเดียวกัน อ้างอิงจากระดับความยากง่ายของระบบ หลังจากบรรลุแล้วพลังยุทธ์ก็ไม่เท่ากัน
ดังเช่นระบบการบำเพ็ญสายโลหิตระบบลัทธิจอมมารดา และระบบเหล่ากลืนกินเป็นต้น เมื่อเทียบกันแล้วขั้นรวมเป็นหนึ่งก็ค่อนข้างอ่อนแอ! อย่างเช่นระบบ ‘ทิพย์’ หรือ ระบบ ‘ความเร้นลับของกฎเกณฑ์’ นี้เมื่อเทียบกันแล้วก็แข็งแกร่งกว่าอยู่มากนัก
ขั้นรวมเป็นหนึ่งของระบบความเร้นลับของกฎเกณฑ์ ระยะเวลาบำเพ็ญก็จะเนิ่นนานสักหน่อย การผ่านชั้นที่สามของเจดีย์ดาวก็มิใช่เรื่องยากนัก ในบรรดาพวกเขา ผู้ที่ร้ายกาจหน่อยก็สามารถผ่านได้แม้กระทั่งชั้นที่สี่ของเจดีย์ดาว หรือกระทั่งผู้ที่ร้ายกว่านั้นก็ผ่านกระทั่งชั้นที่ห้าได้
ตงป๋อเสวี่ยอิงก็จัดได้ว่าร้ายกาจเป็นที่สุด สามารถผ่านชั้นที่สามของเจดีย์ดาวได้ตั้งแต่ยังอยู่ในขั้นกำเนิด!
ตงป๋อเสวี่ยอิงที่นั่งขัดสมาธิอยู่ที่นั่นพลันลืมตาขึ้น นัยน์ตาของเขาดำสนิททอประกายชุ่มฉ่ำ ตลอดร่างแผ่กลิ่นอายอันน่าอัศจรรย์ออกมา นั่นคือกลิ่นอายที่สมบูรณ์แบบเป็นอย่างยิ่ง ตลอดร่างราวกับทหารเทพที่ผ่านการหล่อหลอมมานับครั้งไม่ถ้วน กลิ่นอายอัดแน่นเป็นอย่างยิ่ง โลกลวงที่ปรากฏขึ้นบริเวณรอบกายเขาพลันหดเล็กลงรวมตัวกันกลายเป็นจุดขนาดเล็กอย่างที่สุดจุดหนึ่ง
จุดนี้มีขนาดเล็กมาก
แต่กลับควบแน่นกันอย่างบริสุทธิ์ยิ่ง! แกร่งกล้ามั่นคงกว่าโลกลวงก่อนหน้านี้มากมายเหลือเกิน
“ขั้นรวมเป็นหนึ่ง”
ตงป๋อเสวี่ยอิงเอ่ยเสียงเบา
……
โลกภายในกาย
“ตึง…” ต้นฉบับเปลี่ยนแปรเป็นดาวเคราะห์ขนาดมหึมาราวกับดวงอาทิตย์ ในอดีตดาวเคราะห์ดวงนี้โคจรโดยอ้างอิงจาก ‘ระบบกฎเกณฑ์โลกเทียม’ แต่ตอนนี้เมื่อระบบกฎเกณฑ์โลกเทียมรวมเป็นหนึ่งเปลี่ยนแปรเป็นจุดที่บริสุทธิ์โดยสมบูรณ์แล้ว…นี่ก็คือ ‘รากฐานโลกเทียม’ ระดับขั้นใหม่ล่าสุดของวิถีโลกเทียม ทั้งหมดรวมเป็นหนึ่ง แปรเปลี่ยนเป็นรากฐานขั้นสุดยอดของโลกเทียม
ดาวเคราะห์ขนาดมหึมาส่งเสียงตึงตังดังกึกก้อง มันหมุนโคจรแต่กลับหดเล็กลงไม่หยุดหย่อน ปริมาตรของมันเล็กลงเรื่อยๆ
เดิมทีมีขนาดใหญ่พอๆ กับดวงอาทิตย์ เพียงไม่นานก็หดเล็กลงสิบเท่า ร้อยเท่า พันเท่า หมื่นเท่า ล้านเท่า ร้อยล้านเท่า… เล็กกว่าดาวเคราะห์ธรรมดาๆ ดวงหนึ่งเสียอีก เส้นผ่านศูนย์กลางเล็กกว่าร้อยเมตร จนกระทั่งเล็กกว่ากำปั้นของมนุษย์…ในกระบวนการการยุบตัว ความหนาแน่นของมันก็เพิ่มขึ้นอย่างฉับพลัน เป็นการพุ่งสูงขึ้นอย่างเหนือความคาดหมาย
ผู้แกร่งกล้าขั้นรวมเป็นหนึ่ง ดังเช่น ‘ระบบการบำเพ็ญพลรบซึ่งแกร่งที่สุด’ ก็จะทำให้ความหนาแน่นของร่างกายตนเองเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ยิ่งการยกระดับน่าหวาดหวั่นมากเท่าใด ร่างกายก็จะยิ่งแกร่งกล้ามากขึ้นเท่านั้น ถึงขนาดที่มีบางร่างกายที่สามารถเทียบเคียงได้กับอาวุธเทพอากาศเลยทีเดียว ดังนั้นใน ‘ระบบการบำเพ็ญพลรบซึ่งแกร่งที่สุด’ พลังการต่อสู้ของขั้นรวมเป็นหนึ่งระดับปกติก็สูงเช่นกัน การผ่านชั้นที่สามของเจดีย์ดาวก็ไม่ยากเลย ผู้ที่ล้ำเลิศก็สามารถผ่านได้แม้กระทั่งชั้นที่ห้า ผู้ที่บุกผ่านชั้นที่เจ็ดในประวัติศาสตร์ก็มีท่านหนึ่งที่เป็นระบบการบำเพ็ญพลรบซึ่งแกร่งที่สุด ในตอนนั้นร่างกายแข็งแกร่งถึงขั้นเกินธรรมดา ระดับความแข็งแกร่งของร่างกายเทียบเคียงได้กับอาวุธเทพอากาศ!
“พรึ่บ”
ดาวเคราะห์ที่เดิมทีใหญ่มหึมาราวกับดวงอาทิตย์ สุดท้ายก็หดเล็กลงจนถึงขีดสุด แปรเปลี่ยนเป็นจุดสีดำจุดหนึ่ง มันเล็กจนยากที่จะวัดขนาดได้ หรือไม่มีขนาดในความหมายเชิงกายภาพ เป็นเพียง ‘จุด’ จุดหนึ่งที่มีพลังงานบริสุทธิ์เป็นที่สุด
บริเวณโดยรอบของมันกำลังยุบตัวและบิดเบี้ยว
กฎเกณฑ์ของ ‘รากฐานโลกเทียม’ กลายเป็นศูนย์กลางของการดำรงอยู่ของมัน ถ้าหากไม่มีกฎเกณฑ์รากฐานโลกเทียม เกรงว่าพลังงานอันน่าหวาดหวั่นของมันอาจจะระเบิดออกมาในทันที ร่างกายของตงป๋อเสวี่ยอิงก็คงถูกเผาจนร่างแหลกสลายเป็นเถ้าธุลี
“รากฐานโลกเทียม”
“ก็คือรากฐานของทั้งหมดทั้งมวล”
“ก็คือรากฐานของจักรวาลในอนาคต”
ตงป๋อเสวี่ยอิงเข้าใจในจุดนี้ สิ่งนี้ก็คือรากฐานสุดท้ายที่แท้จริงของระบบความเร้นลับของกฎเกณฑ์จากจุดจุดนี้จึงสามารถพัฒนากลายเป็นจักรวาลอันอลหม่านขนาดเล็กที่แท้จริงได้ นั่นจึงจะเป็นแบบจำลองของจักรวาลอันแท้จริง มีจักรวาลภายในกายเช่นนี้ เหล่ายักษ์ใหญ่ขั้นอลวนของระบบความเร้นลับของกฎเกณฑ์จึงมีพลังต่อสู้อันแข็งแกร่ง แน่นอนว่าเพียงแค่สามารถกลายเป็นขั้นอลวนได้ ระบบอื่นๆ ต่างก็มีความแกร่งกล้าล้ำเลิศเป็นของตัวเองเช่นกัน! และถ้าหากเปิดฟ้าทลายดินท่ามกลางความสับสนอลหม่าน ทำให้วิวัฒน์เป็นจักรวาลอันแท้จริงออกมาท่ามกลางความสับสนอลหม่านได้
นั่นก็คือสิ่งมีชีวิตขั้นสุดยอด…เทพจักรวาล!
และรากฐานที่วิวัฒน์ขึ้นมาของจักรวาลสุดท้ายนั้นก็คือรากฐานที่สร้างขึ้นจากการที่ขั้นรวมเป็นหนึ่งควบรวมเป็นหนึ่งในท้ายที่สุด
“พรึ่บ” ภายในห้วงคำนึง ร่างจริงจิตเทพก็เริ่มแปรสภาพจิตวิญญาณของตนในทันทีโดยอาศัยกฎเกณฑ์ ‘รากฐานโลกเทียม’ ที่ตระหนักรู้ใหม่ เห็นเพียงว่าจิตวิญญาณพลันแปรเปลี่ยนเป็นลำแสงที่รวมตัวกัน จิตวิญญาณก็มีการเปลี่ยนแปลงเชิงคุณภาพอย่างมากมาย ความเร็วในการหยั่งรู้วิวัฒน์ก็ยกระดับอย่างฉับพลันอีกครั้ง! ระดับขั้นยิ่งสูง ความเร็วในการหยั่งรู้วิวัฒน์ก็ยิ่งรวดเร็วขึ้น ดังนั้นระดับขั้นดังเช่นเทพจักรวาลจึงสามารถสรรสร้างจักรวาลขึ้นมาได้ หรือกระทั่งตระหนักรู้ศาสตร์ลับอันน่าหวั่นเกรงที่สามารถผลาญทำลายโลกทิพย์แห่งหนึ่งได้
นั่นคือพลังที่ชวนให้คนเคารพนับถือโดยแท้
……
ตงป๋อเสวี่ยอิงที่ลืมตาขึ้นเผยสีหน้ายินดี เหยียบย่างเข้าสู่ขั้นรวมเป็นหนึ่งด้วยวิถีโลกเทียมสามารถไปถึงขั้นรวมเป็นหนึ่งอย่างรวดเร็วเช่นนี้ก็อยู่นอกเหนือความคาดการณ์ของตน ระบบความเร้นลับของกฎเกณฑ์บรรลุระดับขั้นใหญ่ได้รวดเร็วกว่าระบบผู้ท่องอากาศเป็นครั้งแรก!
“กินผลปัดจิตวิญญาณลงไปสองพันสามร้อยปีเห็นจะได้ ข้าก็บรรลุไปถึงขั้นรวมเป็นหนึ่งเรียบร้อยแล้วล่ะ” ตงป๋อเสวี่ยอิงรู้สึกได้ถึงความเย็นเฉียบที่หลงเหลืออยู่ในจิตวิญญาณ “พลังอันน่าอัศจรรย์ที่อยู่ในผลปัดจิตวิญญาณยังไม่หมดสิ้นเลย บำเพ็ญต่อไปดีกว่า!”
เขามิกล้าสิ้นเปลืองเลยแม้แต่น้อย
พอบริโภคผลปัดจิตวิญญาณไปแล้วก็จะคงอยู่ได้ชั่วระยะเวลาหนึ่ง ต้องบำเพ็ญอย่างสุดกำลังในชั่วระยะเวลาที่คงอยู่นี้
“โลกอนธการ!” ตงป๋อเสวี่ยอิงบำเพ็ญศาสตร์ลับศาสตร์นี้ต่อไป เพิ่งจะรู้แจ้งและได้ครอบครองรากฐานโลกเทียม ก่อนหน้านี้ก็เชี่ยวชาญ ‘ฟองอากาศอนธการ’ กระบวนแรกของวิชาโลกอนธการเป็นอย่างมากแล้ว ด้วยเหตุนี้จึงค้างคาอยู่ที่นั่น ก็เพราะระดับขั้นของตนไม่เพียงพอ ตอนนี้บรรลุวิถีโลกเทียมครั้งยิ่งใหญ่ ไปถึงระดับขั้นรากฐานโลกเทียมแล้ว ระดับขั้นก็เพียงพอแล้ว การหยั่งรู้ฟองอากาศอนธการ กระบวนท่าแรกของวิชาโลกอนธการก็ง่ายดายขึ้นมากในทันที ก่อนหน้านี้ไม่มีทางทะลุปรุโปร่งได้ แต่ในขณะนี้มีวิธีที่จะเข้าใจแจ่มแจ้งได้แล้ว ปริศนาทุกอย่างได้รับการไขอย่างรวดเร็ว แสงทิพย์วิญญาณ์ก็พรั่งพรูไม่หยุดหย่อน…
……………………………………………………………….