ภาคที่ 27 รักษาการณ์เมืองอลหม่าน ตอนที่ 22 ออกมาเดินเล่น

Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน

ตอนที่ 22 ออกมาเดินเล่น โดย Ink Stone_Fantasy

ตงป๋อเสวี่ยอิงนั่งขัดสมาธิ โลกดำมืดอันเลือนรางรอบด้านปรากฏขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า บางครั้งยังสั่นสะเทือนและถูกทำลายไป

เมื่อเวลาล่วงเลยไป ‘โลกอนธการ’ อันเลือนรางที่ปรากฏขึ้นก็คงตัวมากขึ้นเรื่อยๆ

“ช่างซับซ้อนเสียจริง”

“ยิ่งใกล้จะหลอมสำเร็จเท่าใด โครงสร้างของโลกอนธการนี้ก็ยิ่งพิสดารมากขึ้นเรื่อยๆ” ตงป๋อเสวี่ยอิงชื่นชมอยู่ในใจ ความหมายของการมีอยู่ของโลกอนธการก็เพื่อการแตกทลายในตอนท้ายสุด ยิ่งมันคงตัวและมีพลังงานที่แฝงอยู่มั่นคงเท่าใด อานุภาพของการแตกทลายในตอนท้ายสุดก็จะยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้นเท่านั้น! ตงป๋อเสวี่ยอิงไปรับรู้สิ่งที่ตนสงสัยทีละจุดๆ อย่างต่อเนื่อง แบบค่อยเป็นค่อยไป…

เขาก็ยิ่งสงสัยเกี่ยวกับกระบวนท่านี้น้อยลงเรื่อยๆ!

ในที่สุด ตงป๋อเสวี่ยอิงก็พลันกระจ่างแจ้งขึ้นมา โลกอนธการกระบวนท่าที่หนึ่ง ‘ฟองอากาศอนธการ’ ทั้งหมดล้วนซึมลึกถึงทรวง ไม่มีความข้องใจแม้แต่น้อยอีกต่อไป!

“ฝึกสำเร็จแล้วหรือ” ตงป๋อเสวี่ยอิงมองดูผนังไม้หอมชีหยาของห้องเงียบด้วยความตกตะลึงอยู่บ้าง กลิ่นหอมจางๆ โชยมาแตะปลายจมูก

“ฝึกโลกอนธการกระบวนท่าที่หนึ่งสำเร็จเช่นนี้เองน่ะหรือ” ตงป๋อเสวี่ยอิงรู้สึกมึนงงอยู่บ้าง

เขาคาดคะเนถึงชั่วขณะนี้ได้อยู่ก่อนแล้ว แต่หลังจากเข้าถึงรากฐานโลกเทียมและก้าวเข้าสู่ขั้นรวมเป็นหนึ่งแล้ว เมื่อฝึกกระบวนท่านี้สำเร็จ ในใจก็ยังคงรู้สึกซับซ้อนไปหมด

เพราะเขาเข้าใจว่าการรู้แจ้งกระบวนท่านี้หมายความว่าอะไร!

ศาสตร์ลับวิชานี้มีทั้งหมดก็แค่สองกระบวนท่าเท่านั้น

เข้าถึงกระบวนท่าที่หนึ่งก็เพียงพอจะบุกฝ่าเจดีย์ดาวชั้นที่ห้าได้แล้ว ในบรรดาขั้นรวมเป็นหนึ่งก็ถือได้ว่าเป็นผู้แกร่งกล้าที่แท้จริงแล้ว ต่อให้เผชิญหน้ากับร่างจริงของยักษ์ใหญ่ขั้นอลวนก็มีหวังที่จะรักษาชีวิตเอาไว้ได้ นับได้ว่าเป็นผู้แกร่งกล้าอย่างยิ่งทางแถบหนึ่งในโลกทิพย์ทั้งห้า เมื่อเผชิญหน้ากับขั้นรวมเป็นหนึ่งคนอื่นๆ ต่อให้เป็นขั้นรวมเป็นหนึ่งระดับยอดสุดก็สามารถกวาดล้างได้ขนานใหญ่

ชั้นที่ห้ากลับบรรลุถึงขีดจำกัดพลังขั้นอลวนแล้ว ค่อนข้างใกล้เคียงกับยักษ์ใหญ่ขั้นอลวนที่แท้จริงแล้ว

“แม้ก่อนหน้านี้ข้าจะมีน้ำเต้าสีดำ แต่ข้อแรก การควบคุมน้ำเต้าสีดำจะต้องดึงจุกออกแล้วปล่อยลูกไฟออกมา นี่ต้องใช้ชั่วขณะที่สั้นอย่างยิ่ง หากมีผู้แกร่งกล้าที่แข็งแกร่งอย่างยิ่งลอบโจมตี เวลาเพียงชั่วขณะนั้นก็เพียงพอให้ลอบสังหารได้แล้ว” ตงป๋อเสวี่ยอิงเข้าใจในข้อนี้ดีนัก ถึงอย่างไรวัตถุคุ้มกายก็มิใช่การรับรู้ของตนเอง ถึงอย่างไรก็มีข้อบกพร่องอยู่บ้าง “นอกจากนี้อานุภาพของมันแม้จะแข็งแกร่งยิ่ง แต่กลยุทธ์การต่อสู้ก็ยังอ่อนแอเกินไป แค่ตัวคำว่า ‘ปะทะ’ คำเดียว หากพบกับยอดฝีมือที่บุกฝ่าเจดีย์ดาวชั้นที่ห้าได้จริงๆ แล้ว ก็สามารถปั่นหัวข้าเล่นได้อย่างง่ายดาย”

อานุภาพแข็งแกร่ง ระดับขั้นอ่อนแอเกินไป เป็นจุดอ่อนของก่อนหน้านี้! ก็แค่จุดประจำการแห่งหนึ่งของลัทธิทิพย์โบราณ ทูตทิพย์ที่แข็งแกร่งที่สุดก็แค่ขั้นรวมเป็นหนึ่งระดับยอดเท่านั้น จึงสามารถทำให้อานุภาพลูกไฟของน้ำเต้าสีดำปะทุออกมาได้อย่างเต็มที่

หากพบผู้ที่มีพลังแข็งแกร่งกว่า ก็เกรงว่าลูกไฟของน้ำเต้าสีดำจะมิอาจปะทะถูกศัตรูได้

“ตอนนี้ระดับขั้นของข้าเติมเต็มแล้ว” ตงป๋อเสวี่ยอิงเผยรอยยิ้มออกมา

ตงป๋อเสวี่ยอิงจิ้มออกไปเบาๆ คราหนึ่ง

ฟิ้ว!

ฟองอากาศอนธการฟองหนึ่งปรากฏขึ้นที่ปลายนิ้ว ฟองอากาศอนธการนี้มีเส้นผ่านศูนย์กลางหลายเมตร จากนั้นก็ ‘ภาพลวงกลายเป็นความจริง’ ระหว่างที่กลายเป็นความจริงนั้น ก็ย่อมต้องดูดซับพลังฟ้าดินรอบด้านเป็นธรรมดา จากนั้นก็หดเล็กลงอย่างรวดเร็วแล้วก็ระเบิดออกเสียงดัง ‘ปัง’ ทันที ทว่าเพียงแค่มิติภายในฟองอากาศระเบิดออกมาเท่านั้น อากาศแตกสลายกลายเป็นผุยผงแล้วกลายเป็นความดำมืดไปหมด นี่ก็คือโลกทิพย์ อากาศมั่นคงเพียงใดกัน ก็ยังแตกสลายกลายเป็นผุยผงไปอยู่ดี!

“แม้พลังฟ้าดินที่หอบม้วนเข้ามาจะน้อยมาก แต่อาศัยระดับความพิสดารของฟองอากาศอนธการ อานุภาพการระเบิดนี้ก็ยังแข็งแกร่งกว่าวิถีหอกของข้าก่อนหน้านี้มากนัก” ตงป๋อเสวี่ยอิงเพียงแค่ฝึกสำแดงออกมาเท่านั้น มิได้สำแดงอานุภาพที่แข็งแกร่งที่สุดออกมาแต่อย่างใด

หากสำแดงอานุภาพที่แข็งแกร่งที่สุดออกมา ก็ต้องหอบม้วนพลังฟ้าดินเข้ามาให้มากพอ ความเคลื่อนไหวก็จะใหญ่โตเกินไป!

“กินผลปัดจิตวิญญาณหมดไปตั้งแปดพันกว่าปีได้แล้ว” ตงป๋อเสวี่ยอิงสัมผัสได้ถึงความเย็นเยียบภายในวิญญาณ พลังงานพิเศษของผลนั้นยังเผาผลาญไปไม่หมด

“รีบรับรู้วิชาลับผู้ท่องให้เร็วที่สุด!” ตงป๋อเสวี่ยอิงทำใจไม่ได้ที่จะสิ้นเปลืองเวลาที่ผลไม้เผาผลาญพลังงานไปอย่างต่อเนื่อง วิถีเข่นฆ่าและวิถีระลอกคลื่นยังห่างจากการบรรลุขั้นรวมเป็นหนึ่งอยู่บ้าง เมื่อเทียบกันแล้ว ‘วิชาลับผู้ท่อง’ นั้นใกล้จะบรรลุมากกว่า!

แท้ที่จริงแล้ว

ยามนี้วิญญาณบรรลุถึงขั้นรวมเป็นหนึ่ง แข็งแกร่งกว่าที่ผ่านมามากนัก และยังกินผลไม้ลงไปอีก และยังมีห้องลับไม้หอมชีหยาช่วยส่งเสริม จึงสามารถบำเพ็ญได้รวดเร็วยิ่งอย่างแท้จริง

เพียงแค่สามปี ตงป๋อเสวี่ยอิงก็บรรลุถึงวิชาลับผู้ท่องชั้นที่สามสิบ!

จากนั้นก็ผ่านไปอีกหกร้อยปี…

“อา”

ตงป๋อเสวี่ยอิงพลันเปิดเปลือกตาขึ้นมา นัยน์ตาฉายแววจนใจและเสียใจ “เผาผลาญจนสิ้นเสียแล้ว! ในที่สุดพลังงานของผลปัดจิตวิญญาณก็หมดไปแล้ว นับว่าวันคืนที่การบำเพ็ญยกระดับด้วยความเร็วสูงนั้นไม่มีอีกแล้ว”

ชั่วขณะที่ความเย็นเยียบชนิดนั้นมลายหายไปจนสิ้น ตงป๋อเสวี่ยอิงก็รู้สึกว่าความเร็วในการรับรู้ของวิญญาณตนพลันลดฮวบลง ความรู้สึกสูญเสียเช่นนี้ช่างทนรับได้ยากเสียจริง

“ไม่เลว ประสิทธิผลของผลไม้นี้ดียิ่งจริงๆ เสียด้วย” ตงป๋อเสวี่ยอิงพอใจนัก “ดำเนินต่อเนื่องกันถึงเก้าพันปีก่อนหน้านี้ข้าเป็นขั้นกำเนิด บัดนี้ยังเป็นขั้นรวมเป็นหนึ่งแล้ว! เมื่อข้ากินผลไม้นี้ลงไป ก็ย่อมเผาผลาญอย่างรวดเร็วยิ่งเป็นธรรมดา หากเป็นจิ้งชิวและอวี้เอ๋อร์กินแล้วล่ะก็ วิญญาณพวกเขาอ่อนแอกว่าข้ามากเสียยิ่งกว่ามาก เมื่อเผาผลาญก็ต้องช้ากว่าข้ามากอย่างแน่นอน อีกทั้งประสิทธิผลก็มีแต่ดียิ่งขึ้นเท่านั้น!”

โดยสรุปแล้ว

วัตถุที่ช่วยส่งเสริมการบำเพ็ญนั้นให้ผลในการยกระดับการรับรู้อย่างแท้จริง จุดอ่อนเพียงอย่างเดียวก็คือระยะเวลาสั้น

แต่การบำเพ็ญเก้าพันปีนี้ คาดว่าหากตงป๋อเสวี่ยอิงอยู่ในตำหนักกาลเวลาแล้ว เกรงว่าอาจต้องใช้เวลาสักพันหรือสองพันล้านปี วิถีโลกเทียมจึงจะสามารถบรรลุถึงขั้นรวมเป็นหนึ่งได้ จากนั้นค่อยใช้เวลาอีกสักพันหรือสองพันล้านปีจึงจะสามารถเข้าถึง ‘ฟองอากาศอนธการ’ ได้

เมื่อเคยได้ลิ้มรสของวัตถุที่ช่วยส่งเสริมการบำเพ็ญเข้าไป ก็รู้สึกไม่ค่อยชินกับการบำเพ็ญอย่างช้าๆ ตามปกติเสียแล้ว

“ยิ่งข้ามีพลังแข็งแกร่งขึ้น วัตถุที่ช่วยส่งเสริมการบำเพ็ญก็ยิ่งมีส่วนช่วยน้อยลง” ตงป๋อเสวี่ยอิงพึมพำ “ขั้นกำเนิดกินผลปัดจิตวิญญาณ ข้ารู้สึกว่ามีส่วนช่วยอย่างยิ่ง แต่หลังจากเข้าถึงขั้นรวมเป็นหนึ่งแล้ว เมื่อรับรู้ฟองอากาศอนธการ ก็รู้สึกว่าผลปัดจิตวิญญาณมีส่วนช่วยลดลงแล้ว”

“หากเป็นขั้นอลวน ผลลัพธ์ก็จะอ่อนแอมากนัก”

อย่างน้อยก็ยังมีประโยชน์ต่อขั้นอลวนเล็กน้อย สำหรับเทพจักรวาลก็ไม่มีประโยชน์เลยแม้แต่น้อย ถึงจะกินลงไปก็เสียเปล่า

บวกกับที่วัตถุที่ช่วยส่งเสริมการบำเพ็ญล้ำค่ายิ่งนัก ราคาก็สูงเสียเหลือเกิน ดังนั้นการบำเพ็ญเป็นระยะเวลายาวนานต่างหากจึงจะเป็นเรื่องปกติ โดยทั่วไปมีแต่คราวคับขันเท่านั้น เช่นรู้แจ้งศาสตร์ลับบางชนิดแล้วติดอุปสรรคอยู่ อย่างยักษ์ใหญ่ขั้นอลวนจึงจะยอมใช้ศิลาปฐมโลกาหลายร้อยก้อนเพื่อไปซื้อวัตถุล้ำค่าบางอย่างมาช่วยในการบำเพ็ญเสียหน่อย แต่ผลก็อาจจะเป็นว่า ช่วยส่งเสริมแล้ว แต่ยังมิอาจบรรลุได้อยู่ดีก็เป็นได้!

วัตถุที่ช่วยส่งเสริมการบำเพ็ญมิใช่วัตถุเอนกประสงค์! ตงป๋อเสวี่ยอิงมีพรสวรรค์ด้านวิถีโลกเทียมอย่างแท้จริงจึงให้ผลนี่น่าแปลกใจเช่นนี้ หากไม่กินผลไม้ แล้วใช้เวลามากหน่อยก็สามารถสำเร็จได้เช่นกัน!

……

นอกห้องเงียบไม้หอมชีหยา

เอี๊ยด

ประตูเปิดออก ตงป๋อเสวี่ยอิงอาภรณ์ขาวเดินออกมาจากในนั้น ประมุขหออวี่ฉีกำลังเฝ้ารออยู่ด้านนอก

“แสนปีพอดี ผู้อาวุโสตงป๋อรีบร้อนเก็บตัว เกรงว่าคงจะได้อะไรมาอย่างใหญ่หลวงเป็นแน่…โอ้…” ประมุขหออวี่ฉีโค้งคำนับพลางชมเชยอย่างกระตือรือร้น แต่ทันใดนั้นสีหน้าของเขาก็แข็งค้างไปแล้วเอ่ยขึ้นด้วยความตกตะลึงอยู่บ้างว่า “ผู้อาวุโสตงป๋อท่านบรรลุถึงขั้นรวมเป็นหนึ่งแล้วหรือนี่”

“ใช่แล้ว” ตงป๋อเสวี่ยอิงเผยรอยยิ้มสายหนึ่งออกมา เขารวบรวมเวลาให้ถึงแสนปีเต็มแล้วค่อยออกมา เพราะการบำเพ็ญข้างในเป็นเวลาแสนปีต้องใช้ศิลาปฐมโลกาก้อนหนึ่งพอดี หากไม่ถึงแสนปี ก็ยังต้องเก็บในราคาหนึ่งก้อนอยู่ดี

“ยินดีด้วยๆ” ประมุขหออวี่ฉีพูดรัว “ขอแสดงความยินดีกับผู้อาวุโสตงป๋อด้วย ที่ก้าวเข้าสู่ขั้นรวมเป็นหนึ่งได้รวดเร็วถึงเพียงนี้ คิดว่าอีกไม่นานคงจะสามารถบุกฝ่าเจดีย์ดาวชั้นที่ห้าไปได้อย่างแน่นอน”

เขากลับไม่รู้เลยว่า ตงป๋อเสวี่ยอิงในตอนนี้มีพลังพอที่จะบุกฝ่าชั้นที่ห้าได้แล้ว

ในด้านวิถีโลกเทียม พรสวรรค์ของตงป๋อเสวี่ยอิงสูงส่งกว่าวิถีเข่นฆ่าและวิถีระลอกคลื่นโดยแท้ ตอนที่เขายังเยาว์วัยมากก็เข้าถึงสัจจาโลกเทียมแล้ว แม้กระทั่งสัจจาชั้นหนึ่งซึ่งบรรลุตอนที่เป็นเหนือธรรมดาก็ยังเป็น ‘สัจจาโลกา’ เห็นได้ชัดว่า เขามีพรสวรรค์ที่แข็งแกร่งอย่างยิ่งในด้านการสร้างโลก ดังนั้นศาสตร์ลับ ‘โลกอนธการ’ วิชานี้จึงค่อนข้างเหมาะสมกับเขา

“หลังหักค่าห้องเงียบไปหนึ่งศิลาปฐมโลกาแล้ว นี่คือศิลาปฐมโลกาหนึ่งร้อยสิบแปดก้อนของท่านผู้อาวุโสขอรับ” ประมุขหออวี่ฉีส่งกำไลเก็บวัตถุให้ด้วยความเคารพ

ตงป๋อเสวี่ยอิงรับมาแล้วก็ตรวจดูอยู่ครู่หนึ่ง ด้านในคือก้อนศิลาที่ส่องแสงหลากสีสันอย่างน่าประหลาดจำนวนมาก ต่อให้เป็นระดับขั้นเช่นทุกวันนี้ วิญญาณก็ยังคงมีแรงผลักดันที่จะกินมันลงไปอย่างแรงกล้า

“ขอบคุณท่านด้วย”

ตงป๋อเสวี่ยอิงหมุนกายมาแล้วก็เดินมุ่งหน้าไปด้านนอก ประมุขหออวี่ฉีตามส่งตลอดทางจนถึงประตูหน้าของหอทะเลสัตตดารา

“ฟิ้ว”

ตงป๋อเสวี่ยอิงมองดวงอาทิตย์ที่อยู่กลางฟากฟ้าไกล นี่คือดวงอาทิตย์ของโลกทิพย์

“นานแล้วที่ไม่ได้เห็นดวงอาทิตย์” ตงป๋อเสวี่ยอิงอารมณ์ดียิ่งนัก การก้าวกระโดดของพลังทำให้จิตใจของเขาเบิกบานขึ้นเป็นอันมาก บัดนี้ด้วยพลังของเขา การจะได้วัตถุช่วยส่งเสริมการบำเพ็ญที่ร้ายกาจยิ่งกว่ามานั้น ก็ง่ายกว่าเมื่อก่อนมากนัก

“ออกไปเดินหาหอสุราลิ้มรสอาหารรสเลิศสักหน่อยดีกว่า” ตงป๋อเสวี่ยอิงที่อารมณ์ดีอย่างยิ่งเดินออกจากหอทะเลสัตตดารา แล้วเดินทอดนองเข้าไปบนทางสัญจรของเมืองวารีสวรรค์ หมายจะหาหอสุราดีๆ สักแห่ง แล้วกินมื้อใหญ่สักมื้อ!

……

“เอ๊ะ ออกมาแล้วหรือ” ภายในเรือนเล็กหลังหนึ่ง บุรุษร่างอ้วนเตี้ย ‘บรรพชนกาฬสยบ’ ซึ่งนั่งขัดสมาธิอยู่ภายในห้องพลางปลดปล่อยการรับรู้ออกมาตลอดเวลาพลันเปิดเปลือกตาขึ้น นัยน์ตาสีทองเข้มเต็มไปด้วยแววหนาวเหน็บ “ให้ท่านบรรพชนอย่างข้ารอนานมากทีเดียว!”

 …………………………..