1809-4 vs 1810-1 vs 1810-2 โดย Ink Stone_Romance

ตอนที่ 1809-4

ทั้งสองอยู่บริเวณศูนย์การค้าขนาดใหญ่แห่งเมืองเจียงเฉิง ศูนย์การค้าแห่งนี้ล้ำสมัยมาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว บวกกับตำแหน่งที่ตั้ง ทำให้มาถึงตอนกลางคืนก็ยังมีคนอยู่ไม่น้อย

ที่นี่มีทั้งคนขายลูกโป่ง มีทั้งคนดีดกีตาร์ร้องเพลง รวมถึงเด็กวัยรุ่นที่มาเล่นโรลเลอร์เบลดก็ยังเล่นกันอยู่

คงเพราะส่วนสูงของอวิ๋นหู่โดดเด่นมาก แม้ทั้งสองจะสวมผ้าปิดปาก แต่รูปร่างที่สูงชะลูด ทำให้สาวๆ จับตามองกันไม่น้อย แต่หลินเฟิงไม่ได้สังเกตว่าสายตาของพวกเธอมองมาที่พวกตน จึงพาอวิ๋นหู่มานั่งลงตรงม้านั่งตัวยาวที่ทางศูนย์การค้าจัดไว้ให้ มองดูพวงลูกโป่งที่อยู่ไม่ไกล “มันกดดันยังไง? กลัวว่าพรุ่งนี้จะทำได้ไม่ดีงั้นเหรอ?”

อวิ๋นหู่ตอบรับเสียงเรียบ ยกขาไขว่ห้าง ท่าทางดังกล่าวไม่เหมือนว่าจะมีแรงกดดันสักเท่าไร ราวกับว่าแค่หาข้ออ้างมาอยู่กับคนบางคนเท่านั้น

บรรยากาศเฉลิมฉลองค่อนข้างครึกครื้น พอจะได้ยินเสียงเพลงลอยมาจากร้านกาแฟ เป็นเพลงคริสมาสต์ที่ร้องโดยนักร้องชื่อดัง เฉินอี้ซวิ่น

“ความรู้สึกนายในตอนนี้ ฉันพอจะเข้าใจ” หลินเฟิงทำเหมือนมีประสบการณ์มาก เขาถอนใจยาว เริ่มเลียนแบบอวิ๋นหู่ด้วยการนั่งไขว่ห้าง ซึ่งก็สบายจริงๆ แค่มือเย็นนิดหน่อย แต่มันไม่เป็นปัญหาอะไรต่อความปีติของหลินเฟิงที่ได้เป็นพี่ชายที่รู้ใจ “แค่นาย…”

“เดี๋ยว” อวิ๋นหู่เอ่ยขึ้นมาก่อน “ฉันไปซื้อกาแฟหน่อยนะ”

อันนี้หลินเฟิงก็เห็นด้วย จะเป็นคนรู้ใจกันก็ต้องดื่มกาแฟ ถึงจะได้รู้สึกถึงบรรยากาศที่เคร่งเครียด!

ด้วยเหตุที่ร้านกาแฟอยู่ข้างๆ จึงซื้อเสร็จเร็ว แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นสำคัญ มันสำคัญก็ตรงที่หลังจากที่อวิ่นหู่ถือแก้วกาแฟออกมาสองใบ หลินเฟิงรู้สึกว่าเพื่อนถือมาด้วยความร้อนมือมาก แต่พอยื่นมือไปรับก็ได้ยินเสียงพูดอยู่ข้างๆ ว่า “ดูสิ คนดีกับแฟนจะตาย ขนาดแฟนเขาก็เป็นผู้ชายด้วยกัน ยังรู้ว่าอากาศหนาวขนาดนี้ต้องซื้อกาแฟมากิน ทำเธอไม่รู้จักซื้อให้ฉันบ้าง”

หลินเฟิง “…”

แฟน…แฟนเขาก็เป็นผู้ชายเหมือนกัน…ซื้อกาแฟมากิน

ไม่ต้องคิดก็รู้ว่าสีหน้าเขาเป็นอย่างไร ทว่าอวิ๋นหู่กลับดูเป็นธรรมชาติ “ช่วยฉันหน่อย”

“อ้อ” หลินเฟิงบ่นในใจ ผู้หญิงเมื่อกี้ต้องเป็นสาวสายวายชัวร์ ผู้หญิงแบบนี้เห็นอะไรก็คิดว่าเป็นเรื่องวายเสียหมด ตัวเขาไม่ได้เป็นเหตุหรอก แต่ใครจะคิดล่ะว่า เขายังไม่ได้รับแก้วกาแฟมาเลย เสียงก็ดังขึ้นจากอีกฝั่งหนึ่ง “โคตรรังแกหมาโสดเลย ใส่ชุดคู่รักก็ว่าเถอะ นี่ยังมานั่งกินกาแฟด้วยกันข้างนอกอีก”

ใส่ชุดคู่รักงั้นเหรอ หลินเฟิงหันไปมอง ก็เห็นเสื้อขนเป็ดสีดำตัวยาวบนร่างอวิ๋นหู่

น้อง เสื้อขนเป็ดแบบผู้ชายมันก็เหมือนกันหมดแหละ ลองดูดีๆ สิ มันไม่เหมือนกันนะ จะเป็นเสื้อคู่รักกันได้ยังไง! อึดอัดจังโว้ย

ขนาดหลินเฟิงที่บื้อแบ๊วยังรู้สึกอึดอัด แสดงให้เห็นว่ามีคนมาล้อมดูไม่น้อย เขาดื่มกาแฟต่อไปไม่ไหวแล้ว ดื่มกาแฟก็ยังต้องสวมผ้าปิดปาก แต่หากเขากับหู่ถอดผ้าปิดปากออกก็ไม่แน่ว่าจะกลายเป็นข่าวหรือเปล่า ดังนั้นหลินเฟิงจึงไม่คิดอะไรมากอีก ลุกขึ้นมาโดยมีควันกาแฟลอยกั้นอยู่ “พวกเราไปกันเถอะ ค่อยกลับไปคุยกัน”

เดิมก็วางแผนกันไว้อย่างนี้ ใครจะรู้ว่าคงเพราะลุกขึ้นเร็วเกินไป จึงกระแทกเข้ากับแก้วในมือจนน้ำกระฉอกไปด้านข้าง สร้างความแสบร้อนจนเขาโยนทิ้ง

ฉากที่เกิดขึ้นไม่เพียงแต่หลินเฟิงที่คาดไม่ถึง กระทั่งอวิ๋นหู่ก็เช่นกัน กางเกงมีคราบกาแฟติดอยู่ ปกติแล้วเขาเป็นคนสะอาดเรี่ยม ดังนั้นจึงดูเละเทะนิดๆ

หากมองจากมุมนั้นจะดูเหมือนว่าหลินเฟิงระแวงความคิดของคนอื่น อยากปฏิเสธกาแฟของอวิ๋นหู่ แต่ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี ส่งผลให้เกิดความห่างเหินในห้วงเวลาดังกล่าว…

……………………………………………….

 ตอนที่ 1810-1

หลินเฟิงรู้สึกตัวเช่นกัน เขาอ้าปากอยากจะอธิบาย “เอ่อ ฉันไม่ได้…”

“อื้ม” อวิ๋นหู่กลับแทรกคำพูดเขา ราวกับไม่แคร์ “ฉันรู้”

หลินเฟิงดูแผ่นหลังของคนที่อยู่ด้านหน้าตน “จะเช็ดขากางเกงหน่อยไหม?”

“ค่อยกลับบ้านไปซัก” อวิ๋นหู่ถือแก้วกาแฟ หลุบตาเล็กน้อยอย่างไม่ใยดี

หลินเฟิงรู้สึกว่าตัวเองหัวทื่อจริงๆ กลับไปซักที่บ้านก็ได้นี่นา “เดี๋ยวฉันไปเรียกรถ” หลินเฟิงอยากชดเชยให้ แค่กลับไม่เป็นไปตามที่หวัง อาจเพราะวันนี้เป็นวันหยุด เรียกอยู่นานแต่กลับไม่มีรถ คิวแท็กซี่ที่อยู่หน้าศูนย์การค้าก็กำลังอยู่ในภาวะขาดรถ

อวิ๋นหู่ยืนที่เดิม เห็นไอร้อนที่ลอยออกจากแก้วกาแฟอย่างชัดแจ๋ว เขาหันไปมองคนข้างตัวที่กำลังกดดูมือถือ สเก็ดหิมะที่ตกอยู่ปลายนิ้วมือ ก่อนจะค่อยๆ ละลาย แต่ดูก็รู้ว่าหนาว เขาชะงักครู่หนึ่ง ก่อนจะก้าวไปข้างหน้า และยื่นแก้วกาแฟให้

“ไม่นานหรอก ฉันกำลัง…” หลินเฟิงถูกยัดแก้วกาแฟมาไว้ในมือ รู้สึกงงๆ อะไรเนี่ย? แต่ครั้งนี้เขากุมมันแน่น ไม่ปล่อยให้กระฉอกออกจากแก้ว

อวิ๋นหู่หยิบมือถือ “ฉันเรียกรถเอง นายถือแก้วไป จะได้อุ่นมือ”

หากเอ่ยคำขอบคุณก็จะดูเกรงใจเกินไป หลินเฟิงได้แต่กุมแก้ว แอบเลิกผ้าปิดปากมาจิบกาแฟ แต่ไม่คิดว่าจะมีเสียงลอยมาจากด้านหนึ่ง “สองคนนั้นกินกาแฟแก้วเดียวกันด้วยอะ เหมือนจูบกันทางอ้อมเลย ฝ่ายรับเหมือนจะไม่ยอม แต่ในใจลึกๆ ชอบมาก ปากไม่ตรงกับใจจริงๆ ฝ่ายรับที่น่ารัก!”

เล่นเอากาแฟในปากแทบพุ่ง

น่ารัก? ฝ่ายรับ? เขาเรอะ? เฮ้ย น้องสาว ดูหน้าฉันดีๆ นะ! ต่อให้เป็นเกย์ คนอย่างฉันก็ต้องเป็นฝ่ายรุกเท่านั้น ฝ่ายรุกอย่างเดียว โอเคนะ!

หลินเฟิงเตือนตัวเองให้ใจเย็น การดึงผ้าปิดปากออกก็เท่ากับเปิดเผยตัวเองว่าเป็นใคร ฝ่ายอวิ๋นหู่กวาดตามองเขา “ทำไมเหรอ?”

“เปล่า” บางครั้งหลินเฟิงก็อิจฉาพวกที่หูไม่ค่อยดีจริงๆ

อวิ๋นหู่เก็บมือถือ นิ้วเรียวขยับเล็กน้อย “ไม่มีรถ เดินวนอีกรอบเถอะ”

“ได้ งั้นเดินกันเถอะ” หลินเฟิงไม่รู้หรอก ใช่ว่าในแอพลิเคชั่นจะไม่มีรถ แต่อวิ๋นหู่ไม่เรียกต่างหาก เพราะเขาอยากอยู่อย่างนี้กันให้นานสักหน่อย ช่วงนี้เป็นงานฉลองเทศกาล คนที่มาฉลองมักจะเป็นคู่รักที่มาฉลองด้วยกัน

หลินเฟิงไม่รู้สึกอะไร เพราะไม่ได้นั่งที่ม้านั่ง จึงรู้สึกดีกว่า แถมหากกลับบ้านไปในเวลานี้ก็นอนไม่หลับอยู่ดี ครั้งนี้ หากเทียบกับครั้งที่แล้วดูจะปกติกว่ามาก

ศูนย์การค้ามักเปิดเพลง หลายคนไปถ่ายรูปที่โคมรูปหัวใจที่ส่องแสงสว่าง ศูนย์การค้ามักเป็นสร้างบรรยากาศเช่นนี้ในงานเทศกาล ด้วยการทำโคมไฟหลายรูปแบบที่แค่เห็นก็รู้สึกสดชื่น

แม้หลินเฟิงจะไม่ค่อยเข้าใจความคิดของแม่สาวน้อย แต่เห็นสาวๆ ทั้งหลายถ่ายรูปกันแล้ว ถือเป็นบรรยากาศที่สวยงามเลยทีเดียว หากไม่เพราะอวิ๋นหู่จู่ๆ ก็ถามขึ้นมาว่า “แคร์มากนักเหรอที่คนอื่นว่านายเป็นฝ่ายรับ?”

“บ้า ฉันออกจะ…” หลินเฟิงพูดได้แค่นี้ก็ชะงัก เจ้าหมอนี่นิ่งอยู่นาน ที่แท้ก็ได้ยิน

อวิ๋นหู่ยัดมือทั้งสองเข้ากระเป๋ากางเกง “ไม่ใช่ปัญหาของนายหรอก แต่ใครที่อยู่ใกล้ฉันก็ต้องถูกว่าเป็นคนที่อยู่ข้างล่างทั้งนั้นแหละ”

 ………………………………….

ตอนที่ 1810-2

หลินเฟิงกระแอมเล็กน้อย “เพื่อนเอ๊ย ฝีมือการยอตัวเองของนายก้าวหน้าขึ้นมาเลยว่ะ”

อวิ๋นหู่โน้มตัว “หรือไม่จริง?”

หลินเฟิงมองดูดวงตาที่พลันเข้ามาอยู่ใกล้ ไม่รู้ว่าทำไมหัวใจถึงสะดุด ก่อนจะเบือนหน้าออกไป “นายจะพูดก็พูด มาอยู่ใกล้กันแบบนี้ ฉันตกใจหมด”

“แค่นี้ก็ทำให้นายตกใจได้แล้ว” อวิ๋นหู่ยืดตัวตรง เอ่ยอย่างช้าๆ “นายขี้ตกใจตั้งแต่เมื่อไรกัน? หรือว่าแคร์ขี้ปากคนอื่น? งั้นต่อไปนายก็อยู่ให้ห่างกับฉันหน่อย ไปกันเถอะ รถมาแล้ว”

หลินเฟิงได้ยิน รู้สึกว่าตัวเองพูดคลุมเคลือ แต่ไม่นานอวิ๋นหู่ก็พาดแขนไว้ที่บ่าล็อคคอเขาเหมือนเป็นเพื่อนสนิท “ฉันล้อเล่นน่ะ ไปเถอะ รถมาแล้ว

ด้วยเหตุนี้ หลินเฟิงจึงปล่อยให้อวิ๋นหู่ล้อเล่นตามสบาย ไม่คิดเรื่องที่จะต้องแข่งกับทีมอาทิตย์อุทัยในวันพรุ่งนี้หรือจะทำอย่างไรให้ชนะสักนิด สมองของเขาเต็มไปด้วยข้อกังขาว่า สิ่งที่เขาทำไป มันไม่เหมาะสมหรือเปล่า ทำให้อวิ๋นหู่คิดว่าเขาแคร์เรื่องเพศสภาพหรือไม่ จนเมื่อถึงบ้านก็ยังคิดว่าจะทำยังไงให้ตัวเองดูสนิทสนมกันสักนิด

ดวงตาของอวิ๋นหู่เก็บทุกรายละเอียดไว้ได้ทั้งหมด การจะเอาเจ้านี่ให้อยู่หมัด ต้องใช้คำพูดแรงๆ ถึงจะได้ผล

เขาถอดกางเกงไปโยนไว้ในเครื่องซักผ้า หันมามองหน้าอีกฝ่าย อวิ๋นหู่คิดว่าเมื่อผ่านเหตุการณ์เมื่อครู่ไป เจ้านี่จะต้องแสดงความใกล้ชิดด้วยการค้างที่บ้านตนเองแน่

แต่ใครจะรู้ล่ะว่า เจ้านั่นกลับทำในสิ่งที่ต่างจากเดิม เมื่อเห็นเขาเดินออกมาก็วางแก้วกาแฟลง “ดึกมากแล้ว นายรีบนอนเถอะ อย่าเครียดให้มาก นายเป็นคนเล่นเก่ง คนที่ควรจะรู้สึกกดดันควรเป็นฉันมากกว่า เอาล่ะ ฉันจะกลับไปนอนเหมือนกัน”

หลินเฟิงพูดพลางบิดขี้เกียจ “เจอกันพรุ่งนี้”

“นาย…” อวิ๋นหู่เกือบหลุดปากแล้วเชียวว่า ‘จะนอนที่นี่ไหม’ ทว่าเมื่อเห็นอีกฝ่ายมองอย่างสงสัย ก็เปลี่ยนคำพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อย “อย่าลืมเอาของที่ต้องใช้ไปให้หมด ห้ามลืมผ้ารัดข้อมือนะ”

“รู้แล้ว รู้แล้ว” หลินเฟิงเดินออกไปข้างนอก พลางโบกมือ

เมื่อเห็นประตูปิด อวิ๋นหู่พอจะได้ยินเสียงแม่อยู่ด้านนอก “อ้าว วันนี้เสี่ยวเฟิงไม่นอนที่นี่เหรอ?”

“ไม่ล่ะฮะ ไม่สะดวก พรุ่งนี้…” เสียงพูดที่เหลือเริ่มไม่ชัด คงเพราะคนที่เดินออกไปเดินไปถึงประตูบ้านแล้ว

อวิ๋นหู่มองดูเงาตัวเองที่สะท้อนบนหน้าต่างบานยาวจรดพื้น เสื้อขนเป็ดตัวดำในสไตล์เดียวกัน ขนาดคนทั่วไปยังฉุกคิดได้ แต่ในสายตาของอีกฝ่ายกลับคิดว่าแค่คล้ายกัน

เจ้านั่นเป็นคนมองอะไรผิวเผินเหมือนเดิม แต่ก็เปลี่ยนแปลงอยู่บ้าง การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวกลับเล็กน้อย เล็กน้อยมากจนเขาไม่อยากคิด กระทั่งจะนอนที่บ้านเขาก็ไม่ยอม นายคิดอะไรกันแน่

อวิ๋นหู่ชนศีรษะที่หน้าต่าง ภายนอกเป็นแสงจากหลอดไฟสว่างจ้าเรียงรายกันอร่ามตา ราวกับเมื่อคนคนนั้นอยู่ด้วย แรงกดดันพลอยลดลงไปเยอะ

ทีมอาทิตย์อุทัยแกร่งมาก แกร่งจนเขากังวลใจ เจ้านั่นมีสภาพเหมือนเมื่อการแข่งในปีนั้นอีกแล้ว มันไม่ใช่ความผิดของตัวเอง แต่ก็มักจะโทษตัวเองเสมอ เจ้าคนเห็นอะไรผิวเผินนั่น กลับไม่ซื่อบื้อในบางเรื่อง

 …………………………………..