บทที่ 105 โปรดเชื่อข้า ขอเพียงครั้งเดียวในชีวิตของเจ้า

Lady to Queen บัลลังก์แค้นจักรพรรดินี

“…หา?”

ลูซิโอรู้สึกเบลอกะทันหัน เขาจะทิ้งนางหรือ? เป็นไปไม่ได้ แม้ว่านางจะเป็นฝ่ายทิ้งเขาก่อน แต่เขาไม่อาจทิ้งนางก่อนได้ ตอนนี้เขาทำไม่ได้แน่นอน เขาจะทำได้อย่างไร

“เจ้าพูดอะไรน่ะ เรื่องนั้นไม่มีทาง…” เขายืนยัน

“โรสมอนด์…” แพทริเซียเอ่ยชื่อต้องห้ามออกมา “พระองค์ยังทิ้งเลยนี่เพคะ”

“…ริซซี่” ลูซิโอดึงแพทริเซียเข้ามากอดพลางกล่าว “สถานการณ์มันต่างกัน เจ้าที่ข้ารู้จักหาใช่คนที่จะทำร้ายผู้อื่นเพื่อตนเอง”

“พระองค์ทรงรู้อะไรเกี่ยวกับหม่อมฉันจึงได้ตรัสเช่นนั้นหรือเพคะ” แพทริเซียพูดเสียงสะอื้น “หากหม่อมฉันหึงหวงพระองค์จนตามืดบอดแล้วไปทำร้ายคนอื่นเข้า พระองค์ก็จะทอดทิ้งหม่อมฉันเช่นกันใช่หรือไม่ หม่อมฉันเองก็จะต้องถูกกิโยตีนตัดศีร…”

“ริซซี่” ลูซิโอเรียกแพทริเซียด้วยน้ำเสียงเร่งร้อน “ข้าสาบาน นอกจากเจ้าแล้ว จะไม่มีสตรีคนใดได้ยืนเคียงข้างข้า อ้อมกอดของข้าก็จะไม่มอบให้ใครอื่นนอกจากเจ้า”

“…”

“ขอโทษที่ข้าไม่น่าเชื่อถือ”

“พระองค์ทรงไม่ทราบหรอกเพคะว่าหม่อมฉันกลัวสิ่งใด”

“…ใช่แล้ว อาจเป็นดังที่เจ้าว่า”

“ด้วยเหตุนั้นหม่อมฉันถึงได้กลัว” แพทริเซียพูดเสียงสั่นและออกแรงบีบไหล่อีกฝ่าย “หม่อมฉันกลัวว่าหากมอบหัวใจให้พระองค์แล้ว หม่อมฉันอาจถูกทอดทิ้งในสักวัน”

“ริซซี่ ข้า…”

“หม่อมฉันมิอาจให้กำเนิดได้นะเพคะ” แพทริเซียพูดด้วยน้ำเสียงเศร้าโศก “ฝ่าบาทต้องมีผู้สืบราชบัลลังก์ ดังนั้นสักวัน…พระองค์ย่อมต้องมอบอ้อมกอดให้หญิงอื่น”

“ต่อให้ต้องรับเชื้อพระวงศ์สายรองมาเป็นลูกบุญธรรมของข้ากับเจ้า ข้าก็ไม่คิดจะมอบอ้อมกอดให้ใคร ไม่มีวัน”

“เรื่องนั้นหม่อมฉันจะเชื่อได้…”

“ริซซี่” เขาเรียกชื่ออีกฝ่ายอย่างร้อนใจ “ข้าต้องทำเช่นไรจึงจะทำให้เจ้าเชื่อใจข้าได้บ้าง”

“…”

“ข้าร่างสัญญาขึ้นมาดีหรือไม่ หากมีเหล่าดยุกของจักรวรรดิเป็นพยาน ต่อให้เป็นข้าก็บิดพลิ้วไม่ได้ หากเจ้าต้องการ พรุ่งนี้…ไม่สิ ข้าจะร่างสัญญาให้เจ้าตอนนี้เลย” เขาร้อนรนรีบหาทางออก “หรือหากนั่นยังไม่เพียงพอ ยังมีวิธีใดอีกไหม? ข้ามอบตราประทับของข้าให้เจ้าดีหรือไม่ เจ้าจะสามารถปลดข้าเมื่อใดก็ได้ หรือไม่…”

“ฝ่าบาท พระองค์ไม่ทราบหรือเพคะ” แพทริเซียเงยหน้าขึ้นเผยให้เห็นดวงตาที่เอ่อล้นไปด้วยน้ำตา “หม่อมฉันมิได้หมายถึงสิ่งของภายนอก”

“…”

“แต่หม่อมฉันกลัวความเจ็บปวดที่จะได้รับ ‘อีกครั้ง’ เมื่อความสัมพันธ์ของหม่อมฉันและพระองค์จบสิ้นลง”

“…ริซซี่ เจ้าก็รู้ว่าเรื่องนั้นข้ามิอาจสาบานอันใดอย่างเป็นทางการได้ แต่…” เขาพูดโดยไม่ลังเล “แม้ว่าเจ้าจะเป็นฝ่ายทอดทิ้งข้าก่อน แต่ข้าก็จะไม่ทอดทิ้งเจ้าก่อนเป็นอันขาด ข้าสาบานในฐานะสามีของเจ้า มิใช่จักรพรรดิแห่งมาวินอส”

“เฮ้อ…”

“บอกข้าที ริซซี่ เกิดอะไรขึ้นกันแน่”

“…หม่อมฉันฝันเพคะ” แพทริเซียยังคงอยู่ในอ้อมกอดของลูซิโอขณะเอ่ยตอบเสียงค่อย “นางเย้ยหยันหม่อมฉันว่าสักวันหม่อมฉันจะเป็นเหมือนนาง

“เรื่องเป็นเช่นนี้นี่เอง” เขาปลอบคนในอ้อมแขนด้วยน้ำเสียงเศร้าใจ “ไม่มีทางมีเรื่องเช่นนั้นแน่นอน”

“…”

“ข้าขอสัญญาด้วยทุกสิ่งทุกอย่างที่ข้ามี ขอแค่สักครั้ง…”

แพทริเซียได้ยินน้ำเสียงร้อนใจนั้นอย่างแจ่มชัด ใบหน้าของนางแนบอยู่กับอกของเขาจึงได้ยินเสียงการเต้นของหัวใจชัดเจนกว่าใคร หัวใจของเขากำลังเต้นแรงราวกับกำลังอ้อนวอนให้นางรับรู้ถึงพลังชีวิตของมัน แพทริเซียคล้ายรู้สึกว่าเสียงหัวใจของนางดังก้องตามไปด้วย

“โปรดเชื่อข้า ขอเพียงครั้งเดียวในชีวิตของเจ้า”

“…จูบ” นางช้อนตาที่เอ่อล้นด้วยน้ำตาขึ้นและเอ่ยถาม “จูบหม่อมฉันได้ไหมเพคะ”

แน่นอน เขากระซิบตอบและประทับริมฝีปากลงไป ครู่หนึ่งหลังจากนั้นแพทริเซียก็รู้สึกถึงความเค็มในปากของเขา ลูซิโอกำลังร้องไห้ คนที่ควรร้องไห้ควรจะเป็นนาง แต่เขากลับเป็นฝ่ายหลั่งน้ำตาเสียเอง เหตุใดเขาจึงร้องไห้? แพทริเซียสันนิษฐานได้เรื่องหนึ่งแต่นั่นก็เป็นเพียงการคาดเดา เพราะเขาไม่น่าจะเป็นผู้ชายที่อารมณ์อ่อนไหวขนาดนั้น

ได้ ข้าตกลง

ข้าจะลองเชื่อท่าน เพราะหากข้าไม่เชื่อท่าน ความรู้สึกที่เติบโตขึ้นเรื่อยๆ นี้คงไม่ให้อภัยข้า

บางทีความรักที่ไม่ควรเกิดขึ้นของข้าอาจจะเริ่มต้นไปแล้วก็เป็นได้ แม้ท่านบอกว่าจะไม่ทิ้งข้า แต่คนเรามิอาจหยั่งรู้อนาคต ข้าไม่รู้เลย…ว่าสักวันหนึ่งข้าจะถูกท่านทอดทิ้งอีกครั้งหรือไม่

แต่ถึงกระนั้น ข้าจะสามารถเชื่อท่านสักครั้งได้หรือไม่? ข้า…ทำเช่นนั้นได้หรือไม่? คงไม่เป็นไรใช่ไหมหากข้าจะมอบหัวใจให้ท่านสักครั้ง? ต่อให้ถูกหลอก ข้าก็จะเชื่อท่าน ไม่สิ คราวนี้ข้าจะลองเชื่อหัวใจตัวเองสักครั้ง เพราะนี่เป็นครั้งแรก…ที่ข้าพบสิ่งที่อยากทำ นั่นคือการมีความรักและสร้างอนาคตที่อบอุ่นร่วมกับท่าน

การแลกจูบที่อบอุ่นกับลูซิโอในกลางดึกคืนนั้นทำให้ใจของแพทริเซียสงบ คล้ายเป็นยาเสพติด เพราะมันทำให้นางรู้สึกว่าความกังวลและความหวาดกลัวถูกขจัดไปจนหมดสิ้น

***

“…ด้วยเหตุนั้น ช่วงนี้ฝ่าบาทจึงยุ่งมากทีเดียวค่ะ เพราะต้องคอยปรับอารมณ์ตามริซซี่ให้ทัน”

“เช่นนั้นหรือครับ”

“ค่ะ ส่งขนมหวานมาให้ทุกวันและส่งของขวัญมาเป็นครั้งคราวด้วยค่ะ แน่นอนว่าฝ่าบาทต้องระมัดระวังพอสมควรเพราะริซซี่ไม่ชอบของขวัญที่ฟุ่มเฟือย”

“ข้าจินตนาการถึงฝ่าบาทที่เป็นเช่นนั้นไม่ออกเลย”

“ทำไมหรือคะ”

“เท่าที่ได้ฟังจากท่านพ่อ ฝ่าบาททรงเป็นคนเงียบขรึม ไม่อ่อนหวาน และไม่สนใจผู้ใด ดูเหมือนท่านพ่อจะเข้าใจผิดไปเองนะครับ”

“หากเป็นในขณะที่ทรงงานก็เป็นไปได้นะคะ แต่สิ่งสำคัญคือฝ่าบาททรงปฏิบัติกับคนที่พระองค์รักเช่นไรมิใช่หรือคะ”

“แล้วข้าปฏิบัติกับนิลดีหรือเปล่าครับ”

ได้ยินคำถามของรอธซี เปโตรนิยาที่เดินตามอยู่เงียบๆ ก็หัวเราะคิกคักและตอบคำถาม

“ท่านมีคุณสมบัติของสามีที่ยอดเยี่ยมที่สุดแล้วค่ะ โร ต่อให้เป็นพระจักรพรรดิก็สู้ท่านไม่ได้หรอก จะขนมหวานหรือของขวัญ ท่านก็ให้ข้าทุกอย่างนี่คะ”

“โห กล้าเทียบข้ากับองค์จักรพรรดิเชียวหรือครับ” รอธซีหัวเราะเสียงดังอย่างอารมณ์ดี “ไม่รู้ข้าจะถูกจับฐานหมิ่นพระบรมเดชานุภาพหรือไม่”

“ไม่มีเรื่องแบบนั้นหรอกค่ะ โรที่รัก” เปโตรนิยาจุมพิตเบาๆ ที่แก้มของรอธซีและกระซิบ “ผู้ชายน่ารักน่าเอ็นดูอย่างท่านจะถูกจับได้อย่างไร”

“เป็นเกียรติมากครับ นิล” รอธซียิ้มอย่างอ่อนโยนและจุมพิตกลับ “จริงสิ ข้ามีเรื่องจะบอก”

“อะไรหรือคะ”

“สัปดาห์หน้ามีงานเลี้ยงวันคล้ายวันพระราชสมภพของพระจักรพรรดินีใช่ไหมครับ”

“ใช่ค่ะ”

สัปดาห์หน้าเป็นวันเกิดของแพทริเซีย คนที่เปโตรนิยารักมากที่สุดในโลก แน่นอนว่ามันเป็นวันเกิดของนางด้วยเช่นกัน เปโตรนิยาเอียงคอเล็กน้อยพลางถาม

“ทำไมหรือคะ”

“วันนั้นข้ามีเรื่องสำคัญต้องทำ หลังงานเลิก…มาพบข้าสักครู่ได้ไหมครับ”

“ได้สิคะ โร”

เปโตรนิยาพยักหน้าตกลง รอธซีมองหญิงสาวพร้อมกับยกยิ้ม เขาก้มจุมพิตที่หน้าผากของเปโตรนิยาเบาๆ และกระซิบ

“ไม่มีสตรีคนใดในโลกน่ารักเหมือนนิลอีกแล้วครับ”

***

เวลาผ่านไป ในที่สุดวันเกิดของแพทริเซียก็มาถึง งานเลี้ยงถูกจัดขึ้นอย่างหรูหราสมเป็นงานเลี้ยงวันคล้ายวันพระราชสมภพของจักรพรรดินี แพทริเซียยุ่งอยู่กับของขวัญวันเกิดที่ถูกส่งมาไม่ขาดสายและการถูกจับแต่งองค์ทรงเครื่องราวกับตุ๊กตาตั้งแต่เช้า นางถึงกับมึนงงกับการเตรียมตัวที่พิถีพิถันยิ่งกว่างานใดๆ

“อุ๊ย ฝ่าบาท ทรงพระสิริโฉมงดงามมากเพคะ!”

นางกำนัลคนหนึ่งชื่นชมด้วยความประทับใจ แต่แพทริเซียกลับรู้สึกกระดากอายอย่างบอกไม่ถูกกับการแสดงออกของอีกฝ่าย มีร์ยาพูดเสริมราวกับรู้ความคิดของแพทริเซีย

“ฝ่าบาท ทรงพระสิริโฉมงดงามจริงๆ เพคะ”

“ข้าคงไม่มีวันชินการประโคมเครื่องประทินโฉมเช่นนี้หรอก”

“เดี๋ยวก็ชินเพคะ ยิ่งริ้วรอยรอบริมพระโอฐษ์มากขึ้นเท่าไรก็จะทรงคิดว่าการประทินโฉมเป็นเรื่องธรรมชาติไปเอง”

“นี่เจ้ากำลังจะบอกว่าข้าต้องทำเช่นนี้ไปจนแก่อย่างนั้นหรือ พระเจ้าช่วย”

แพทริเซียส่ายหน้าอย่างไม่ชอบใจ ผมที่ถูกเกล้าไว้ให้ความรู้สึกหนักกว่าปกติ

“ท่านพ่อท่านแม่กับท่านพี่ล่ะ พวกเขาจะมาเมื่อใด” แพทริเซียถาม

“เมื่อสักครู่มีจดหมายมาแจ้งว่าออกเดินทางมากันแล้วเพคะ ฝ่าบาท”

“ข้าเองก็ต้องรีบแล้วสิ”

เข็มนาฬิกาเริ่มเบนไปทางขวาแล้ว แพทริเซียฉีดน้ำหอมกลิ่นกุหลาบปิดท้ายก่อนจะลุกขึ้น ตอนนั้นเองด้านนอกก็มีเกิดความวุ่นวายเล็กน้อย แพทริเซียพึมพำเบาๆ ด้วยสีหน้าสงสัย

“เกิดอะไรขึ้…”

ก่อนที่นางจะพูดจบ คนผู้หนึ่งก็เปิดประตูเข้ามา แพทริเซียมองผู้มาใหม่อย่างตะลึง เป็นลูซิโอนั่นเอง

“ฝ่าบาท…” นางเอ่ยเสียงเบา

“เอ่อ…”

ครั้นเห็นแพทริเซีย ใบหน้าของลูซิโอก็ขึ้นสีเล็กน้อย เขาเอ่ยเสียงค่อย

“เราเสียมารยาทแล้วสิ พอดีใจร้อน…”

“เหตุใดจึงเสด็จมาถึงที่นี่…”

“เอ่อ…” เขาอ้ำอึ้งเล็กน้อยก่อนจะพูดออกไป “รถม้ามาถึงแล้ว”

“อ้อ…”

แพทริเซียเบนสายตาเล็กน้อยด้วยสีหน้าแปลกๆ มีร์ยาและเหล่านางกำนัลพากันออกจากห้องไปอย่างรู้งาน ท่าทีเช่นนี้ทำให้ใบหน้าของคนทั้งคู่เห่อแดง แม้ทั้งสองคนต่างรู้จักทั้งด้านที่ดีและด้านที่ไม่ดีของกันและกันแล้ว แต่ความสัมพันธ์ทางใจของพวกเขายังนับว่าสดใหม่ ในมุมมองของคนทั่วไปมันทั้งน่าสนใจและสดใหม่มาก

“เตรียมตัว…พร้อมหรือยัง”

“เพคะ…”

“วันนี้…เจ้าสวยมาก”

“เอ่อ…” แพทริเซียประดักประเดิดเล็กน้อยก่อนจะตอบทั้งแก้มแดง “ขอบพระทัยเพคะ ฝ่าบาท”

“เช่นนั้น…ไปกันเลยไหม”

เขายื่นมือมาให้อย่างเก้ๆ กังๆ ทว่านุ่มนวล แพทริเซียจับมือนั้นอย่างแผ่วเบาพลางคิดว่าตนเคยจับมือผู้ชายคนนี้อย่างจริงๆ จังๆ หรือไม่ และได้ข้อสรุปว่าดูเหมือนนางจะไม่เคยทำเช่นนั้น มือของลูซิโออบอุ่นอย่างน่าประหลาดใจ แพทริเซียจับมือของอีกฝ่ายแน่นขึ้น

และนี่คือวันคล้ายวันเกิดของนาง

วันคล้ายวันพระราชสมภพของจักรพรรดิและจักรพรรดินีเป็นหนึ่งในงานเฉลิมฉลองของจักรวรรดิมาวินอสที่ควรค่าแก่การระลึกถึง ผู้คนหลั่งไหลมาร่วมงานกันอย่างแน่นขนัดจนน่าเวียนหัว อดคิดไม่ได้ว่าขุนนางทั้งจักรวรรดิอาจแห่กันมารวมตัวที่งานนี้ แพทริเซียถึงกับบ่นพึมพำอยู่ในใจว่าปกติแล้วงานเลี้ยงมีผู้ร่วมงานเยอะถึงเพียงนี้เชียวหรือ?

“เจ้าดูเหนื่อยๆ ไม่เป็นไรใช่ไหม”

“ไม่เป็นไรเพคะ”

แพทริเซียตอบอย่างสง่างาม แต่ลูซิโอกลับพูดเสริมราวกับเขาไม่สบายใจเอาเสียเลย

“หากรู้สึกไม่สบายตรงไหนให้รีบบอก เข้าใจหรือไม่”

“เพคะ”

แพทริเซียตอบพลางยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว ความใส่ใจที่คาดไม่ถึงนี้ไม่เลวเลยทีเดียว

***

อีกด้านหนึ่ง เปโตรนิยากับรอธซีใช้เวลาด้วยกันตั้งแต่เริ่มงานอย่างเพลิดเพลิน

“วันนี้นิลสวยมาก”

รอธซีเริ่มบทสนทนาด้วยการชื่นชมเปโตรนิยาอย่างเคย เปโตรนิยาหน้าซับสีเลือดเล็กน้อยราวกับสื่อว่าตนห้ามปรามผู้ชายคนนี้ไม่ได้เลยจริงๆ

“ชมข้าทุกครั้งแบบนี้ หากข้าชินชากับคำชมขึ้นมาจะทำอย่างไรคะ”

“ไยจะชินไม่ได้ล่ะครับ ถึงอย่างไรท่านก็ต้องแต่ง…”

คำพูดของรอธซีชะงักไป โอ๊ะ หลุดปาก โชคดีที่เปโตรนิยาไม่ได้รับรู้ถึงความผิดปกติจึงไม่มีปฏิกิริยาใดๆ รอธซีเห็นดังนั้นก็วางใจและพูดต่อ

“ถึงชินก็ไม่เป็นไรครับ เพราะข้าจะพูดให้ฟังไปเรื่อยๆ”

“ดูทำเข้า” แพทริเซียยิ้มอย่างหมั่นไส้ “ปากหวานจริงเชียว”

“เป็นเกียรติอย่างยิ่งครับ”

รอธซีอมยิ้มนุ่มนวลก่อนจะผายมือให้เปโตรนิยาอย่างสง่างาม

“เช่นนั้น…เต้นรำกันสักเพลงดีไหมครับ เลดี้?”