บทที่ 1480 รอยยิ้มเล็กๆ

Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน

ฟางหยวนพักเพียงชั่วครู่ก่อนจะเปิดเปลือกตาขึ้นอีกครั้ง

 

พละกำลังของเขาฟื้นคืนแล้ว จิตใจของเขาปลอดโปร่ง สถานการณ์ของเขาดีขึ้นอย่างมาก

 

ผมที่หกถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อเห็นฟางหยวนกลับเข้าประจำที่

 

ทั้งสองแลกเปลี่ยนบทบาทกันได้อย่างสมบูรณ์ นี่เป็นเพราะพวกเขาผ่านการฝึกฝนมาแล้วหลายครั้ง

 

ตอนนี้ร่างผีดิบอมตะของฟางหยวนดูราวกับไม้ศักดิ์สิทธิ์ลายเมฆสีทองร่างมนุษย์ เมื่อถึงจุดนี้ ฟางหยวนก็ดำเนินการขั้นตอนต่อไป

 

เขานำเม่นทะเลตัวใหญ่ออกมา

 

เม่นตัวนี้มีขนาดใหญ่โตเท่ากับบ้าน หนามแหลมของมันราวกับทำมาจากโลหะสีม่วงทองที่ส่องประกายระยิบระยับ

 

นี่คือเม่นดาราสีม่วง ทรัพยากรอมตะที่หายาก

 

ภายใต้พลังอำนาจของค่ายกลวิญญาณ เม่นดาราสีม่วงค่อยๆหดตัวลง

 

แต่ทันใดนั้นแสงดาวกลับระเบิดออกไปรอบๆ

 

ค่ายกลวิญญาณเกิดการสั่นสะเทือนขึ้นอย่างรุนแรง ฟางหยวนพยายามควบคุมมันอย่างเต็มความสามารถ แต่มันยังแทบไร้ประโยชน์

 

“โอ้ ไม่!” ผมที่หกกรีดร้องออกมาด้วยความตกใจก่อนตะโกน “อสรพิษแดง!”

 

ด้วยความตั้งใจของผมที่หก รอยสักรูปอสรพิษสีแดงที่อยู่บนหน้าอกของเขาค่อยๆเลื้อยขึ้นไปที่ลำคอ

 

เวลานี้ความแข็งแกร่งของผมที่หกพุ่งสูงขึ้นอย่างมาก แม้แต่ฟางหยวนก็ยังตกใจ

 

ผมที่หกพุ่งเข้าไปหาฟางหยวนและช่วยควบคุมค่ายกลวิญญาณ

 

ด้วยความช่วยเหลือจากผมที่หก แสงดาวที่กระจัดกระจายเริ่มรวมตัวกันอีกครั้ง

 

“วิกฤตผ่านไปแล้ว” ไม่นานผมที่หกก็ปล่อยลมหายใจออกมา ตอนนี้เขาอยู่ในสภาพที่เหนื่อยล้ามาก

 

“ท่านผู้นำ มันขึ้นอยู่กับท่านแล้ว” หลังกล่าวจบคำ ผมที่หกก็หมดสติลงทันที

 

ฟางหยวนเงียบ เขามองรอยสักรูปอสรพิษสีแดงที่อยู่บนลำคอของผมที่หกก่อนจะกลับไปให้ความสนใจค่ายกลวิญญาณอีกครั้ง

 

ผมที่หกทำให้วิกฤตของการหลอมรวมวิญญาณได้รับการแก้ไข ฟางหยวนสามารถก้าวเข้าสู่ขั้นตอนต่อไป

 

เขานำวัสดุในการหลอมรวมออกมาอีกครั้ง

 

มันเป็นหินที่มีลวดลายรูปใบหน้ามนุษย์อยู่บนพื้นผิว มีทั้งใบหน้าของผู้ชาย ผู้หญิง เด็ก และคนแก่ พวกเขามีการแสดงที่แตกต่างกัน บางคนร้องไห้ บางคนหัวเราะ บางคนกรีดร้อง และบางคนแสดงสีหน้าเคร่งเครียด

 

หินใบหน้ามนุษย์!

 

นี่เป็นขั้นตอนที่สำคัญที่สุด

 

ฟางหยวนทุ่มเทสมาธิทั้งหมดกับการปรับแต่งหินใบหน้ามนุษย์

 

เพียงไม่นานหินก็สลายไปแต่ใบหน้าของมนุษย์กลายเป็นภาพเงาบินเข้าสู่ร่างผีดิบอมตะ

 

ทะเลวิญญาณของร่างผีดิบอมตะที่เต็มไปด้วยรอยแตกร้าวเกิดการเปลี่ยนแปลง

 

รอยแตกร้าวถูกเติมเต็มด้วยหินสีม่วงทองและมีหนานแหลมยื่นออกมาเหมือนเม่นดาราสีม่วง

 

ใบหน้ามนุษย์บินเข้าไปในร่างของวิญญาณกาลเวลาก่อนจะบินกลับออกมาอีกครั้ง

 

หลังจากชั่วครู่พวกมันก็ค่อยๆละลายเหมือนหิมะที่ถูกแผดเผาโดยแสงแดด พวกมันจางหายไปในความว่างเปล่าเหลือเพียงด้ายแสงเส้นเล็กๆทิ้งเอาไว้เบื้องหลัง

 

ด้ายแสงเหล่านี้ก็คือเจตจำนงสวรรค์

 

ทุกครั้งที่ใบหน้ามนุษย์บินผ่านวิญญาณกาลเวลา มันจะดึงเจตจำนงสวรรค์ออกมา

 

เจตจำนงสวรรค์เหล่านี้สูญสลายไปด้วยพลังอำนาจของค่ายกลวิญญาณบนเส้นทางแห่งการหลอมรวม

 

วิญญาณกาลเวลาสั่นสะท้านขึ้น แต่มันยังปลอดภัยและไม่ปรากฎรอยแตกร้าวใดๆ

 

ฟางหยวนทุ่มเทความพยายามทั้งหมดเพื่อคิดค้นค่ายกลวิญญาณนี้ มันเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการป้องกันอันตราย

 

หลังจากผ่านไปหลายสิบรอบ แม้ฟางหยวนจะสามารถควบคุมใบหน้ามนุษย์ แต่สุดท้ายพวกมันก็หยุดดึงเจตจำนงสวรรค์ออกมา

 

อย่างไรก็ตามฟางหยวนยังสัมผัสได้ว่าในส่วนลึกที่สุดของวิญญาณกาลเวลายังมีเจตจำนงสวรรค์เหลืออยู่เล็กน้อย

 

เจตจำนงสวรรค์ดังกล่าวแทบไร้นัยสำคัญแต่ฟางหยวนไม่กล้าปล่อยมันไว้

 

‘เจตจำนงสวรรค์ช่างน่ารำคาญนัก ไม่ว่าอย่างไรข้าก็ต้องกำจัดมัน’ ฟางหยวนถอนหายใจก่อนจะกระตุ้นใช้ค่ายกลวิญญาณจนถึงขีดสุด

 

หนานแหลมคล้ายเม่นดาราสีม่วงบนกำแพงหินเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วราวกับพวกมันกำลังโกรธจัด พวกมันแทงเข้าไปในร่างของจั๊กจั่นไม้กาลเวลาจากทุกทิศทาง

 

วิญญาณกาลเวลาไม่ได้ถูกทำลายแต่มันกลายเป็นกลุ่มก้อนของเหลวสีเขียวขณะที่หนานแหลมเหล่านั้นเริ่มดูดซับของเหลวสีเขียวเข้าไปทั้งหมด

 

เจตจำนงสวรรค์ที่เหลืออยู่ปรากฏขึ้นในตำแหน่งเดิมของวิญญาณกาลเวลา

 

ฟางหยวนใช้โอกาสนี้ทำลายมันอย่างรวดเร็ว

 

จากนั้นของเหลวสีเขียวก็ถูกขับออกมาจากหนามแหลมและรวมตัวกันตรงกลาง

 

ในขั้นตอนนี้ฟางหยวนรู้สึกกดดันมาก ค่ายกลวิญญาณทำงานอย่างเต็มที่ ลูกพลัมแดงอมตะจำนวนมากถูกใช้ไปในกระบวนการนี้

 

ของเหลวสีเขียวค่อยๆเปลี่ยนรูปร่างกลับไปเป็นจั๊กจั่นไม้กาลเวลาอีกครั้ง

 

มันปลอดภัย! สิ่งเดียวที่แตกต่างจากก่อนหน้าคือไม่มีเจตจำนงสวรรค์เหลืออยู่ในร่างของมันอีกต่อไป!

 

เดิมทีนิกายเงาวางแผนที่จะเลื่อนระดับวิญญาณกาลเวลาผ่านการหลอมรวมก่อนจะหลอมรวมย้อนกลับเพื่อกำจัดเจตจำนงสวรรค์ แต่หลังจากถูกฟางหยวนดัดแปลง มันกลายเป็นการหลอมรวมคู่ขนาน

 

การหลอมรวมคู่ขนานมีโอกาสประสบความสำเร็จสูงกว่าการหลอมรวมปกติ

 

แต่ถึงกระนั้นมันก็ยังเต็มไปด้วยความยากลำบาก ในการหลอมรวมครั้งนี้หากผมที่หกไม่สามารถกอบกู้วิกฤตได้อย่างทันท่วงที มันอาจล้มเหลวไปแล้ว

 

วิญญาณกาลเวลาลอยอยู่กลางอากาศอย่างเงียบๆในทะเลวิญญาณขณะที่ฟางหยวนรู้สึกมีความสุขมาก
ในที่สุดฟางหยวนก็สามารถควบคุมวิญญาณกาลเวลาได้อย่างสมบูรณ์

 

“แค่ก แค่ก”

 

เป็นเพียงเวลานี้ที่เสียงแตกร้าวดังขึ้น

 

รอยแตกร้าวไม่ได้ปรากฏขึ้นบนร่างของวิญญาณกาลเวลาแต่มันเกิดขึ้นบนหินสีม่วงและหนามแหลม

 

ฟางหยวนเฝ้ามองและไม่ได้หยุดเหตุการณ์นี้

 

หินและหนามแตกออกพร้อมกับกำแพงคริสตัลของทะเลวิญญาณ

 

ทะเลวิญญาณของฟางหยวนถูกกดดันมาตลอดโดยวิญญาณกาลเวลา ตอนนี้มันถึงขีดจำกัดแล้ว

 

‘ในกรณีนี้ข้าก็ต้องเผชิญหน้ากับภัยพิบัติอีกครั้ง’ ฟางหยวนหัวเราะขณะที่ดวงวิญญาณดวงหนึ่งปรากฏขึ้นด้านข้างค่ายกลวิญญาณ

 

หลังจากนั้นดวงวิญญาณดวงนี้ก็พุ่งเข้าไปในร่างผีดิบอมตะ

 

ร่างผีดิบอมตะเปิดเปลือกตาขึ้นและพยักหน้าให้ฟางหยวน

 

ความจริงก็คือมันเป็นดวงวิญญาณแยกของฟางหยวนที่เข้าครอบครองร่างผีดิบอมตะ

 

ท่าไม้ตายแยกวิญญาณ!

 

ฟางหยวนยิ้มและใช้ท่าไม้ตายอมตะกับร่างผีดิบอมตะ

 

ท่าไม้ตายอมตะความแข็งแกร่งเปลี่ยนชีวิตและความตาย!

 

นี่เป็นท่าไม้ตายที่เขาสร้างขึ้นนานแล้ว มันถูกดัดแปลงมาจากท่าไม้ตายอมตะเพลิงนิพพานของนางมารผลาญสวรรค์ มันช่วยให้ร่างผีดิบอมตะกลับคืนสู่ร่างมนุษย์ที่มีชีวิตอีกครั้ง

 

แน่นอนว่าด้วยการดัดแปลงของฟางหยวน ท่าไม้ตายอมตะความแข็งแกร่งเปลี่ยนชีวิตและความตายจึงเหนือกว่าท่าไม้ตายอมตะเพลิงนิพพาน
ฟางหยวนโยนวิญญาณอายุยืนสองดวงให้ร่างผีดิบอมตะที่กลับมามีชีวิต

 

ร่างเดิมของฟางหยวนใช้งานมันทันที

 

ร่างกายนี้อาบแสงแห่งปัญญามานานเกินไปขณะอยู่ในแดนศักดิ์สิทธิ์เมืองหลวงของภาคเหนือ อายุขัยของมันใกล้หมดลงแล้ว

 

ด้วยการใช้วิญญาณอายุยืน ร่างเดิมของฟางหยวนจะไม่ตายทันทีเมื่อมันฟื้นคืนชีพขึ้นมา
ทะเลวิญญาณของเขาแตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ปราณสวรรค์พิภพเริ่มสร้างความปั่นป่วนขึ้นในมิติช่องว่างจักรพรรดิ

 

ฟางหยวนไม่ต้องการให้ร่างเดิมของเขาเผชิญหน้ากับภัยพิบัติในมิติช่องว่างจักรพรรดิ ดังนั้นเขาจึงเปิดประตูมิติและส่งร่างเดิมของเขาออกไป

 

ร่างหลักของฟางหยวนตามออกมาเช่นกัน
ที่นี่เป็นสถานที่นิรนามแห่งหนึ่งของภาคเหนือ ฟางหยวนเลือกมันหลังจากตรวจสอบอย่างรอบคอบ ไม่มีผู้ใดอยู่ที่นี่ มันปลอดภัยมาก

 

ภัยพิบัติของการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะน่ากลัวมากสำหรับผู้ใช้วิญญาณทั่วไป
แต่ต่อหน้าฟางหยวน มันเป็นเหมือนขนมหวานสำหรับเขา
ไม่ว่าจะเป็นการควบคุมปราณสวรรค์ ปราณพิภพ หรือปราณมนุษย์ รวมถึงการโจมตีของภัยพิบัติ ฟางหยวนล้วนคุ้นเคยกับสิ่งเหล่านี้เป็นอย่างดี
สวรรค์กำลังโกรธจัด!

 

ฟางหยวนสามารถกำจัดเจตจำนงสวรรค์ในร่างวิญญาณกาลเวลา นี่เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ
ด้วยเหตุนี้สวรรค์จึงส่งภัยพิบัติที่รุนแรงที่สุดเท่าที่มันจะทำได้ลงมา
แต่แน่นอนว่ามันไร้ประโยชน์ต่อหน้าฟางหยวน
ฟางหยวนสามารถกำจัดภัยพิบัติสวรรค์พิภพได้ในการโจมตีเพียงไม่กี่ครั้ง หลังจากนั้นร่างเดิมของเขาก็ก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ

 

คราวก่อนเป็นเส้นทางความแข็งแกร่ง แต่ครั้งนี้เป็นเส้นทางแห่งกาลเวลา

 

มิติช่องว่างบนเส้นทางแห่งกาลเวลาของเขาเป็นมิติช่องว่างระดับสูง มันเต็มไปด้วยทรัพยากรบนเส้นทางแห่งกาลเวลา

 

เมฆสีดำกระจายหายไป ท้องฟ้ากลับมาแจ่มใส แสงแดดสาดส่องลงมา

 

ฟางหยวนกับร่างเดิมของเขาลอยอยู่กลางอากาศและมองดูทุ่งหญ้าที่กว้างใหญ่อย่างเงียบๆ

 

ความขมขื่นและความยากลำบากที่ต้องเผชิญมาตลอดระยะเวลาห้าร้อยปีของชีวิตก่อนหน้า การต่อสู้กับเจตจำนงสวรรค์หลังจากกำเนิดใหม่ การดิ้นรนเอาชีวิตรอด ความเหนื่อยล้าจากการพยายามรักษาภูเขาตงฮัน การให้อาหารวิญญาณอมตะ การพัฒนามิติช่องว่าง การดัดแปลงท่าไม้ตาย และอื่นๆอีกมากมาย
ความยากลำบากทั้งหมดกลายเป็นรอยยิ้มเล็กๆที่ปรากฏอยู่บนใบหน้าของฟางหยวนทั้งสองคน
อดีตเป็นเหมือนหมอกควัน ความยากลำบากและความเจ็บปวดทั้งหมดของเขาถูกเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มบางบนใบหน้า

 

————