ไร้ซึ่งการปกปิดใดๆ ยู่ยี่หน้าขึ้นสีแดงพลางพยักหน้า
“เธอกับพ่อเทพบุตรคนนั้นไปเริ่มพัฒนาความสัมพันธ์กันตั้งแต่ตอนไหน? แล้วไปพัฒนากันได้ยังไง?”
ยู่ยี่เล่าเรื่องราวของทั้งสองว่ารู้จักกันได้อย่างไร รวมถึงรายละเอียดเรื่องราวที่เกิดขึ้นเหล่านั้น ทั้งหมดที่เธอพรั่งพรูพูดออกมาล้วนแล้วแต่เป็นความจริง ในเมื่อรู้เรื่องกันแล้ว ก็ไม่มีความจำเป็นจะต้องปกปิดอีก ยิ่งไปกว่านั้นเธอเองก็ไม่ได้ตั้งใจจะปกปิดเรื่องของเธอกับเชอร์รีน
ดวงตาคู่งามของนาโนหรี่ลงเล็กน้อย ตอนนี้เธอเพิ่งรู้ถึงความสัมพันธ์ของคนทั้งสองที่เธอไม่รู้ที่มาที่ไป “ยี่ เธอกำลังแก้แค้นหัสดินอยู่หรือเปล่า?”
ยู่ยี่หลับตาลงไปชั่วครู่ ก่อนจะลืมตาขึ้นอีกครั้ง “ทำไมฉันจะต้องอยากแก้แค้นเขาด้วย? ไม่มีเหตุผลที่ฉันจะต้องทำอย่างนั้นนี่นา หรือไม่ใช่?”
“งั้นก็ดีแล้ว นิสัยของเทพบุตรคนนั้นฉันไม่กังวลเลยสักนิด เขาไม่เหมือนผู้ชายที่ชอบทำตามใจชอบพวกนั้น จะเป็นห่วงก็แต่เธอ” นาโนกล่าว
“ความรู้สึกพวกนั้นได้เลือนหายไปแล้ว และฉันกำลังพยายามที่จะยอมรับความรักครั้งใหม่นี้อยู่ ฉันจะไม่แก้แค้น มันไม่มีความหมายอะไรอีกแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น ฉันจะไม่เอาตัวเองไปแก้แค้นผู้ชายที่ไม่คู่ควรพรรค์นั้น” ยู่ยี่เอื้อนเอ่ยออกมาช้าๆ
เธอเคยคิดว่าหัสดินนั้นนอกใจเธอเพียงแค่ครั้งเดียว แต่คิดไม่ถึงเลยว่าลับหลังเขาจะกล้าหลอกลวงตบตาเธอตั้งหลายครั้ง ยิ่งไปกว่านั้นแม้กระทั่งตอนที่เธอท้อง พวกเขาก็ออกไปเที่ยวด้วยกัน ทั้งยังมีฝ่ามือนั่นที่หัสดินมอบให้เธออีก…….
ความรู้สึกที่มีให้กันเป็นเวลา 7 ปี เขายังทำให้มาถึงจุดนี้ได้ เธอจะแก้แค้นไปทำไมกัน ลืมไปเสียถึงจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด
ช่วงเวลาหนุ่มสาวของใครหลายคนอาจไม่เคยผ่านความรู้สึกผิดพลาดมาก่อน แต่แค่ความผิดพลาดของเธอในครั้งนี้ กลับรู้สึกลึกล้ำและยาวนานกว่าคนธรรมดาหลายคน
เธอรักเขามาก แต่เขากลับไม่ได้รักเธออย่างที่เธอเคยวาดฝันไว้ ตอนนี้เขาได้ไปจับมือกับผู้หญิงอื่นแล้ว หรือว่าเธอยังทนทุกข์ไม่ถึงที่สุดเท่ามนุษย์คนหนึ่งจะจดจำไว้อย่างลึกซึ้งได้อีกหรือ?
ไม่ใช่เพราะว่าไม่รัก แต่เพราะว่าเป็นความรักสุดลึกล้ำเช่นนี้มาตั้งแต่แรก ดังนั้นจึงต้องตัดขาดไร้เยื่อใยเช่นนี้
ยู่ยี่อายุ 27 ปีแล้ว อีก 3 ปีก็จะอายุครบ 30 ความคิดความอ่านของเธอนั้นมีความเป็นผู้ใหญ่ รู้ว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่ นาโนจึงวางใจได้
นาโนถอนหายใจเบาๆด้วยความเสียใจ : “ผู้ชายเพอร์เฟกต์ขนาดนั้น ฉันนึกมาโดยตลอดว่าพ่อเทพบุตรของฉันสุดท้ายจะต้องถูกพิชิตโดยผู้หญิงที่เลิศเลอหาใครเปรียบไม่ได้ แต่นึกไม่ถึงเลยจริงๆ ว่าผักกาดขาวหัวงามจะถูกยัยโง่อย่างเธอขุดเอาไปเสียได้”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ยู่ยี่ก็จ้องมองไปที่นาโน รู้สึกคันฟันขึ้นมาเล็กน้อย เธอพูดว่าอะไรนะ?
เสียงโทรศัพท์สั่นดังขึ้น เธอก้มหัวลงเหลือบมองจากหางตา เป็นผักกาดขาวคุณภาพดีหัวนั้นที่นาโนเพิ่งเอ่ยปากถึงพอดี
เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา ก่อนจะเหลือบตามองไปที่นาโน เมื่อเห็นดังนั้นนาโนจึงจ้องมาที่เธอ
“ทำไมคุณถึงไม่อยู่ในห้อง?” ฉันทัชกำลังดื่มน้ำอุ่นพร้อมกับถือโทรศัพท์อยู่ในมือ
ยู่ยี่หน้าแดงขึ้นเล็กน้อย เลียริมฝีปาก พร้อมกับเบาเสียงลงเล็กน้อย “ตอนนี้ฉันกำลังทานข้าวเช้ากับเพื่อนๆ อยู่และก็มีเรื่องต้องคุยกันนิดหน่อย”
มุมปากฉันทัชยกขึ้น “ คุณยังพอจะรีบกลับมาทานข้าวเช้ากับผมได้ไหม?”
ครั้งนี้ยู่ยี่ใช้เวลาคิดแค่สามวินาที ก็ตอบกลับว่า: “ไม่มีทาง!”
“งั้นก็ดี อีกเดี๋ยวผมจะออกไปแล้ว คุณน่าจะเอากุญแจไปด้วย ผมจะล็อกห้องเลยนะ อย่าลืมทานข้าวเช้าอย่างมีความสุขล่ะ” เสียงของเขาแหบต่ำ เจือไปด้วยความอ่อนโยนและเสียงหัวเราะเล็กน้อย “เพื่อนของคุณทำให้คุณลำบากใจหรือเปล่า? อยากให้ผมไปอธิบายให้ไหม?”
เธอประหลาดใจ “คุณเห็นหมดแล้วเหรอ?”
“เมื่อวานตอนกลางคืนเสียงดังขนาดนั้น ผมจะไม่ได้ยินได้ยังไง….”
“งั้นที่เธอเพิ่งเห็นคุณ คุณก็ต้องรู้สิ ทำไมถึงไม่หันกลับมามองล่ะ”
เขาเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล “ ผมกลัวคุณจะอึดอัด กลัวว่าคุณจะอาย แก้มของคุณตอนนั้นก็ไม่รู้ว่าจะถูกต้มจนสุกหรือเปล่า เลยแกล้งทำเป็นไม่เห็นแทน…..”
ยู่ยี่คิดว่าเรื่องนี้ควรให้เธอกับนาโนคุยกันเองถึงจะดีกว่า จริงๆ เธอจึงชอบการตัดสินใจครั้งนี้ของเขา
แสงแดดในช่วงปลายฤดูใบไม้ร่วงและต้นฤดูหนาวสาดส่องเข้ามาผ่านกระจก นาโนหรี่ตามองยู่ยี่ผู้ซึ่งถูกห่อหุ้มไปด้วยลำแสงและกำลังพยักหน้าพร้อมรอยยิ้มที่มุมปาก เธอตอบรับเบาๆและบอกปลายสายให้ขับรถระมัดระวังใส่ใจในความปลอดภัย ยู่ยี่ที่มีชีวิตชีวานั้นสวยมาก….
หลังจากที่ยู่ยี่วางสาย นาโนก็เอ่ยว่า
“ ฉันเคยอ่านประโยคหนึ่งจากในหนังสือมาซึ่งมันสละสลวยมากและได้กล่าวไว้ว่าอย่างนี้ ไม่มีผู้หญิงคนใดสามารถได้รับความเคารพจากผู้ชายด้วยรูปร่างหน้าตาที่งดงามเพียงอย่างเดียว แต่ก็ไม่มีผู้หญิงที่ไม่รู้จักแต่งตัวคนใดสามารถได้รับความชื่นชมจากผู้ชายเช่นเดียวกัน และยิ่งไม่มีผู้หญิงคนใดที่ไร้การแต้มเติมเสริมแต่งแล้วจะสามารถเอาชนะเวลาที่ร่วงโรยได้ ผู้หญิงที่เฉลียวฉลาดจะรู้จักการฝึกฝนตนเองทั้งภายในและภายนอกอยู่เสมอ ไม่มีความสวยงามตามธรรมชาติ มีแต่ความสวยงามที่ดูเป็นธรรมชาติ ความสวยงามไม่ใช่มีไว้เพื่อเอาใจคนอื่นทั้งหมด แต่ความจริงแล้วมีไว้เพื่อเคารพตนเอง เพราะว่าตัวเธอนั้นสำคัญกว่าตัวเธอที่เธอวาดภาพคิดไว้…..”
ยู่ยี่ยิ้ม “เธอเจ้าบทเจ้ากลอนขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?”
“ฉันก็แค่เปิดนิตยสารดู นิตยสารบนโต๊ะนั้นเขียนไว้ แล้วก็คิดว่ามันดูสมเหตุสมผล เลยจดจำเอาไว้”
“ฉันเข้าใจว่าเธอหมายความว่าอะไร และในใจฉันก็เข้าใจว่าเธอต้องการจะพูดอะไร” ยู่ยี่กล่าวถาม “ หมอบอกว่ายังไงบ้างเกี่ยวกับร่างกายของเธอ?”
“ไม่มีทางที่จะตั้งท้องได้ เนื่องจากปัญหาสุขภาพร่างกาย อยากจะลองทำเด็กหลอดแก้วก็ไม่ได้เหมือนกัน” นาโนดูไม่ใส่ใจนัก แต่แท้จริงแล้วนั้นสิ้นหวัง เธอไม่ได้ทำทุกทางได้สำเร็จอย่างง่ายๆ
ยู่ยี่ให้เธอไปตรวจที่โรงพยาบาลอีกครั้ง และยังบอกว่าไม่แน่ผลตรวจอาจจะผิดพลาดก็เป็นได้ นาโนหัวเราะ เล็บมือหมุนวนอยู่ที่แก้วกาแฟ เธอไปโรงพยาบาลมาแล้วหลายแห่ง ดนัยบอกกับเธอว่ามันไม่สำคัญอะไรขอมีเพียงแค่เธอก็พอแล้ว แต่เรื่องนี้ถือว่าเป็นปมในใจของคนทั้งสองมาโดยตลอด อีกทั้งแม่ของเขาคงไม่เห็นด้วยที่จะปล่อยให้เรื่องราวเป็นต่อไปเช่นนี้….
เกี่ยวกับเรื่องงานนั้น ยู่ยี่ทำงานด้วยความตั้งใจ และพร้อมจะเรียนรู้ตลอดเวลา เพียงมีจุดที่ไม่เข้าใจก็จะถามทันที ไม่กลัวที่คนอื่นจะหัวเราะเยาะ
เธอทุ่มเทให้กับงานด้วยใจเกินร้อย และการทำงานยังทำให้เธอสามารถมองหาและรู้สึกถึงความมั่นคงและความสำเร็จได้อีกด้วย ฉันทัชโทรมาหาเธอในช่วงพักรับประทานอาหารกลางวัน
เขาบอกกับเธอว่าเขามาถึงร้านอาหารตรงข้ามบริษัทเธอแล้ว และให้เธอรีบตามมาทีหลัง
หลังจากจัดการเอกสารเสร็จ ยู่ยี่ได้ไปที่ร้านอาหารฝั่งตรงข้าม ฉันทัชเลือกจะรับประทานอาหารในห้องส่วนตัว มีบรรยากาศหรูหรา เสื้อเชิ้ตตัวในบนตัวฉันทัชเปลี่ยนเป็นสีขาว ในมือนั้นถือสูทไว้อยู่
เขาได้สั่งอาหารกลางวันเรียบร้อยแล้ว ยู่ยี่จึงดื่มน้ำอุ่นก่อน
ฉันทัชจ้องมองมาที่เธอด้วยสีหน้าอ่อนโยน ริมฝีปากบางดูเซ็กซี่เผยอขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะพูดว่า “ คุณมีความคิดที่จะไปอยู่อพาร์ตเมนต์ของผมบ้างไหม มีห้องว่างยังเหลืออีกมากมาย…….”
ยู่ยี่เม้มปากกลืนน้ำลาย ส่ายหัวทันทีโดยไม่ต้องคิด “ไม่มี พูดตรงๆ จะพัฒนาความสัมพันธ์ไปทางแบบนั้นฉันว่ามันยังเร็วเกินไป ฉันไม่เคยคิดแบบนั้นเลยสักนิด”
“พัฒนาความสัมพันธ์แบบไหนนะ?” ริมฝีปากบางของเขายกยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย
“ก็ความสัมพันธ์ที่คุณเพิ่งพูดถึงไปเมื่อกี้นี้ไง พวกเราตอนนี้มีความรู้สึกดีให้แก่กันและกัน แต่ฉันหวังว่าเราจะทำตัวเหมือนคู่รักปกติทั่วไปอะไรแบบนั้นได้” เธอกล่าว
“ความหมายของผมนั้นเรียบง่ายและบริสุทธิ์ แต่ดูเหมือนว่าในใจคุณกลับคิดซับซ้อนมากเกินไปหน่อยนะ….” มุมปากฉันทัชปรากฏรอยยิ้ม “การอยู่ด้วยกันนั้น จะทำให้คุณได้รู้จักตัวตนผมลึกซึ้งมากขึ้น ไม่อย่างงั้นคุณตอนกลางวันก็ทำงาน พอค่ำก็อยากพักผ่อนอย่างนี้เหรอ? คุณพูดเองกับปากว่าเวลาจำกัดเหลือแค่เดือนเดียว เวลาความสัมพันธ์ระหว่างเราทั้งสองคนนั้นมีไม่มากนัก ถึงผมจะมีเวลาจำกัด แต่ก็ไม่คิดจะไปเร่งรัดหรือตัดสินใจแทนใครตามใจชอบ ผมจะเคารพทุกการตัดสินใจของคุณในทุกๆเรื่อง…..”
ยู่ยี่ยังคงส่ายหัว เธอเข้าใจว่าเขาหมายถึงอะไร แต่เธอไม่อยากให้เป็นอย่างนั้นเลยสักนิด
“งั้นข้อเสนอนี้ก็ถือซะว่าผมไม่เคยพูดถึงแล้วกัน….” ฉันทัชหลุบตาลง เคารพในความเห็นเธอทั้งหมด นิ้วเรียวยาวชี้ไปที่เมนูอาหาร “ สั่งอาหารพวกนี้ไปคุณชอบหมดหรือเปล่า?”
เธอใช้สายตามองไปที่เมนู อาหารที่สั่งเป็นแบบเผ็ดกลางทั้งหมด อีกทั้งยังมีซุปรสอ่อนที่เธอชอบอีกด้วย
มื้ออาหารกลางวันมีเวลาแค่ 1 ชั่วโมงกว่าเท่านั้น เมื่อทานเสร็จเวลาก็เหลือไม่มากแล้ว เมื่อยู่ยี่ใกล้จะแยกตัวไป ฉันทัชโอบกอดเธอไว้และจูบหน้าผากเธอเบาๆอย่างอ่อนโยน
“เมื่อคืนวานนี้ ผมทำให้คุณรู้สึกไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า” เขากล่าว
ไม่ถามก็ดีอยู่แล้ว ใบหน้าของยู่ยี่อดที่จะแดงขึ้นมาไม่ได้กับคำถามนี้ เธอยังคงเงียบ “……”
หน้าของเธอมุดแนบกับอกแกร่งของเขา ฉันทัชหลุดหัวเราะออกมาเบาๆ หน้าอกนั้นสั่นกระเพื่อมเล็กน้อย “ผมแค่กลัวว่าจะมอบความประทับใจที่ไม่ดีไว้กับคุณ…”
“นี่คุณจะไม่เข้มงวดไปหน่อยเหรอ ขนาดเรื่องนั้นก็ยังใส่ใจ?” เธอขมวดคิ้ว เขาคงไม่ใช่พวกเพอร์เฟกต์ชันนิสต์หรอกนะ
“ผมไม่สนใจ เรื่องที่คุณเคยมีความสัมพันธ์กับคนอื่นมาก่อน แต่ในตอนแรกคุณดูประหม่าและแข็งทื่อกับความต้องการของผม ผมรู้ว่าคุณยังไม่พร้อมที่จะรองรับตัวตนผม และถึงจะเป็นอย่างนั้นแต่ผมกลับรุนแรงกับคุณ ผมเลยกลัวว่าคุณจะหลงเหลือเงามืดนี้ไว้ในจิตใจ…”
เธอเงียบลงอีกครั้ง และไม่ตอบคำถามเขา กับคำถามของเขานั้น เธอไม่มีทางจะตอบมันอย่างแน่นอน
ฉันทัชจ้องมองเธออย่างลึกซึ้ง แน่วแน่ และมีความสุภาพบุรุษ โทนเสียงนุ่มนวลเอ่ยออกมา “เมื่อคืนวานนี้ อาจจะเป็นเพราะคุณเหงามากเกินไป และอาจจะเป็นเพราะความอบอุ่นของผมมาได้ตรงเวลาพอดีในช่วงที่คุณเหงามากเกินไป ดังนั้นพอผมต้องการคุณ คุณเลยไม่ปฏิเสธผม แต่ความรู้สึกแบบนั้นไม่ใช่ความรักที่มาจากก้นบึ้งความรู้สึกที่คุณต้องการ ผมไม่อยากได้คุณที่เป็นแบบนี้……”
ความลังเลเกิดขึ้นในใจหลายครั้ง ยู่ยี่หายใจเข้าลึกๆแล้วเงยหน้าขึ้น มองผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าด้วยสีหน้าจริงจัง “ฉันไม่ปฏิเสธว่าที่คุณพูดนั้นเป็นความจริง แต่ก็เป็นจริงแค่ครึ่งหนึ่งเท่านั้น และอีกอย่างถ้าฉันไม่ได้มีความคิดจะยอมรับผู้ชายคนหนึ่งจากก้นบึ้งหัวใจ ฉันคงไม่ให้เขาแตะต้องตัวฉัน คุณคิดว่าฉันเหมือนผู้หญิงที่โหดร้ายเลือดเย็นคอยมองหาแต่ความสะดวกสบายงั้นเหรอ?”
คำพูดพวกนั้นที่เขาเพิ่งพูดออกไปสักครู่ เป็นจริงไปเสียครึ่งหนึ่ง คืนเมื่อวานนี้เธอทั้งเหงาและโดดเดี่ยวมากจริงๆ ช่วงเวลา 7 ปีที่ผ่านมา เธอไม่เคยรู้สึกเหงาเท่านี้มาก่อน
อีกทั้งความอบอุ่นอ่อนโยนของเขายังมาได้ถูกเวลาพอดี เหตุผลครึ่งหนึ่งเป็นเพราะสิ่งเหล่านั้น แต่เหตุผลอีกครึ่งหนึ่งก็คงเป็นเพราะเขาและหัวใจที่เต้นแรง
เธอไม่ใช่ผู้หญิงที่จะทำอะไรตามอารมณ์……
ปากเขาหยักยิ้มขึ้น ดูมีความสุขมากนัก “ ผมเคยบอกคุณไปแล้วหรือยังว่า ผมชอบความซื่อตรงอย่างนี้ของคุณ”
“ยังไม่เคยบอก แต่ฉันรู้ว่าฉันเป็นคนที่ซื่อตรงอย่างนี้เสมอมา” ยู่ยี่ขบคิดอีกเล็กน้อย ก่อนจะพยักหน้า “ คุณคงไม่กังวลว่าฉันหลังจากนี้ไปจะกลายเป็นคนจืดชืดน่าเบื่อหรอกนะ?”
ฉันทัชเลิกคิ้ว ก่อนจะสวมเสื้อสูทสีดำ ยืนตัวตรง ตามองเวลา แล้วเตือนเธอว่า “เข้างานบ่ายสองโมง คุณยังมีเวลาอีกสิบนาที…..”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ยู่ยี่หยิบกระเป๋าขึ้นทันทีและเดินออกไปข้างนอกอย่างรีบร้อน ยังมีระยะทางระะหว่างทางเดินอีก เพราะฉะนั้นถึงมีเวลาสิบนาทีก็ยังต้องเร่งรีบ
เธอคิดว่าฉันทัชแม้จะเป็นคนอ่อนไหวเกินไปอย่างที่คาดไว้แต่ก็เป็นคนที่ช่างสังเกตเช่นกัน เพียงไม่นานก็สามารถรับรู้ถึงความในใจของเธอ
ณ ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง
หัสดิน เรนนี่ และเพื่อนร่วมชั้นของเรนนี่ เนเน่
ช่วงเวลาที่ผ่านมานี้เสื้อผ้าของพวกเขาขาดแคลนลงไปไม่น้อย ดังนั้นพวกเขาจึงมาซื้อเสื้อผ้ากันในวันนี้ หากเรนนี่เห็นเสื้อป้าที่เหมาะสมและถูกใจ ก็จะให้หัสดินไปลองใส่ดู
เนเน่อาศัยช่วงที่หัสดินไปลองเสื้อผ้าเข้ามาใกล้เรนนี่ “ ยังนับว่าเธอนั้นมีความสามารถ ตอนนี้ถึงได้หัสดินมาครอบครองในที่สุด”
มุมปากเรนนี่ยกแล้วยกอีก เธอไม่ได้พูดอะไรออกมา ทว่าสีหน้านั้นดูพึงพอใจ
“ความรัก 7 ปีของสองคนนั้น ทำให้เพื่อนร่วมชั้นอิจฉากันมามาก สุดท้ายกลับต้องมาพบกับจุดจบอะไรแบบนี้”เนเน่ถอนหายใจ ว่ากันตามตรง เธอยังเชื่อมั่นในความรู้สึกระหว่างหัสดินและยู่ยี่ นึกไม่ถึงเลยว่า……….