กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 973

เยี่ยจิ่งหานหันหน้าไปทางอื่น และไม่รู้ว่าเพราะอะไรทำให้เขาไม่พูดเหน็บแนมกู้ชูหน่วนออกไปอีก ทว่ากลับขมวดคิ้วครุ่นคิดว่าจะออกไปจากที่นี่ได้อย่างไร

อันที่จริงแล้ว ทั้งกู้ชูหน่วนและเยี่ยจิ่งหานก็ต่างไร้หนทาง

วังใต้ดินขนาดใหญ่เช่นนี้ถล่มลงมา มีหรือที่กำลังคนจะสามารถเคลื่อนย้ายได้

เงียบสงัด

ภายในถ้ำหินเงียบลงอย่างกะทันหัน เงียบขนาดที่ได้ยินเสียงหัวใจเต้นของอีกฝ่าย

เป็นเวลานาน กู้ชูหน่วนจึงหันไปมองเยี่ยจิ่งหานและถามว่า “เจ้าว่าจักรพรรดินีตัวปลอมคนนั้นจะรู้ไหมว่าเราติดอยู่ที่นี่ และจากนั้นส่งกองกำลังทหารนับหมื่นมาเคลื่อนย้ายหินและช่วยเราออกไป”

เยี่ยจิ่งหานกลอกตาใส่นาง “ส่งกองกำลังทหารนับหมื่นเข้าไปในวัง? เจ้าใช้อะไรคิดอย่างนั้นหรือ?”

มีจักรพรรดิที่ไหนจะสั่งการเคลื่อนย้ายกองกำลังทหารมากมายเช่นนั้น?

หากทำเช่นนั้น การป้องกันรัฐปิงจะเป็นอย่างไร?

อีกอย่าง ต่อให้เรียกกองกำลังนับหมื่นและค้นหาพวกเขา คาดว่าก็คงต้องใช้เวลานาน

และสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ หากถูกพวกเขาจับได้ เกรงว่าพวกเขาคงตายเร็วขึ้นเท่านั้น อีกทั้งยังเติมเต็มหญิงชั่วร้ายคนนั้น

กู้ชูหน่วนรู้ว่าวิธีการนี้ไม่ได้เรื่อง นางเงยหน้าขึ้นมองข้างบนและกล่าวออกมา “เห้อ ข้าต้องติดอยู่ในนี้กับเจ้าไปตลอดอย่างนั้นหรือ”

“ใครจะติดอยู่ที่นี่กับเจ้าไปตลอด”

“คนอย่างเจ้า ต่อให้มีค่าตอบแทนเพิ่มมาให้ ข้ายังไม่อยากจะได้เลยด้วยซ้ำ”

กู้ชูหน่วนยื่นมือออกไปแตะคางของเขา แต่กลับถูกเยี่ยจิ่งหานสะบัดออก

“วางใจได้ ต่อให้โลกใบนี้ไม่มีผู้หญิงเหลืออยู่ ถึงอย่างไงข้าก็ไม่มีทางชอบเจ้าหรอก”

“เจ้าไม่ชอบข้า แต่ภรรยาของเจ้ากลับชอบข้าอย่างมาก ไม่เช่นนั้นแล้วเหตุใดนางถึงเลือกที่จะให้ดวงวิญญาณของนางมาสิงสถิตในร่างกายของข้า ไม่แน่วันไหนที่นางฟื้นขึ้นมา อาจจะใช้ร่างกายของข้าก็ได้”

กู้ชูหน่วนหัวเราะ ทว่านางกลับไม่รู้เลยว่าสิ่งที่นางพูดติดตลกออกไปนั้นกลับกลายเป็นเรื่องจริง

เยี่ยจิ่งหานเย้ยหยันและพูดอย่างภาคภูมิใจ “อาหน่วนของข้าตาถึงกว่านี้ รูปร่างอย่างเจ้านี่นะ ฮึ……”

“ฮึ……อย่าลืมว่าขาของเจ้าก็เป็นคนที่เจ้าดูถูกเหยียดหยามเป็นคนทำการรักษา”

เมื่อพูดจบ กู้ชูหน่วนก็ตบลงไปที่เข่าของเขา เยี่ยจิ่งหานเจ็บจนแทบหยุดหายใจ

“เอามือสกปรกๆ ของเจ้าออกไป หากไม่ใช่เพราะช่วยเจ้า เข่าและกระดูกของข้าจะแตกหักอย่างนั้นหรือ?”

“ต่อให้ไม่แตกหัก เจ้าก็ยังเป็นคนพิการคนหนึ่งเท่านั้น”

“ตึง……”

เมื่อได้ยินคำว่าพิการ เยี่ยจิ่งหานก็ยกมือและออกแรงตบออกไป หากกู้ชูหน่วนหลบไม่ทันละก็ คาดว่าไม่พิการก็คงตายคาที่แน่ๆ

นางหลบทัน ทว่ากำแพงผนังหินข้างหลังนางกลับสั่นสะเทือนไม่หยุด และสามารถถล่มลงมาได้ทุกขณะ

ยังดีที่เขารู้ว่าอะไรควรไม่ควร ไม่เช่นนั้นทั้งสองคงถูกก้อนหินถล่มทับจนตายก็ได้

“เสี่ยวเยี่ยเยี่ย เจ้าบอกว่าเจ้าไม่ชอบข้า แต่เจ้าลงนรกเจ้ายังจะดึงข้าไปด้วยอย่างนั้นหรือ”

“หุบปากสุนัขของเจ้าเสีย”

“ข้าก็อยากจะทำเช่นนั้น แต่ข้ากลัวว่าเจ้าลงนรกไปแล้วจะเหงา ข้าจึงคอยพูดคุยให้ความบันเทิงกับเจ้ายังไงล่ะ?”

“……”

“ไม่รู้ว่าเสี่ยวหูเตี๋ยและเสี่ยวเซวียนเซวียนจะเป็นอย่างไรบ้าง นับว่าเสี่ยวหูเตี๋ยถูกนางหลอกจนไม่มีชิ้นดี หวังว่าเขาจะมีชีวิตรอดออกไปได้”

“วางใจได้ เหวินเส่าอี๋ไม่ตายง่ายๆ หรอก” เมื่อได้ยินนางเรียกเขาว่าเสี่ยวหูเตี๋ย เยี่ยจิ่งหานก็รู้สึกเจ็บแปลบอย่างบอกไม่ถูก

“ก็จริง เขาออกจะชะตาแข็งเช่นนั้น” แม้ว่าเหวินเส่าอี๋ยังไม่ตายง่ายๆ เช่นนั้น ทว่ากู้ชูหน่วนกลับอดไม่ได้ที่จะเป็นห่วง

นางสะบัดหัวและดึงสติกลับคืนมา “หากเราคิดจะออกไปจากที่นี่ คงต้องมีวิชาหลบหนีไปทางใต้ดิน”

ในขณะที่พูดนั้นมีหนูตัวหนึ่งวิ่งผ่านมา และเข้าไปในถ้ำเล็กๆ

กู้ชูหน่วนและเยี่ยจิ่งหานมองหน้ากันและความดีใจก็ปรากฏขึ้นมา

“ไม่แน่เราอาจจะใช้วิชาหลบหนีไปใต้ดินเพื่อออกไปจากที่นี่”

ขณะพูดทั้งสองก็เริ่มเคลื่อนย้ายหินตรงบริเวณที่หนูเพิ่งวิ่งผ่าน เพื่อหวังว่าจะเจอทางที่ใช้การได้

“เจ้ายังมีบาดแผลสาหัส ห้ามขยับ ข้าจัดการเอง”