กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 974
กู้ชูหน่วนใช้กำลังทั้งหมดที่มีและในที่สุดก็นำเศษหินเหล่านั้นออกไปได้ และข้างหน้าของนางก็ปรากฏทางเดินขึ้นหนึ่งทาง
เพียงแต่……
นี่ถือว่าเป็นทางเดินใช่ไหม?
ตรงหน้าที่เห็นคือแอ่งน้ำแอ่งหนึ่งที่มีทรงกลม ขนาดกว้างประมาณหนึ่งเมตร แต่ไม่รู้ว่ามีความลึกมากแค่ไหน
เยี่ยจิ่งหานพูดขึ้นมาโดยไม่คิด “ลองหาดูอีกเถอะ อาจจะมีทางอื่นก็ได้”
“ยังจะมีทางไหนอีก ไม่เห็นหรือว่าหนูอยู่บนรอยแยกข้างแอ่งน้ำหรือ? วังหลวงล้วนมีท่อระบายน้ำด้วยกันทั้งนั้น”
“เจ้าคิดจะทำอะไร?”
“ถึงอย่างไรก็ไม่มีทางเลือกอื่น ไม่เช่นนั้นลองดูสักครั้งคงไม่เสียหายอะไร ไม่แน่อาจพอมีทางรอดก็เป็นได้”
“แต่ยังไม่รู้เลยว่าจะออกไปได้ไหม ต่อให้ออกไปได้ วังหลวงออกจะใหญ่เช่นนี้ เจ้าต้องว่ายน้ำไปไกลมากเพียงใดถึงจะไปถึงอีกฝั่งได้?”
นี่เป็นเพียงท่อระบายน้ำ หากไม่สามารถว่ายไปถึงอีกฝั่งได้โดยไม่ขึ้นมาหายใจ เช่นนั้นคงต้องว่ายกลับมาอย่างนั้นหรือ
ทว่าข้างใต้มืดทึบเช่นนั้น จะว่ายกลับมาที่เดิมได้งั้นเหรอ?
“งั้นเจ้าหมายความว่า รอความตายอยู่ที่นี่? เจ้าจะรอตาย แต่ข้าไม่ต้องการ”
กู้ชูหน่วนถอดชุดคลุมออกและมัดแขนเสื้อไว้
เยี่ยจิ่งหานก้มลงมองขาทั้งสองข้างที่พิการและขมวดคิ้ว
มีหรือเขาจะไม่รู้ว่านี่เป็นทางรอดเดียวที่มี ทว่าขาทั้งสองข้างของเขา……จะว่ายน้ำไปได้อย่างไร?
และในจังหวะนั้นเอง กู้ชูหน่วนนั่งลงตรงหน้าเขาและตบไหล่ตัวเอง “มัวทำอะไรอยู่ ยังไม่รีบขึ้นมาอีก”
ขึ้นไป?
ขึ้นหลังของนาง?
กู้ชูหน่วนชำเลืองมองไปยังขาทั้งสองข้างของเขา “เจ้าไม่ขี่หลังข้าออกไป เจ้าคิดว่าตัวเองว่ายน้ำออกไปได้เองอย่างนั้นหรือ?”
เมื่อมองไปยังรอยยิ้มที่แสนหวานของนาง ทำให้หัวใจของเยี่ยจิ่งหานสะดุ้งขึ้นเล็กน้อย
“ข้าออกจะหนักเช่นนี้ เจ้าหามข้าไม่รอดหรอก”
“ข้าใช้มือเดียวก็ยกเจ้าขึ้นมาได้ เจ้าคิดว่าข้าแบกเจ้าไม่ได้งั้นหรือ”
“……”
ผู้หญิงคนนี้กำลังพยายามช่วยเขา ทว่าน้ำเสียงของนางดีกว่านี้ไม่ได้หรือ? เหตุใดถึงชอบทำให้เขาโมโหอยู่เรื่อย
“เจ้าออกไปคนเดียวเถอะ”
หากนางออกไปคนเดียว ไม่แน่อาจยังพอมีทางรอด
หากให้เขาขี่หลังออกไป นางต้องใช้กำลังมากเกินไป
และยังไม่รู้เลยว่ามีทางออกหรือไม่และไม่รู้ว่าระยะทางไกลแค่ไหน เขาไม่ต้องการทำให้นางลำบาก
“มัวพูดมากอะไรอยู่ อยู่นิ่งๆ อย่าขยับ”
กู้ชูหน่วนบังคับให้เขาขี่หลังและใช้เสื้อผ้าของนางมัดเขาไว้ให้แน่น เพื่อป้องกันการแยกกันในขณะเจอกระแสน้ำวน
“เจ้ารู้หรือไม่ว่าเจ้ากำลังทำอะไรอยู่?”
“รู้สิ”
“ถ้าจะอยู่ก็อยู่ด้วยกัน ถ้าไปก็ไปด้วยกัน เจ้าเป็นคนพูดเองไม่ใช่หรือ”
เยี่ยจิ่งหานหัวใจเต้นแรง
เมื่อได้กลิ่นยาสมุนไพรบนร่างกายของนาง ก็เสมือนกับกลิ่นบนร่างกายของคนรักของเขา ทำให้เขารู้สึกอบอุ่นและปลอดภัย
เขาเป็นผู้ชาย ทว่ากลับให้ผู้หญิงคนหนึ่งหาม
เยี่จิ่งหานรู้สึกผิดขึ้นมาเล็กน้อย
แม้ว่าผู้หญิงคนนี้มักทำให้เขาโมโหบ่อยครั้ง
แถมยังปลดเปลื้องเสื้อผ้าของเขาและเหวินเส่าอี๋และให้อยู่ด้วยกัน
ทว่า……
เมื่อเห็นความพยายามและความมุ่งมั่นแน่วแน่ของนาง
ความโกรธที่เยี่ยจิ่งหานมีต่อนางก็มลายหายไป
และในใจก็เกิดความรู้สึกแบบใหม่ขึ้น
ในขณะที่เยี่ยจิ่งหานกำลังซาบซึ้งใจนั้น กลับได้ยินคำพูดบ่นโอดครวญของนาง
“หนักมากเลย กลับไปควรจะลดน้ำหนักบ้างแล้ว ร่างข้าแทบแบนแล้ว”
“……”
ผู้หญิงที่สมควรตาย
เมื่อสักครู่ยังบอกว่าตัวเองมีแรงเยอะเลยไม่ใช่หรือ?
“หายใจเข้า”
“กระโดด”
ยังไม่ทันที่เยี่ยจิ่งหานจะพูดอะไร กู้ชูหน่วนก็ได้กระโดดลงไปในน้ำ
เยี่ยจิ่งหานสำลักน้ำเข้าไปคำใหญ่
เยี่ยจิ่งหานทุบนางอย่างแรงสองสามครั้งและจ้องมองนางด้วยความโมโห
กู้ชูหน่วนที่กำลังว่ายน้ำอยู่รับรู้เข้าก็อดไม่ได้ที่จะกลอกตาใส่เขา
บอกให้เขาหายใจเข้า ตัวเองไม่หายใจเอง จะโทษนางได้อย่างไร?
เขาจับนางแน่นและแน่นถึงขั้นรัดคอนาง เดิมทีอยู่ในน้ำก็หายใจไม่ได้อยู่แล้ว ทว่าเขากลับรัดแน่น
คนพิการที่สมควรตาย
สมองมีปัญหาหรือว่าว่ายน้ำไม่เป็น?