ตอนที่ 477 นัดหมาย

บุตรอสูรบรรพกาล

ตอนที่ 477

นัดหมาย

“บุตรชายคนเล็กหรือเจ้าคะ”ต้าหวานถามขึ้นมาเมื่อได้ยินข่าวจากบิดาที่หายไปหลายวันโดยไม่บอกไม่กล่าวแม้แต่คำเดียว แต่หลังจากกลับมาถึงบิดาของพวกนางก็บอกว่านายน้อยของพวกท่านกลับมาแล้ว และพวกท่านก็ได้ลองปรึกษาเรื่องที่พวกนางขอร้องกับนายน้อยของพวกท่านดู และได้ผลสรุปออกมาว่าหากพวกนางต้องการก็จะให้เป็นผู้ติดตามของบุตรชายคนเล็กของนายน้อยได้

“ใช่ นายน้อยบอกกับพ่อว่าบุตรชายคนเล็กของท่านมีสามัญสำนึกที่แปลกไปเสียหน่อย เลยอยากให้พวกเจ้าไปช่วยดูเล”ต้าชิงว่าพลางถอนหายใจออกมา มันได้ฟังเรื่องของไป๋จูล่งจากไป๋จูเหวินมาแล้ว เรื่องสามัญสำนึกผิดพลาดของไป๋จูล่งท่าทางจะหนักกว่าไป๋จูเหวินสมัยพึ่งออกมาจากเขตอสูรเสียอีก ท่าทางงานของบุตรสาวตนเองจะไม่ใช่งานง่ายๆเสียแล้ว

“แน่นอนเจ้าค่ะ พวกเราจะตั้งใจทำให้เต็มที่”ต้าเฉียนตอบพลางหันไปมองต้าหวานด้วยท่าทียินดี พวกนางต้องการแบบนี้มาตั้งแต่สมัยเด็ก ไม่ว่าจะเป็นบุตรสาวหรือบุตรชายของนายน้อยผู้นั้นต้าหวานและต้าเฉียนก็มั่นใจว่าคนๆนั้นจะต้องเป็นบุคคลที่คู่ควรให้ติดตามอย่างแน่นอน

“ข้าคิดไว้แล้วว่าพวกเจ้าต้องตอบเช่นนี้”ต้าชิงยิ้มออกมาเล็กน้อย หากเป็นคนอื่นคงมองว่าพวกนางช่างแปลกประหลาดที่คุณหนูแห่งสำนักเทพจุติจะไปเป็นผู้ติดตามของใครก็ไม่ทราบ แต่สำหรับต้าชิงและต้าเฉินแล้วพวกมันกลับแอบรู้สึกอิจฉานิดหน่อยที่ต้าเฉียนและต้าหวานสามารถไปเป็นผู้ติดตามของไป๋จูล่งได้

“หลังจากนี้อีก 1 เดือนจะมีงานแต่งถูกจัดขึ้นที่เมืองร้อยแปดอสูร วันนั้นนอกจากจะเป็นวันแต่งงานบุตรสาวของนายน้อยแล้ว ยังเป็นวันเปิดตัวของบุตรชายนายน้อยด้วย ในวันนั้นพ่อจะให้พวกเจ้าเข้าถวายตัวรับใช้บุตรชายของนายน้อย”ต้าชิงตอบพลางยื่นบัตรเชิญเข้าร่วมงานแต่งของไป๋หลินให้กับบุตรสาวทั้งสอง

“เจ้าค่ะ”ทั้งต้าเฉียนและต้าเซียนต่างตอบรับอย่างหนักแน่น ข่าวนี้เป็นข่าวดีอย่างที่ท่านพ่อบอกเอาไว้จริงๆ เรียกได้ว่าพวกนางต้องนับวันรอเลยทีเดียว

.

.

“ท่านกำลังจะแต่งงาน”อีกด้านหนึ่งหลังจากชิงชิวทำการสู่ขอไป๋หลินกับไป๋จูเหวินเสร็จเรียบร้อยแล้ว ตัวชิงชิวก็เดินทางกลับมาที่เมืองหลวงเก่าของอาณาจักรไป๋อีกครั้งเพื่อแจ้งข่าวงานแต่งให้น้องชายของมันทราบ ยามนี้ตระกูลชิงของมันก็เหลือแต่ครอบครัวของน้องชายเท่านั้น

“ใช่แล้ว ในที่สุดข้าก็ได้แต่งงานเสียที”ชิงชิวตอบด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ความจริงมันควรแต่งกับไป๋หลินไปนานแล้วหากไม่เกิดเรื่องของชินอี้มาก่อน แต่การอยู่ห่างกันนานหลายสิบปีก็เหมือนเป็นการทดสอบความรักที่มีต่อกัน เมื่อผ่านอุปสรรคมาได้แล้ว การขอแต่งงานของชิงชิวกับไป๋หลินก็ได้รับการอนุมัติแทบจะทันทีจากไป๋จูเหวินเลยทีเดียว

“งั้นข้าคงต้องหาอะไรไปช่วยงานของท่านพี่เสียแล้ว”ชิงจื่อว่าพลางเดินไปค้นหาแผ่นกระดาษแผ่นหนึ่งออกมาจากกองกระดาษบนโต๊ะทำงานของมันเอง

“ไม่ต้องหรอก ข้าอยากจะจัดงานเล็กๆก็พอ”ชิงชิวว่าพลางโบกมือไปมาเหมือนจะบอกว่าเรื่องแค่นี้เองไม่ต้องกังวลไปหรอก

“หึ…งานแต่งขององค์หญิงไป๋หลินงั้นหรือ ข้าไม่เชื่อหรอกว่ามันจะกลายเป็นงานเล็กๆไปได้”ชิงจื่อว่าพลางนำกระดาษใบหนึ่งออกมาวางบนโต๊ะ ก่อนจะเริ่มเขียนอะไรเพิ่มเติมลงไปช้าๆ

“นั่นสิ ข้าก็ไม่เชื่อหรอกว่ามันจะเป็นงานเล็กๆ”อยู่ๆที่ด้านหลังของชิงชิวก็ปรากฏร่างของผู้หญิงคนหนึ่งเดินเข้ามาด้วยท่าทีสง่าผ่าเผยเป็นอย่างมาก ทำเอาชิงชิวที่อยู่ในห้องของชิงจื่อสะดุ้งโหยงทันที

“องค์จักรพรรดินีหลิว”ชิงชิวหันกลับไปหาหลิวเมิ่งที่พึ่งเข้ามาในห้องพอดี ท่าทางนางจะได้ยินเรื่องงานแต่งของมันกับไป๋หลินเสียแล้ว

“แปลกจังเลยนะ งานมงคลเช่นนี้ทำไมข้าไม่ได้รับเชิญกัน”หลิวเมิ่งว่าพลางปล่อยจิตสังหารออกมาทางชิงชิวเสียอย่างนั้น ก่อนหน้านี้ไป๋จูเหวินโยนงานของจักรพรรดิมาให้นางจัดการยังไม่ได้คิดบัญชีเลย ตอนนี้มันจะแต่งงานบุตรสาวกลับไม่ชวนนางสักคำ นี่มันตั้งใจหลบหน้านางชัดๆ

“เรื่องนั้นน่าจะเป็นเพราะจดหมายล่าช้าเป็นแน่ขอรับ”ชิงชิวว่าพลางยิ้มเจื่อนๆออกมา

“พวกเจ้ามีอสูรปักษาเอาไว้ส่งจดหมายเป็นการส่วนตัวแล้วยังล่าช้าได้อีกงั้นหรือ”หลิวเมิ่งว่าพลางเท้าเอวด้วยท่าทีไม่พอใจ รู้หรือไม่ว่างานจักรพรรดินีของอาณาจักรไป๋มันหนักแค่ไหน ถึงนางจะฝึกฝนพลังวิญญาณเพื่อยืดอายุขัยแล้ว แต่นางก็ยังรู้สึกแก่ขึ้นหลายปีเลยเมื่อเจองานที่โถมเข้ามา

“ไม่ต้องกังวลไปหรอกขอรับ เอาไว้ข้าจะกลับไปเร่งจดหมายของท่านเอง”ชิงชิวว่าพลางยิ้มเจื่อนๆออกมา ไม่นึกว่าหลิวเมิ่งจะมาหาชิงจื่อเอาวันนี้พอดี ก็ไม่ใช่ว่าพวกไป๋จูเหวินจะไม่อยากชวนนางหรอกนะ แต่พวกมันอยากจะส่งจดหมายเชิญไปตอนใกล้ๆวันแต่งอีกหน่อยเพราะไป๋จูเหวินยังยุ่งอยู่กับการจัดงานแต่ง หากหลิวเมิ่งทราบว่าไป๋จูเหวินกลับมาแล้ว นางต้องพยายามมาพบไป๋จูเหวินเพื่อสะสางเรื่องตำแหน่งจักรพรรดิที่ค้างคาอยู่เป็นแน่

“ไม่ต้อง…”หลิวเมิ่งว่าพลางมองไปทางชิงจื่อช้าๆ ก่อนหน้านี้มันพึ่งยิงดาวเทียมขึ้นไปบนชั้นบรรยากาศได้สำเร็จ ทำให้สามารถพัฒนาระบบสื่อสารได้กว้างไกลยิ่งขึ้น อีกไม่นานการใช้งานโทรศัพท์ก็จะแพร่หลายไปยังอาณาจักรอื่นๆแล้ว ขอเพียงติดตั้งเสารับส่งสัญญาณเพิ่มอีกนิดหน่อยเท่านั้น

“เอานี่ไป แล้วบอกไป๋จูเหวินด้วยว่าข้าจะส่งคนไปติดตั้งเสารับส่งสัญญาณในเขตอสูรผาไร้ก้น”หลิวเมิ่งว่าพลางส่งโทรศัพท์ให้ชิงชิว ทำเอาชิงชิวได้แต่รับปากเท่านั้น

“อีกไม่นานข้าก็จะสามารถพูดคุยกับเจ้าได้โดยไม่ต้องเดินทางมาแล้วสินะ”ชิงชิวว่าพลางมองโทรศัพท์ในมือตนเองด้วยท่าทีชื่นชม นี่คือสิ่งประดิษฐ์ที่น้องชายมันคิดขึ้นงั้นหรือ

“ยอดเลยใช่ไหมล่ะ ท่านจะกราบไหว้บูชาข้าก็ได้นะ”ชิงจื่อว่าพลางยิ้มออกมา แม้มันจะหยอกล้อพี่ชายมันเล่นเท่านั้น แต่ประชาชนทั่วไปกลับกราบไหว้บูชามันจริงๆ หากมันหายตัวไปเหมือนไป๋จูเหวินมีหวังได้มีรูปปั้นเอาไว้สำหรับกราบไหว้บูชาแพร่ออกไปเหมือนไป๋จูเหวินแน่ๆ

“จริงสิ ข้าจะใช้เจ้านี่ในงานแต่งของท่านด้วย”ชิงจื่อว่าพลางเอากระดาษที่มันดึงออกมาจากโต๊ะก่อนหน้านี้ส่งไปให้ชิงชิวดู สิ่งที่อยู่ในกระดาษนั้นเป็นสิ่งประดิษฐ์ใหม่ที่ยังไม่ได้นำออกมาให้ชาวโลกได้เห็น แต่ชิงจื่อก็ทำเสร็จไปแล้วกว่า 8 ใน 10 ส่วน ในเวลา 1 เดือนข้างหน้าคงสามารถทำเสร็จได้ทันพอดี

“มันคืออะไรกัน”ชิงชิวถามพลางขมวดคิ้วสงสัย แม้จะเอาแบบแปลนมาให้ดู แต่ชิงชิวก็ดูไม่รู้เรื่องแม้แต่น้อย

“มันเป็นอุปกรณ์ที่จะส่งภาพและเสียงออกไปในระยะไกลยังไงล่ะ”ชิงจื่อว่าพลางยิ้มกว้าง มันรับรองได้เลยว่าแขกที่จะมาร่วมงานแต่งขององค์หญิงไป๋หลินและพี่ชายของมันนั้นต้องมากันจนเมืองร้อยแปดอสูรแน่นขนัดแน่ๆ และการจะให้แขกจำนวนมากขนาดนั้นเข้าไปในสถานที่จัดงานพร้อมกันก็คงเป็นเรื่องยาก ชิงจื่อจึงวางแผนจะติดตั้งจอภาพและลำโพงเอาไว้ทั่วเมืองเพื่อฉายภาพงานแต่งของชิงชิวให้คนที่มาร่วมงานทั้งหมดได้ดูจากระยะไกล นอกจากจะทำให้งานแต่งผ่านไปได้อย่างราบรื่นแล้ว ชิงจื่อยังได้อวดสิ่งประดิษฐ์ใหม่ให้กับสายตาของชาวโลกอีกด้วย นับว่าได้ผลกำไรกันทั้งตู่เลยทีเดียว

“ฟังดู อลังการจังเลยนะ”ชิงชิวกลืนน้ำลายลงคอช้าๆ นอกจากหลิวเมิ่งจะทราบเรื่องงานแต่งแล้ว ไป๋จูเหวินก็ต้องบอกเรื่องนี้ให้คนในครอบครัวทราบ นั่นหมายความว่าราชวงศ์ชินและราชวงศ์อู๋ย่อมมาแน่ๆ ไหนจะแขกจากต่างแดนอย่างพวกรูบี้และเพิร์ลอีกต่างหาก ยามนี้เป็นอย่างที่ชิงจื่อพูดไม่มีผิด แม้แต่ชิงชิวก็คิดไม่ออกแล้วว่างานแต่งของมันจะเป็นงานเล็กๆได้อย่างไร

“งั้นข้าขอตัวก่อน สิ่งประดิษฐ์ชิ้นนี้ยังไม่สมบูรณ์ดี ข้าคงต้องทำให้เสร็จก่อนจะเริ่มงาน”ชิงจื่อพูดพลางไล่ชิงชิวกลับไปเสียอย่างนั้น ท่าทางไฟในการทำงานของมันจะลุกโชนเสียแล้ว

.

.

“ท่านพ่อ พวกเราจะไปไหนกันหรือขอรับ”อีกด้านหนึ่ง ไป๋จูล่งที่พึ่งกลับมาถึงบ้านก็โดนไป๋จูเหวินผู้เป็นพ่อพาออกมาข้างนอกอีกรอบแทบจะทันที แน่นอนว่าก่อนหน้านี้ไป๋จูล่งโดนมารดาของมันดุเรื่องกลับบ้านช้าไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่เมื่อได้ทราบว่าจูล่งเดินทางไปส่งท่านตาคนหนึ่งที่ขึ้นรถไฟไม่เป็นเหม่ยหลินก็ได้แต่ให้อภัยและปล่อยให้จูล่งไปกับไป๋จูเหวินเสียแต่โดยดี ส่วนนางนั้นเดินทางไปที่เมืองร้อยแปดอสูรเพื่อเตรียมตัวเรื่องงานที่กำลังจะจัดขึ้นในเดือนข้างหน้า

“พี่สาวเจ้าบอกเจ้าแล้วใช่หรือไม่ว่านางกำลังจะแต่งงาน”ไป๋จูเหวินถามพลางมองมาทางไป๋จูล่งด้วยท่าทีเอ็นดู ตอนนี้พวกมันกำลังอยู่บนหลังของน้าไก่ฟ้าเพื่อเดินทางไปยังอาณาจักรไชน์นั่นเอง

“ขอรับ พี่สาวบอกข้าแล้ว”ไป๋จูล่งตอบพลางพยักหน้าช้าๆ ทันทีที่มาถึงพี่สาวของมันก็บอกข่าวเรื่องนางกำลังจะแต่งงานให้จูล่งทราบก่อนที่ตัวนางจะเดินทางไปอาณาจักรชินในวันรุ่งขึ้นพอดี

“พ่อมีเพื่อนอยู่ในสถานที่ที่ไกลมากๆ แต่มันคงไม่ยอมพลาดงานแต่งของพี่สาวเจ้าแน่ๆพ่อก็เลยจะไปบอกข่าวและพามันมาพักที่บ้านของพวกเรายังไงล่ะ”ไป๋จูเหวินตอบพลางชี้ให้จูล่งดูทะเลที่ท่านน้าไก่ฟ้ากำลังบินผ่าน นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ไป๋จูล่งได้เห็นทะเล ทำเอามันตื่นเต้นไม่น้อย แถมพอได้ทราบว่าสหายของท่านพ่ออยู่ในอาณาจักรที่ไกลมากๆมันก็ยิ่งตื่นเต้นเข้าไปใหญ่

คลืนนนนน….. อยู่ๆที่ด้านหน้าของไก่ฟ้าหงอนทองก็ปรากฏเงาสีดำพาดยาวจากทะเลขึ้นมาจนถึงท้องฟ้า ทำเอาไก่ฟ้าหงอนทองต้องชะลอความเร็วเพื่อไม่ให้ชนคอของอสูรเต่ายักษ์เสีย

“……….”อสูรเต่ายักษ์มองมาทางไป๋จูล่งด้วยดวงตาขนาดใหญ่ที่ฉายประกายตกใจ หากมองดีๆจะพบว่านอกจากน้ำทะเลที่เกาะอยู่ตามผิวหนังของมันแล้วยังมีเหงื่อไหลออกมาจากร่างของมันอีกด้วย

“เจ้าเด็กนี่มันอะไรกัน”อสูรเต่ายักษ์ถามพลางกะพริบตาปริบๆด้วยท่าทีตกใจ ครู่หนึ่งก่อนหน้านี้มันรู้สึกเหมือนอสูรแมงมุมบุกมาไม่มีผิด

“บุตรชายของข้าเองขอรับท่านลุง”ไป๋จูเหวินตอบพลางยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยน

“หระ เหรอ…….”อสูรเต่ายักษ์ตอบพลางถอนหายใจเล็กน้อย ระดับพลังขนาดนี้มันนึกว่าเป็นอสูรแมงมุมเสียอีก แต่เจ้าหนูนี่เป็นบุตรชายของไป๋จูเหวิน ก็หมายความว่าเป็นหลานของอสูรแมงมุมด้วยเช่นกัน จะมีพลังของอสูรแมงมุมแฝงมาบ้างก็ไม่แปลกเพราะไป๋จูเหวินกลืนแก่นอสูรของอสูรแมงมุมเข้าไป แต่ทั้งกลิ่นอายและความรู้สึกกลับเหมือนกันอย่างกับแกะเช่นนี้ทำเอาอสูรเต่ายักษ์ใจหายไปเช่นกัน

“เจ้าหนู….เจ้าไม่ทำร้ายข้าใช่หรือไม่”อสูรเต่ายักษ์ถามพลางกลืนน้ำลายลงคอ หากเจ้าหนูนี่เหมือนอสูรแมงมุมละก็ มีหวังได้วุ่นวายกันอีกแน่

“ท่านเป็นท่านลุงของท่านพ่อ ก็หมายความว่าเป็นท่านปู่ของข้านี่ขอรับ ข้าไม่ทำอะไรท่านหรอก”จูล่งตอบพลางยิ้มกว้าง ทำเอาอสูรเต่ายักษ์ถอนหายใจอย่างโล่งอก

“เด็กดีๆ”อสูรเต่ายักษ์ชมจูล่งช้าๆพลางขอบคุณพระเจ้าในใจ อย่างน้อยจูล่งก็พูดจากันรู้เรื่องไม่เหมือนยัยแมงมุมนั่น