ตอนที่ 86-5 เป็นลูกของเหลียนจิ่น

จำนนรักชายาตัวร้าย

“ได้ๆ!”

 

 

ซย่าโหวจวินอวี่รีบตอบตกลงสามครั้งอย่าวรวดเร็ว

 

 

“เช่นนั้นก็ไม่ต้องพิธีรีตองใดๆ อีก เสี่ยวอวี้ เรื่องนี้รบกวนเจ้าแล้ว!”

 

 

กล่าวจบซย่าโหวจวินอวี่ก็มองไปที่ซย่าโหวเสวี่ย สวีหมัวมัวและหมอหลวงหวัง

 

 

“ข้าอยากจะรู้ว่าใครกันแน่ ที่โกหกข้า!”

 

 

เมื่อครู่ซย่าโหวจวินอวี่ยังอ่อนโยนกับอวี้เฟยเยียนอยู่เลย มาตอนนี้คิ้วขมวดเป็นเส้นตรง จิตวิญญาณของความเป็นจักรพรรดิเข้าร่างแล้ว กลายเป็นฮ่องเต้ที่สูงส่งทันที

 

 

ฝ่าบาท พระองค์กำลังมีจิตใจที่โอนเอนใช่หรือไม่เพคะ

 

 

ใครๆ ต่างก็บอกว่า จะหน้ามือหรือหลังมือต่างก็เป็นเลือดเนื้อ แต่เมื่อได้พบกับลูกสะใภ้ ราวกับว่าพระองค์ไม่ต้องการหน้ามือหรือหลังมืออีกต่อไปแล้ว!

 

 

ในใจของเซี่ยงจิ้นกำลังครุ่นคิด

 

 

“ไม่นะ เสด็จแม่ช่วยลูกด้วย นางไม่หวังดีกับลูก นางจะต้องให้ร้ายลูกเป็นแน่!”

 

 

ซย่าโหวเสวี่ยหวาดกลัวอวี้เฟยเยียนเช่นนี้ หลิวฮองเฮาจึงทำได้เพียงแต่ยืนขวางกั้นระหว่างคนทั้งสอง นางยังมิทันได้เอ่ยปากขอร้องแทน ซย่าโหวจวินอวี่ก็ส่งสายตาคมกริบกลับมา

 

 

“ฮองเฮา ข้าต้องการรู้ความจริง!”

 

 

ความจริง!

 

 

เมื่อได้ยินคำๆ นี้ ในใจของหลิวฮองเฮาก็สั่นระรัว

 

 

ความจริงเป็นเช่นไร ถึงแม้ว่านางไม่แน่ใจ แต่ก็เดาได้แปดเก้าส่วนแล้ว

 

 

หากว่ามีเพียงแค่กล่าวอ้างของหมอหลวงหวังเพียงคนเดียว ซึ่งนางยังมีวิธีที่จะทำให้เขามิอาจกลับตัวขึ้นมาได้อีก แต่อวี้หลัวช่าเป็นถึงจักรพรรดิโอสถนะสิ!

 

 

ในขณะที่หลิวฮองเฮากำลังลังเลอยู่นั่นเอง อวี้เฟยเยียนก็เดินมาถึงตัวซย่าโหวเสวี่ย

 

 

“เจ้าถอยไปนะ เจ้าต้องมาเยาะเย้ยข้าเป็นแน่!”

 

 

อาการโวยวายของซย่าโหวเสวี่ย ในสายตาอวี้เฟยเยียนเป็นเพียงเรื่องเหลวไหลทั้งเพ

 

 

องค์หญิงสโนวไวท์ สติปัญญาของท่านมันหายไปแล้วหรืออย่างไร

 

 

คิดจะใช้ความผิดเหลวไหลทั้งเพมากล่าวโทษข้า คิดว่าฝ่าบาทจะทรงเชื่อหรือ

 

 

“องค์หญิง ล่วงเกินแล้ว!”

 

 

เมื่อเห็นว่าซย่าโหวเสวี่ยไม่ให้ความร่วมมือ อวี้เฟยเยียนจึงสกัดจุดนาง แล้วจึงยืนมือออกไปตรวจชีพจรของนาง

 

 

เพียงแค่ตรวจ อวี้เฟยเยียนก็รู้เหตุผลทันที

 

 

เห็นที เด็กคนนี้คงจะเกิดที่เมืองเฟิ่งหมิง…

 

 

“เป็นอย่างไร”

 

 

ซย่าโหวจวินอวี่ถามขึ้นอย่างรอคอยคำตอบ

 

 

เมื่อคิดถึงว่าเมื่อครู่ซย่าโหวเสวี่ยเสียมารยาทกับนาง อวี้เฟยเยียนก็ยิ้มออกมาแล้วปล่อยมือ นางคลายจุดให้กับซย่าโหวเสวี่ยแล้วก็ยกมือกำแนบที่หว่างอกกล่าวว่า

 

 

“ขอแสดงความยินดีกับฝ่าบาทด้วยเพคะ ยินดีด้วยเพคะ! พระองค์จะทรงเป็นเสด็จตาแล้ว!”

 

 

“หา…”

 

 

เซี่ยงจิ้นเกือบจะกระอักเลือดออกมา

 

 

ใต้เท้าอวี้หลัวช่า ท่านมิเพียงแต่วิชาแพทย์สูงส่ง แต่ไม้อ่อนที่แหลมคมของท่านก็ใช้ได้อย่างดีเยี่ยม! ดูสิไม้นี้ ยอดเยี่ยมเลย!

 

 

หมอหลวงหวังที่คุกเข่าอยู่บนพื้น ก็พลอยหัวเราะจนแทบจะปัสสาวะเล็ด

 

 

คงมีเพียงแต่ใต้เท้าอวี้หลัวช่าที่กล้าพูดกับฝ่าบาทเช่นนี้

 

 

ขอแสดงความยินดีกับฝ่าบาท ยินดีด้วย

 

 

ใต้เท้าอวี้หลัวช่า ท่านช่างมีอารมณ์ขันยิ่งนัก ทั้งมีความรู้ และมีวุฒิภาวะทางอารมณ์สูง!

 

 

คราวนี้เป็นซย่าโหวฉิงเทียนที่ภาคภูมิใจเหลือเกิน สมกับเป็นแมวน้อยของพี่ ไม่ให้ใครมารังแกได้ง่ายๆ!

 

 

เมื่อเทียบผู้อื่นที่ยินดีเสียจนแทบจะบ้า ทว่าซย่าโหวจวินอวี่กลับเคร่งเครียด สีหน้ามิสู้ดี

 

 

“เสด็จพ่อ นางใส่ร้ายลูก……”

 

 

ซย่าโหวเสวี่ยกล่าวยังมิทันจบ ซย่าโหวจวินอวี่ตบหน้านางฉาดใหญ่จนซย่าโหวเสวี่ยล้มลงบนพื้น

 

 

“สารเลว! มาถึงขนาดนี้แล้ว เจ้ายังมีหน้ามาแก้ตัวอีกหรือ! เสี่ยวอวี้ทำไมถึงจะต้องให้ร้ายเจ้า เจ้ามีอะไรคู่ควรให้นางต้องใส่ร้าย!”

 

 

นี่เป็นครั้งแรกที่ซย่าโหวเสวี่ยถูกผู้เป็นบิดาตบหน้า

 

 

ซึ่งซย่าโหวจวินอวี่ก็ไม่ถนอมน้ำใจ ดวงตาคู่นั้นจ้องเขม็ง น่าหวาดกลัวยิ่งนัก

 

 

“เสด็จแม่ช่วยลูกด้วย!”

 

 

มุมปากซย่าโหวเสวี่ยมีเลือดซึมออกมา นางคลานเข้าไปกอดขาหลิวฮองเฮา แต่ฮ่องเต้กลับสั่งให้คนมาลากฮองเฮาออกไป

 

 

“เด็กๆ ส่งฮองเฮากลับตำหนัก! ต่อแต่นี้ไปหากไม่มีตำสั่งจากข้า ห้ามให้ฮองเฮาออกจากตำหนัก! และห้ามใครเข้าเยี่ยม!”

 

 

ในเวลานั้นซย่าโหวจวินอวี่โกรธเกรี้ยวเป็นอย่างมาก

 

 

สวีหมัวมัวเป็นแม่นมของเขาเอง ลึกๆ แล้วเขายังเห็นนางเป็นเสมือนญาติสนิทก็ไม่ปาน

 

 

คิดไม่ถึงว่าฮองเฮาจะฝีมือสูงส่ง กระทั่งบุคคลที่เขาเชื่อใจที่สุดก็ยังซื้อตัวไปได้ ชักจะมากเกินไปแล้ว!

 

 

ในตอนนั้น ซย่าโหวจวินอวี่ผิดหวังอย่างรุนแรง

 

 

ไม่ว่าจะกับทั้งสวีหมัวมัว และฮองเฮาหลิว

 

 

ก่อนหน้านี้ที่เขาเห็นแก่ความดีในอดีตของฮองเฮาหลิว มาถึงตอนนี้ความดีเหล่านั้นมลายหายไปจนหมดสิ้น เพราะการโกหกหลอกลวงและการที่นางหลอกใช้สวีหมัวมัว

 

 

การลงโทษหลิวฮองเฮาเช่นนี้จากฮ่องเต้ สำหรับนางแล้วเหมือนดั่งฟ้าผ่ากลางวันแสกๆ

 

 

นี่จะขังลืมนางอย่างนั้นหรือ

 

 

กักขังนาง มิให้นางสัมผัสโลกภายนอกได้อีก ทำเช่นนี้มันน่าหวาดกลัวเสียยิ่งกว่าถูกส่งเข้าตำหนักเย็นเสียอีก!

 

 

“ฝ่าบาท…”

 

 

“เซี่ยงจิ้น เจ้าหูหนวกหรืออย่างไร!”

 

 

ไม่เปิดโอกาสให้หลิวฮองเฮาได้กล่าวอะไรอีก ซย่าโหวจวินอวี่ก็ตะโกนขึ้น

 

 

“มัดฮองเฮากลับตำหนัก!”

 

 

“พ่ะย่ะค่ะ รับด้วยเกล้า!”

 

 

เซี่ยงจิ้นคือบ่าวที่ซื่อสัตย์และภักดีของฮ่องเต้ ในเมื่อซย่าโหวจวินอวี่ใช้คำว่า ‘มัด’ เซี่ยงจิ้นจึงหยิบเอาเชือกมาแล้วมัดฮองเฮาหลิวอย่างแน่นหนา

 

 

เพื่อป้องกันมิให้หลิวฮองเฮาร้องเอะอะโวยวาย เซี่ยงจิ้นจึงใส่ใจนางด้วยการอุดปากนางด้วยผ้าอีกชั้น

 

 

จากนั้นเขาจึงกวักมือ ขันที่แสนซื่อสองคนก็วิ่งเข้ามา แบกร่างหลิวฮองเฮาขึ้นบ่าออกไปทันที

 

 

ซย่าโหวฉิงเทียนพึงพอใจกับการกระทำของเซี่ยงจิ้นเป็นอย่างมาก

 

 

นึกไม่ถึงว่าขันทีจอมฮานี่ก็ไหวพริบเช่นกัน ไม่เลว!

 

 

“บอกมาว่า เด็กเป็นของใคร”

 

 

ซย่าโหวจวินอวี่เดินมาหยุดที่เบื้องหน้าซย่าโหวเสวี่ย จ้องมองนาง

 

 

“มารหัวขนเป็นของใครกัน!”

 

 

ถูกภรรยา บุตรสาว แม่นมของตัวเองโกหกหลอกลวงพร้อมๆกัน หัวใจของซย่าโหวจวินอวี่บอบช้ำย่ำแย่อย่างยิ่ง ในตอนนี้เขาอยากรู้ที่สุดว่าใครกันที่เป็นพ่อของเด็กในท้องซย่าโหวเสวี่ย

 

 

“คือ…คือ… “

 

 

เสด็จพ่อที่ดุดันโหดร้ายซย่าโหวเสวี่ยไม่เคยเห็นมาก่อน

 

 

นางหวาดกลัวเป็นอย่างยิ่ง!

 

 

ในขณะที่หวาดกลัวอย่างที่สุดอยู่นั้น ซย่าโหวเสวี่ยถอยร่นไปด้านหนึ่ง ใบหน้าเรียบเฉยของนางจ้องมองไปที่อวี้หลัวช่า มือของนางกำแน่นจนเล็บจิกลงบนเนื้อที่ฝ่ามือ

 

 

อวี้หลัวช่า เจ้าให้ร้ายข้าถึงเพียงนี้ มิใช่เพราะเจ้าอยากครอบครองพี่ชายเหลียนหรอกหรือ

 

 

ข้าจะไม่ให้เจ้าได้สมหวัง

 

 

“เด็กเป็นลูกของเหลียนจิ่น”