ตอนที่ 584 แม่ผมอยากจะมา / ตอนที่ 585 ลี่เจินมาถึง

(Yaoi) เดิมพันอันตรายคุณชายจอมเจ้าเล่ห์

ตอนที่ 584 แม่ผมอยากจะมา

 

 

           ตอนนั้นเขาหยิ่งทะนงตัวหัวสูง มีแต่ใจที่ต้องการจะหลุดพ้นออกจากครอบครัวนี้

 

 

           สุดท้ายเขาก็ยากจนถึงขั้นที่ว่าแม้แต่ข้าวก็ไม่มีให้กิน แต่ว่าก็คุ้มค่าที่จะโอ้อวดได้บ้าง อย่างน้อยเขาได้แบกมันไปจนถึงที่สุด แล้วก็ไม่ได้ไปแบมือขอเงินที่บ้านด้วยเช่นกัน

 

 

           การลงทุนของเขาเริ่มมีทิศทางดีขึ้น มีผลตอบแทนกลับมาบางส่วนแล้ว

 

 

           มั่วไป๋จินตนาการภาพแบบนั้นของไป๋จิ่งว่าจะเป็นอย่างไรได้ยากมาก ในความทรงจำของเขา ตั้งแต่ครั้งแรกที่เขาเจอไป๋จิ่ง เขาก็รู้สึกเหมือนว่าไป๋จิ่งพกความมั่นใจมาโดยธรรมชาติของตัวเองอยู่แล้ว

 

 

           ราวกับว่าเรื่องทั้งหมดสำหรับไป๋จิ่งแล้ว ไม่มีสิ่งไหนที่ทำได้ไม่ได้

 

 

           แล้วก็เป็นแวบแรกนั้นเอง เขาหมดหนทางจะควบคุมตัวเอง เขาชอบไป๋จิ่งเข้าจนได้

 

 

           ตอนนั้นสำหรับเขาแล้วไป๋จิ่งนับว่าเป็นรักแรกพบ

 

 

           “แล้วพ่อแม่นายล่ะ”

 

 

           มั่วไป๋รู้ว่าตัวเองไม่ควรจะเอ่ยปากถามคำถามนี้ แต่ไม่รู้ว่าทำไม นาทีนั้นมั่วไป๋กลับเหมือนควบคุมตัวเองไม่ได้แล้วถามออกมา

 

 

           “พ่อกับแม่ผมเลิกกันไปตั้งนานแล้ว ต่อมาพ่อผมเกิดอุบัติเหตุเสียชีวิต ก็เลยเหลือแค่ผมกับแม่…

 

 

           …พ่อผมทิ้งเงินไว้ให้ก้อนหนึ่ง…” ไป๋จิ่งหยุดสักพัก “คงจะเป็นเงินก้อนใหญ่มาก…

 

 

           …แต่ว่าผมไม่อยากได้เงินของเขา ดังนั้นจึงเอาเงินทั้งหมดให้แม่ผม แล้วผมก็เรียนไปด้วย ลงทุนหาเงินไปด้วย”

 

 

           ไป๋จิ่งไม่ได้พูดอะไรมากมาย แต่ว่ามั่วไป๋ก็เข้าใจได้ประมาณหนึ่งจากคำพูดไม่กี่คำของเขา

 

 

           มั่วไป๋หยุดสักพัก ไม่ได้พูดอะไร แต่ยื่นมือไปหยิบนมขึ้นมาดื่ม

 

 

           ไป๋จิ่งคิดแล้วก็พูดขึ้น “ใช่แล้ว ลืมบอกคุณไปเลย วันนี้แม่ผมอยากจะมาเยี่ยมดูพวกเราที่นี่”

 

 

           มั่วไป๋กำลังดื่มนมอยู่ ผลปรากฏว่าเมื่อได้ยินคำพูดนี้ของไป๋จิ่ง เขาก็พ่นนมออกมา

 

 

           เขาเองก็ไม่มีเวลามาสนใจเรื่องสะอิดเอียนหรือว่าไม่ เขารีบดึงกระดาษทิชชูออกมาปิดปากสำลักไออย่างรุนแรง

 

 

           ไป๋จิ่งเห็นเหตุการณ์แล้วก็รีบพุ่งตัวเข้าไปอยู่ข้างๆ มั่วไป๋ เอ่ยถามด้วยความตื่นตระหนก “ไม่เป็นไรใช่ไหม”

 

 

           เพราะว่าไอ ใบหน้ามั่วไป๋จึงแดงจัดไปทั่วทั้งหมด เขาไอจนพูดไม่ออกแม้สำคำ คนทั้งคนเอามือปิดปาก ไอจนรู้สึกแย่ไปหมด

 

 

           ไป๋จิ่งยืนอยู่ข้างๆ ยื่นมือไปตบหลังมั่วไป๋เบาๆ ให้เขาหายใจได้สะดวกขึ้น

 

 

           ผ่านไปสักพัก มั่วไป๋ถึงค่อยๆ หยุดลงอย่างช้าๆ เขาเห็นของที่เรี่ยราดอยู่เต็มบนโต๊ะ พลางมองไป๋จิ่งที่อยู่ข้างตัว เขาก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ

 

 

           เขาเอื้อมมือไปดึงกระดาษทิชชูมาหลายแผ่น เก็บกวาดของที่เรี่ยราดสักพัก

 

 

           ไป๋จิ่งกดมือเขาไว้ “ไม่เป็นไร คุณปล่อยเถอะ เดี๋ยวผมจัดการเอง”

 

 

           ตอนนี้ที่เขาอยู่ต่อหน้าไป๋จิ่งก็วางตัวไม่ถูกแล้ว จะให้ไป๋จิ่งมาทำความสะอาดให้อีก มั่วไป๋รู้สึกว่าตัวเองจะวางตัวไม่ถูกถึงขั้นโงหัวไม่ขึ้นได้

 

 

           เขาเอื้อมมือไปดึงมือไป๋จิ่งออก ค่อยๆ ทำความสะอาดจนเสร็จไปอย่างช้าๆ หลังจากที่ทิ้งกระดาษทิชชูลงถังขยะด้านข้างทันทีแล้ว ถึงค่อยได้เอ่ยถามขึ้น “นาย…เมื่อกี้พูดว่าอะไรนะ”

 

 

           “แม่ผมรู้ว่าคุณอยู่ที่นี่ เลยอยากเข้ามาสักหน่อย”

 

 

           มั่วไป๋แน่ใจอีกครั้งหนึ่งแล้ว รู้สึกว่าตัวเองไม่ได้ฟังผิดไปแล้วจริงๆ

 

 

           สมองเขาชักจะว้าวุ่นแล้ว เขาไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรกับไป๋จิ่งทั้งสิ้น แม่ไป๋จิ่งอยากจะมา…

 

 

           ‘ไป๋จิ่งจะแนะนำตัวเขายังไง…

 

 

           …บอกว่าเขาคือเพื่อน…ที่ไป๋จิ่งแอบพาตัวมาเหรอ’

 

 

           สีหน้ามั่วไป๋สงบนิ่ง แต่ที่จริงในใจเขากำลังคลุ้มคลั่ง ความคิดหลากหลายกำลังวกไปวนมาอยู่ในหัวเขา

 

 

           มั่วไป๋กดเอาไว้ไม่อยู่แล้วจริงๆ เขาหมดหนทางจะทำให้ตัวเองทำเป็นนิ่งเฉยต่อไปได้แล้ว

 

 

           เขาแทบจะตะโกนออกมาแล้ว “นายเป็นบ้าหรือไง อะไรคือการเรียกแม่นายมาหาฉัน”

 

 

           ‘ระหว่างพวกเรามีความสัมพันธ์กันเหรอ’

 

 

           มั่วไป๋รู้สึกว่าตัวเองไม่สามารถเข้าใจวงจรสมองของไป๋จิ่งได้แล้วจริงๆ

 

 

           ไป๋จิ่งทำไขสือมองเขาอยู่ในที “สองวันก่อนผมไปหาแม่อยู่ทางนั้น ก็เลยถือโอกาสบอกเรื่องคุณกับท่านด้วย”

 

 

           “ถือโอกาส…นาย ท่าน นายถือโอกาสพูดยังไงเหรอ”

 

 

           ไป๋จิ่งลูบปลายจมูกปอยๆ ไม่พูดจา

 

 

 

 

ตอนที่ 585 ลี่เจินมาถึง

 

 

           มั่วไป๋อดไม่ได้ที่จะมองบนใส่ไป๋จิ่ง เขาหันหลังมุ่งหน้าจะเดินไปข้างนอก

 

 

           ‘เวลานี้ยังไม่ไป จะรอเจอแม่ไป๋จิ่งหรือไง’

 

 

           “มั่วไป๋…”

 

 

           พอไป๋จิ่งเห็นเขาต้องการจะเดินหนีไป จึงรีบเอื้อมมือไปจะดึงตัวมั่วไป๋ไว้ เวลานี้ที่ประตูทางเข้ามีเงาร่างของคนคนหนึ่งรีบวิ่งเข้ามา

 

 

           ขณะที่เดินเข้ามาก็เอ่ยตะโกนดังลั่น “ไป๋จิ่ง ไป๋จิ่ง ลูกสะใภ้แม่อยู่ไหนแล้ว”

 

 

           ไป๋จิ่ง “…”

 

 

           มั่วไป๋ “…”

 

 

           ……

 

 

           มั่วไป๋อยากจะวิ่ง แต่ยังไม่ทันได้ออกพ้นประตูไป แม่ไป๋จิ่งก็มากั้นทางให้เขากลับมา

 

 

           เธอดูแลตัวเองดีมาก ดูไปแล้วเหมือนจะอายุไม่เกินสี่สิบกว่าปี ใบหน้ากลมมน ดูไปแล้วเหมือนเด็กสาวคนหนึ่ง ดึงดูดคนให้มาชอบได้เป็นพิเศษทีเดียว

 

 

           เดิมทีมั่วไป๋ยังอยากจะพูดอะไร แต่พอเห็นแม่ไป๋จิ่ง คำพูดอะไรเขาก็พูดไม่ออก

 

 

           แม่ไป๋จิ่งเห็นมั่วไป๋ เธอก็ทิ้งของในมือลงแล้ววิ่งเข้าไปทันที

 

 

           “นี่ก็คือมั่วไป๋ใช่ไหมล่ะ” เธอรั้งมือมั่วไป๋ไว้ด้วยความกระตือรือร้นเป็นอย่างยิ่ง “หน้าตาดูดีมากจริงๆ ดูดีกว่าไป๋จิ่งเจ้าคนระยำนั่นตั้งเยอะ”

 

 

           ไป๋จิ่งยืนอยู่ข้างๆ มุมปากกระตุกแล้วกระตุกอีก ใช่แม่แท้ๆ ของเขาจริงๆ ไหม

 

 

           ‘เรียกลูกชายตัวเองว่าเจ้าคนระยำแบบนี้มีด้วยเหรอ’

 

 

           มั่วไป๋ถูกเธอกุมมือไว้ ร่างกายแข็งทื่อโดยไม่ตั้งใจ ไม่รู้ว่าจะทำตัวอย่างไรกับแม่ไป๋จิ่งดี ชะงักงันไปพักใหญ่ ได้เพียงแค่เอ่ยเรียกเสียงต่ำ “สวัสดีครับคุณน้า”

 

 

           แม่ไป๋จิ่งจูงมั่วไป๋ด้วยความดีใจ “เรียกคุณน้าอะไรกัน เรียกว่าพี่สิ”

 

 

           มั่วไป๋ “…”

 

 

           ‘จะไม่เป็นการนับรุ่นที่มั่วกันหรอกเหรอ’

 

 

           ไป๋จิ่งเห็นเขาแบบนั้น เสียงต่ำอดไม่ได้ที่เอ่ยขึ้นอยู่ข้างๆ “ท่านกลัวแก่ ดังนั้นไม่ว่าเป็นใครก็จะให้เรียกเป็นพี่เหมือนกันหมด”

 

 

           มุมปากมั่วไป๋กระตุกขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว สุดท้ายก็ยังเอ่ยขึ้นมาอย่างว่าง่าย “พี่”

 

 

           ลี่เจินเห็นมั่วไป๋ ตรงไหนๆ ก็พอใจไปหมด ดูว่านอนสอนง่าย ทั้งยังดูดี ลูกชายของเธอชาติก่อนต้องไปทำบุญครั้งใหญ่มาแน่ ถึงได้หาเด็กที่น่าเอ็นดูขนาดนี้มาได้

 

 

           สองวันก่อนไป๋จิ่งไปหาเธอ พอมาถึงก็คุกเข่าลงต่อหน้าเธอทันที

 

 

           ทำเอาเธอตกอกตกใจ คิดว่าเกิดเรื่องใหญ่อะไร

 

 

           ผลปรากฏว่าไป๋จิ่งเอ่ยปากก็พูดว่า “แม่ครับ ผมชอบคนคนหนึ่งเข้าแล้ว”

 

 

           “มีคนที่ชอบก็เป็นเรื่องที่ดีนี่ ทำไมต้องคุกเข่าด้วย เป็นทางการขนาดนั้นเชียว”

 

 

           ไป๋จิ่งพูดอีก “เขาเป็นผู้ชายครับ”

 

 

           ลี่เจินหยุดชะงักไป “ผู้ชายเหรอ…” เขาลากหางเสียงยาว “หล่อไหม”

 

 

           ไป๋จิ่งหยิบมือถือออกมาวางอยู่ต่อหน้าลี่เจิน เป็นรูปถ่ายวันนั้นที่พวกเขาอยู่โรงหนังด้วยกัน

 

 

           เมื่อลี่เจินเห็น ดวงตาก็ลุกวาวในพริบตา “ได้ๆๆ”

 

 

           มุมปากไป๋จิ่งกระตุกแล้วกระตุกอีก ไม่ค่อยกล้าจะพูดต่อ ได้ๆๆๆ นี่หมายความว่าอะไรกัน

 

 

           ลี่เจินมองดูรูปถ่ายด้วยความชอบจนวางไม่ลง ในใจคิด สายตาของลูกชายคนนี้ของเธอใช้ได้เลย

 

 

           กว่าจะชอบคนคนหนึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ถึงแม้ว่าจะเป็นผู้ชาย แต่ก็หน้าตาดีจริงๆ

 

 

           หน้าตาดีก็ช่างเถอะ ยังเป็นเด็กที่น่าเอ็นดูขนาดนี้อีก เหมาะสมกับลูกชายเธอจะแย่แล้วจริงๆ

 

 

           “เจ้าลูกชาย แล้วเมื่อไหร่จะพาเขามาหาแม่ล่ะ”

 

 

           ไป๋จิ่งเห็นสีหน้าแบบนั้นของเธอ เขาก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยอีกประโยค “พามาไม่ใช่ปัญหา เพียงแต่ว่าตอนนี้ผมยังไม่ได้จัดการให้เสร็จดีครับ”

 

 

           ลี่เจินนั่งอยู่บนโซฟา สีหน้าบึ้งตึง เธอคว้าหมอนที่อยู่ใกล้ทุบใส่ไป๋จิ่ง

 

 

           ไป๋จิ่งเองก็ไม่กล้าหลบ ปล่อยให้เธอทุบตีอยู่อย่างนี้

 

 

           “ลูกนี้ไม่ได้เรื่องเลย แม้แต่ภรรยาก็ยังจัดการไม่ได้ ยังมีหน้ามาบอกแม่ว่ามีคนที่ชอบอีกเหรอ”

 

 

           ไป๋จิ่งทำหน้าหมดอาลัยตายอยาก นี่ใช่แม่แท้ๆ ของเขาจริงๆ ไหม

 

 

           ‘ด่าทอคนได้ตามใจชอบขนาดนี้เลยเหรอ’

 

 

           “ตอนนี้ไปถึงไหนแล้ว เมื่อไหร่ถึงจะพาลูกสะใภ้มาหาแม่ได้”

 

 

           ไป๋จิ่งลูบจมูกด้วยความเลิ่กลั่ก “ผมตัดสินใจว่าวันมะรืนจะไปโรงพยาบาลแอบพาตัวเขาออกมาครับ”